จวนจิ้งอ๋องอ๋องจิ้งหานก้าวเข้าไปภายในเรือน ด้วยใบหน้าทะมึนตึง ก่อนจะเดินไปคว้าแส้ ที่วางอยู่บนชั้นอาวุธออกมา แล้วหันกลับไปที่บุตรชาย ควับ! เปี๊ยะ! เสียงปลายแส้ฟาดกระทบเนื้อ ดังก้องไปทั่วทั้งห้องจิ้งหยวนทรุดลงคุกเข่ากับพื้น เขารู้ดีว่าอย่างไรวันนี้ ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการลงทัณฑ์จากบิดา อ๋องหนุ่มทำเพียงก้มหน้าไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา เสียงแส้กระทบแผ่นหลัง ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง“ท่านพี่! หยุดนะเจ้าคะ ไยจึงได้ทำร้ายลูกเราเยี่ยงนี้เล่าเจ้าคะ เขาทำสิ่งใดผิดหรือ”ชูเฟยรีบวิ่งเข้าขวางสามี ก่อนจะทรุดลงโอบร่างบุตรชายเอาไว้ เพื่อปกป้องมิให้ถูกตีซ้ำลงมาอีก มือนุ่มประคองใบหน้าของบุตรชายอย่างถนอม“คนที่เจ้าควรถามไม่ใช่ข้า แต่เป็นเขา! เจ้าลองถามลูกชายตัวดีของเจ้าดู ว่าเขาทำเรื่องน่าอายอะไรเอาไว้ ข้าที่เป็นพ่อแทบจะแทรกแผ่นดินกลับบ้าน ตแค่นี้มันยังน้อยไป”อ๋องจิ้งหาน เอ่ยออกมาด้วยโทสะที่อัดแน่น เขามั่นใจมาตลอดว่าบุตรชายคนโต เกิดมาเป็นหน้าเป็นตาของตระกูล ไม่ว่าจะชาติกำเนิดของพ่อแม่ ล้วนสูงส่งเท่าเทียมกัน แต่ทำไมบุตรชายที่เขาภูมิมาตลอด จึงโง่เขลาได้ขนาดนี้!“จิ้งหยวน! เจ้าบอกแม่มาซิ! ว่าไปทำเรื่องอะไรมา ทำ
“ข้าย่อมต้องให้ความเป็นธรรม ต่อบุตรสาวของท่านอยู่แล้ว”อ๋องจิ้งหานจำต้องเอ่ยออกไป เขาเสียหน้าเกินไปแล้วในค่ำคืนนี้ เกิดมามิเคยถูกบีบบังคับ อย่างอับจนหนทางเช่นนี้มาก่อน ในเมื่อสตรีแพศยานี่ อยากเข้าจวนเขานัก เขาจะให้ได้เข้าสมใจอยาก“ข้ามิได้คิดบีบบังคับท่านอ่องนะขอรับ ว่าต้องมอบตำแหน่งใดแก่นาง เพราะถ้าทำเยี่ยงนั้น บุตรสาวข้าคงอยู่ลำบากในจวนอ๋อง ข้าคงทนไม่ได้ หากนางต้องตกอยู่ในอันตราย”คำพูดของรองเจ้ากรมชิง ทำให้อ๋องจิ้งหาน ขบกรามจนเป็นเป็นสันนูน ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างฝืนๆ ไอ้เฒ่าชั้นต่ำ กล้าข่มขู่เขาต่อหน้าผู้คน ช่างไม่รู้สูงต่ำนัก!“ข้าจะให้บุตรชายรับนางเป็นอนุเอก แต่ต้องรอเขาแต่งชายาเอกเข้าจวนเสียก่อน มิเช่นนั้นคงเป็นที่ครหาเอาได้”บุตรชายคนโตของเขา ต้องรับอนุก่อนเมียเอก หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จวนอ๋องจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด อนุกับสาวใช้อุ่นเตียง ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้นการจะรับสตรีใดเข้าบ้าน ต้องมีภรรยาเอกอยู่เสียก่อน จึงจะมิเป็นการข้ามหน้าภรรยาใหญ่“เป็นเช่นนั้นข้าน้อยย่อมเบาใจ แต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างท่านอ๋องน้อย และบุตรสาวข้าน้อย มันจะไม่เกิดมีสิ่งผิดพลาดเสียก่อนหรือขอ
“เจ้าคนชั่วช้า! อาจหาญลักลอบเข้าเรือนยบุตรสาวข้า! จับตัวมันให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงสั่งการของรองเจ้ากรมการคลัง ไม่ได้ทำให้อ๋องหนุ่มรู้สึกตื่นกลัวแม้แต่น้อย หากเขามิสำคัญจริง คงไม่สามารถยืนในตำแหน่งอ๋อง คู่กับบิดาได้อย่างแน่นอน คนที่สั่งให้จับตัวเขาเป็นเพียงขุนนางขั้นหก เอาตรงไหนมาเหนือกว่าเขา!“ใครกล้า!”อ๋องหนุ่มตะคอกกลับเสียงกร้าว กรามแกร่งขบกันแน่น จนเป็นสันนูน ปึก! ร่างที่ไร้อาภารณ์ ถูกมือหนาผลักออกห่างเขา จนนางหงายหลังไปไม่เป็นท่า ร่างสูงลุกขึ้นอย่างสง่า เขาไม่เชื่อว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่มันคือแผนการ ที่เตรียมมาแล้วเป็นอย่างดี มือหนาคว้าเสื้ออคลุมขึ้นมาสวม อย่างใจเย็นไม่ได้รีบร้อนหรือตื่นกลัว“ท่านอ๋อง! ไยท่านทำเยี่ยงนี้ หรือเห็นว่าข้าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ เลยอยากจะรังแกเยี่ยงไรก็ได้เช่นนั้นรึ!”ท่านรองเจ้ากรมชิง เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าชายคนรักของบุตรสาว พร้อมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียง กร้าวกระด้างไม่แพ้กัน ในเมื่ออีกฝ่ายจงใจมองข้ามตระกูลเขามาตลอด เช่นนั้นก็อย่าว่าเขาใจดำเลย“ข้าไม่จำเป็นต้องรังแกพวกเจ้า แต่จ้าลืมไปแล้วหรือว่าฐานะของเจ้า ยังไม่คู่ควรที่จะให้ข้าแต่งนางเป็นชายา
“อ่า...ข้าชอบให้ท่านอ๋องสัมผัสข้ายิ่งนัก โอว์...อ่า” หญิงสาวครางเสียงกระเส่า เมื่อมือหยาบกร้านนั้น ลากผ่านมาถึงเนินเนื้อของนาง ใบหน้างามสะบัดไปมา เมื่อติ่งสวาทที่ซ่อนอยู่ในกลีบเนื้อ ถูกสัมผัสด้วยนิ้วของเขา ชายหนุ่มโน้มกายลงชิดเต้าตึง ก่อนจะใช้ปากครอบครองเม็ดบัวสีหวาน โดยที่นิ้วของเขายังคงแทรกขึ้นลง ตามล่องกลีบบางอย่างเนิบช้า หญิงสาวเลื่อนมือไปลูบสัมผัส แผ่นหลังของชายคนรัก สลับจิกลงไปบนผิวเนื้อของขา เมื่อความเสียวซ่านแผ่กระจายไปตลอดร่างงาม ชายหนุ่มไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา นอกจากการปรนเปรอหญิงสาว ที่ร่ำร้องให้เขาเติบเต็มสิ่งที่นางต้องการ เขาไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง สองร่างคลอเคลียกันมิห่าง จากบนรักที่เนิบช้าด้วยเล้าโลม เวลานี้มันร้อนแรงยิ่งกว่านั่งอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง สองร่างชายหญิงสลับกันอยู่บนล่าง เคลื่อนขยับเนิบช้าบ้างกระชั้นถี่บ้าง เสียงครางกระเส่าดังมิขาดห้วง ทำให้รสรักนี่ยิ่งตื่นเต้นและเสียวซ่านเกินจะบรรยายหญิงสาวรู้สึกว่ารสรักของนางในค่ำคืนนี้ มันดุดันและใหญ่โตจนนางคับแน่นไปทั้งท้องน้อยเลยทีเดียว ทว่านี่กลับทำให้นางรู้สึกสุขสม ชนิดนับครั้งมิถ้วนเลยก็ว
“เรียนท่านอ๋อง มีจดหมายจากคุณหนูชิงขอรับ” คล้อยหลังของชูเฟยไปแล้ว องครักษ์หนุ่มได้ก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมยื่นส่งจดหมายจากสตรีของผู้เป็นนาย อ๋องหนุ่มตวัดสายตามองไปที่จดหมาย มือหนาคว้าเอามาเปิดออกอ่าน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่มิทันจางหายไปตามร่างมารดา ที่จากไปได้ครู่หนึ่งแล้ว ดวงตาที่ยังคงแข็งกร้าว กวาดสายตามองไปตามตัวอักษร ก่อนจะยื่นส่งให้คนสนิททำลายทิ้งเสีย เขาต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่ายังปกติดีอยู่ รวมไปถึงสตรีที่เขาใช้อุ่นเตียง ก็ต้องไม่รู้เห็นถึงความเปลี่ยนไปของเขา “คืนนี้ข้าจะไปพบนาง”อ๋องหนุ่มเอ่ยขึ้นโดยไม่สนว่าคนสนิท จะเกิดคำถามใดในใจหรือไม่ เพราะเฉินเหว่ยจะเป็นตัวช่วยสำคัญของเขา ในค่ำคืนนี้และในทุกค่ำคืนที่เขาจะต้องออกจากจวน “ขอรับ ข้าน้อยจะไปแจ้งให้นางทราบ” องครักษ์หนุ่มรีบออกจากห้องไปในทันที เขาไม่คิดจะซักถามให้มากความ ว่าคืนนี้ผู้เป็นนายจะทำอย่างไร หากหญิงสาวร่ำร้องที่จะหลับนอนด้วยเช่นทุกครั้ง ที่พบหน้ากันระหว่างท่านอ๋องและคุณหนูชิงยามค่ำคืน ณ จวนรองเจ้ากรมการคลัง เรือนอวี่ถง ที่ปกติจะสว่างไส
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ” เมื่อเห็นสายตาของชูเฟย องครักษ์หนุ่ม จึงรีบขอตัวออกจากห้องไปในทันที“ท่านแม่มีเรื่องอะไรหรือขอรับ” เมื่อคนสนิทออกจากห้องไปแล้ว อ๋องหนุ่มจึงได้เอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนัก แต่เพราะคนตรงหน้าคือแม่ เขาจึงไม่อาจที่จะปฏิเสธจะพูดคุยด้วยไม่ได้“มานั่งนี่”ชูเฟยเรียกบุตรชาย ให้มานั่งคุยกัน นางรู้สึกปวดหัวนักกับเรื่องของบุตรชาย หากนางยังเพิกเฉยต่อไปอีก ตำแหน่งของนางกับบุตรชาย คงต้องเกิดการระส่ำระสายเป็นแน่“ว่ามาขอรับ”อ๋องหนุ่มเดินมานั่งลงตรงข้ามกับคนเป็นแม่ แล้วบอกให้นางพูด ในสิ่งที่อยากจะพูดเสียให้จบสิ้น เพราะสภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม ทำให้อารมณ์ของเขาไม่คงที่เท่าใดนัก“เจ้าไม่สามารถทำให้ลั่วคังอัน มาเป็นชายาได้ เจ้าก็ควรที่จะมองหาสตรีอื่นที่คู่ควร ส่วนบุตรสาวรองเจ้ากรมการคลัง ค่อยให้นางแต่งเข้ามาเป็นอนุ”ชูเฟยไม่อ้อมค้อมในเรื่องนี้ เพราะตอนนี้บุตรชายของชายารองของสามี กำลังที่จะได้ทายาทแล้ว หากบุตรชายยังคงเฝ้ารอ ที่จะช่วงชิงลั่วคังอัน เห็นทีตำแหน่งอ๋องที่บุตชายครอบครอง อาจหลุดมือไปก็เป็นได้“ข้ายังไม่คิดที่จะยอมแพ้เรื่องคังอัน นางแค่กำ