"จะเป็นของเขาเหรอ?"สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น วิธีการพูดของเธอทำให้เข้าใจผิดได้แซลลี่ตกใจเล็กน้อย แก้มของเธอแดงขึ้นขณะกลอกตาไปที่ผู้คน "พูดเรื่องอะไรน่ะ?" เธอพูดเสียงดัง "ฉันหมายความว่าจะรับใช้เขาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าเขาไปไหนฉันก็จะตามไปด้วย!""ฮ่า เธอไม่รู้จักวิธีประจบคนอื่นเลยนะ แต่วันนี้เธอได้เรียนรู้วิธีแล้ว เหลือจะเชื่อ!"ชายชราคนหนึ่งหัวเราะออกมา"ใครประจบใครนะ? ฉันจะบอกความจริงอะไรให้นะ เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอที่นายน้อยเฟนด์ช่วยเรามามากขนาดนี้?"แซลลี่จ้องชายชราเขม็ง "ใครจะไปรู้ว่าเราจะได้มีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่ล่ะ?" เธอพูด"เอาล่ะ ๆ นายน้อยเฟนด์เหนื่อยมามากแล้ว แล้วนี่มันก็สายมากแล้ว เราไปพักผ่อนกันก่อนมาทานอาหารเย็นเถอะ!"แลนเซล็อตพูดขณะหัวเราะ"เอาล่ะ เฮ้ วันนี้เป็นวันที่ดีจริง ๆ ฉันไม่ได้ยินข่าวแบบนี้มานานแล้ว เราต้องฉลองกันจนเช้าไปเลย!"แซลลี่พูดอย่างมีความสุข "อย่างนี้ นายน้อยเฟนด์ ฉันจะจัดที่พักให้คุณในบ้านของเรา""ได้เลย เราจะฉลองกัน พวกเด็ก ๆ ควรไปพักผ่อนกันให้เพียงพอ ผมจะเลือกคนที่มีความสามารถในนี้ ตระกูลสาขามีสมาชิกมาก ผมจะเลือ
เฟนด์ยืดตัวเมื่อได้กลิ่นบาร์บีคิว เขาเดินออกมาข้างนอกบ้าน"เฮ้ เราก็เกรงว่าคุณอาจจะฝึกหรือว่าหลับอยู่ เลยไม่กล้ากวน อาหารใกล้เสร็จแล้ว เรากำลังจะไปเรียกพอดีเลย!"แซลลี่เดินอย่างมีความสุขเมื่อเห็นเฟนด์ เธอยื่นจานมาให้เฟนด์พร้อมกับเนื้อแผ่นใหญ่บนนั้น "ฉันไม่ได้เก่งอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็มีทักษะในการทำบาร์บีคิว เลยทำอันนี้เองค่ะ ลองดูสิ!""ไม่เป็นไรหรอก มาดูกันว่าเธอจะเก่งขนาดไหน!"เฟนด์กัดเข้าไป ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที "น่าทึ่งมากรสชาตินี้!""ฮ่า นายน้อยเฟนด์ ตรงนี้มีแอลกอฮอลล์ด้วยนะ!"ขณะนั้น แลนเซล็อตก็เดินเข้ามา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขายื่นแอลกอฮอลล์ขวดใหญ่ให้เฟนด์"ขอบคุณมาก!"เฟนด์ดมกลิ่นแฮลกอฮอลล์ก่อนกลืนน้ำลายอึกเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคืนแห่งความสุข โดยเฉพาะกับตระกูลสาขา ทุกคนมีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปากเช้าวันต่อมา ตระกูลสาขามีอัจฉริยะห้าหรือหกคนเพื่อประลองกันก่อนจะเลือกทั้งหมดมาสามคนพวกเขาออกจากตระกูลสาขาพร้อมกับแลนเซล็อตและครอบครัวในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ขณะเดียวกันเฟนด์ก็ไปเยือนตระกูลสาขาอื่น ๆ ไม่นานเขาก็มาถึงทางเข้าของตระกูลสาขาที่อื่น"ไอ้สารเลว! สักวัน
ชายหัวล้านที่ตัวสูงและแข็งแรงเลิกคิ้วข้างหนึ่งหลังจากฟังชายหนวด "ฮี่ ๆ ชอบคนไหน? พาพวกมันมาทั้งหมดแล้วก็ลงเขากันเถอะ!"ชายหนวดไม่พอใจกับคำตอบของเขา "ผู้พิทักษ์ลานิช นายทำอย่างนี้ได้ไง? เหอะ ที่ฉันหมายถึงคือนายเอาเด็กนั่นไป!"ชายหัวล้านยิ้มอย่างขมขื่น "โอ๊ะ เข้าใจแล้ว นายชอบคนแก่กว่างั้นสิ? แม้จะเป็นหญิงวัยกลางคนแต่ก็รักษาหุ่นได้อย่างดีเลยนะ! ถือได้ว่ามีอายุประมาณสามสิบ มีแค่คำว่า 'มีเสน่ห์' เท่านั้นแหละที่อธิบายออร่าโดยรวมได้ ยิ่งกว่านั้น เธอก็เป็นถึงภรรยาของผู้อาวุโส ฉันชอบความท้าทายจริง ๆ!" หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้ว เธอกัดฟันร้อง "ก็ได้! ฉันจะไปกับพวกแก แต่แกต้องปล่อยลูกสาวฉันไป!" "แม่พูดอะไรน่ะ? เราจะหนีไปด้วยกัน!" ทันทีที่ลูกสาวเธอได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็แห้งเหี่ยวลงอย่างไม่น่าดู เธอจับมือแม่เอาไว้และค้าน "โง่นัก เราสู้ไม่ได้หรอก ความสามารถพวกนี้แข็งแกร่งกว่าเราอีก นอกจากนี้พวกมันก็คนเยอะกว่า อย่าหวังเลยว่าจะมีคนใดคนหนึ่งรอดไปได้!" หญิงวัยกลางคนรู้สึกหมดหนทาง ใจเธอรู้ดีกว่าหากอีกฝ่ายทำให้พวกเธอเป็นมลทิน พวกมันก็คงฆ่าพวกเธอเช่นกันดังนั้น ถ้าปล่อยให้ลูกเธอรอดออกไปคงจะดีกว่า
ฟืบ!อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ใบมีดอันน่ากลัวได้พุ่งผ่านอากาศเข้ามาใส่แผ่นหลังของนายหนวด ความคมใบมีดนั้นทำให้ร่างของเขาแยกออกเป็นสองส่วนและล้มลงกับพื้น "อะไรวะนั่น? ใครมันทำแบบนั้น?" ชายหัวล้านและคนอื่น ๆ ตะลึงกับการโจมตีอย่างกระทันหัน ดวงตาของเขามองไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่งเพื่อหาคนโจมตี นั่นเฟนด์ เขายืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลนัก และค่อย ๆ เดินมาหาผู้คนด้วยดาบสีดำอันสง่างาม "แกพูดถูก! มันง่ายมากที่จะหนีเข้าป่านี้!" เฟนด์ยิ้มบาง ๆ เขาฟังมาทั้งหมดและก็สรุปได้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ตระกูลวู๊ดด้วยซ้ำ เฟนด์ไม่รู้ว่าพวกนี้มาจากไหน แต่กล้าดียังไงที่มารังแกคนของตระกูลสาขาของเรา "แกคือคนจากตระกูลวู๊ดเหรอ?" ชายหัวล้านขมวดคิ้ว ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ลูกน้องอีกคนพูดขึ้นมาว่า "ผู้พิทักษ์ลานิช ไอ้สารเลวนี่ยังเด็กอยู่เลย พนันได้เลยว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น เราไม่ต้องกลัวมันหรอก! ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีแบบลับ ๆ ล่อ ๆ นายหนวดก็คงไม่ตาย!" ผู้พิทักษ์ลานิชส่ายหัวอย่างยอมรับที่ลูกน้องพูด "แน่นอน มันตัวคนเดียว ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อมันยังเด็ก ความสามารถในการต่อสู้ของ
เฟนด์มองทั้งสอง เขายิ้มอ่อน ๆ อย่างอ่อนโยน และค่อย ๆ เดินไปหาแม่และลูกสาวเมื่อทั้งสองได้เห็นเฟนด์เดินไปหา หัวใจก็กระโดดเข้าไปในลำคอ "ค-คุณจะทำอะไร?" หญิงวัยกลางคนกัดฟัน ร่างของเธอขยับเข้าใกล้ลูกสาวมากขึ้นโดยสัญชาตญาณพยายาม พยายามปกป้องลูกจากเฟนด์ "คุณ-คุณไม่ใช่คนของตระกูลวู๊ดนี่! คุณเป็นใคร? ต้องการอะไรจากเรา?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ตราบใดที่ปล่อยแม่ของฉันไป ฉันก็จะเต็มใจที่จะ..." เธอเสริม หญิงสาวกัดฟันและเสนอ เฟนด์พูดไม่ออก เขาประกาศแล้วว่าเขามาจากตระกูลวู๊ด สองคนนี้ก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนเลวแบบพวกนั้นเหรอ? "ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ใช่คนเลว!" เฟนด์หัวเราะอย่างขมขื่น พยายามอธิบาย "ไอ้หนุ่ม แกไปทำอะไรกับผู้หญิงทั้งสอง?" ที่ไม่เป็นอย่างที่เฟนด์หวังไว้คือเสียงดังไปถึงผู้ชายจากหมู่บ้านใกล้ ๆ นี้เมื่อทั้งสามได้ยินเสียงกระทบกระทั่งพวกเขาก็รีบวิ่งเข้า ทันทีที่เดินไปถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็เห็นภาพเฟนด์กำลังเดินไปหาผู้หญิงสองคนบนพื้น หนึ่งในสามคนนั้น พวกชายวัยกลางคนตะโกนใส่เฟนด์อย่างโกรธอื่น "นั่นมันมูนกับป้าทิวลิปนี่!" ชายหนุ่มทั้งสามสังเกตว่าเฟนด์ถือดาบไว้ในมือ จากน
จากนั้นผู้คนก็ตอบสนองเช่นนั้น ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน ตกใจ และประหลาดใจ เหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นคนของตระกูลวู๊ดจริง ๆ "อ่า เขาเป็นทายาทของนายท่านเหรอ?"มูนอ้าปากค้างขณะพูด ดวงตาเธอเบิกกว้างเท่าจานรอง ริมฝีปากเธอก็เบิกกว้าง ไม่กี่วินาทีต่อมา เมื่อรู้ตัวแล้วเธอก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฟนด์และพูดว่า "ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเราไว้ นายน้อยเฟนด์! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันกับแม่ก็คงจะ...""ใช่! ขอบคุณมากนายน้อยเฟนด์!"หญิงวัยกลางคนคุกเข่าลงกับพื้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา และเสียงก็สั่น "เราไม่เคยเจอนายน้อยตระกูลวู๊ดเลย เราก็เลยคิดว่าคุณไม่ใช่คนของตระกูลวู๊ด เราเข้าใจผิด ได้โปรดยกโทษให้เราด้วย!""ลุกขึ้นเถอะ ฉันจะโทษพวกคุณได้ยังไงในเมื่อรู้ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด? ยกโทษให้แน่นอนอยู่แล้ว!"เฟนด์เข้าหาทั้งสองคน พลิกฝ่ามือ และยาสองเม็ดก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา เขายืนยาให้ทั้งคู่และพูดว่า "ทั้งสองคนรับไปคนละเม็ด และรีบกลืนเข้าไปเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บซะ""นี่... ฉัน... ฉันจะรับสมบัติจากนายน้อยเฟนด์มาได้ยังไง!"มูนก้มหัวลงอย่างกระอักกระอ่วนกับท่าทีที่มีต่อเฟนด์เมื่อสักครู่ เธอคิดว่าเฟนด์ไม่ได้ต่า
จากนั้นไม่นาน สีหน้าของมูนก็ดีขึ้นกว่าตอนแรก ยาที่เฟนด์ให้มามีผลอย่างรวดเร็วต่อมูนมากมูนกดริมฝีปากเข้าหากันและยิ้มออกมา "กลุ่มโจรขี่ม้านั่นรู้ว่าเรามาจากตระกูลวู๊ด ดังนั้นในตอนนี้ พวกมันก็ไม่กล้าไปไหนไกลหรอก อย่างน้อยก็จะไม่ฆ่าคนของเรา แต่ดูจากสถานการณ์ ผู้พิทักษ์ลานิชต้องการฆ่าฉันกับแม่!" เฟนด์พยักหน้าและพูด "เธอพูดถูก เพราะพวกมันไล่ตามความสวยเธอมา หลังจากที่ล่วงละเมิดแล้ว มันก็จะฆ่าและทำลายศพแน่นอน ถึงเวลานั้น คนของเราก็จะไม่รู้ว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แม้ว่าจะรู้ เราก็จะไม่รู้ว่าเธอตายังไง พวกมันไม่ยอมรับการกระทำของตัวเองหรอก!" เฟนด์กำหมัดแน่นขณะคิดถึงผลที่เป็นไปได้มากที่สุด "เหมือนว่าจะถึงเวลากำจัดไอ้พวกนี้ซะแล้ว!" เฟนด์ตำหนิ"แต่ นายน้อยเฟนด์ คุณเพิ่งจะอยู่ในระดับขั้นต้นของเทพแท้จริงใช่ไหม? แม้ว่าเราจะร่วมมือกัน ฉันก็เกรงว่าจะเสียครั้งใหญ่อยู่ดี ฉันไม่มั่นใจเท่าไหร่ในเรื่องนี้" เมสันขมวดคิ้วขณะพูดกับเฟนด์ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม อย่างไรก็ตาม เฟนด์ก็ไม่ได้สนใจอะไร "ไม่ต้องห่วง ฉันรับรองได้ว่าจะไม่มีการสูญเสียใหญ่โต พวกนั้นมีนักสู้แค่คนเดียวที่มีพลังระดับขั้นต้นของเทพแท
"เอาล่ะ! ไปกันเถอะ!"เฟนด์โบกมือและฝูงชนก็เดินออกไปอย่างมีระเบียบ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านล่างของภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้าน "นายน้อยเฟนด์ บางครั้งกลุ่มโจรขี่ม้าก็จะไปหาทรัพยากรการต่อสู้ แต่ส่วนใหญ่จะมาปล้นพวกเรา บางครั้งพวกเขาก็รอเราตรงทางเข้าป่าที่เราไล่หาทรัพยากร บางคนจากตระกูลอื่นที่ไม่รู้จักพวกเขาก็จะโดนปล้นไปด้วย แต่ในสถานการณ์ปกติแล้ว พวกมันจะปล้นแต่ก็ไม่กล้ารุกรานตระกูลอื่น ดังนั้นส่วนใหญ่ก็ทนการรังแกจากพวกมันได้!"ระหว่างทางไปยอดเขาใหญ่ เมสันก็ไตร่ตรองกับอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา และพูดเสริมว่า "ดังนั้น ผมคิดว่ากลุ่มโจรขี่ม้าพวกนี้ได้เก็บทรัพยากรมากมายเอาไว้ ถ้าเราฆ่าพวกมันทั้งหมด เราก็จะได้ทรัพยากรนั้นมาด้วย!" "นายน้อยเฟนด์ ตอนที่เราบุกเข้าไปได้และจัดการพวกมันได้สำเร็จ คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่จะถือว่าเป็นหนึ่งในภารกิจหาทรัพยากร? และถ้าเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้กับตระกูลหลักล่ะ?" ผู้อาวุโสอีกคนพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ผู้อาวุโสคนนี้ฉลาดและช่างสังเกต เขาเห็นความตั้งใจของหัวหน้าเมสันที่จะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเฟนด์อย่างตั้งใจ เมสันคิดเรื่องทรัพยากรจำนวนมากนี้อย่างเห็นได้ช