รสามองตามร่างเล็กของมาลีไปจนสุดตา ก่อนจะหันมามองเจ้าหญิงน้อยของตน และพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง
“รสาคิดว่ามันจะไม่งามนะเพคะ หากองค์หญิงจะไปใกล้ชิดกับบุรุษต่างชนชาติแบบนั้น รสาขอตามเสด็จไปด้วยดีกว่า...”
“นี่รสาไม่ไว้ใจหญิงหรือจ๊ะ รสาเลี้ยงหญิงมากับมือน่าจะรู้จักนิสัยหญิงมากกว่าใคร...”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตัดพ้อ ดวงตากลมโตที่มีแพขนตางอนยาวสีดำขลับล้อมรอบอยู่มีน้ำตาเอ่อคลอ รสาเห็นแล้วก็ถอนใจออกมาหนักๆ เพราะเจ้าหญิงน้อยของตนใช้วิธีนี้อีกแล้ว
“ก็ได้เพคะ รสาจะเชื่อใจองค์หญิง แต่รสาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลย ตอนเจอที่เมืองไทยคราวนั้นก็แทบจะเสวยพระเศียรขององค์หญิงเข้าไปทางปากอยู่แล้ว...”
หญิงสาวสูงศักดิ์ระบายยิ้ม ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ “แหม รสาก็พูดเกินไป เขาคงโมโหที่หญิงไปขวางรถเขานั่นแหละ รสาอย่าอคตินักสิ นะนะ...” ออดอ้อนอ่อนหวาน แถมหอมซ้ายหอมขวาแบบนี้ มีหรือรสาจะไม่ใจอ่อน เพราะในที่สุดก็พยักหน้า
“รสาเคยขัดพระทัยขององค์หญิงได้ที่ไหนกันล่ะเพคะ”
ราชาวดียิ้มกว้าง พลางกอดคนสนิทแน่น “ขอบใจรสามากจ้ะ หญิงรักรสาที่สุดเลย...” รสาได้แต่แอบถอดถอนใจกับความแก่นแก้วของเจ้าหญิงน้อยของตนเองอยู่เพียงลำพังในอก
เปลือกตาหนาค่อยๆ ปรือขึ้นทีละนิดเมื่อมีเสียงใสกังวานร้องเรียกเขาอยู่ด้านนอกประตูไม้แกะสลักบานใหญ่ที่เป็นทางเชื่อมระหว่างภายในห้องพักกับทางเดินที่ทอดยาวไปยังตำหนักใหญ่ที่สุดของวังนี้
ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงเกินร้อยแปดสิบเซนติเมตรของตน ก่อนจะเดินออกไปที่หน้าประตูและเปิดมันออก บานประตูแยกออกจากกันช้าๆ ขณะที่ภาพของสาวงามนางหนึ่งก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หน้าตาผิวพรรณที่ขาวผ่องเป็นยองใยซ่อนอยู่ใต้ผ้าคาดอกสีน้ำเงินเข้ม มีผ้าคลุมไหล่สีฟ้าอ่อน นุ่งผ้าซิ่นสีพื้น ผมเกล้ามวยสูงอย่างประณีตประดับด้วยดอกเอื้องหรือก็คือดอกกล้วยไม้ หญิงสาวคนนี้แต่งกายไม่มีผิดเพี้ยนไปจากนางกำนัลคนเมื่อกลางวันนี้เลย คงจะเป็นนางกำนัลเหมือนกัน...
ทวิภาคพยายามละสายตาจากสาวงามตรงหน้า หมุนตัวเดินเข้ามาในห้อง แต่ความรู้สึกคุ้นเคยที่ทำงานช้ายิ่งนักร้องสั่งให้หันไปมองสาวเจ้าอีกรอบ และคราวนี้ชายหนุ่มก็เบิกตากว้าง ก่อนจะร้องออกมา
“เธอนั่นเอง...! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
ราชาวดีในคราบนางกำนัลระบายยิ้ม ก้าวเดินเข้ามาพร้อมๆ กับปิดประตูตามหลัง ก่อนจะพูดขึ้นเสียงนุ่มอ่อนหวาน เพราะเตรียมการมาล่วงหน้าแล้ว
“ข้าน้อยเป็นคนเชียงรุ้งเพคะ ไปเมืองไทยด้วยธุระจำเป็นบางอย่าง... แล้วนี่นายท่านต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าเพคะ ข้าน้อยจะได้ไปจัดเตรียมมาให้”
ราชาวดีลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรลงมาจุติของทวิภาคอย่างชื่นชม ไม่ว่าจะปาก คอ คิ้ว คาง ดูลงตัวอยู่ในรูปหน้าสมบูรณ์แบบนั้นอย่างเหมาะเจาะ สาวน้อยมองตาละห้อย อิจฉาปากแดงๆ ที่งามยิ่งกว่าอิสตรีของเขายิ่งนัก
ทำไมนะ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หล่อเหลากระชากจิตวิญญาณถึงเพียงนี้ และทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงต้องคลั่งไคล้เขา ขนาดต้องปลอมตัวมาสวมบทนางกำนัลเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเขาด้วยนี่...
“ฉันไม่ต้องการอะไรเพิ่ม... เธอออกไปได้แล้ว”
ชายหนุ่มหันมาทันได้เห็นสายตาหวานฉ่ำที่สาวน้อยในชุดงดงามมองมาพอดี เขาหรี่ตามองกลับด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันหลังเดินหนีออกไปที่ระเบียง
ราชาวดีแก้มแดงก่ำ กลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระดาก แต่ก็ยังทำใจกล้าเดินตามคนตัวโตออกไปที่ระเบียง พร้อมกับชวนคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“นายท่านชอบเชียงรุ้งไหมเพคะ...”
ใบหน้าคมสันหันกลับมามองด้วยความไม่พอใจ แต่พอเห็นรอยยิ้มหวานๆ ก็ใจอ่อน ไล่ไม่ลง ถอนใจออกมาแรงๆ เมื่อเจอลูกตื้อของแม่สาวคนนี้ แม่สาวที่เขาคุ้นตายิ่งนัก มันไม่ใช่แค่เคยเจอกันครั้งเดียวสิ แต่มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น แต่เขาดันจำไม่ได้ซะนี่
“แล้วเธอล่ะ ไปเมืองไทยแล้วชอบเมืองไทยหรือเปล่า”
ทวิภาคย้อนถาม ขณะจ้องมองดวงอาทิตย์กลมโตสีแดงฉานที่กำลังจะดำดิ่งลงหลังทิวเขาลูกใหญ่เบื้องหน้า
ราชาวดีระบายยิ้ม จ้องมองภาพเดียวกันกับเขา “ชอบสิคะ ข้าน้อยชอบเมืองไทย ชอบอาหารไทย และที่สำคัญ...” หญิงสาวหยุดพูดเล็กน้อย แก้มสาวแดงก่ำอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อจนจบ “ข้าน้อยชอบคนไทยเพคะ... คนไทยใจดี...”
“คนไทยส่วนใหญ่ใจดี มีอัธยาศัยดี แต่ไม่ใช่ทุกคนจะดีเหมือนกันหมด ก็เหมือนๆ กับคนชาติอื่นนั่นแหละ” ทวิภาคออกความเห็น สาวน้อยยิ้มหวาน มองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาอย่างมีเลศนัย
“แต่นายท่านชอบคนเชียงรุ้งหรือเปล่าเพคะ โดยเฉพาะ...ผู้หญิงเชียงรุ้ง งามถูกใจไหมเพคะ” ถามไปก็ขัดเขินไป แต่ก็ยังอยากจะรู้
ทวิภาคหัวเราะหึหึในลำคอ ไม่ได้ตอบในทันที แต่หันมากวาดมองสตรีสาวที่มีฐานะเป็นแค่นางกำนัลรับใช้อย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ ทำเอาราชาวดีถึงกับหน้าเสีย
“นายท่านไม่ถูกใจข้าน้อยหรือเพคะ...”
“ถ้าสาวเชียงรุ้งมีเธอเพียงคนเดียว ฉันคงเลือกอยู่คนเดียวดีกว่า...”
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวตรงหน้าหน้าเจื่อนก็หัวเราะออกมา ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้าต่อโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก
ราชาวดีทำหน้ายู่ด้วยความผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าหล่อนที่ทุกคนว่างามนักงามหนา ทำไมถึงไม่ถูกตาต้องใจผู้ชายที่ตนเองหมายปองแม้แต่น้อย
“ข้าน้อยดูไม่ได้เลยเหรอนายท่าน...” ด้วยความอยากรู้จึงถามออกไปอีก
ไหล่กว้างไหวพร้อมๆ กับเสียงเข้มที่ดังออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดไม่แพ้หล่อนของทวิภาค “ทำไมต้องอยากให้ฉันสนใจเธอด้วยล่ะ ในเมื่อฉันไม่ได้มาหาแฟนที่นี่สักหน่อย แต่มาให้ความสำราญกับองค์หญิงบ้าผู้ชายคนนั้นต่างหาก”
คำพูดไม่ไว้หน้าของเขาทำเอาราชาวดีถึงกับอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง ใบหน้างามชาดิก ลืมตัวไปชั่วขณะว่าตอนนี้ด้วยเองไม่ได้อยู่ในฐานะของเจ้าหญิง แต่อยู่ในฐานะนางกำนัลที่ถูกส่งมาปรนนิบัติดูแลเขาเพียงนั้น
“บังอาจ! พูดถึงองค์หญิงแบบนี้ได้ยังไง เราบ้าผู้ชายตรงไหน”
ตอนที่ 35.เจ้าสมถวิลระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ “งั้นอาขอตัวก่อนนะ มีงานอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการให้สำเร็จโดยเร็ว”เจ้าหญิงราชาวดีลุกขึ้นยืนทำความเคารพตามมารยาทที่ถูกฝึกอบรม ก่อนหันไปพูดกับรสาเมื่อเจ้าสมถวิลที่หล่อนหลงคิดว่าเป็นคนดีมาตลอดชีวิตก้าวออกไปจากห้อง“หญิงเกลียดท่านอาจังรสา หญิงไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะทะเยอทะยานแบบนี้”“เราต้องนิ่งไว้เพคะ ต้องดัดหลังเจ้าสมถวิลให้ได้ เอ่อ แล้วคุณทวิภาคตกลงไหมเพคะองค์หญิง...” คำถามของคนสนิททำเอาหน้าที่เครียดอยู่แล้วเครียดหนักมากขึ้น“ตกลงจ้ะรสา แต่เขาไม่พอใจมาก...”“แล้วทำไมเขาถึงยอมง่ายๆ เพคะ หรือว่าทรงบอกความจริงที่ทรงปลอมพระองค์...” รสาทำหน้าตื่น เจ้าหญิงสาวส่ายหน้าไปมา พร้อมๆ กับถอนใจแรงๆ“หญิงโกหกเขาว่าคนของเขาอยู่ในมือของหญิง และหากเขาไม่ยอม หญิงจะฆ่าคนพวกนั้น...”“องค์หญิง!” คำอุทานของคนสนิทยิ่งทำให้ราชาวดีเครียดเขม็ง รู้ตัวว่าทำไม่ดี ทำไม่ถูก แต่หล่อนมีทางเลือกมากกว่านี้ไหมล่ะ“หญิงเลวมากใช่ไหมจ๊ะ แต่หญิงไม่มีทางเลือก ถ้าหญิงไม่ทำแบบนี้ เขาคงไม่ยอมตกลง และแผนการตลบหลังท่านอาก็คงจะไม่สำเร็จ”คำพูดที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำและแสนละอายของราชาวดีทำใ
ตอนที่ 34.เขาคงคิดไปเองฝ่ายเดียว... ที่คิดว่าหล่อนมีใจให้เหมือนกัน“ถ้าเธอคิดอย่างนี้จริงๆ เราก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก...”ร่างอรชรถูกผลักออกเบาๆ แต่กระนั้นมันก็ทำให้ราชาวดีเจ็บร้าวในอก ยิ่งเห็นสายตาชิงชังที่เขาขว้างใส่มา ก็ยิ่งเจ็บทวิภาคแค่นยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังให้ดั่งเดิม หญิงสาวน้ำตาคลอ แต่ก็พยายามจะซ่อนมันไว้ให้ลึกที่สุด“แล้วนายท่าน... เอ่อ ตกลงหรือเปล่าเพคะ เรื่องงานอภิเษก...”ทุกอย่างรอบกายเงียบสงบไปหลายอึดใจ ก่อนที่เสียงห้วนกระด้างจากพ่อคนตัวโตที่ยืนหันหลังให้อยู่จะดังขึ้น“ฉันมีทางเลือกอื่นอย่างนั้นหรือ... เชิญกลับไปบอกองค์หญิงของเธอได้เลยว่า ฉันตกลง และยินดีอย่างมากที่จะได้เป็นผัวของหล่อน..”คำพูดของทวิภาคบาดลึกลงไปถึงในอก เจ็บจนฝืนยิ้มไม่ออก แม้แค่จะพูดออกไปยังทำได้ลำบากเลย มันจึงสั่นเทายิ่งนัก“ข้าน้อยจะกราบทูลองค์หญิงตามที่นายท่านบอกเพคะ... ข้าน้อยขอตัวก่อน”ผู้ชายตรงหน้าไม่ตอบอะไรออกมา หญิงสาวจึงได้แต่หน้าเศร้า เดินคอตกไปที่ประตู กำลังจะก้าวออกไป แต่ร่างของหล่อนก็ถูกรวบเข้าไปปะทะกับความแข็งแกร่งของแผ่นอกกว้างเสียก่อนทวิภาคกอดร่างของราชาวดีแนบอก พยายามจะทำใจแข็งแต่
ตอนที่ 33.น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างน่ากลัว หญิงสาวมองเขาทั้งน้ำตา พูดไม่ออก รู้สึกอดสูต่อสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งนัก หล่อนดิ้น หล่อนร้อง หล่อนอ้อนวอนให้เขาทำเอง จะไปโทษเขาได้ยังไง“เธอคิดผิด... เพราะฉันกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่งามทั้งกายและหัวใจ ไม่แพศยา สำส่อน ไม่ต่างจากโสเภณีแบบเธอ มัลลิกา”พยายามซ่อนน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ แต่มันก็ไหลพรากออกมาอย่างสุดกลั้น ร่างบางสั่นเทา มือบางถูกยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้แน่นชั่วขณะหนึ่งแววตาคมกล้าที่กระด้าง แสนชิงชัง อ่อนแสงลง คลายความเจ็บแค้น เปิดเปลือยความห่วงใยออกมา แต่มันก็ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นก็กลับเป็นเย็นชา ไร้หัวใจตามเดิม“จะไม่ยินดีกับฉันหน่อยหรือ...”“ยินดี... ด้วยค่ะ” กัดฟันพูดออกมา ไม่ยอมสบตาเขา“ขอบใจมาก และเมื่อวันนั้นมาถึง เธอก็จะกลายเป็นยิ่งกว่าขยะในสายตาของฉัน มัลลิกา”เสียงหัวเราะที่ไม่ต่างจากซาตานดังก้องสนั่นโสตประสาท แม้ร่างสูงใหญ่ที่มีอสูรร้ายสิงสถิตอยู่จะเดินออกไปจากห้องแล้วก็ตาม“พี่ยุธใจร้าย... พี่ยุธใจร้าย...” ร้องไห้ไม่หยุด หัวใจแตกสลายไม่มีชิ้นดี เจ็บปวดจนแม้กระทั่งจะหายใจก็ยังเจ็บแปลบเมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่หล
ตอนที่ 32.กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ไม่คิดว่าอินทรายุธจะหยาบคายกับหล่อนถึงเพียงนี้ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอย่างผิดหวัง แม้ชายหนุ่มจะรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง แต่ความแค้นก็ยังมีอำนาจเหนือกว่ามากนัก“อยากลองไหมล่ะ แต่วันนี้เธอคงต้องเป็นฝ่ายโอ้โลมฉันนะ เพราะฉันค่อนข้างเพลีย...”มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นอกสาวอย่างเถื่อนถ่อย บีบขย้ำแรงๆ จนสาวน้อยน้ำตาซึม ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ฟอนเฟ้นบั้นท้ายงอนอย่างเมามัน“อย่าทำแบบนี้นะ”“เธอชอบแบบนี้... ไม่อย่างนั้นจะทำให้ฉันบ้าหรือ...”ร่างบางถูกผลักจนหงายลงไปนอนแผ่บนเตียง มือใหญ่กระชากอาภรณ์ของสาวน้อยจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่เรือนกายอวบอิ่ม เต็มไม้เต็มมือที่ขาวโพลนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะกระโดดขึ้นทาบทับ“ปล่อยนะ พี่ยุธปล่อยมะลิเถอะ มะลิกลัว...”เมื่อเหตุการณ์คับขัน หญิงสาวจึงเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขากลับไปเป็นแบบที่เคยเรียกเมื่อสามปีก่อน แต่มันหาทำให้อินทรายุธใจอ่อนไม่เธอหายระบมจากน้องชายของฉันก่อน เราค่อยมาต่อกันใหม่...”“ไม่นะ... พี่ยุธ อย่าทำแบบนี้กับมะลิ”“ร้องทำไม จำไม่ได้หรือ ตอนที่อยู่ลอนดอนเธอให้ท่าฉันขนาดไหน แต่ฉันก็เลือกที่จะให้เกียรติเธอ...” น้ำเสียงของเขาเต
ตอนที่ 31.เจ้าสมถวิลแสยะยิ้ม “พ่อเห็นนางแล้วล่ะ สวยดีนี่ แต่ดูท่าทางแล้วคงจะอายุสั้น...”“ท่านพ่อ! ทรงหมายความว่ายังไงพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อทรงทอดพระเนตรเห็นนางเมื่อไหร่ ในเมื่อนางไม่เคยออกไปไหน...”“ก็นางเข้ามาเมื่อครู่นี้ไงล่ะ แต่แปลก พอได้ยินเรื่องที่ลูกจะต้องแต่งงานกับราชาวดี นางก็รีบกลับออกไปเลย...”เจ้าสมถวิลหัวเราะร่วน ตรงข้ามกับอินทรายุธที่มีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด “แล้วท่านพ่อจะทำอะไรนางพ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกขอบอกไว้ก่อน หากท่านพ่อคิดร้ายกับนาง ลูกก็ไม่ยอมเหมือนกัน”ดวงตาคมกล้าจ้องบิดาเขม็ง อดห่วงใยสวัสดิภาพของมัลลิกาไม่ได้ ไม่คิดเลยจะต้องมาตกอยู่ในสถานะการณ์น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้“หากลูกตกลงตามที่พ่อต้องการ นางก็จะมีลมหายใจอยู่จนแก่”“ท่านพ่อบังคับลูก...!” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเจ้าสมถวิลหัวเราะร่วน “เพื่อความยิ่งใหญ่ของเราต่างหาก ลูกต้องทำตามที่พ่อต้องการ”อินทรายุธส่ายหน้าดื้อรั้น “เรื่องนี้ท่านพ่อไม่มีทางบังคับลูกได้ ลูกจะไม่เข้าพิธีอภิเษกกับราชาวดีไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น ลูกขอตัวพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบก็ทำความเคารพเจ้าสมถวิล ก่อนจะหมุนกายใหญ่โตเดินหายเข้าไปในห้องพักส่วนตัวส
ตอนที่ 30.“หญิงจะทำอย่างไรดีรสา หญิงไม่อยากแต่งงาน แต่หากไม่แต่งงานหญิงก็แตะต้องราชบัลลังก์ไม่ได้...”“องค์หญิงพระทัยเย็นๆ นะเพคะ เราค่อยๆ คิดไป ทางออกมันต้องมีสำหรับเราแน่นอน” รสาปลอบประโลม แม้ภายในใจจะมืดมนไม่เห็นหนทางใดเลยก็ตาม“แต่หญิงไม่เห็นทางออกเลย ท่านอาบังคับให้หญิงแต่งงานกับเจ้าพี่อินทรายุธ แต่หญิงไม่ได้รักเจ้าพี่แบบนั้น หญิงรักทวิภาค... แต่ถ้าจะให้เขาแต่งงานด้วย เขาก็คงไม่มีทางยอมแน่...” ราชาวดีคร่ำครวญ สับสนจนหนทางยิ่งนัก“ข้าน้อยเคยเตือนองค์หญิงหลายครั้งแล้วว่าเจ้าสมถวิลใจคอเลือดเย็น ทะเยอทะยานองค์หญิงก็ไม่ทรงเชื่อข้าน้อยเลย และหากข้าน้อยเดาไม่ผิด ที่เจ้าสมถวิลบังคับให้องค์หญิงทรงอภิเษกกับโอรสบุตรธรรมของตนเองก็เพราะว่าจะได้กุมอำนาจทั้งหมดของเชียงรุ้ง โดยใช้เจ้าชายอินทรายุธเป็นหุ่นเชิด...”ราชาวดีคิดตาม และก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนักกับความไว้ใจที่ถูกหักหลังแบบนี้ “งั้นถ้าหญิงอภิเษกกับเจ้าพี่อินทรายุธ ก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้ท่านอามีอำนาจมากขึ้นกว่านี้น่ะสิ”รสาพยักหน้าก่อนจะแสดงความคิดเห็นต่อ โดยมีมาลีและมาลานั่งฟังอย่างสนอกสนใจ “ดังนั้นองค์หญิงต้องทรงทำเป็นไหลตามน้ำไปก่