Share

บทที่ 12

last update Last Updated: 2024-12-14 20:47:40

"เรื่องเงินพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย พี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันดูแลพี่ในยามที่ไม่สบายได้ไหม" หญิงสาวอยากจะพูดให้พี่คลายกังวล

"แต่พี่ดีขึ้นมากแล้ว"

"ถึงดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายขาดนี่ ถ้าย้ายโรงพยาบาลเผื่อมันทรุดลงล่ะ ฉันจะอยู่กับใคร พี่คิดข้อนี้บ้างไหม" รรรรรรเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าพี่ไม่ยอม จนพี่สาวต้องยอมฟัง แล้วค่อยๆ นอนลงที่เดิม

"ถ้าพี่รักฉัน พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ทำตัวให้แข็งแรงเร็วๆ เข้าใจไหม" มือเรียวเอื้อมไปจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้กับพี่สาว ถึงแม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหน ทั้งพี่และน้องก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น ว่าตัวเองกำลังอ่อนแออยู่

[บริษัท]

หญิงสาวก้าวลงจากแท็กซี่ ใบหน้างามเงยขึ้นไปมองชั้นบนสุด ซึ่งมันเป็นชั้นที่เธอทำงานอยู่ แล้วลอบถอนหายใจออกมา เพราะเธอต้องหาคำพูดเพื่อที่จะพูดกับเขาเรื่องเงิน

เวลาผ่านไปจนถึง 09 : 40 นาที

ก๊อก ก๊อก ยังไงวันนี้เธอต้องคุยเรื่องเงินให้ได้ จะคุยตอนไหนก็คงเหมือนกัน หญิงสาวเลือกเวลาที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะถ้าใกล้เที่ยงเดี๋ยวเขาก็ออกไปทานข้าวกับลูกค้าอีก

"เชิญ"

"บอสคะ..เออ.." อุตส่าห์ตั้งหลักมาแต่ไกล แต่พอเห็นสายตาที่เขามองมา กลับลืมคำพูดไปหมด "คือ.."

"แล้ววันนี้จะรู้เรื่องกันไหม"

"ฉันอยากจะขอเงินคุณเพิ่ม" เธอไม่ใช้คำว่ายืม เพราะถ้ายืมมันต้องคืน ..เงินเยอะขนาดนั้น เธอจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืน

"ขอเงินเพิ่ม?" เขาเป็นนักธุรกิจ ทุกคำที่พูดออกมา เขาต้องฟังให้แตกฉาน

"เออ..ค่ะ.." สีหน้าของเธอเริ่มซีดลง

คนร่างหนาวางงานที่อยู่ตรงหน้าแล้วนั่งพิงเก้าอี้ สายตามองจ้องมาที่เธอ เหมือนต้องการคำอธิบายมากกว่า..เออค่ะ..ที่เธอพูดออกมา

"คุณอยากจะใช้งานฉันเพิ่มก็ได้ หรือจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันขอเงินเพิ่มอีกเท่าตัว" หญิงสาวกลั้นใจพูดให้จบประโยค

"หนึ่งล้านบาท??" เพราะถ้าเท่าตัวก็ต้องเป็นเงินอีกหนึ่งล้านบาท

"ใช่ค่ะ"

"ที่ได้ไปหนึ่งล้านคุณยังทำงานให้ผมไม่คุ้มเลย" ตอนนี้ความคิดของเขา ที่เธอเล่นตัวทีแรกเพราะอยากจะโก่งราคานี้เอง พอได้ไปก็ยังไม่พอ

"ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ" แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่ให้ อย่างมากก็ให้พี่สาวย้ายโรงพยาบาล เพราะถ้าเอาเงินที่เขาให้มาและเงินเก็บรวมกัน ก็ยังพอจ่ายค่ารักษาพยาบาลอยู่บ้าง

"จะเอาเงินไปทำไมนักหนา" สายตาคมมองตามไปแต่ก็ไม่ได้เรียกเธอไว้ เพราะถ้าเขาให้เงินเธอ ครั้งที่ 2 มันต้องมีครั้งที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ตามมา...เหมือนทุกคน

หญิงสาวนั่งทำงานแบบใจลอย งานที่ทำอยู่ไม่เข้าหัวเลย เพราะเธอคิดถึงแต่เรื่องพี่สาว

"นี่อะไรครับ"

"เอกสารที่คุณนิรันดร์ต้องการไงคะ"

"ขอโทษครับผมไม่ได้เอาอันนี้"

"เออ.. คุณจะเอาเอกสารอะไรคะ"

"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมหาเอง" ตอนค้นหาเอกสารที่ชั้น นิรันดร์ก็แอบมองดูรรรรรร ..ความคิดของเขาผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นเลขาท่านประธานเลย เพราะทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง หรือที่เธอมารับตำแหน่งนี้ คงเพราะต้องการไต่เต้าอย่างเดียว..

เย็นวันเดียวกัน.. ที่โรงพยาบาล

"พี่รินดีขึ้นบ้างไหม" เธออยากจะสอบถามอาการของพี่สาวดูก่อนที่จะพูดอะไรออกมา และคำตอบที่ได้คือวันนี้พี่สาวรู้สึกเวียนหัวทั้งวัน

รรรรรรก็เลยตัดสินใจไม่พูดเรื่องย้ายโรงพยาบาลดีกว่า ให้พี่สาวรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้ไปก่อน

และแน่นอนว่า ค่ารักษาพยาบาลต้องเพิ่มขึ้นแน่ เพราะต้องได้ตรวจดูอาการอีกว่าทำไมรรินธรถึงมีอาการเวียนหัว

วันต่อมา..

"อะไรนะคะ??" รรรรรรแทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าอาการเวียนหัวของพี่สาว เกิดจากมีเนื้องอกในสมอง

"ถ้าทางญาติสู้ค่ารักษาไม่ไหว ก็ย้ายไปโรงพยาบาลของรัฐบาลได้นะคะ" คำพูดของทางโรงพยาบาลหมายถึงว่า ให้รักษาตามยถากรรม เพราะเห็นจากสีหน้าแล้วคงจะสู้ค่ารักษาไม่ไหวแน่

และทางโรงพยาบาลก็แจ้งอีกว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ดีอย่างหนึ่งคือ ทำให้เห็นเนื้องอกได้เร็วขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มันเจริญเติบโตอาจจะกลายเป็นมะเร็ง

หึ!! ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่เหรอ จะเรียกว่าโชคดีไหมเนี่ย

"คุณหมอเตรียมการรักษาพี่สาวฉันได้เลยค่ะ ถ้าร่างกายของพี่สาวฉันพร้อมผ่าตัด คุณหมอก็จัดการได้เลย เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการเอง"

"แต่ก่อนที่จะรักษา..ทางโรงพยาบาลอยากจะขอเก็บค่าใช้จ่ายก่อนครึ่งหนึ่งค่ะ"

"ครึ่งหนึ่งเหรอคะ" เงินค่าอุบัติเหตุ ค่าผ่าคลอด ค่ารักษาหลาน ก็ยังไม่ทันได้จ่าย ต้องได้มาจ่ายเงินค่าผ่าตัดเนื้องอกในสมองของพี่สาวอีกครึ่งหนึ่ง เอาเข้าไปสิชีวิตของฉัน "ได้ค่ะ..เท่าไรคะ"

คนที่แจ้งอาการต้องตรวจเช็คอีกทีหนึ่งว่า เธอต้องได้ใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ เพราะต้องได้จ่ายการรักษาก่อนหน้านั้นก่อน

นี่แหละหนาที่คนเขาทำประกันชีวิต เพื่อที่จะคุ้มครองตัวเองในยามป่วยไข้ แต่พวกเธอไม่มีเงินมากพอที่จะมาซื้อประกันชีวิตประกันอุบัติเหตุ เหมือนคนอื่นเขา และก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอสถานการณ์แบบนี้ด้วย

รออยู่เพียงไม่นาน ทางโรงพยาบาลก็แจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายมา มันทำให้เธอเข่าแทบทรุดอีกครั้ง รรรรรรขอร้องทางโรงพยาบาลไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่สาว

และแน่นอนว่าพวกเขาต้องเก็บ ความลับเรื่องนี้ให้กับญาติผู้ป่วยตามเจตนารมณ์อยู่แล้ว

ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไรลงไป หญิงสาวได้ไปที่ห้องทารกแรกเกิด เพื่อคุยกับหลานสาวตัวน้อยๆ ที่ยังอยู่ในตู้อบนั้น

"น้าจะช่วยแม่ของหนู ให้ถึงที่สุดนะ หนูไม่ต้องเป็นห่วง น้าขอแค่อย่างเดียวให้หนูเติบโตมาเป็นเด็กดี" มือเรียวเอื้อมไปลูบกระจกใสที่มีหลานตัวน้อยๆ นอนดิ้นอยู่ในนั้น

ครื่นนน ครื่นนนน

เดินออกมาจากห้องทารก เธอก็กดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาเขา

>>{"ฉันอยากจะขอคุยกับคุณหน่อยค่ะ"} หญิงสาวพูดขึ้นทันทีเมื่อปลายสายกดรับ

{"คุย??"} ชายหนุ่มมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 20 : 05 น. และเขาก็เพิ่งกลับมาถึงบ้าน

>>{"ขอโทษด้วยนะคะที่โทรมารบกวน ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร"}

{"ไปเจอกันที่คอนโด"} แล้วชายหนุ่มก็บอกที่อยู่ของคอนโดนั้นให้กับเธอไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (7)
goodnovel comment avatar
บุญญาภา อิ่มศิล
ต่อค่ะกำลังสนุก
goodnovel comment avatar
Malai
อ่านเพลินมากๆๆๆ
goodnovel comment avatar
ชุติมา
อ่านเพลินดีคะต่อเรื่อยๆ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ภรรยาในนาม   บทที่ 122 ตอนจบ

    เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ

  • ภรรยาในนาม   บทที่ 121

    "ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา

  • ภรรยาในนาม   บทที่ 120

    [คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""

  • ภรรยาในนาม   บทที่ 119

    "ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก

  • ภรรยาในนาม   บทที่ 118

    "กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ

  • ภรรยาในนาม   บทที่ 117

    แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status