จากที่เคยมองไปยังวิวด้านนอก จำต้องละสายตากลับมามองสตรีสาวที่ขึ้นเสียง แถมยังชี้หน้าเขาอย่างไม่พอใจด้วยความประหลาดใจ
“เธอเป็นเจ้าหญิงหรือไง ถึงได้เดือดร้อน” คำพูดนี้ทำให้สาวน้อยรู้สึกตัว รีบแก้ตัวพัลวัน
“ก็...เอ่อ... นายท่านไม่ควรกล่าวหาองค์หญิงแบบนี้ หากใครได้ยินเข้าโทษถึงประหารเลยนะเพคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานยังคงขุ่นคลัก
ทวิภาคยักไหล่ทำท่าไม่แยแส จนราชาวดีอยากจะทุบสักปึ๊กสองปึ๊กให้หายโอหังนัก นี่หากไม่รักไม่ใคร่นะ จะสั่งให้ทหารจับไปทรมานให้เข็ด
“ฉันพูดความจริงทำไมต้องกลัวด้วย องค์หญิงของเธอนั่นแหละที่สมควรจะอาย มีอย่างที่ไหนบังคับให้ผู้ชายมาหา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อย...”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ ราชาวดีฟังแล้วก็ชอกช้ำ หน้าเศร้าไม่คิดว่าเขาจะรังเกียจหล่อนถึงเพียงนี้ หล่อนก็แค่อยากเห็นเขา อยากใกล้เขา อยากตอบแทนที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้แค่นั้นเอง ไม่เคยคิดจะใช้อำนาจเพื่อให้ได้ตัวเขามาครอบครองสักหน่อย
น้ำตาพาลจะไหลต้องรีบซ่อนไว้ใต้รอยยิ้มหวานที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เล็ก “หากนายท่านได้พบองค์หญิง นายท่านจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพระพักตร์หรือเปล่าเพคะ”
“ฉันเป็นคนปากตรงกับใจ คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น เย็นนี้ตอนมื้อค่ำฉันก็จะพูดแบบนี้กับองค์หญิงแก่แดดนั่น...”
ราชาวดีกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเจ็บจี๊ดในอก นี่หล่อนคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่นะที่ปลอมตัวมาอยู่ใกล้ๆ เขาแบบนี้ เพราะยิ่งใกล้ เขาก็ยิ่งพูด ยิ่งทำให้หล่อนเจ็บ เจ็บโดยที่โต้ตอบอะไรไม่ได้เลย
“องค์หญิงจะยังไม่พบนายท่านในเย็นนี้หรอกเพคะ...”
“เพราะอะไร...” ทวิภาคถามเสียงผิดหวัง
หญิงสาวส่ายหน้า “ข้าน้อยไม่ทราบได้ แต่ถ้าองค์หญิงยินดีจะให้นายท่านพบเมื่อไหร่ ข้าน้อยจะรีบเรียนให้ทราบเพคะ”
ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่อยากให้พบแล้วให้ฉันรีบมาทำไม บ้าชะมัด!” พูดออกมาอย่างหัวเสีย กำปั้นทุบแรงๆ ที่ขอบระเบียงไม้ จนสาวน้อยข้างหลังตกใจหน้าซีด
“องค์หญิงทรงติดราชกิจบางอย่างทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการเดิม หวังว่านายท่านจะเข้าใจ”
ทวิภาคไม่ตอบ แต่แสยะยิ้มมุมปาก “ใครจะขัดใจองค์หญิงผู้สูงส่งได้ล่ะ ขนาดอยู่ไกลถึงเมืองไทย แค่รับสั่งคำเดียวยังต้องรีบมาเลย...”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชดประชัน ราชาวดีเจ็บลึกในอก แต่จำต้องกล้ำกลืนไว้ในอก เพราะรักปักใจคำเดียวถึงทำให้หล่อนยอมถูกเหยียบย่ำเช่นนี้
“หากนายท่านไม่ต้องการอะไรเพิ่มแล้ว ข้าน้อยขอตัวก่อนนะเพคะ นายท่านจะได้พักผ่อน...”
ก้มหน้าลงถอนสายบัวช้าๆ กำลังจะหมุนตัวออกไปจากห้องพักของทวิภาค แต่เสียงเข้มห้วนก็หยุดหล่อนไว้เสียก่อน
“ฝากบอกองค์หญิงของเธอด้วยนะว่าหากยังเล่นองค์อยู่แบบนี้ ฉันจะกลับเมืองไทย”
ราชาวดีเบิกตากว้างหน้าตื่น “นายท่านทำอย่างนี้ไม่ได้นะเพคะ...”
ทวิภาคหรี่ตายาวรีที่หวานซึ้งของตนเองมองสตรีสาวสวยเบื้องหน้าด้วยความเคลือบแคลง ไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีงดงามราวกับภาพวาดตรงหน้าจะเป็นแค่นางกำนัลเล็กๆ ที่คอยรับใช้เจ้าหญิงองค์นั่น
เมื่อถูกมองอย่างจับผิด ราชาวดีจึงรีบแก้ตัว “คือ... องค์หญิงจะทรงกริ้ว แล้วข้าน้อยก็จะต้องโทษหนัก...”
ไหล่กว้างไหวเล็กน้อย พูดออกมาอย่างไม่แยแส แต่แท้จริงแล้วรู้สึกเห็นใจสตรีตรงหน้าที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อไม่น้อย
“ก็ช่างเธอสิ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย”
ไม่มีเสียงหวานเจื้อยแจ้วตอบมา ทำให้ทวิภาคอดจ้องมองใบหน้างดงามนั้นอย่างพิจารณาไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้หน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“เธอชื่ออะไรหรือ...”
คำถามที่เปลี่ยนเรื่องสนทนาแบบฉับพลันทำให้ดวงตากลมโตที่ก้มมองพื้นอยู่เมื่อครู่นี้ต้องช้อนขึ้นจ้องใบหน้าหล่อลากดินของเขาด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเห็นรอยยิ้มแต้มมุมปากหยักสวยสีสดนั้นน้อยๆ หญิงสาวก็อดระบายยิ้มตอบไม่ได้ ทั้งๆ ที่กำลังเศร้าใจอยู่กับคำพูดไม่ไว้หน้าของทวิภาคเมื่อครู่นี้
“เอ่อ...”
“ถามว่าชื่ออะไรไง...” น้ำเสียงคล้ายรำคาญ จนราชาวดีต้องรีบละล่ำละลักบอกชื่อที่คิดได้เร็วที่สุดในขณะนั้นออกไป
“ดอกเอื้องเพคะ ดอกเอื้อง...”
ชายหนุ่มระบายยิ้มพึงพอใจ จ้องมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง แต่ถึงมันจะแปลความหมายไม่ออก แต่กระนั้นมันก็ยังสามารถทำให้เลือดในกายร้อนระอุขึ้นมาอย่างไม่เคยพานพบมาก่อน
“ดอกเอื้องหรือ... เพราะดีนี่ แปลว่าดอกกล้วยไม้ใช่ไหม...”
ดวงตากลมโตที่มีแพขนตาดกดำเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มหวานหยดแต้มที่กลีบปากสาวจนทวิภาคที่กำลังจ้องมองอยู่รู้สึกอึดอัดแปลกประหลาด ความหวาดกลัวบางอย่างทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะหันหลังเกาะระเบียงและมองออกไปยังทิวเขาแทนมองใบหน้างามๆ นั้น
“นายท่านทราบด้วยหรือเพคะ” ราชาวดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “แสดงว่านายท่านก็สนใจวัฒนธรรมของเชียงรุ้ง...”
ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเสียงเข้มตัดฉับเอาเสียก่อน ทำเอารอยยิ้มหวานที่แต้มกลีบปากอิ่มอยู่ต้องหุบลงในบัดดล พร้อมๆ กับเสียงถอนหายใจอย่างผิดหวัง
“เคยอ่านเจอน่ะ... ไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไร”
“ข้าน้อยอุตส่าห์ดีใจ นึกว่านายท่านจะสนใจข้าน้อยบ้าง...”
เผลอพ้อออกไป แล้วก็ต้องแก้มแดงเมื่อคนตัวโตเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นกายสุดเซ็กซี่ที่มีมากพอๆ กับความยะโสโอหังของเขาทะลักเข้าไปในโพรงจมูก มันทำให้หล่อนวิงเวียนจนแทบจะทรงกายไม่อยู่
และยิ่งตอนพ่อเจ้าประคุณก้มหน้าที่หล่อลากดินต่ำลงมา หัวใจของหล่อนก็แทบจะวายด้วยความตื่นเต้นที่พุ่งขึ้นสูงสุด
“ทำไมฉันต้องสนใจเธอด้วยล่ะ...” พูดอย่างไม่คิดรักษาน้ำใจ ขณะกวาดตามองใบหน้างามคล้ายกับขบขัน สาวน้อยหน้าร้อนผ่าว
“หน้าตาก็งั้นๆ สาวๆ ที่ประเทศของฉันสวยกว่านี้ตั้งเยอะ” พ่นคำพูดที่ทำร้ายหัวใจยังไม่พอ เขายังมีหน้ามายิ้มเย้ยใส่อีกแน่ะ
คนอะไรใจดำชะมัด ราชาวดีเข่นเขี้ยวอยู่ภายในใจ เจ็บก็เจ็บ โกรธก็โกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็หากทำร้ายเขา ก็เท่ากับทำร้ายหัวใจของตนเอง
มีทางเดียว... คือต้องทำให้เขารักหล่อนให้จงได้... แต่มันยากไม่ต่างจากการกระโดดลงไปงมเข็มในน้ำเย็นๆ กลางฤดูหนาวในมหาสมุทรแปซิฟิกยังไงยังงั้น
“ข้าน้อยรู้แล้วเพคะว่าไม่งาม งั้นข้าน้อยขอตัวนะเพคะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแง่งอนปนเปกับความน้อยใจ ทวิภาครับรู้ แต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ
“ฉันพูดเรื่องจริงทำไมต้องทำเสียงน้อยใจด้วยล่ะ แล้วจะรีบไปไหนกัน ถูกส่งมารับใช้ฉันไม่ใช่หรือ”
ตอนที่ 25.“เธอจะไปจากฉันได้... ก็ต่อเมื่ออุ้มท้องลูกของฉันแล้วเท่านั้น”ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ กลีบปากสีสวยคลี่ออกจากกันด้วยความตื่นตะลึง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากของผู้ชายสูงศักดิ์อย่างอินทรายุธ“พี่ยุธ... พี่พูดอะไร มะลิไม่...”คำคัดค้าน ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งจนหมดเกลี้ยง เมื่ออินทรายุธเลือกจะจบการสนทนาด้วยจูบดุดันที่กระแทกลงมาอย่างไร้ความปรานี แต่ถึงมันจะป่าเถื่อนไม่นุ่มนวลเหมือนในอดีตที่ชายหนุ่มเคยมอบให้ แต่กระนั้นอานุภาพของมันก็ยังสามารถดึงเอาเรี่ยวแรงไปจากหล่อนจนหมดสิ้นชายหนุ่มจูบเอาจูบเอาราวกับตายอดตายอยาก สูบเอาทุกหยาดหยดความหวานจากกลีบปากสาวอย่างตะกละตะกลาม ขณะที่มือใหญ่ข้างที่ว่างอยู่จากการพันธนาการข้อมือสาวเอาไว้ ก็ลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วร่างสาว ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่เนินสะโพก เขาตีแรงๆ จนสาวน้อยต้องร้องแทรกจุมพิตออกมาอย่างหมั่นเขี้ยว“อุ๊ย!...”แต่เสียงร้องเบาๆ นั้นก็ไม่ได้ทำให้องศารักที่กำลังร้อนระอุอยู่ดับมอดลง มันรุนแรง โหมกระพือขึ้นราวกับได้เชื้อเพลิงชั้นดี“เยี่ยม... จูบตอบฉันแบบนี้แหละ...”อินทรายุธครางในลำคอด้วยความพึงพอใจ เมื่อมัลลิกาที่หลุดหลงกับเวท
ตอนที่ 24.“เจ้าน้อย... ทำไมเสด็จกลับมาไวนักล่ะเพคะ ไหนบอกข้าน้อยว่าจะไปสองสามวัน...” แก้วล่าระบายยิ้มเมื่อเห็นอินทรายุธชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดค้ำศีรษะของมัลลิกา ปากพูดกับแม่นมของตนเอง แต่สายตาจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยความคั่งแค้นที่ไม่คิดปิดบัง“มีเรื่องค้างคาต้องสะสางให้เสร็จ ปล่อยไว้มันก็เหมือนกับเสี้ยนที่ตำนิ้วเท้า มันน่ารำคาญ...” จงใจว่าให้หล่อนเจ็บจนจุก หญิงสาวก้มหน้ามองพื้นนิ่ง น้ำตาคลอเบ้าอินทรายุธขบกรามจนขึ้นสันนูน ดวงตาเป็นประกายกระด้าง ดุดัน เขาอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าหล่อนจะไม่คุ้นเคยกับที่นี่ แต่ที่ไหนได้... ความเป็นห่วงของเขากลับถูกตอบแทนด้วยความไร้หัวใจ เหมือนกับที่เคยได้รับมาในอดีตหล่อนตื้อจนเขาต้องรัก... แต่พอเขารักจนหมดใจ หล่อนกลับขยี้หัวใจของเขาทิ้ง แล้วก็หนีมาอย่างไร้เมตตา ปล่อยให้เขาเจ็บปวดทรมานอยู่เพียงลำพัง“งั้นข้าน้อยขอตัวก่อนนะเพคะ จะไปดูพวกนังเล็กๆ ทำขนมเสียหน่อย” นางแก้วล่าลุกขึ้น ก่อนจะรีบค้อมกายจากไป ทิ้งให้มัลลิกาอยู่กับอสูรร้ายตามลำพังอินทรายุธจ้องมองมัลลิกาด้วยสายตาสะใจที่หล่อนกลัวจนหงอ ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปกระชากข้อมือกลมกลึงเอาไว้แน่น“คุณ... ป
ตอนที่ 23.ทวิภาคพูดไม่ออก ได้แต่จ้องมองภาพบาดใจนั้นด้วยความเจ็บร้าว กรามแกร่งขบกันจนนูนเป่ง ดวงตาคมกล้าวาววับด้วยพิษแห่งความเกรี้ยวกราดและตอนนี้เองคำถามที่ถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาก็มีคำตอบสักที...ทำไมถึงได้มีความสุขนักยามอยู่ใกล้กับแม่ดอกเอื้อง?คำตอบก็คือ เพราะเขาตกลงไปในหลุมที่เจ้าหล่อนขุดไว้รอแล้วน่ะสิ...หลุมรักน่ะ!“ระยำ!”ชายหนุ่มกัดฟันเสียงดังกร๊อด มือใหญ่กำเข้าหากันแน่น ก่อนจะหมุนตัวมุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของตนเองด้วยความเดือดดาลไม่คิดเลยว่าหน้าใสๆ จะหลอกเก่งขั้นเทพแบบนี้...“นายท่านข้าน้อยนำอาหารมื้อเที่ยงมาให้เพคะ” เมื่อก้าวมาถึงห้องพักของตนเอง ชายหนุ่มก็เจอกับมาลาที่ถือถาดอาหารมาให้“วางไว้แล้วจะไปไหนก็ไปเถอะ”ทวิภาคเดินไปหยุดที่ริมระเบียง มาลาวางถาดไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินไปหยุดที่ด้านหลัง ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย เพราะเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นบึ้งตึงผิดสังเกต“นายท่านเป็นอะไรไปหรือเปล่าเพคะ ทำไมถึงหน้าบึ้งแบบนั้น หรือว่าใครทำให้นายท่านไม่พอใจ บอกมาลามาเถอะค่ะ เดี๋ยวมาลาจะไปจัดการให้เพคะ เพราะองค์หญิง... เอ๊ย! ดอกเอื้องฝากเอาไว้”ชื่อของแม่สาวที่ทำให้หัวใจหนุ่มรู้สึกเจ็บแป
ตอนที่ 22.แล้วต่อไปหล่อนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ในโลกกว้างใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวจนหมดสิ้น ภาพที่บิดากอดประคองด้วยความห่วงใย ภาพที่มารดาหอมแก้มเบาๆ ด้วยความรักใคร่ไม่มีอีกแล้ว... มันไม่มีอีกแล้ว...ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำ “ไม่ได้นะเพคะ ถ้าองค์หญิงเป็นอะไรไปอีกคน ประชากรของเชียงรุ้งจะอยู่กันอย่างไรล่ะเพคะ องค์หญิงต้องสู้ ต้องเข้มแข็ง...” ราชาวดีหันหน้าที่นองไปด้วยคราบน้ำตากลับมา “แต่หญิงเข้มแข็งไม่ไหว หญิงเสียใจ หญิงเจ็บปวด หญิงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว หญิงอยากอยู่กับท่านพ่อท่านแม่... หญิง...” ร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจ รสาเห็นแล้วก็พลอยคร่ำครวญไปด้วยอีกคนหนึ่ง “พระราชากับพระมเหสีทรงเสด็จขึ้นไปเฝ้ามององค์หญิงอยู่บนสรวงสวรรค์แล้วเพคะ องค์หญิงต้องทรงทำทุกอย่างแทนพระองค์ทั้งสองให้ดีที่สุด ทั้งสองพระองค์จะได้ไม่เป็นกังวล...” มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาช้าๆ ขณะลุกขึ้นนั่ง ก้าวลงจากแท่นบรรทม และเดินไปหยุดที่ขอบหน้าต่าง ใบหน้างามแหงนเงยขึ้น ดวงตากลมจ้องมองไปยังที่ปลายฟ้า ก่อนที่กลีบปากสั่นระริกด้วยแรงสะอื้นจะค่อยๆ คลี่ยิ้มช้าๆ
ตอนที่ 21. ประตูไม้แกะสลักถูกเปิดออกจากกันช้าๆ มัลลิกาเบิกตากว้างมองร่างของแขกแปลกหน้าที่ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางหวั่นเกรง ไม่ใช่เขา... อินทรายุธ ผู้หญิงวัยเกินห้าสิบปี ตัวเล็ก ผมสีดอกเลาเกือบทั่วทั้งศีรษะ ใบหน้าที่หย่อนคล้อยตามกาลเวลานั้นยิ้มแย้มและมีไมตรีจิต กว่าคนใจร้ายแบบอินทรายุธนัก “ไม่ต้องกลัวแม่หนู ฉันไม่คิดร้ายกับเธอหรอก...”เมื่อเห็นสตรีสาวที่นั่งคดคู้อยู่บนเตียงเบื้องหน้าถอยกรูดหนีอย่างลนลาน แก้วล่าจึงเอ่ยขึ้นอย่างมีเมตตา แม้จะไม่ชอบกับการกระทำของเจ้าน้อยนัก แต่หล่อนก็ต่ำต้อยเกินกว่าจะตักเตือนใดๆ“มะลิกลัว...” มัลลิกาพูดเสียงไม่ต่างจากกระซิบ น้ำตาไหลหล่นลงมาตามร่องแก้ม“ไม่ต้องกลัว เจ้าน้อยให้ฉันมาดูแลเธอ...” แก้วล่าเดินเข้าไปหาช้าๆ“เจ้าน้อย?” หญิงสาวทวนคำด้วยความประหลาดใจแก้วล่าระบายยิ้ม “เจ้าน้อยก็คือเจ้าอินทรายุธ นี่เธอไม่รู้หรอกหรือ ไหนเจ้าน้อยบอกว่าเธอเป็นทาสที่ขายตัวให้ท่านยังไงล่ะ”“ทาสหรือ? เขาบอกว่ามะลิเป็นอย่างนั้นหรือคะ...” ความเจ็บปวดก่อตะกอนร้ายภายในอกจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด“ใช่ เจ้าน้อยบอกว่าเธอคือทาสที่ขโมยของสำคัญของท่านแ
ตอนที่ 20.แก้มสาวแดงก่ำ ขณะยกมือขึ้นจับดอกกุหลาบ “มันผิดกฎน่ะสิเพคะ นางกำนัลต้องประดับดอกเอื้องบนผม ส่วนองค์หญิงต้องเป็นดอกไม้เงินดอกไม้ทอง”หญิงสาวทำท่าจะดึงออก แต่เสียงเข้มก็หยุดหล่อนไว้เสียก่อน มือบางชะงัก “ห้ามเอาออกเลยนะ ถ้าองค์หญิงดุเธอก็บอกว่าฉันเป็นคนปักให้ ถ้าจะเอาผิดให้มาเอาที่ฉันนี่”ราชาวดีอมยิ้ม มองผู้ชายตรงหน้าอย่างล้อเลียน “เก่งจังนะเพคะ เดี๋ยวองค์หญิงสั่งทำโทษขึ้นมาไม่มีใครช่วยนะเพคะ ดอกเอื้องก็ช่วยไม่ได้...”ทวิภาคหัวเราะ ไหวไหล่กว้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร ราชาวดีจึงต้องเป็นฝ่ายพูดแทน “แล้วเย็นนี้นายท่านจะทานมื้อค่ำที่ห้องอาหาร หรือว่าจะทานที่ห้องพักเพคะ ดอกเอื้องจะได้นำอาหารไปให้”“ฉันชอบความเงียบสงบ ขอที่ห้องดีกว่า และฝากกราบทูลองค์หญิงให้ฉันหน่อยว่าเมื่อไหร่คนของฉันจะมาถึง และเมื่อไหร่ฉันจะได้กลับเมืองไทยสักที”ใบหน้างามเจื่อนลงทันทีเมื่อคำพูดของทวิภาคจบลง “นายท่านอยากกลับเมืองไทยขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ มีใครรออยู่ที่นั่นใช่หรือเปล่า”คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มออกมา จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดของหล่อน“ก็คงอย่างนั้นมั้