"คุณชายหลิง ขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าซ่งเชี่ยนเป็นภรรยาของคุณ พ่อแม่ของซ่งเชี่ยนบอกว่าทะเบียนสมรสนั่นเป็นของปลอม ผมเลยถูกพวกเขาหลอกให้ทำแบบนั้น แต่ผมสาบานได้ว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์..." จางฟานรีบขอโทษด้วยความร้อนรน
"ดีที่แกยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กับภรรยาของฉัน ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะหักขาพวกแกทั้งสามไปพร้อมกัน!" หลิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ผมเข้าใจแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับซ่งเชี่ยนอีก"
หลิงหยางมองไปที่ซ่งปันซานและอู๋ซิ่วหลานด้วยสายตาเย้ยหยัน "แล้วพ่อแม่ของซ่งเชี่ยนล่ะ? แกยังคิดจะหาเรื่องพวกเขาอีกไหม?"
"ในเมื่อซ่งเชี่ยนแต่งงานกับคุณแล้ว พ่อแม่ของเธอก็คือพ่อตาแม่ย่าของคุณ ผมก็ไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขาอีก!" จางฟานพยายามเอาใจ
"แล้วหนี้ที่พวกเขาเป็นหนี้แกอยู่ล่ะ? แกยังคิดจะเอาคืนอยู่ไหม?" เขาไม่ยอมให้ภรรยาของเขามีเรื่องกวนใจอีก หากพ่อของแม่ซ่งเชี่ยนยังเป็นหนี้ ก็คงยังวุ่นวายกับเธอไม่จบสิ้น
"ไม่เอาแล้ว ผมถือว่าเป็นการบริจาคช่วยเหลือพวกเขา!" จางฟานรีบส่ายหัว
"แบบนี้ก็พอจะรับได้ รีบออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นพวกมันอีก!" หลิงหยางพยักหน้าอย่างพอใจและโบกมือไล่
"ได้ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้!"
จางฟานพูดพร้อมกับช่วยพยุงบอดี้การ์ดสองคนที่มาด้วยกัน ให้ลุกขึ้นจากพื้นและรีบหนีออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อจางฟานและพวกออกไปแล้ว ซ่งปันซานรีบปิดประตูห้องนั่งเล่น จากนั้นเขาหันไปถามหลิงหยางด้วยความสงสัยว่า
"คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมจางฟานถึงเรียกคุณว่าคุณชายหลิง และทำไมเขาถึงกลัวคุณขนาดนั้น?"
"ฉันเพิ่งบอกไปแล้วไงว่าเป็นตำรวจ จางฟานนั่นมีคดีติดตัวอยู่ พอเขาทำผิดอีกครั้งตอนที่ฉันอยู่ด้วย เขาก็เลยกลัวฉันไงล่ะ!" หลิงหยางตอบแบบบ่ายเบี่ยง ไม่อยากเปิดเผยสถานะในตอนนี้ ดูเหมือนสถานการณ์จะยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่
"จางฟานบอกว่าไม่ต้องให้เราคืนเงินแล้ว เรื่องนี้เป็นความจริงใช่ไหม? ถ้าเขาเปลี่ยนใจแล้วกลับมาเรียกเก็บหนี้อีกล่ะ เราจะทำยังไงดี?" ซ่งปันซานถามด้วยความกังวล เพราะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้
"ถ้าพวกเขามาเรียกเก็บหนี้อีก ก็ให้พวกเขามาเรียกเก็บจากฉันเลย จะช่วยคุณจัดการเรื่องนี้เอง!" คนระดับเขาเงินแค่นี้เล็กน้อยมาก ยอมจ่ายให้เพื่อกันไอ้ชั่วนั่นมาวุ่นวายอีก
"คุณแต่งงานกับซ่งเชี่ยนจริงๆ ใช่ไหม?" อู๋ซิ่วหลานถามด้วยความสนใจ
"แน่นอนว่าจริง คุณก็เห็นทะเบียนสมรสของเราแล้วไม่ใช่เหรอ?" หลิงหยางพยักหน้ารับ คิดไม่ออกว่าทำไมพ่อแม่ของซ่งเชี่ยนถึงคิดว่ามันเป็นของปลอม
อู๋ซิ่วหลานใช้สายตาที่เจ้าเล่ห์มองไปที่หลิงหยางและถามด้วยความดีใจ "ในเมื่อคุณแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแล้ว แล้วค่าสินสอดล่ะ คุณจะให้เรายังไง?"
"พวกคุณคิดจะเอาเท่าไหร่?" หลิงหยางมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ในหัวสมองของพวกเขาแท้จริงแล้วก็มีแต่เรื่องเงิน เหตุที่ซ่งเชี่ยนต้องเจอกับประสบการณ์เลวร้ายก็เป็นเพราะเงิน พวกเขาหน้าไม่อายจริงๆ หิวเงินอะไรกันนักหนา
ซ่งเชี่ยนรู้ว่าอู๋ซิ่วหลานเป็นคนเห็นแก่เงินและโลภ ถ้าหลิงหยางให้หล่อนเป็นคนเสนอราคา จะต้องเรียกราคาสูงแน่นอน ถ้าหลิงหยางจ่ายสินสอดได้ก็ดีไป แต่ถ้าจ่ายไม่ได้ พ่อแม่ของเธอคงจะต้องเยาะเย้ยเขาแน่ๆ ที่สำคัญคือเธอกับหลิงหยางแต่งงานกันแบบปลอมๆ ถ้าหลิงหยางยอมจ่ายค่าสินสอดตามที่พ่อแม่เธอเรียกร้อง เธอก็คงจะดูเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานเพื่อเงินในสายตาของหลิงหยาง ดังนั้นก่อนที่พ่อแม่ของเธอจะบอกราคาค่าสินสอดออกมา
"ไม่ ฉันไม่อยากให้หลิงหยางจ่ายค่าสินสอด!" แต่งงานกันปลอมๆ จะต้องจ่ายค่าสินสอดไปเพื่ออะไรกัน! สักวันก็ต้องเลิกอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต่างคนต่างเจอคนที่เหมาะสม เธอกับหลิงหยางก็คงต้องหย่ากัน
"ทำไมล่ะ? แม่กับพ่อเลี้ยงดูลูกมาจนโต ตอนนี้ลูกจะแต่งงานแล้ว พวกเราจะไม่มีสิทธิ์เรียกค่าสินสอดบ้างเลยหรือ?" อู๋ซิ่วหลานมองซ่งเชี่ยนด้วยความงงงวย กว่าจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตไม่ใช่เรื่องง่าย เสียเงินไปไม่น้อย อยู่ๆ แต่งงานโดยไม่มีสินสอด จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
"ใช่แล้ว อย่างน้อยลูกก็ต้องเคารพพวกเราบ้าง พวกเราให้ลูกกิน ให้ลูกใส่เสื้อผ้าดีๆ และส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราลงทุนกับลูกไปมากมายขนาดนี้ ลูกควรจะให้สิ่งตอบแทนพวกเราบ้างสิ" ซ่งปันซานเริ่มเสริมทันทีเพราะกลัวไม่ได้เงิน ร้อนใจกลัวอีกฝ่ายคล้อยตามแบบที่ลูกสาวบอก
“ตอบแทนเหรอ? ตอนที่พวกคุณขายฉันให้จางฟาน มัดฉันไว้กับเตียง แล้วให้จางฟานทำร้ายฉัน พวกคุณเคารพฉันตรงไหน?" ซ่งเชี่ยนตอบโต้ด้วยความมั่นใจ เธอยังตัวสั่นอยู่เลยเมื่อถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ หากหลิงหยางมาไม่ทันเธอคงถูกย่ำยีไปแล้ว!
"ที่เราทำแบบนั้น ก็เพื่อความดีของลูก ใครใช้ให้ลูกไม่เชื่อฟังพวกเราล่ะ?" ซ่งปันซานพูดหน้าตาเฉย ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิดแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนนี้เจอความกดดันเรื่องการเงินอย่างหนักจนหาทางออกไม่ได้ ในเมื่อมีคนเสนอทางออกให้ทำไมจะไม่รับไว้ล่ะ
"พ่อ..."
ซ่งเชี่ยนกำลังจะเถียงกลับแต่หลิงหยางก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
"ซ่งเชี่ยน พวกเขาพูดถูกนะ คุณโตมาจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็เสียเงินไปเยอะ เธอเป็นลูกก็ควรจะตอบแทนพวกเขาบ้าง ส่วนเรื่องค่าสินสอดไม่ต้องกังวล ปล่อยให้ฉันจัดการเอง พวกคุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลย" บอกแล้วว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เมื่อจ่ายสินสอดแล้วเขาก็อยากให้ซ่งเชี่ยนตัดขาดจากพวกเขาซะ
"ซ่งเชี่ยน ลูกควรเรียนรู้จากสามีของลูกบ้าง เขาเป็นคนมีเหตุผลและกตัญญู" อู๋ซิ่วหลานรีบยิ้มด้วยความพอใจ
"เลิกพูดมากได้แล้ว บอกมาว่าต้องการค่าสินสอดเท่าไหร่?" หลิงหยางพูดด้วยความรำคาญใจ ไม่อยากเสียเวลากับพวกคนหน้าเงินอีกแล้ว
"ขอไม่มาก 1,880,000 หยวน!" อู๋ซิ่วหลานรีบเสนอ
"นี่พวกคุณต้องการค่าสินสอดหรือว่าขายลูกสาวกันแน่?" มองหล่อนอย่างเจ้าเล่ห์เพราะรู้ว่าคิดอะไรอยู่
"จะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณ แต่อย่างน้อยถ้าไม่ให้ตามราคานี้ อย่าหวังว่าจะพาซ่งเชี่ยนออกไปจากที่นี่ได้!" อู๋ซิ่วหลานตอบอย่างไม่สนใจ
“ฉันจะให้พวกคุณ 2,000,000 หยวน แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง..."
หลิงหยางตอบโดยไม่ลังเล
ที่มาของคำว่า มีพ่อแม่เมื่อพร้อม ฮ่วยยย ปวดหัวกับครอบครัวนี้ ขายลูกกินของแทร่!!!
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน