ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้นึกอยากให้แม่นางกำนัลหน้าหวานนี้อยู่คุยด้วยอีก ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็พยายามจะปลีกตัวไปอย่างเต็มที่
ราชาวดีเผลอตัวเชิดหน้าตามวิสัยของผู้ที่เคยถูกแต่คนรุมล้อมตามใจ “เพคะ แต่เห็นว่านายท่านไม่ต้องการอะไรแล้ว ข้าน้อยจึงไม่อยากรบกวน” กระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด
ร่างกำยำที่ยืนใกล้ๆ แกล้งขยับเข้าหาเรื่อยๆ ราชาวดีรีบถอยหลังหนี จ้องมองบุรุษงามล้ำเบื้องหน้าด้วยความตกใจ จนในที่สุดแผ่นหลังอรชรของหล่อนก็ชนเข้ากับผนังห้อง ความเย็นแล่นปร๊าดเข้าใส่ร่างแต่กระนั้นมันก็หาสยบความร้อนระอุที่เกิดจากความใกล้ชิดของพ่อคนตัวโตที่เดินเข้ามาแนบชิดไม่
ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีแววล้อเลียน ขณะที่หล่อนหน้าแดงก่ำ “ถะ ถอยออกไปเพคะ”
“ถ้าฉันไม่ถอยล่ะมีอะไรหรือเปล่า เธอถูกส่งมาปรนนิบัติฉันไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องทำท่าทางหวาดกลัวแบบนั้นด้วย...”
ราชาวดีหน้าตาตื่นกับความคิดของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบส่ายหน้าดิก “ไม่ใช่นะ เชียงรุ้งไม่มีการต้อนรับแขกแบบนี้ ถอยไปเถอะเพคะ...”
อธิบายแล้วก็ต้องรีบปราม เมื่อร่างใหญ่ตระหง่านก้าวเข้ามาแนบชิด พร้อมๆ กับใช้ฝ่ามือค้ำกับผนังห้องทั้งสองด้านเพื่อกักหล่อนเอาไว้ในนั้น
“ถ้าไม่ใช่ ทำไมเธอต้องถามว่าฉันสนใจเธอหรือเปล่าด้วยล่ะ ฟังๆ ดูแล้วมันไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยมาเสนอตัวให้ฉันแม้แต่น้อย...” พอได้ยินว่าเขามีสตรีมาให้เลือกมากมาย หัวใจก็ระทม กลีบปากอิ่มสั่นระริก
“ข้าน้อยไม่ได้คิดแบบนั้น กรุณาปล่อยข้าน้อยเถอะเพคะ...”
ทวิภาคไม่ตอบแต่อมยิ้ม ขณะศีรษะทุยได้รูปสวยก้มต่ำลงช้าๆ จนปลายจมูกอยู่ห่างจากใบหน้างามของหล่อนไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตร ลมหายใจสะอาดสะอ้านของเขาทำให้หล่อนสะท้านแปลกประหลาด
ร่างกายอึดอัด ทรวงอกสาวเบ่งบานหนักอึ้งอยู่ใต้บราเซียไร้สาย ความร้อนบางอย่างวิ่งจากปลายเท้ามาอัดแน่นที่บริเวณซอกขา มันทำให้หล่อนรู้สึกคล้ายกลับกำลังต้องการอะไรบางอย่าง...
อะไรบางอย่างที่ยังไม่เคยรู้จัก...
“กลิ่นกายเธอหอมดีนะ หอมเย็นๆ คล้ายกับดอกไม้หลายชนิดมารวมกัน” ว่าแล้วปลายจมูกโด่งก็ฝังลึกลงบนแก้มสาวที่ไม่เคยถูกชายใดแตะต้องมาก่อน
หญิงสาวต้องตะลึง ตัวสั่นสะท้าน ทำอะไรไม่ถูก สมองสับสน เงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนตัวโตที่ฉวยโอกาสอย่างไม่น่าให้อภัยตาค้าง กลีบปากสีสดแยกออกจากกันอย่างลืมตัว
ทวิภาคมองภาพนั้นแล้วก็ครางออกมาอย่างสิ้นสุดความอดทน ทั้งๆ ที่คิดจะแกล้งแหย่ให้หล่อนหวาดกลัวและไม่กล้ามาวุ่นวายกับเขาอีก แต่สุดท้ายเป็นเขาเองต่างหากที่ต้องหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะกระทำลงไป
ในชีวิตไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองหลุดหลงแบบนี้มาก่อนเลย... แต่แค่เห็นแม่สาวหน้าหวานนี้ใกล้ๆ ได้กลิ่นกายหอมกรุ่นจรุงจมูก แค่นี้เลือดหนุ่มก็เดือดปุดๆ จนแทบจะระเหยกลายเป็นไอ
“ระยำ!”
สบถวาจาหยาบคายออกมาอย่างโมโหตัวเอง ก่อนจะก้มลงครอบครองเรียวปากสาวอิ่มเต็มนั้นด้วยกริยาหิวกระหาย ความลืมตัวที่ไม่เคยได้ผุดได้เกิดมาก่อนในชีวิตของเขากำลังระเบิดตูม ความหวานละมุนของแม่สาวคนสวยในอ้อมแขนทำให้เขารู้สึกอยากจะทำอะไรที่มันมากกว่านี้นัก
อยาก... อยาก... อยากจะจับแม่นี่ถอดเสื้อผ้าให้หมด จากนั้นล่ะ จากนั้นก็อุ้มหล่อนไปวางบนเตียงแล้วก็ฝังกายเข้าไปในร่างกายอรชรให้คลายอึดอัดแบบนนี้
ให้ตายสิ... นี่เขาเป็นบ้าอะไรไปนะ!
ทวิภาคเดือดดาลตัวเองพอๆ กับที่ต้องการแม่สาวน้อยในอ้อมแขนนั่นแหละ
ราชาวดีกำลังอึ้งและช็อกไปกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ได้พานพบ หญิงสาวยืนนิ่ง มือบางยกขึ้นผลักดันแผ่นอกกำยำของบุรุษที่กำลังเคล้าเคลียกลีบปากของหล่อนอยู่ด้วยความกระหายจัด ความร้อนผ่าวซาบซ่านวิ่งตรงจากหัวใจลงมาอัดแน่นอยู่ที่ซอกขาอวบ
“อย่าเพคะ...” พยายามห้ามแต่ดูเหมือนว่าพ่อเจ้าประคุณจะไม่ยอมฟัง ทำหูทวนลม
ร่างกายสาวเริ่มอ่อนเปลี้ย สั่นเทา เรี่ยวแรงถูกสูบหายไปจนหมดทำให้ไม่อาจจะทรงตัวยืนอยู่ใด้ หากไม่ขอความช่วยเหลือจากพ่อคนตัวโต มือบางที่ดันแผงอกกว้างอยู่เมื่อครู่นี้ เลื่อนขึ้นมาตวัดรอบลำคอแข็งแกร่งของทวิภาคเอาไว้แน่น ราวกับกลัวเขาจะหนีหาย
กลีบปากที่นิ่งเฉยปล่อยให้เขาครอบครองอยู่เพียงลำพังตอนนี้เริ่มขยับตอบโต้ และสาวน้อยเลือดขัตติยาก็เผลอครางออกมาเมื่อถูกปลายลิ้นใหญ่แทรกลึกเข้าไปภายในอุ้งปากหวานของตัวเอง
หญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ตอนนี้สติความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น ตอบสนองจุมพิตดุดันนั้นด้วยความเต็มอกเต็มใจ
โอ้... นี่หล่อนเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงได้ยอมให้เขาทำแบบนี้... ทำไมให้ผู้ชายคนนี้หมิ่นเกียรติที่สูงส่งของตนเอง
ราชาวดีร้องเตือนตัวเองอยู่ภายในใจ แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะแค่เขารวบลิ้นเล็กของหล่อนด้วยปลายลิ้นใหญ่ของตนเองเองเท่านั้น ร่างกายของหล่อนก็ร้อนแทบติดไฟได้ หน้าขาเครียดเขม็งปวดร้าว ทรวงอกบวมเป่งเบ่งบานอยู่ภายใต้บราเซีย
“เธอทำให้การทำงานของสมองของฉันรวนเละเทะ... คนสวย... มันน่าละอายมาก แต่ฉันก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ”
มือใหญ่ที่ยุ่มย่ามอยู่แถวๆ บั้นท้ายเลื่อนมาที่สะโพกกลมกลึงแล้วดันร่างอรชรให้ชิดกับร่างกายตื่นผงาดของตนเองอย่างจงใจยั่วยวน
“โอ้... ไม่นะ...!”
เมื่อหน้าท้องได้สัมผัสกับเจ้าสิ่งนั้นที่ใหญ่เกือบเท่าท่อนแขนของหล่อน แม้จะไม่เคยเห็นแต่สมองก็ฉลาดพอที่จะบอกว่ามันคืออะไร หญิงสาวรีบละล่ำละลักผลักไสพ่อคนตัวโตที่จูบเอาจูบเอาราวกับปากของหล่อนเป็นบ่อน้ำทิพย์ยังไงยังงั้นออกจากตัวอย่างรวดเร็ว
ใบหน้างามแดงก่ำ ขณะที่ทวิภาคที่พึ่งจะสลัดความปรารถนาหลุดออกไป รีบก้าวถอยหลังห่างไปทันที ใบหน้าหล่อเหลานั้นดุดัน แดงก่ำไม่แพ้ใบหน้าของหล่อน มองก็รู้ว่าเขาก็คงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อยไปกว่าหล่อน
มันเร็วเกินไป...
“ข้าน้อย... ข้าน้อยต้องไปแล้ว...” ละล่ำละลักบอกออกไปทั้งๆ ที่สายตายังจ้องอยู่กับพื้น
ตอนที่ 1.พระราชวังสีทองอร่ามที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ทำให้ทวิภาคถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ มันกว้างใหญ่ไพศาลหาใครเทียม แถมอาณาเขตโดยรอบเกือบทั้งหมดยังเป็นภูเขาซะส่วนใหญ่ และอานิสงส์ของผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวขจีก็ทำให้ความรู้สึกขุ่นเคืองใจหายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความร่มเย็นผ่อนคลายชายหนุ่มไม่อาจจะบรรยายสิ่งที่เห็นออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่ามันงดงามมากเพียงใด เพราะคำใดๆ ในโลกนี้คงเทียบกับความประณีตวิจิตรบรรจงที่ได้พบเห็นไม่ได้อีกแล้ว“เชิญคุณทางนี้ค่ะ”เสียงใสๆ ของนางกำนัลในชุดคล้ายๆ กับชาวไทยวน คาดอกด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม ไหล่เปลือยถูกคลุมทับด้วยผ้าคลุมสีฟ้าอ่อน และสวมผ้าซิ่นสีพื้น ขณะที่ทรงผมถูกเกล้ามวยไว้กลางศีรษะมีดอกเอื้องแซมพองาม ช่วยกระชากเขาให้ออกจากความงดงามตรงหน้าชายหนุ่มได้สติ รีบเดินตามนางกำนัลเข้าไปในพระราชวังโอ่อ่านั้นอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่ก้าวเดินก็ยังอดสอดส่ายสายตาไปรอบๆ วังนี้ไม่ได้ และก็ได้เห็นผู้ชายวัยฉกรรจ์เปลือยอก นุ่งผ้าฝ้ายสีน้ำเงินสีเดียวกับผ้าคาดอกของนางกำนัลที่เดินอยู่เบื้องหน้า มีผ้าสีขาวคาดที่หน้าผาก มือถือดาบเดินเป็นแถวไปมาเป็นระเบียบนี่
ตอนที่ 2.รสามองตามร่างเล็กของมาลีไปจนสุดตา ก่อนจะหันมามองเจ้าหญิงน้อยของตน และพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง“รสาคิดว่ามันจะไม่งามนะเพคะ หากองค์หญิงจะไปใกล้ชิดกับบุรุษต่างชนชาติแบบนั้น รสาขอตามเสด็จไปด้วยดีกว่า...”“นี่รสาไม่ไว้ใจหญิงหรือจ๊ะ รสาเลี้ยงหญิงมากับมือน่าจะรู้จักนิสัยหญิงมากกว่าใคร...”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตัดพ้อ ดวงตากลมโตที่มีแพขนตางอนยาวสีดำขลับล้อมรอบอยู่มีน้ำตาเอ่อคลอ รสาเห็นแล้วก็ถอนใจออกมาหนักๆ เพราะเจ้าหญิงน้อยของตนใช้วิธีนี้อีกแล้ว“ก็ได้เพคะ รสาจะเชื่อใจองค์หญิง แต่รสาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลย ตอนเจอที่เมืองไทยคราวนั้นก็แทบจะเสวยพระเศียรขององค์หญิงเข้าไปทางปากอยู่แล้ว...”หญิงสาวสูงศักดิ์ระบายยิ้ม ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ “แหม รสาก็พูดเกินไป เขาคงโมโหที่หญิงไปขวางรถเขานั่นแหละ รสาอย่าอคตินักสิ นะนะ...” ออดอ้อนอ่อนหวาน แถมหอมซ้ายหอมขวาแบบนี้ มีหรือรสาจะไม่ใจอ่อน เพราะในที่สุดก็พยักหน้า“รสาเคยขัดพระทัยขององค์หญิงได้ที่ไหนกันล่ะเพคะ”ราชาวดียิ้มกว้าง พลางกอดคนสนิทแน่น “ขอบใจรสามากจ้ะ หญิงรักรสาที่สุดเลย...” รสาได้แต่แอบถอดถอนใจกับความแก่นแก้วของเจ้าหญิงน้อยของตนเองอยู่เพีย
ตอนที่ 3.จากที่เคยมองไปยังวิวด้านนอก จำต้องละสายตากลับมามองสตรีสาวที่ขึ้นเสียง แถมยังชี้หน้าเขาอย่างไม่พอใจด้วยความประหลาดใจ“เธอเป็นเจ้าหญิงหรือไง ถึงได้เดือดร้อน” คำพูดนี้ทำให้สาวน้อยรู้สึกตัว รีบแก้ตัวพัลวัน“ก็...เอ่อ... นายท่านไม่ควรกล่าวหาองค์หญิงแบบนี้ หากใครได้ยินเข้าโทษถึงประหารเลยนะเพคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานยังคงขุ่นคลักทวิภาคยักไหล่ทำท่าไม่แยแส จนราชาวดีอยากจะทุบสักปึ๊กสองปึ๊กให้หายโอหังนัก นี่หากไม่รักไม่ใคร่นะ จะสั่งให้ทหารจับไปทรมานให้เข็ด“ฉันพูดความจริงทำไมต้องกลัวด้วย องค์หญิงของเธอนั่นแหละที่สมควรจะอาย มีอย่างที่ไหนบังคับให้ผู้ชายมาหา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อย...”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ ราชาวดีฟังแล้วก็ชอกช้ำ หน้าเศร้าไม่คิดว่าเขาจะรังเกียจหล่อนถึงเพียงนี้ หล่อนก็แค่อยากเห็นเขา อยากใกล้เขา อยากตอบแทนที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้แค่นั้นเอง ไม่เคยคิดจะใช้อำนาจเพื่อให้ได้ตัวเขามาครอบครองสักหน่อยน้ำตาพาลจะไหลต้องรีบซ่อนไว้ใต้รอยยิ้มหวานที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เล็ก “หากนายท่านได้พบองค์หญิง นายท่านจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพระพักตร์หรือเปล่าเพคะ”“ฉันเป็นคนปากตรงกับใจ คิดยัง
ตอนที่ 4.ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้นึกอยากให้แม่นางกำนัลหน้าหวานนี้อยู่คุยด้วยอีก ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็พยายามจะปลีกตัวไปอย่างเต็มที่ราชาวดีเผลอตัวเชิดหน้าตามวิสัยของผู้ที่เคยถูกแต่คนรุมล้อมตามใจ “เพคะ แต่เห็นว่านายท่านไม่ต้องการอะไรแล้ว ข้าน้อยจึงไม่อยากรบกวน” กระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิดร่างกำยำที่ยืนใกล้ๆ แกล้งขยับเข้าหาเรื่อยๆ ราชาวดีรีบถอยหลังหนี จ้องมองบุรุษงามล้ำเบื้องหน้าด้วยความตกใจ จนในที่สุดแผ่นหลังอรชรของหล่อนก็ชนเข้ากับผนังห้อง ความเย็นแล่นปร๊าดเข้าใส่ร่างแต่กระนั้นมันก็หาสยบความร้อนระอุที่เกิดจากความใกล้ชิดของพ่อคนตัวโตที่เดินเข้ามาแนบชิดไม่ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีแววล้อเลียน ขณะที่หล่อนหน้าแดงก่ำ “ถะ ถอยออกไปเพคะ”“ถ้าฉันไม่ถอยล่ะมีอะไรหรือเปล่า เธอถูกส่งมาปรนนิบัติฉันไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องทำท่าทางหวาดกลัวแบบนั้นด้วย...”ราชาวดีหน้าตาตื่นกับความคิดของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบส่ายหน้าดิก “ไม่ใช่นะ เชียงรุ้งไม่มีการต้อนรับแขกแบบนี้ ถอยไปเถอะเพคะ...”อธิบายแล้วก็ต้องรีบปราม เมื่อร่างใหญ่ตระหง่านก้าวเข้ามาแนบชิด พร้อมๆ กับใช้ฝ่ามือค้ำกับผนังห้องทั้งสอง
ตอนที่ 3.จากที่เคยมองไปยังวิวด้านนอก จำต้องละสายตากลับมามองสตรีสาวที่ขึ้นเสียง แถมยังชี้หน้าเขาอย่างไม่พอใจด้วยความประหลาดใจ“เธอเป็นเจ้าหญิงหรือไง ถึงได้เดือดร้อน” คำพูดนี้ทำให้สาวน้อยรู้สึกตัว รีบแก้ตัวพัลวัน“ก็...เอ่อ... นายท่านไม่ควรกล่าวหาองค์หญิงแบบนี้ หากใครได้ยินเข้าโทษถึงประหารเลยนะเพคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานยังคงขุ่นคลักทวิภาคยักไหล่ทำท่าไม่แยแส จนราชาวดีอยากจะทุบสักปึ๊กสองปึ๊กให้หายโอหังนัก นี่หากไม่รักไม่ใคร่นะ จะสั่งให้ทหารจับไปทรมานให้เข็ด“ฉันพูดความจริงทำไมต้องกลัวด้วย องค์หญิงของเธอนั่นแหละที่สมควรจะอาย มีอย่างที่ไหนบังคับให้ผู้ชายมาหา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อย...”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ ราชาวดีฟังแล้วก็ชอกช้ำ หน้าเศร้าไม่คิดว่าเขาจะรังเกียจหล่อนถึงเพียงนี้ หล่อนก็แค่อยากเห็นเขา อยากใกล้เขา อยากตอบแทนที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้แค่นั้นเอง ไม่เคยคิดจะใช้อำนาจเพื่อให้ได้ตัวเขามาครอบครองสักหน่อยน้ำตาพาลจะไหลต้องรีบซ่อนไว้ใต้รอยยิ้มหวานที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เล็ก “หากนายท่านได้พบองค์หญิง นายท่านจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพระพักตร์หรือเปล่าเพคะ”“ฉันเป็นคนปากตรงกับใจ คิดยัง
ตอนที่ 2.รสามองตามร่างเล็กของมาลีไปจนสุดตา ก่อนจะหันมามองเจ้าหญิงน้อยของตน และพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง“รสาคิดว่ามันจะไม่งามนะเพคะ หากองค์หญิงจะไปใกล้ชิดกับบุรุษต่างชนชาติแบบนั้น รสาขอตามเสด็จไปด้วยดีกว่า...”“นี่รสาไม่ไว้ใจหญิงหรือจ๊ะ รสาเลี้ยงหญิงมากับมือน่าจะรู้จักนิสัยหญิงมากกว่าใคร...”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตัดพ้อ ดวงตากลมโตที่มีแพขนตางอนยาวสีดำขลับล้อมรอบอยู่มีน้ำตาเอ่อคลอ รสาเห็นแล้วก็ถอนใจออกมาหนักๆ เพราะเจ้าหญิงน้อยของตนใช้วิธีนี้อีกแล้ว“ก็ได้เพคะ รสาจะเชื่อใจองค์หญิง แต่รสาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลย ตอนเจอที่เมืองไทยคราวนั้นก็แทบจะเสวยพระเศียรขององค์หญิงเข้าไปทางปากอยู่แล้ว...”หญิงสาวสูงศักดิ์ระบายยิ้ม ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ “แหม รสาก็พูดเกินไป เขาคงโมโหที่หญิงไปขวางรถเขานั่นแหละ รสาอย่าอคตินักสิ นะนะ...” ออดอ้อนอ่อนหวาน แถมหอมซ้ายหอมขวาแบบนี้ มีหรือรสาจะไม่ใจอ่อน เพราะในที่สุดก็พยักหน้า“รสาเคยขัดพระทัยขององค์หญิงได้ที่ไหนกันล่ะเพคะ”ราชาวดียิ้มกว้าง พลางกอดคนสนิทแน่น “ขอบใจรสามากจ้ะ หญิงรักรสาที่สุดเลย...” รสาได้แต่แอบถอดถอนใจกับความแก่นแก้วของเจ้าหญิงน้อยของตนเองอยู่เพีย
ตอนที่ 1.พระราชวังสีทองอร่ามที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ทำให้ทวิภาคถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ มันกว้างใหญ่ไพศาลหาใครเทียม แถมอาณาเขตโดยรอบเกือบทั้งหมดยังเป็นภูเขาซะส่วนใหญ่ และอานิสงส์ของผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวขจีก็ทำให้ความรู้สึกขุ่นเคืองใจหายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความร่มเย็นผ่อนคลายชายหนุ่มไม่อาจจะบรรยายสิ่งที่เห็นออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่ามันงดงามมากเพียงใด เพราะคำใดๆ ในโลกนี้คงเทียบกับความประณีตวิจิตรบรรจงที่ได้พบเห็นไม่ได้อีกแล้ว“เชิญคุณทางนี้ค่ะ”เสียงใสๆ ของนางกำนัลในชุดคล้ายๆ กับชาวไทยวน คาดอกด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม ไหล่เปลือยถูกคลุมทับด้วยผ้าคลุมสีฟ้าอ่อน และสวมผ้าซิ่นสีพื้น ขณะที่ทรงผมถูกเกล้ามวยไว้กลางศีรษะมีดอกเอื้องแซมพองาม ช่วยกระชากเขาให้ออกจากความงดงามตรงหน้าชายหนุ่มได้สติ รีบเดินตามนางกำนัลเข้าไปในพระราชวังโอ่อ่านั้นอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่ก้าวเดินก็ยังอดสอดส่ายสายตาไปรอบๆ วังนี้ไม่ได้ และก็ได้เห็นผู้ชายวัยฉกรรจ์เปลือยอก นุ่งผ้าฝ้ายสีน้ำเงินสีเดียวกับผ้าคาดอกของนางกำนัลที่เดินอยู่เบื้องหน้า มีผ้าสีขาวคาดที่หน้าผาก มือถือดาบเดินเป็นแถวไปมาเป็นระเบียบนี่