LOGINธามไทพาเขมมิกามาทานอาหารที่ร้านประจำของเขา ซึ่งร้านนี้อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศัลยกรรมของเวทัส เขาตั้งใจว่า หากไปส่งเขมมิกาแล้วคงจะกลับมาหาเพื่อนเพื่อพูดคุยระบายเรื่องศศิต่อ
“โห ร้านสวยมากเลยค่ะ”
เขมมิกามองบรรยากาศภายในร้านอย่างตกตะลึง จริงๆ ก็เคยเห็นร้านอาหารที่ตบแต่งได้สวยงามแบบนี้ผ่านละครทีวีอยู่หลายครั้ง แต่ลำพังเด็กอย่างเธอคงไม่มีปัญญาเข้ามาทานแน่นอน เพราะเงินที่มีทุกวันนี้ก็ใกล้ที่จะหมดเต็มที โชคดีที่โรงพยาบาลจ่ายค่าจ้างให้ แม้จะอยู่ในฐานะเด็กฝึกงานก็ตาม
“มีอะไรที่เธอจะไม่ทำท่าตะลึงแบบนั้นบ้าง ตื่นเต้นทุกอย่างในชีวิตมั้ง” ธามไทนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเด็กสาว ตอนนี้ เขาแอบอดคิดไม่ได้ว่าตนเองเหมือนโคแก่ที่พาหญ้าอ่อนมาหลอก ‘กิน’
“ก็มันสวยจริงๆ นี่คะ เค้กไม่ได้รวยเหมือนหมอนี่ที่จะได้เข้าร้านอาหารหรูๆแบบนี้จนชิน” หญิงสาววัยใสพูดยิ้มๆ ออกไปอย่างที่ตัวเองรู้สึก
“นี่คงเป็นเหตุผลที่เธอตื๊อฉันให้พามากินข้าวสินะ” ธามไทเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน สำหรับหมอหนุ่ม ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด เข้ามาเพราะอยากสบาย อยากมีของหรูๆ ใช้ และอยากได้เงินจากเขาทั้งนั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เค้กแค่อยากอยู่กับหมอธาม หมอจะพาเค้กไปกินข้าวข้างทาง เค้กก็ไปค่ะ” คนตัวเล็กรีบพูดปฏิเสธอย่างรวดเร็ว จริงอยู่ว่าเธอตื่นตาตื่นใจที่ได้เข้าร้านหรูแบบนี้ แต่ใช่ว่าจะเห็นมันสำคัญไปกว่าการได้อยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม อีกอย่าง เธอไม่ใช่พวกชอบคนที่ภายนอกอยู่แล้ว เหตุที่หลงรักหมอธามไท มันมาจากความเป็นคนจิตใจดีของเขาล้วนๆ
“อยากอยู่กับฉัน?” หมอหนุ่มเลิกคิ้วถาม ในที่สุดเขมมิกาก็เผลอหลุดปากยอมรับออกมาตรงๆ ว่าเธอแค่อยากอยู่กับเขา แม้มันจะไม่ได้เกินความคาดหมายของธามไทนัก แต่ก็อดสะใจไม่ได้ที่สุดท้าย เด็กสาวก็หลุดปากพูดความจริงออกมาเอง
“เอ่อ ค่ะ ก็หมอธามกำลังจะเป็นหัวหน้าเค้กอีกตั้งสองเดือน เค้กก็อยากรู้จักหมอให้มากขึ้น เผื่อว่าฝึกงานเสร็จ หมอจะใจดีจ้างเค้กทำงานต่อเลย” เขมมิกาแก้ตัวอย่างคนหัวไว
“หึ”
ธามไทไม่สนใจกับคำแก้ตัวของเด็กสาว หันไปสั่งอาหารด้วยความเคยชินเพราะมาที่ร้านนี้บ่อย จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าอาหารอะไรอร่อย
“หมอธามคงมาที่นี่บ่อยสินะคะ ดูคล่องเชียว” เขมมิกาเอ่ยถามต่อหลังจากที่เห็นว่าชายหนุ่มสั่งอาหารให้เสร็จเรียบร้อย ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาเธอตลอด
“อืม”
ชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กงานและไม่สนใจเด็กสาวที่นั่งตรงข้ามอีกเลย
“เอ่อ หมอคะ” เขมมิกาไม่ปล่อยในบรรยากาศเงียบอยู่นาน จึงกลั้นใจและเรียกหมอธามไทจนเขาตวัดสายตาดุมองเธออีกครั้ง
“นี่เธอจะอยู่เงียบๆ สักห้านาทีไม่ได้เลยใช่ไหม” ธามไทมองหน้าแม่สาวน้อยตัววุ่นด้วยสายตาตำหนิ แม้เขาจะหยิบมือถือขึ้นมาไถเล่นอย่างไม่มีอะไรทำก็ตาม แต่ใช่ว่าจะอยากคุยกับเขมมิกา
“ขอโทษค่ะ แต่เค้กมีเรื่องสงสัยอยากจะถามหมอนิดหน่อยค่ะ” เธอพูดด้วยความรู้สึกสำนึกผิด แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้ควรจะถามเอาไว้และเป็นสิ่งที่ตนเองควรรู้อย่างยิ่ง
“รีบถามมา”
ธามไทวางโทรศัพท์มือถือลงพร้อมกับจับจ้องดวงหน้าหวานไร้เครื่องสำอางของเขมมิกา จะว่าไป เธอก็เป็นเด็กหน้าตาดีคนหนึ่งจึงไม่แปลกที่หนุ่มน้อยใหญ่ที่โรงพยาบาลจะหมายปอง แต่แน่นอนว่าไม่ใช่คนอย่างเขา เพราะเขาไม่นิยม ‘กินเด็ก’
“คุณศศินี่เป็นใครเหรอคะ อย่าเพิ่งต่อว่าเค้กนะคะ เค้กแค่คิดว่า เรื่องนี้ เค้กควรรู้ไว้ การที่คุณศศิเข้ามาในห้องของหมอได้ขนาดนั้นก็แปลว่า เธอก็ต้องมีอำนาจในโรงพยาบาลมากพอ เค้กก็ควรที่จะรู้ไว้เพื่อจะได้ทำตัวถูกไม่ใช่เหรอคะ” เขมมิการีบพูดทันที เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทำท่าจะอ้าปากต่อว่าเธอ
“ศิเป็นลูกสาวของคุณสุนทร หุ้นส่วนโรงพยาบาล เวลาเจอ เธอก็ไหว้แค่นั้นละ ศิไม่ค่อยได้มาที่นี่หรอก” เมื่อเห็นว่าเหตุผลของเขมมิกาฟังดูไม่ไร้สาระ เขาจึงตอบเธอออกไป
“อย่างนี้นี่เอง คุณหมอกับคุณศศิก็คงจะเป็นคนรักกันสินะคะ” เขมมิกาค่อยๆ ถามออกไป พร้อมมองคนตรงข้ามอย่างพินิจพิเคราะห์
“ไม่ใช่ ฉันไม่มีแฟน แล้วก็ไม่ต้องถามอะไรอีก” หมอหนุ่มรีบตอบพร้อมกับตัดรำคาญทันที ใช่ว่าเขาจะแคร์เขมมิกา แต่ที่รีบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ใครๆ เข้าใจว่าตนเองกับศศิเป็นคนรัก
“ไม่ถามแล้วก็ได้ค่ะ อุ๊ย! อาหารมาแล้ว”
เขมมิกาหันไปมองอาหารที่ตอนนี้พนักงานเริ่มทยอยเสิร์ฟทีละอย่างสองอย่างจจนครบเต็มโต๊ะ
“โห นี่หมอแน่ใจนะคะว่าสั่งมาทานกันแค่สองคน” เอ่ยถามยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าธามไทสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะราวกับมากินกันห้าคน
“กินไม่หมดก็ช่างมัน ฉันมีเงินจ่าย” ธามไทตักอาหารเข้าปากอย่างไม่สนใจอะไรอีก เขาเป็นคนไม่คิดมากกับเรื่องของกิน และก็มักจะยอมทุ่มเทเงินให้กับของกินเสมอ เพราะเชื่อว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์
“หืม? อร่อยมากเลยค่ะ” แม่สาวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลังจากที่ได้ทานขาหมูเยอรมันเข้าไป เธอไม่เคยทานอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน
“ถ้าชอบก็กินเยอะๆ”
เขาเห็นท่าทางกินอย่างอร่อยของเธอ ธามไทอดเอ็นดูในความเป็นธรรมชาติของเด็กสาวไม่ได้ เขาไม่เคยสอบถามเรื่องส่วนตัวของเขมมิกา แต่จากท่าทีตื่นเต้นของเธอจึงทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงลำบากไม่น้อย
“นี่ก็อร่อย นั่นก็น่ากิน หมออย่าว่าเค้กนะคะ ถ้าเค้กจะกินเยอะไปหน่อย ก็มันอร่อยจริงๆ นี่คะ”
หญิงสาวพูดด้วยความเขินอาย จริงๆ ทานข้าวครั้งแรกกับคนที่ตัวเองแอบชอบมาตลอดหลายปี เธอควรที่จะสำรวม แต่อาหารตรงหน้าไม่สามารถทำให้สำรวมได้เลย เพราะมันช่างน่ากิน และคนที่หลงรักการกินอย่างเขมมิกามีหรือจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
“ฉันจะว่าทำไม กินให้หมดก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียของ แต่ถ้าเธอน้ำหนักขึ้นอย่ามาโทษฉันละกัน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับทานอาหารอย่างเงียบๆ จนอิ่ม แอบลอบมองความสดใสตรงหน้าเป็นบางครั้ง
จนเขาอิ่ม เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองอีกที หมอหนุ่มก็อดยิ้มตามไม่ได้ เด็กสาวดูมีความสุขที่ได้กินของอร่อยเสียจนคนอย่างเขาไม่อยากจะเชื่อ เพราะสำหรับธามไท การทานอาหารพวกนี้ถือเป็นเรื่องปกติในชีวิต แต่สำหรับเขมมิกาคงเป็นเรื่องพิเศษอย่างหนึ่ง
“เค้กอิ่มแล้วค่ะ” เขมมิกาพูดพร้อมกับดื่มน้ำ เมื่อเงยหน้าไปมองชายหนุ่มก็พบว่าเขาจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว นั่นยิ่งทำให้เธอเขินอายเข้าไปใหญ่ที่เผลอทำตัวตะกละตะกลามให้เขาเห็น
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







