มือเรียวกวักเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านไปมาหน้าโรงพยาบาล และก็มีแท็กซี่คันหนึ่งจอดรับเธอ
พอบอกชื่อคอนโด แท็กซี่ก็พาเธอขับตรงไปที่นั่น เพราะรถโดยสารรู้จักคอนโดหรูแห่งนี้เป็นอย่างดี
"ที่นี่เหรอคะ" ไม่แปลกหรอกที่เขาจะซื้อที่แบบนี้อยู่ เพราะรวยระดับนั้นแล้ว
"ใช่แล้วจ๊ะหนู" แท็กซี่มองหน้าเธอ ก็รู้แล้วว่าคงมารับจ๊อบ เพราะคนรวยส่วนมากชอบแอบซื้อกิน
หญิงสาวส่งเงินให้ตามจำนวนที่มิเตอร์ขึ้น แล้วเธอก็เดินตรงเข้ามาด้านใน
รรรรรรบอกกับพนักงานที่ดูแลคอนโดชั้นล่าง ตามที่คฑาได้บอกไว้ พนักงานก็เลยปล่อยให้เธอขึ้นไป
ขึ้นมาถึงรรรรรรก็กดรหัสผ่านที่เขาให้ไว้อีกนั่นแหละ และเธอก็ได้เข้ามาในห้องสูทสุดหรูของคอนโดราคาแพง
หญิงสาวมองหาสวิตช์ไฟ แต่พอเธอก้าวเข้ามาแค่ไม่กี่ก้าวไฟในห้องก็เปิดเอง
"ขนาดไฟยังไม่ต้องเปิดเองเลย อะไรจะขนาดนั้น" เธอพูดกับตัวเองแล้วก็มองทอดออกไปดูด้านนอกอาคาร เพราะบรรยากาศยามค่ำคืนมันสวยงามมาก และคอนโดแห่งนี้ก็เป็นกระจกรอบทิศทาง
คนเราทำบุญมาไม่เท่ากันจริงๆ นี่แค่คอนโดที่เขาซื้อทิ้งไว้ ยังหรูหราได้ถึงเพียงนี้ มองลงไปดูแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แสงไฟในยามค่ำคืนของตึกอีกฝั่งหนึ่ง มันช่างดึงดูดสายตาของเธอมาก "ถ้าที่นี่เป็นของเราก็คงจะดี นี่เราคิดบ้าอะไรไปเนี่ย" ..หญิงสาวรีบสลัดความคิดนั้นออกไป เพราะเธอเผลอคิดไปว่าอยากเป็นเจ้าของที่นี่
ใบหน้างามมองกลับมาสำรวจในห้องบ้าง พอมองไปเห็นกระจกบานใหญ่ เธอก็เลยก้าวเดินไปหยุดอยู่ที่หน้ากระจก มองดูเรือนร่างของตัวเอง และก็คิดไปว่าร่างกายของเธอจะมีค่ามากขนาดนั้นไหม
แต่เธอก็มีอยู่แค่นี้..ถ้าเขาไม่เอาคงต้องไปหาเสี่ยที่อื่นแล้วล่ะ แล้วเสี่ยที่ไหนล่ะเธอไม่รู้จักคนระดับนั้นสักคน ..ขณะที่รรรรรรกำลังคิดอะไรอยู่นั้น ประตูห้องก็ได้ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของห้อง
หญิงสาวหันกลับไปมองอย่างประหม่า แล้วค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ
"น้ำในตู้เย็น หามาดื่มก่อนสิ" ที่จริงเขาเห็นหมดแล้วว่าเธอทำอะไรอยู่ในห้องนี้บ้าง เพราะห้องของเขามีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ และไฟที่เปิดก็เป็นฝีมือของเขาที่สั่งการผ่านกล้องนั้นนั่นเอง
"ฉันไม่หิว" นาทีนี้คงกินอะไรไม่ลงหรอก
"ถ้างั้นก็ว่ามา" ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ที่เพิ่งจะถอดเสื้อสูท แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงมาพอให้หายใจได้สะดวก เดินไปนั่งลงที่โซฟาสุดหรูของห้องนั้น
"ฉันอยากจะคุยกับคุณ เรื่องเงิน" รรรรรรไม่รีรออะไรอีกแล้ว หญิงสาวเริ่มเข้าประเด็นที่ต้องการจะคุยกับเขา
คฑาคิดไว้แล้วแหละว่าเธอคงจะพูดเรื่องเงิน เขาก็เลยไม่ตกใจอะไร
"ครั้งนี้ฉันขอสามล้าน"
"สามล้าน?" คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงแบบแปลกใจ เพราะตอนเช้าเธอขอแค่หนึ่งล้าน ตกเย็นมาขึ้นเป็นสามล้านแล้วเหรอ
"ใช่ค่ะฉันจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ คือว่า.."
"ทุกคนก็จำเป็นต้องใช้เงินกันทั้งนั้นแหละ แต่เธอจะหาเงินง่ายกว่าคนอื่นไปไหม" เขาไม่รอให้เธอพูดจบก่อน เพราะทุกคนก็ต้องการใช้เงินเหมือนกันทั้งนั้น
ดีแล้วที่เธอยังไม่บอกว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เพราะคนที่มองโลกในแง่ลบแบบเขาถึงรู้ไปก็คงไม่เห็นใจคนอื่น ..แต่เธอไม่ล้มเลิกความตั้งใจแน่ ยังไงต้องคุยกับเขาเรื่องนี้ให้ได้
"ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาขอเงินคุณฟรีๆ แต่ฉันมีสิ่งมาแลกเปลี่ยน"
"สิ่งแลกเปลี่ยน?"
มือเรียวถูกยกขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่ออกทีละเม็ด จนเผยให้เห็นหน้าอกอันอวบอิ่มโดยที่ไม่ได้ผ่านมีดหมอมา แต่รรรรรรก็เปิดให้เห็นแค่ร่องที่มันเบียดชิดกันอยู่ เพราะตอนนี้ยางอายคงช่วยพี่สาวเธอไม่ได้ ต้องไร้ยางอายเท่านั้น
คฑาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในเมื่อเธอเปิดให้ดูเขาก็ดู
"ร่างกายของฉัน มันจะเป็นของคุณ" ริมฝีปากบางค่อยๆ บรรจงพูดออกมาแบบชัดถ้อยชัดคำ
มุมปากหนายกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากกว่านั้น แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าเขาคงจะดูถูก แต่เธอต้องพยายามทำต่อไป เพราะเธอไม่รู้จักเสี่ยรวยๆ ที่ไหนเลย ถึงรู้ก็คงไปเสนอตัวเองให้ไม่ทันเวลาผ่าตัดของพี่สาวแน่
"ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันอยากจะบอกคุณอีกอย่างหนึ่งว่า ฉันไม่เคยผ่านผู้ชายที่ไหนมาก่อน" ..แบบนี้มันได้เหรอวะรัน เธอต้องได้มานั่งบอกผู้ชายเนี่ยนะว่าเธอไม่เคยผ่านใครมาก่อน
ดวงตาคมมองหญิงสาวตั้งแต่ใบหน้าลงไปจนถึงปลายเท้า แล้วก็มองกลับขึ้นมาหยุดอยู่ที่หน้าอก ซึ่งตอนนี้มันก็ยังเปิดอยู่แบบนั้น แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องนั้นแบบไม่พูดไม่จา
หญิงสาวได้แต่มองตาม เพราะเขาไม่ตอบอะไรออกมาเลยสักคำ แถมยังเดินหนี ความหวังของเธอเริ่มริบหรี่ลง ถ้าเขาไม่เอาคงอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เปิดลิ้นชักแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา "ฉันจะให้เป็นเช็คแล้วกัน รับรองว่าไม่เด้ง"
"คะ?" ดวงตากลมลุกวาวขึ้น เมื่อเห็นว่าเขากำลังเซ็นเช็คที่เพิ่งจะหยิบออกมาจากลิ้นชักของโต๊ะทำงาน "คุณจะให้เงินฉันสามล้านบาทจริงเหรอคะ"
"ระหว่างเราจะไม่มีอะไรผูกมัดกันทั้งนั้น" เช็คใบนั้นถูกยื่นมาพร้อมกับถ้อยคำที่เปล่งออกมาแบบเย็นชา
"ค่ะ" มือเรียวเอื้อมไปรับเช็คใบนั้นพร้อมกับมองดูตัวเลข ..สามล้านบาทตามจำนวนที่เธอขอไป
"ไปอาบน้ำก่อน"
"อาบน้ำ??" จากที่กำลังยิ้มให้กับกระดาษที่อยู่ในมือ ใบหน้างามเงยขึ้นไปมองคนตัวสูงแบบตกใจ
"ทำงานมาทั้งวัน เธอไม่คิดจะอาบน้ำก่อนเหรอ" เพราะเธอยังอยู่ในชุดทำงานอยู่เลย
"คือ.." รรรรรรไม่คิดว่าเขาจะรีบขนาดนี้ หญิงสาวเอาเช็คใบนั้นมาใส่กระเป๋าเงินไว้ เริ่มงานวันนี้หรือวันไหนก็คงจะเหมือนกัน..
"ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำ เลือกใช้ได้เลย" ชายหนุ่มเอ่ยพูดขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินไปที่ห้องน้ำ เรื่องซื้อผู้หญิงกินไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเคย แต่ค่าตัวผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้แพงลิบลิ่วเหมือนเธอ
แต่ที่เขายอมซื้อ ก็เพราะความบริสุทธิ์ที่เธอนำเสนอมา
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"