“ใช่น่ะสิ!”“พี่พูดแล้ว มีพี่อยู่ ใครก็ทำร้ายเธอไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกคนไร้ประโยชน์หรอก” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ใช่ ใช่ พวกเราเป็นคนไร้ประโยชน์ คุณชายเย่จะฆ่าพวกเรา เหมือนกับบีบมดตัวหนึ่งตายอย่างง่ายดาย” เตาปารีบพูดคล้อยตาม“หุบปากซะ!”เย่เทียนหยู่พูดตำหนิ จากนั้นก็หันกลับมาพูดว่า “เข่อซิน ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่ เธออยากแก้แค้นยังไงก็ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของพวกเขาก็ตาม”หากเฉินเข่อซินต้องการชีวิตของเตาปา เขาไม่ถือสาที่จะลงมือเพื่อความปรารถนาที่ทำให้เข่อซินพอใจเมื่อเตาปาได้ยินเช่นนั้น ก็ตกใจจนใบหน้าขาวซีดทันที ประธานหยางพูดก่อนที่เขาจะมาแล้ว ถ้าหากวันนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างน่าพอใจ เขามีความตายเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้นไม่ต้องถึงกับให้คุณชายเย่ลงมือเองหรอก“ไม่ ไม่เอาแล้วล่ะ!”โชคดีที่เฉินเข่อซินได้ยินเสียงนักฆ่า ก็ส่ายศีรษะไม่หยุดด้วยความตึงเครียด เธอพูดว่า “ขอเพียงแค่พวกเขาเรียกเก็บราคาค่าบ้านให้เหมาะสมก็พอแล้ว”“ไม่มีปัญหา รับรองว่าราคาอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล”เมื่อเตาปาได้ยินดังนั้น ก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “จากการที่พวกเรากลับไปประเมินค่ามาให
ทว่าท้ายที่สุดตอนนี้ก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว แม้จะต้องจ่ายไปห้าล้านเต็ม ๆ ก็ตาม ทำให้เขาปวดใจจนไม่ไหว แต่ก็ดีกว่าไม่มีชีวิตอยู่มากหากไม่มีชีวิตแล้ว แบบนั้นอะไรก็ไม่มีเลยสักอย่างทางเตาปาเพิ่งจะออกไปได้ครู่หนึ่ง บัตรธนาคารของเฉินเข่อซินก็ได้รับค่าชดเชยการรื้อถอนสามสิบล้าน หลังเธอเห็นก็อึ้งไปเลย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “พวกเขาโอนมาแล้วจริง ๆ?”“แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นค่าชดเชยการรื้อถอน”เย่เทียนหยู่ยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “หลังจากนี้ เธอก็เป็นเศรษฐีนีตัวน้อยแล้ว”“ใช่ที่ไหน เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่เย่ด้วยนะ”“ใช่แล้ว เทียนหยู่ ครั้งนี้พึ่งนายเต็ม ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนาย อย่าว่าแต่สามสิบล้านเลย สามล้านก็ยากจะมีได้ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พวกเราเอาแค่สิบล้าน ที่เหลือยี่สิบล้านให้นายก็แล้วกัน”“อย่าเลยครับ คุณน้าเห็นผมเหมือนคนไร้ยางอายเหรอครับ?” เย่เทียนหยู่เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉัน...”“คุณน้าครับ คุณน้าไม่ต้องพูดเยอะเลย อันที่จริงผมไม่ได้ขาดเงินหรอกครับ เอายี่สิบล้านมาให้ผมก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่สำหรับพวกคุณน้าแล้ว ยี่สิบล้านกลับสำคัญมาก ๆ”เย่เทียนหยู่ยิ้ม
เมื่อเห็นท่าทีของเย่เทียนหยู่ ในใจของหลินหว่านหรูก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นว่า “เย่เทียนหยู่ คุณรอเดี๋ยว เข้าไปกับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะถามคุณ”“ไม่ต้องแล้ว มีเรื่องอะไร ก็พูดกันตรงนี้เถอะ”เย่เทียนหยู่เอ่ยขึ้นชืด ๆเมื่อหลินหว่านหรูได้ยินดังนั้น ก็พลันเดือดดาลขึ้นมาในทันใด ทั้ง ๆ ที่คุณเป็นคนนอกใจก่อน ไม่นึกเลยว่าจะทำเหมือนตัวเธอเป็นคนผิดอย่างนั้น เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว!”“โอเค!”เย่เทียนหยู่หมุนตัวกำลังจะออกไป โดยไร้ซึ่งความลังเลใด ๆบางทีถึงเวลาที่เขาต้องออกไปจริง ๆ แล้วในเมื่อรู้ชาติกำเนิดของตัวเอง เขาย่อมต้องตรวจสอบอย่างละเอียดแน่นอนถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ก็จะมีอันตรายปรากฏเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอาจารย์เคยบอกเอาไว้ว่า ศัตรูของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมากออกไปตอนี้ ก็ไม่วายเป็นการปกป้องหลินหว่านหรูอย่างหนึ่งหลินหว่านหรูอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด่าอย่างเดือดดาลว่า “เย่ทเยนหยู่ คุณมันสารเลว เลวระยำ ทั้ง ๆ ที่คุณเป็นคนทำผิดที่นอกใจก่อน คุณยังทำตัวมีเหตุผลอีก!”กระทั่งเธอหุนหันพลันแล่นคิดอยากจะไปไล่ถามให้รู้แล้วรู้รอด ตก
“ถามเรื่องเฉินเข่อซินไม่ใช่เหรอ ทำไมพูดถึงเรื่องนี้ล่ะ?”เย่เทียนหยู่ถามกลับไปพลางครุ่นคิดในขณะเดียวกัน ควรบอกตัวตนของตัวเองกับหลินหว่านหรูหรือไม่ แต่ถ้าทำแบบนั้นเป็นไปได้มากว่าจะพาหลินหว่านหรูเข้าไปเสี่ยงกับตนด้วย“อย่าขัดสิ คุณพูดความจริงมา เป็นเพราะคุณช่วยหลานชายของไช่ซูจี้ใช่ไหม จากนั้นไช่ซูจี้ก็เลยนำปิดข่าวเรื่องการกระทำของตระกูลซาล่วงหน้า เพื่อตอบแทนบุญคุณ?”หลินหว่านหรูรู้สึกว่านอกจากความเป็นไปได้นี้ ก็คืออย่างอื่นไม่ออกแล้ว“ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้ล่ะ?”“ฉันต้องคิดได้อยู่แล้ว ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ”หลินหว่านหรูเอ่ยขึ้นอย่างทอดถอนใจ “นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าไช่ซูจี้จะทดแทนบุญคุณของคุณแบบนี้ ทำเรื่องมากมายขนาดนี้ กระทั่งสุดท้ายยังเผชิญหน้ากับซาป้าเทียน เพื่อช่วยให้คุณได้โอกาสรอดสามวัน”“ไม่อย่างนั้นละก็ เดิมทีคุณก็ดันซาป้าเทียนให้ธาตุไฟเข้าแทรกไม่ได้หรอก พูดไปพูดมา ตอนนี้ไช่ซูจี้มีบุญคุณต่อคุณอย่างใหญ่หลวงทีเดียว วันหน้าคุณต้องขอบคุณเขาดี ๆ ล่ะ”“เอ่อ...”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทว่าในเมื่อเธอวินิจฉัยอย่างแน่ชัดขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายอีก ถึงยังไงตัวเองในตอนนี
นอกจากคุณแล้ว ก็ไม่มีใครทำร้ายผมได้อีก!ประโยคง่าย ๆ เพียงประโยคเดียว ทว่ากลับตกกระทบในส่วนลึกของจิตใจหลินหว่านหรูอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัวอยู่เล็กน้อยอันที่จริงหากคิดดี ๆ แล้ว ตั้งแต่เข้ามาในตระกูลหลินตอนแรก ๆ เย่เทียนหยู่นอกจากจะชอบคุยโวเป็นครั้งคราวแล้ว เขาก็นิสัยดีมากมาตลอด ที่สำคัญคือปกป้องดูแลตัวเธอเป็นพิเศษไม่ว่าคนที่ต้องเผชิญหน้าจะเป็นคุณชายตระกูลไฮโซ หรือว่าพวกเร่ร่อนไม่เอาการเอางาน เขาก็ไม่เคยสนใจ ทว่ามักจะมาปกป้องต่อหน้าตัวเธอทันทีแม้บางครั้งจะใจร้อนเป็นอย่างมาก กระทั่งนำมาซึ่งผลลัพธ์อันน่ากลัว แต่น้ำใจที่มีให้กับเธอนั้น กลับชัดเจนสุด ๆ ทว่าตัวเธอกลับมองข้ามไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งวิพากษ์วิจารณ์เขาเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงเรื่องพวกนี้แล้ว หลินหว่านหรูก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือตอนนั้นหลิวเจี๋ยบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย หากหลิวเจี๋ยไม่ได้เป็นคนทำ แล้วการรอดพ้นจากวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่าในก่อนหน้านั้นมันเรื่องอะไรกันหลินหว่านหรูส่ายหน้า บางทีมีแค่ต้องเจอตัวหลิวเจี๋ยถึงจะรู้แจ้งแจ่มชัดได้ กระทั่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือของหลิวเจี๋ย จงใจทำให้ตัวเธอสับสนแต
เย่เทียนหยู่กระทั่งว่าขี้เกียจจะขยับตัวมากมาย ยกมือขวาขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในชั่วพริบตาเดียวก็ชิงแท่งเหล็กมาได้แท่งหนึ่ง จากนั้นก็เขย่าเบา ๆทุบไปบนหน้าอกของอีกฝ่ายอ๊า!ชายหนุ่มรู้สึกเพียงว่าเจอเข้ากับการโจมตีที่น่ากลัวเข้าแล้ว เขากระเด็นออกไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว แล้วล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรงต่อจากนั้นก็กวัดแกว่งมือไปอย่างง่าย ๆ อีกทีหนึ่งการเคลื่อนไหวที่ง่ายมาก ๆ ๆ ทว่ากลับมีอานุภาพที่น่าตกตะลึงอ๊า!ให้ตายเถอะ!เพียงแค่เวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที สามคนที่เหลือล้วนประสบเข้ากับการโจมตีอย่างหนัก ร่วงลงไปบนพื้นที่อยู่ไกล ๆ ล้มลงไปกองรวมกัน น้ำเสียงเจ็บปวดต่าง ๆ นานาแว่วดังขึ้นมาพวกเขาไม่ได้เสแสร้ง ในตอนนี้โหดเหี้ยมมากจริง ๆ อย่างนั้นก็ซ้อมจนซี่โครงของพวกเขาหักไปสองสามท่อนทันใดนั้นก็เหลือเพียงแค่หลินจื่อตงยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวตามลำพังหลินจื่อตงงงเป็นไก่ตาแตก ทีแรกเขาตั้งใจลองทักษะการต่อสู้ของทั้งสองสามคน ให้พวกเขาแสดงละครกันนิดหน่อยแต่ละคนดูแล้วยอดเยี่ยมกันเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าหนึ่งคนต่อกรกับคนได้หนึ่งกลุ่มเลยเนื่องด้วยเหตุนี้เขายังจ่ายเงินไปหนึ่งล้านเต็ม ๆ ไม่นึกเลยว่า
“โม้ได้ถ้วย แกจนขนาดนี้ ถ้ามีวิธีจริง ๆ คงไม่ใส่เสื้อผ้าอย่างพวกคนจนอยู่ทุกวันหรอก” หลินจื่อตงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอยู่ข้าง ๆ“หลินจื่อตง!”หลินหว่านหรูเอ่ยขึ้นด้วยความเดือดดาลหลินจื่อตงหดตัว แล้วรีบโบกไม้โบกมือก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ผมไม่พูดแล้ว พี่พูดเลย!”หลินหว่านหรูถึงได้หมุนตัวแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณมีวิธีอะไรเหรอ?”“คือว่า...”ในเวลาเพียงชั่วครู่เย่เทียนหยู่ไม่รู้จะพูดยังไงเลยจริง ๆ หรือจะบอกว่าด่านหลังเหมินมีอุตสาหกรรมเกือบห้าล้านล้าน หยิบเศษ ๆ มาตามอำเภอใจคุณก็ใช้ไม่ไหมดแล้วเหรอ“คุณเนี่ยนะ!”“ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ ไม่ต้องลำบากหรอก”อันที่จริงหลินหว่านหรูจะพูดว่า คุณเนี่ยนะ ชอบแต่คุยโม้โอ้อวดนั่นแหละ ทว่าก็อดกลั้นเอาไว้“ได้จริง ๆ เหรอ?”“แน่นอนอยู่แล้ว!”หลินหว่านหรูพูดอย่างมั่นใจ ทว่าแอบคิดอยู่ในใจว่า ต่อให้ไม่ได้ก็ใช่ว่าคุณจะมีวิธีนี่“เอาเถอะ ถ้ามีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ก็โทรมาหาผมนะ” ในเมื่อไม่ต้องการ เย่เทียนหยู่ก็ย่อมไม่บีบบังคับอยู่แล้ว“อืม!”หลินหว่านหรูพยักหน้า ทว่าในใจกลับรู้สึกว่า บอกกับคุณไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรถึงยังไงบุญคุณก็จะใช้
ความคั้นคนของราชามังกรเฒ่าทะลักออกมา“เยี่ยมไปเลย ถ้ามีท่านอาจารย์อยู่ละก็ ผมก็วางใจแล้ว”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮ่า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ แว่วดังขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”“ฉัน แน่นอนว่ากำลังบำเพ็ญวรยุทธ์อย่างยากลำบากน่ะสิ...โอ๊ย ๆ ลึกอีกหน่อย...”“...”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ที่ท่านอาจารย์บำเพ็ญวรยุทธ์ไร้เทียมทานศาสตร์นี้เชียวหรือเขาวางโทรศัพท์ลง ทั้งตัวเขากลับไปสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านอย่างก่อนหน้านี้อีกครั้ง กระทั่งทำให้มีความรู้สึกไม่ได้รับการจำกัดอย่างหนึ่งครั้นมาถึงห้องที่โรงแรม บนใบหน้าจองเฉินเข่อซินเห็นได้ชัดว่าเผยความปลื้มปีติออกมา ก่อนจจะเอ่ยขึ้นอย่างดีใจว่า “พี่เย่ เรื่องของพี่เสร็จสิ้นแล้วเหรอ?”“อืม!”“ไม่มีเรื่องอะไรพอดี ฉันพาพวกเธอไปซื้อห้องก่อนก็แล้วกัน”เย่เทียนหยู่เอ่ย“โอเค”เฉินเข่อซินรีบตอบรับอย่างดีใจ เมื่อครู่เธอได้รับมาห้าล้าน ตอนนี้มีทั้งหมดสามสิบห้าล้าน ไปเลือกห้องชุดที่ไม่เลวได้ชุดหนึ่งเลย และสามารถทำให้แม่อยู่อย่างสบายใจได้หน่อยแน่นอนว่าเฉินหมินเองก็ไม่คัดค้านอะไ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป