“ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แกก็รู้นี่... ตกดึกทีไรใครขัดใจไม่ได้ อารมณ์เสียทุกที”
“ผมคงไม่โกรธอะไรแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจ ตามสบายนะพี่”
เจ้านายฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก “งั้นไปนะ... ไปดูซีรีส์ต่อดีกว่า”
“เอ๊ะ... พี่ติดดูทีวีหรือ? ดูอะไรอยู่ล่ะ”
“หลายเรื่อง ซีรีส์ฝรั่งเกาหลีบู๊ล้างผลาญ นางเอกสวยดี อีกเรื่องอะไรนะ... จิ้งจอกเก้าหางหรืออะไรสักอย่าง”
“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีนะครับ... เดี๋ยวก็ไม่ได้ดูแล้ว ถ้ายังอยากดูหนัง ยังอยากเที่ยว เราต้องตามหาแม่ตะเภาทอง”
ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง เป็นลูกสาวเศรษฐีเมืองพิจิตร พญาจระเข้เคยคาบแม่ตะเภาทองไปอยู่ด้วยในเมืองบาดาล เสกให้หลงด้วยมนตร์เสน่ห์ แต่ในเมื่อนางเอกต้องลงเอยกับพระเอกอย่างหมอจระเข้อยู่แล้ว ไอ้ชาละวันก็ถูกเสียบด้วยหอกอาคม
นายจันและนายคล้าวได้ยินมาว่าเวทย์อาคมเพียงเท่านั้นจะแก้ไขสิ่งที่พวกเขาเป็น ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย...
“น่าสงสารพ่อชาละวันเสียจริง เชื่อเถอะว่าหล่อนไม่มีตัวตน ถ้าเจอ ฉันคงเจอไปนานแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน วนเวียนอยู่กับอสงไขย[1] เช่นนี้ ฉันอยู่มากี่ร้อยปี”
“เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรเลยสักอย่างเหมือนเดิมนะครับ”
“เชื่อ... แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยตา สัมผัสมันได้ด้วยสัญชาตญาณ ฉันต้องเห็นมันด้วยสองตาของฉันเอง ฉันคงเหมาะกับเด็ก ๆ ยุคนี้ที่สุดแล้วล่ะ”
และเขาก็จะไม่เชื่อต่อไป ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข ประหนึ่งว่าได้รับรางวัลมากกว่าคำสาปอันน่ารังเกียจ
หนุ่มใหญ่ยิ้มใจดี คนเป็นลูกน้องกลับถอนหายใจ
“ถ้าเหงา อยากได้อะไรบอกผมนะครับ อย่าหนีไปเที่ยวไหนคนเดียวอีกนะ”
“โอเค้...!” รับปากแล้วร่างสูงก้าวหนีไปไว ๆ กระโดดลงสระน้ำกลางบ้านดังตูม! น้ำสีฟ้าอมเขียวมรกดสาดกระจายเป็นวงกว้าง
ด้วยความตกใจของบ่าว ก้าวพรวดไปชะโงกคอมองหาเจ้านายที่เตรียมตัวหนีเที่ยว ก่อนจะพบรอยยิ้มร่าเริงบนบนใบหน้าหล่อเหลา ลอยคออยู่เหนือน้ำ
“จะไปไหนครับ!?”
“มุดหัวลงถ้ำบาดาลสักสองสามวัน เดี๋ยวกลับมา แถวนี้มันน่าเบื่อ”
“หนีเที่ยวได้ แต่วันมะรืนนี้พี่ต้องกลับมาทำงานให้ทันนะครับ...”
“ปกติไม่เห็นจะออกตัวเข้าสังคมไม่ใช่รึ หมกตัวอยู่แต่ในห้องมากี่สิบปี อารมณ์ไหน ทำไมถึงไปรับงานมาให้ปวดหัว เฮ้อ!”
ที่ปรึกษาสถาปนิก วิศวกรระดับสูงในคราบครึ่งสัตว์เลื้อยคลานขณะนี้ไม่อยากเจรจานาน หางขนาดใหญ่มหึมาสีดำสนิท น่าสะพรึงกลัวงอกออกมา ฟาดน้ำสาดกระเซ็นใส่บ่าวจนเสื้อเชิ้ตกางเกงตัวหล่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะหายลงไปในผืนน้ำ ไม่ทันได้ฟังประโยคสุดท้ายใต้รอยยิ้มมีเลศนัย
“ผมกำลังตามหาคนยังไงล่ะ ถึงได้ออกไปนั่งเล่นร้านกาแฟตามคำแนะนำของคุณหลวงน่ะ... หึหึ”
------------------------------------
หลายวันมานี้แอลลิเกเตอร์ขี้เหงา ชอบออกเที่ยวเตร็ดเตร่เป็นประจำ ไม่ได้ไปสร้างเรื่องที่ไหน เพียงหนีไปนอนหลับจำศีลเงียบ ๆ ในถ้ำบาดาล ก่อนกลับขึ้นมาเดินช้อปปิ้ง เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าบนห้างสรรพสินค้า นำเสื้อสูทตัวใหม่สั่งตัดจากร้านดัง แขวนไว้เหนือที่นั่งเบาะหลังของรถยนต์หรู เลือกชุดหล่อจากตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เป็นเสื้อยืดงานแบรนด์เนมลายขวางกับกางเกงสีกากีทรง Slim Fit ลูบผมให้เรียบตรง
การแต่งตัวของหนุ่มรุ่นปู่ทวดไม่มีตกเทรนด์ บางวันสูท บางวันเชิ้ตสีดำ ลายสก็อตบ้าง เขาจัดมันเข้ากับนาฬิกาเรือนละหลักหมื่นขึ้นจนถึงหลักแสนบาท
นายจันปรับตัวเข้ากับยุคสมัย เปลี่ยนทรัพย์สินเดิมที่สะสมมาเปลี่ยนเป็นเงินสด ทั้งที่ดิน ของเก่าแก่ต่าง ๆ บางชิ้นตีมูลค่าแทบไม่ได้ เมื่อก่อนไม่คิดว่ามันจะแพงแต่พอมายุคนี้แล้วมันทำให้เขากลายเป็นเศรษฐี แม้แต่สปอร์ตคาร์ตัวใหม่ล่าสุดจากมอเตอร์โชว์ เขาขายบ้านหลังหนึ่งในย่านสุขุมวิทมาเปลี่ยนเป็นรถ
ด้วยภาพลักษณ์ไฮโซโก้หรูในโลกโซเชียล ผู้คนเริ่มมากดไลค์แชร์ประสาเซเลบที่ได้รับมรดกมาจากบิดามารดา คาบช้อนทองมาเกิด ไม่มีใครรู้ความจริงว่ารูปภาพบรรพบุรุษบนฝาบ้านก็ตัวเขาเอง... ทั้งหมดนั่นแหละ!
เชฟโรเลตสีแดงแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วหาบ่าวตามนัดหมาย เพียงสิบห้านาทีก็มาถึงหน้าฟาร์มจระเข้ใกล้เมืองกรุงฯ นายคล้าวรีบปรี่เข้ามาทักทาย ชวนให้ยืนรอเจ้าของงานด้วยกันหน้าตู้ขายตั๋วสำหรับเข้าชมสวนสัตว์ กลางห้องรับรองกว้างขวาง มีโซฟาให้นั่งรอแต่พวกเขาเพียงยืนคุยกัน
“ฟาร์มนี้แหละครับ เจ้าของเขาขอให้ต่อเติมห้องอาหารแบบยุโรปไว้รองรับนักท่องเที่ยว เขาอยากได้ห้องอาหารใหญ่ ๆ อลังการกว่าตอนนี้” เงียบไป นายคล้าวชายตามองผู้คนเดินขวักไขว่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงคร่ำเครียดกว่าเดิม “แต่ผมอยากพาพี่ไปพบคนคนหนึ่งก่อน”
“ใครล่ะ...?”
“คนรับรองงานครับ เอ่อ... เธอเป็นหัวหน้าพนักงานขาย เรามาในฐานะลูกค้าด้วยว่าจะมาซื้อของไปเปิดร้านเสียหน่อย”
“ก็ไปสิ ทำไมแกต้องทำอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ให้ฉันสงสัยอยู่เรื่อย”
คิ้วเข้มหนาเรียงชิดติดกัน พอจะก้าวขา นายจันก็ถูกดึงรั้งไว้เพราะว่าเขาดันใจร้อนไม่รอลูกน้อง นายคล้าวปรามเขาให้ใจเย็น ยกโทรศัพท์จอกว้างขึ้นแนบหู
“ผมมาถึงแล้วนะครับคุณกัญญาวีร์ หน้าห้องขายตั๋วเลยครับ” พลันมือหนาสะบัดเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ตวัดหางตามองเจ้านายด้วยท่าทางหงุดหงิด
“อะไรกันครับพี่ รอนิดรอหน่อย อารมณ์เสียอีก”
“เปล่าอารมณ์เสีย ฉันแค่รำคาญแกทำตัวมีความลับ ฉันไม่ชอบความลับ...”
เพราะที่เป็นอยู่ก็ลับ ๆ ล่อ ๆ มากแล้ว บ่าวตวัดหางตามองเจ้านายขี้หงุดหงิดพลางผ่อนลมหายใจด้วยความรู้สึกไม่ต่าง ก่อนจะมองไปอีกทาง ถัดจากตู้ขายตั๋ว มีพนักงานหนุ่มสาวนั่งอยู่ในอีกฟากหนึ่ง
“ผมไม่ได้มีความลับอะไรครับ แต่ผมต้องทำบางเรื่องให้เรียบร้อย”
“นั่นแหละความลับ”
“มันจำเป็นครับ อีกเดี๋ยวพี่ก็รู้เองแหละ ไม่เกินสิบนาทีแน่นอน รอหน่อย”
ทั้งนายบ่าวไม่ชอบการรอคอย จึงพาลอารมณ์เสียตามสภาพอากาศร้อนอบอ้าว เครื่องปรับอากาศไม่ค่อยเย็น แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามาถึงชายเสื้อเชิ้ตสีดำของคนหนุ่ม ส่วนเจ้านายนั้นนั้นอยู่ในเสื้อยืดกางเกงสแล็คธรรมดา
ด้วยร่างกายของมนุษย์ พวกเขารับประทานอาหารและมีระบบย่อยอาหาร แม้ถนัดเนื้อสัตว์กันมากกว่าผักใบเขียว ขณะที่สรีระกำยำสมส่วนด้วยอาคมมนตร์ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพมากนัก ต่างจากจิตใจที่ยังเป็นสัตว์เลือดเย็น โมโหร้าย ดุร้าย ซึ่งนั่นหมายความว่าต่างคนต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการสงบสติอารมณ์และจิตใจ ให้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคมได้อย่างเป็นปรกติสุข
----------
[1] มากจนนับไม่ถ้วน , ไม่รู้จบ, ไม่มีที่สิ้นสุด , กาลเวลาที่นานเสียจนนับไม่ได้ว่ากี่เดือนกี่ปี
เมื่อผู้ชายตัวโตเป็นฝ่ายยอมปล่อยจากเรียวปากอิ่มงาม กัญญาวีร์ชนหน้าผากไว้กับหน้าผากกว้าง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปตลอด สุดอสงไขย ณ สถานที่ไร้ห้วงเวลาแห่งนี้“หากว่าถึงเวลาของเรา สักวันหนึ่งเราจะไปด้วยกันนะคะ เราสามคน”“ไม่แค่สามครับ... อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แน่นอนว่าบ้านหลังนี้จะมีจระเข้แอลลิเกเตอร์มากกว่าสามตัว”นานเท่าไรก็จะไม่พรากจาก รอยยิ้มปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา กุมภิลหนุ่มเจ้าเล่ห์กำลังจินตนาการถึงลูกครึ่งจระเข้และแอลลิเกเตอร์ ลูกของเขากับแม่แก้วกัญญาส่วนหญิงสาวยังคงมองตามหยดน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาเมื่อมันกลายเป็นก้อนกลม ลอยขึ้นที่สูงแล้วสลายหายไปในอากาศ เธอผุดรอยยิ้มกว้างออกมา ยกปลายนิ้วขึ้นแตะมันที่แตกกระจายออกเป็นฟอง ไม่เลิกร้องไห้ในอ้อมกอดของกุมภิลในวังบาดาลของพญาจระเข้ใหญ่นี้ก็คงจะมีลูกหลานทายาทจระเข้มากกว่าหนึ่งตัว และจากนี้ไปคงมีเรื่องให้คนช่างอยากรู้อยากเห็นอย่างกัญญาวีร์สนุกตามคุณพ่อจระเข้อีกแน่ ๆ ------------------------------------การออกไปว่ายน้ำหาสถานที่อาบแดดเป็นอะไรที่... มีความสุขที่สุด! หากไม่เป็นเพราะว่าคุณแม่อยากลองสถานที่แปลกใหม่ คน
พญาชาละวันคงไม่มีเมตตาต่อมนุษย์เท่าเดิม เมื่อจิตวิญญาณและความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ตาคมจรดมองร่างสั่นเทา เปียกปอนเหน็บหนาวไม่ต่างจากพรายสาว น้ำตาลูกผู้ชายก็พาลไหลชาละวันบัดนี้ไม่กลัวเกรงพญายมราชหรือใครหน้าไหน แม้ว่าเขาจะเหยียบหน้าเจ้าถิ่น ก็คิดเพียงว่าต้องพาเมียรักกลับคืน ตรงกันข้ามกับอีกคน หญิงสาวคิดว่ามันคงถึงเวลาต้องจากกัน...“ให้แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาร่วมกันเถิดค่ะ ตอนนี้กันต้องไปแล้ว ลาก่อนคุณหลวงจัน... พญาชาละวัน...”เพียงเรือลำน้อยแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วต่างจากเมื่อครู่ หยาดน้ำใสก็เจิ่งนองเต็มสองตาเจ้าจระเข้ยักษ์ มันไม่ยอมว่ายห่างจากเรือ ยังแปลงกายครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แผงอกกว้างกำยำและสองมือเกาะติดเรือไม้อย่างแน่นหนึบ“ผมไปด้วยได้ไหม?”‘ไสหัวไป... ไอ้ตาละวัน’“ไม่ไปครับ...” ในสีหน้ายียวนกวนประสาท กุมภิลหนุ่มรู้ว่าตนจะต้องเจอกับอะไร ไม่มีใครกล้าลองดีกับท่านท้าวพญายมราช ที่ถึงจะส่งพระยมไปเก็บดวงวิญญาณ ก็สามารถสื่อสารจิตถึงกัน หากว่าเจอเรื่องราวอันเป็นอุปสรรคในเมื่อบนโลกนี้ยังมีอมนุษย์และปีศาจบางตน ปะปนแอบแฝงอยู่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆทว่าจากเรือนผมที่เคยเป็นสีขาวยาวประเอว บัดนี้
เคียดแค้นชิงชัง โกรธในสิ่งที่เธอทำแต่ว่ายังรัก... เขายังรักเธอหมดหัวใจ‘แม่แก้ว!’ เสียงเรียกดังผ่านกระแสน้ำถึงห้วงจิต อีกเพียงนิดก็คว้าร่างของแม่สาวเอวบางได้แล้ว ทว่าเจ้าของเรือนผมสวยสีดำขลับในมินิเดรสตัวเดิม กลับว่ายขึ้นฝั่งผ่านหน้าเขาไปเสียเฉย ๆ ไม่แม้จะสนใจเขาด้วยซ้ำ‘กัญญาวีร์! รอผมก่อน จะรีบไปไหน...’เดรสลายดอกไม้ตัวนั้นเขาก็ซื้อให้ แค่เธอบอกว่าสวยคำเดียวไม่ว่ามันจะราคาเท่าไร เธอมันก็แค่ผู้หญิงเอาแต่ใจ เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง หัวสูง ทำอะไรไม่ปรึกษา ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโห!นัยน์ตาสีแดงสนิทพยายามเพ่งมองให้ชัด โทสะปะทุขึ้นในจิตใจ ร่างสีดำสนิทของจระเข้ใหญ่แหวกว่ายตามไป ก่อนจะพบว่าเป็นเพียงร่างโปร่งใสยังมีอีกคนลอยอยู่ท่ามกลางความมืด สองแขนยกขึ้นเหนือศีรษะ เส้นผมสยายกระจายตามกระแสน้ำ ดวงตาคู่สวยใสใต้เปลือกตาขาวเพียงเบิกมองข้างหน้าอย่างเคว้งคว้าง ในสถานที่แสนเงียบเชียบและหนาวเหน็บลำพัง------------------------------------ร่างไร้ลมหายใจที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำ ราวกระชากหัวใจกุมภิลไปจากอก ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งเธอไว้ เมื่อภาพที่ตาเห็น สิ่งที่สองมือสัมผัสเป็นเพียงกายหยาบ เขากอดร่างแสนหวงแหนไม่ห่าง
ปริศนาในใจเธอได้ไขกระจ่างเมื่อไม่นานมานี้ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาลิขิตตามพระครูว่าเธอเป็นกุญแจสำคัญ“ฉันเป็นคนขังเขา แต่ในเมื่อเขาเลิกกินเนื้อมนุษย์ไปแล้ว หมอจระเข้ก็หมดกรรมกับเขาไปแล้ว เขาควรได้รับการปลดปล่อยเสียที ฉันจะทำมันค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ได้ไปคนเดียว”“เช่นนั้นผมคงห้ามอะไรคุณกันไม่ได้ เอาเป็นว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรให้ตะโกนเรียกผมนะครับ ผมลงไปในบ่อน้ำนี้ไม่ได้”สองนายบ่าวแทบจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ หากว่าไม่เห็นกับตา ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะลืมเรื่องบ่อน้ำเสมอ ขณะส่ายคอมองหาไปรอบ ๆ บริเวณด้านหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารก ท้องฟ้ามืดลงเต็มที ต่างคนมองเห็นร่างโปรงใสของชายหน้าคุ้นตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าบ้าน กำลังชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่าง แววตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง“ฝากด้วยนะคุณคลาวด์ อย่าให้เขามา”“ครับ คุณรีบไปจัดการธุระเสียเถอะ ถึงเจ้านายผมจะหลับ จิตเขาไม่ได้หลับไปด้วย”ได้ยินเท่านั้น เรือนร่างงามของหญิงมนุษย์ก็กลายเป็นเดรัจฉานสีขาว นัยน์ตาสีทอง สัตว์เลื้อยคลานที่มีเขี้ยวคมคลานไปด้วยสี่เท้าของมันลงบ่อไป ------------------------------------ลึก ๆ แล้วกัญญาวีร์
เขายังมีเรื่องราวแปลก ๆ เล่าให้เธอฟังอีกมากแต่เป็นเพราะว่านั่งฟังเสียงตึกตักดังมาได้สักพักจากคุณแม่และคุณลูก จึงซุกปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเข้าหาเดรสลายดอกไม้สวย สูดกลิ่นหอมเบา ๆ ให้ชื่นใจ มือเอื้อมผ่านแผ่นหลัง โอบเอวบางของคุณแม่ที่หน้าท้องใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างระวัง“ท้องโตขึ้นนะ คุณพ่ออยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเร็ว ๆ จัง”“คุณชาร์ลว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”“ผู้ชาย... ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย”สัญชาตญาณลึก ๆ บอกเขาที่เชื่อในความสามารถการรับรู้ของตน คุณพ่อยังนึกซน พอกลิ่นหอมอ่อนอันมีเอกลักษณ์โชยมาแตะจมูกตามทิศทางลม ขณะที่เดรสกระโปรงยาวคงทำอะไรต่อมิอะไรได้ยากเสียหน่อย คุณแม่ยังหวงเนื้อหวงตัวเป็นพิเศษในระยะหลัง ๆ มา เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้กิน! “ตัวเล็กครับ... ก๊อก ๆ อยู่ไหมนะ... พ่อกวนแม่ได้ไหมครับ” “ไม่ได้ครับ ห้ามกวน” คุณแม่ดัดเสียงแหลมเล็กหยอกล้อ ส่งเสียงหัวเราะดังระคนกันไปนายจันเผลอคิดว่าเมียคงกลายเป็นคนขี้แกล้งอย่างเขาเสียแล้ว ขณะมือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ เลิกกระโปรงบานพลิ้วขี้นกองเหนือหน้าขา ก่อนจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ดวงตาคู่สวยใสแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ดุแ
กัญญาวีร์ดูเร่งเร้าเหลือเกิน ชายกระโปรงสีครีมหวานเขย่าไปเขย่ามา ทำเอาเจ้าของบ้านลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม มือไขประตูอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่พอได้ยินเสียงหวานตะโกน“แม่อ่วม ๆ!”‘เจ้าขา... คุณผู้หญิง... อ่วมอยู่นี่เจ้าค่ะ’ คงไม่มีใครคิดว่าบ่าวผู้จงรักภักดีอย่างแม่อ่วมจะยังอยู่บ้านหลังนี้ นายจันมาที่นี่กี่ทีไม่เคยลองเรียกหล่อนดู จึงไม่รู้ว่าหล่อนยังอยู่ นั่นทำให้เขายิ่งแปลกใจ“เรียกหาบ่าวทำไม?”“คือ... กันดีใจไปหน่อย ลืมตัวค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า กันหิวแล้ว” พูดพลันควงท่อนแขนเป็นล่ำสันกลบเกลื่อน นายจันยังมีสีหน้าสงสัย ขณะพาหญิงสาวเข้าบ้าน เพิ่งจะเห็นเธอนิ่งเงียบไปหลังส่ายคอมองไปทั่ว ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น“กันทำตัวไม่น่าไว้ใจนะครับ”“ก็ปรกตินี่คะ คุณชาร์ลคิดเองเออเองรึเปล่า?”รอยยิ้มบนวงหน้าหวานบอกว่าไม่มีอะไร เมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงจับมือเรียวเดินผ่านทางเข้าบ้านโบราณที่ตกแต่งด้วยสีขาวครีม ขอบหน้าต่างหลังคาเป็นเกล็ดขนมปังขิง ตามแบบสมัยนิยมยุคคุณหลวง มีภาพขนาดใหญ่ใส่กรอบเป็นหนุ่มหน้าตาเหมือนกับนายชรัณไม่ผิดเพี้ยนแต่ถือไม้เท้าสวมชุดราชปะแตนอยู่กลางบ้าน“คิดถึงจังเลยค่ะ กันอยากกลับบ้านหลังนี้มาน