เมื่ออิสรภาพถูกริดรอนด้วยอำนาจแห่งขัตติยา เงินตราถูกนำมาต่อรองซื้อศักดิ์ศรีชาย ทวิภาคจึงเลือกใช้ความเย็นชาเข้าฟาดใส่ ตอบโต้ทุกวิถีทางอย่างซาตานไร้หัวใจ ราชาวดีจึงเป็นได้แค่เพียงเจ้าสาวที่แสนชัง… นิยายชุดนี้ มี 3 เรื่องนะคะ 1. เสน่หาอาญารัก 2. เจ้าบ่าวอสูร 3. มายาทมิฬ
Lihat lebih banyakพระราชวังสีทองอร่ามที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ทำให้ทวิภาคถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ มันกว้างใหญ่ไพศาลหาใครเทียม แถมอาณาเขตโดยรอบเกือบทั้งหมดยังเป็นภูเขาซะส่วนใหญ่ และอานิสงส์ของผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวขจีก็ทำให้ความรู้สึกขุ่นเคืองใจหายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความร่มเย็นผ่อนคลาย
ชายหนุ่มไม่อาจจะบรรยายสิ่งที่เห็นออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่ามันงดงามมากเพียงใด เพราะคำใดๆ ในโลกนี้คงเทียบกับความประณีตวิจิตรบรรจงที่ได้พบเห็นไม่ได้อีกแล้ว
“เชิญคุณทางนี้ค่ะ”
เสียงใสๆ ของนางกำนัลในชุดคล้ายๆ กับชาวไทยวน คาดอกด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม ไหล่เปลือยถูกคลุมทับด้วยผ้าคลุมสีฟ้าอ่อน และสวมผ้าซิ่นสีพื้น ขณะที่ทรงผมถูกเกล้ามวยไว้กลางศีรษะมีดอกเอื้องแซมพองาม ช่วยกระชากเขาให้ออกจากความงดงามตรงหน้า
ชายหนุ่มได้สติ รีบเดินตามนางกำนัลเข้าไปในพระราชวังโอ่อ่านั้นอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่ก้าวเดินก็ยังอดสอดส่ายสายตาไปรอบๆ วังนี้ไม่ได้ และก็ได้เห็นผู้ชายวัยฉกรรจ์เปลือยอก นุ่งผ้าฝ้ายสีน้ำเงินสีเดียวกับผ้าคาดอกของนางกำนัลที่เดินอยู่เบื้องหน้า มีผ้าสีขาวคาดที่หน้าผาก มือถือดาบเดินเป็นแถวไปมาเป็นระเบียบ
นี่คงเป็นลักษณะการแต่งกายของคนในวังเชียงรุ้งล่ะมั้ง ทวิภาคคิดอยู่ภายในใจ เดินตามไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงห้องหนึ่งที่ถูกตกแต่งไว้อย่างวิจิตรงามตา บานประตูไม้ถูกแกะสลักด้วยลวดลายโบราณ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลายที่เป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนี้ เพราะเขาเห็นลายนี้มาเกือบตลอดทางที่เดินผ่านมา
“เชิญคุณพักผ่อนตามสบาย ขาดเหลืออะไรให้บอกข้าน้อยได้ ข้าน้อยจะรีบจัดหามาให้...”
หญิงสาวคนนั้นพูดเสียงอ่อนหวาน ก้มหน้าให้ด้วยความเคารพ ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่
ทวิภาคสำรวจภายในห้องพักของตนเองช้าๆ แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ห้องนี้กว้างขว้าง แถมถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม อ่อนช้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกับหลงเข้าไปอยู่ในยุคของพวกไทลื้อไทยวนโบราณ แต่ในขณะเดียวกันเชียงรุ้งก็มีลักษณะเด่นของตัวเองไม่น้อย
“ฉันไม่ต้องการอะไรเพิ่มแล้ว เธอออกไปเถอะ”
“เพคะ...”
นางกำนัลรับคำเสียงอ่อนหวาน ย่อตัวลงถอนสายบัวให้อย่างเคารพ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนย้ายตัวเองออกไปจากห้องอย่างเงียบกริบ
ทวิภาควางกระเป๋าเดินทางของตนเองลงกับพื้น ขณะเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้แกะสลักที่ตั้งอยู่ใกล้กับระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวห้อง สายตาคมกล้าจ้องมองผ่านระเบียงไม้ไปยังสวนสวยที่ถูกตัดแต่งอย่างดีด้วยความประณีต น้ำพุเล็กๆ ให้บรรยากาศเหมือนกำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ขณะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ช้าๆ ดวงตาเคลิ้บฝัน ลืมเรื่องทุกข์ร้อนไปจนหมดสิ้น ลืมไปแม้กระทั่งว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม และมาเพื่อใคร
ดวงตาคมกล้าค่อยๆ ปรือลงคล้ายกับกำลังถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่หลายก้อน และในที่สุดจิตของทวิภาคก็หลุดหลงเข้าไปสู่ภวังค์อันแสนสุข ผ่อนคลายที่สุดในชีวิต
“เขาชอบห้องที่หญิงเลือกให้หรือเปล่ามาลา...”
เสียงสดใสที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นร้องถามนางกำนัลที่ตนส่งให้ไปรับทวิภาคที่หน้าวังไปส่งที่ห้องพักทันทีเมื่อเห็นเดินเข้ามา
“ข้าน้อยดูเขาไม่ออกจริงๆ เพคะ เขาไม่พูดอะไร หน้าตาก็เรียบเฉย มองนู่นมองนั่นไปทั่วเพคะ” มาลาเอ่ยเสียงอ่อนหวาน ซึ่งเป็นลักษณะการพูดกันของคนในวังนี้
หญิงสาวสูงศักดิ์ในชุดเครื่องแต่งกายที่มีผ้าคาดอกสีแดงพันรอบอกสาวขาวผ่องเอาไว้ คลุมทับด้วยผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อนปักดิ้นทอง และสวมผ้าซิ่นไหมยกดอกลำพูน ซึ่งผ้าซิ่นชนิดนี้จะทอไว้เฉพาะเจ้านายผู้สูงศักดิ์แห่งเมืองนี้เท่านั้น ขณะที่เส้นผมสีดำขลับถูกเกล้าเป็นมวยไว้กลางศีรษะ ปักด้วยดอกไม้ไหวงดงาม อ่อนช้อย เดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนใจ
“อย่างนั้นหรือ... หญิงกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจจังเลยรสา”
ราชาวดีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวของพระราชาสุขเกษมกับเจ้านางดารารัศมี หันไปพูดกับรสาคนสนิทด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หญิงสาวงดงามล้ำเกินหญิงใดในแว่นแคว้นนี้ ความงามเลื่องลือระบือไกล เจ้าชายจากแคว้นต่างเมืองมาเจริญสัมพันธไมตรีด้วย แต่ก็ถูกองค์หญิงปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เพราะในพระหทัยของราชาวดีแล้ว หล่อนผูกใจรักใคร่อยู่กับหนุ่มไทยนามว่า ‘ทวิภาค’ เพียงคนเดียว
“อย่าทรงคิดมากเลยเพคะองค์หญิง ผู้ชายคนนั้นจะต้องพอใจกับสิ่งที่องค์หญิงได้เตรียมไว้ให้อย่างแน่นอน เชื่อรสานะเพคะ”
ราชาวดีไม่ได้ตรัสออกมา แต่เดินไปเกาะขอบหน้าต่าง ชะเง้อมองไปยังตำหนักที่ตนเลือกให้กับทวิภาคตาละห้อย
อยากให้เขาพอใจจังเลย... สาวน้อยสูงศักดิ์รำพึงรำพันอยู่ภายในใจ
อุตส่าห์จัดห้องพักให้ตรงข้ามกัน เพื่อที่จะได้แอบมองยามที่เขาเดินออกมาสูดอากาศที่ระเบียงห้อง คิดว่าเขาจะชอบ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ทวิภาคไม่เอ่ยชม แถมยังไม่พูดอะไรทั้งนั้น
องค์หญิงสาวถอนใจออกมายืดยาว ก่อนจะหันมามองคนสนิท
“รสาจ๊ะ แล้วเย็นนี้หญิงจะทำยังไงดี เขาต้องมาทานข้าวกับหญิงในห้องอาหาร หญิงกลัวเขาโกรธจังเลย กลัวเขาจะมองหญิงไม่ดี... แต่หญิงอยากเจอเขา...”
รสามองเด็กสาวที่ตนเลี้ยงมากับมือด้วยความเห็นใจ ราชาวดีมอบใจให้กับทวิภาคมาตั้งแต่ตอนที่พ่อหนุ่มคนนั้นช่วยเหลือหล่อนครั้งที่ถูกลอบทำร้ายในเมืองไทย และตั้งแต่นั้นมาดวงตาขององค์หญิงผู้งดงามก็ไม่เคยมองใคร
“ถ้ายังไม่พร้อม เราก็เลื่อนการเผชิญหน้าออกไปก่อนดีไหมเพคะ องค์หญิงจะได้มีเวลาเตรียมใจ จะได้ไม่ทรงกังวล”
คำแนะนำของรสาก็ดีอยู่หรอก แต่มันเสียอยู่นิดเดียวก็คือ หล่อนจะไม่ได้เห็นหน้าทวิภาคอย่างที่ใจต้องการน่ะสิ
ไม่ได้ต้องคิดหาทางออก... คิดๆ ๆ ๆ คิดให้ออกนะราชาวดี หญิงสาวร้องสั่งตัวเองอยู่ภายในใจ เดินกลับไปกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า นานทีเดียว... ก่อนที่เจ้าหญิงคนงามจะฉีกยิ้ม และดีดนิ้วอย่างถูกใจออกมา
“หญิงคิดออกแล้ว...”
“องค์หญิงจะทำยังไงหรือเพคะ”
มาลาบังอาจถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้ แต่ก็ถูกรสามองตาดุๆ จนต้องก้มหน้ามองพื้น มาลีผู้เป็นเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะเบาๆ
“หญิงจะปลอมตัวเป็นมาลี แล้วให้มาลีมาเป็นหญิงแทน...”
“ไม่ได้นะเพคะ”
รสาร้องลั่น พอๆ กับมาลีที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจกับความคิดแผลงๆ ของเจ้าหญิงสูงศักดิ์ที่ยืนทำหน้าตาจริงจังอยู่ตรงหน้า
“ได้สิจ๊ะรสา หญิงจะเป็นนางกำนัลไปดูแลเขาเอง...” ราชาวดียิ้มกริ่มกับความคิดที่ตัวเองคิดว่าเข้าท่าที่สุดของตนเอง
“ถ้าพระราชากับพระมเหสีทรงทราบเข้ามีหวังทั้งข้าน้อย ทั้งมาลีได้ถูกประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตรแน่ๆ เลยเพคะ” รสาพยายามอธิบาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่ออาญาบ้านเมือง
ราชาวดีเดินเข้ามาโอบกอดรสาอย่างประจบประแจง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานเชื่อม จนคนแก่อย่างรสาอดใจอ่อนไม่ได้
“เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ไม่อยู่สักหน่อย อีกตั้งเป็นอาทิตย์กว่าจะเสด็จกลับ น่านะ...รสา หญิงขอแค่ไม่กี่วันเอง ส่วนมาลีก็ให้แต่งเป็นหญิงยามที่ทวิภาคต้องการพบองค์หญิงราชาวดีแค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า เชื่อหญิงนะจ๊ะ...”
“แต่มาลีกลัวอาญาเพคะ เปลี่ยนเป็นมาลาไม่ได้หรือเพคะ” มาลีรีบโยนให้กับมาลา จนถูกเพื่อนตีแขนเบาๆ อย่างไม่ยอมเช่นกัน
“อย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้องด้วยสิ มาลี...”
ราชาวดีระบายยิ้ม “ทวิภาคเห็นมาลาแล้วนี่จ๊ะ มาลีนั่นแหละเหมาะที่สุด นะถือว่าช่วยหญิงก็แล้วกัน นะจ๊ะ...” ยามที่เจ้าหญิงทรงออดอ้อนแบบนี้ทีไรไม่มีใครใจแข็งกับนางได้แม้แต่คนเดียว
มาลีสาวน้อยหน้าแป้นขาวเนียนนัยน์ตาเรียวเล็กจำต้องก้มหน้ารับคำบัญชาขององค์หญิงราชาวดีด้วยภาวะจำยอม
“องค์หญิงไม่ทรงมอบทางเลือกให้ข้าน้อยเลยนี่เพคะ”
“ขอบใจมาลีมากจ้ะ งั้นมาลีช่วยไปหาชุดนางกำนัลใหม่ๆ มาให้หญิงสักสองสามชุดนะจ๊ะ หญิงจะไปหาเขาในคราบนางกำนัลวันนี้เลย...”
“เพคะ องค์หญิง” มาลีก้มตัวถอนสายบัวงดงาม ก่อนจะรีบไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที
ตอนที่ 25.“เธอจะไปจากฉันได้... ก็ต่อเมื่ออุ้มท้องลูกของฉันแล้วเท่านั้น”ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ กลีบปากสีสวยคลี่ออกจากกันด้วยความตื่นตะลึง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากของผู้ชายสูงศักดิ์อย่างอินทรายุธ“พี่ยุธ... พี่พูดอะไร มะลิไม่...”คำคัดค้าน ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งจนหมดเกลี้ยง เมื่ออินทรายุธเลือกจะจบการสนทนาด้วยจูบดุดันที่กระแทกลงมาอย่างไร้ความปรานี แต่ถึงมันจะป่าเถื่อนไม่นุ่มนวลเหมือนในอดีตที่ชายหนุ่มเคยมอบให้ แต่กระนั้นอานุภาพของมันก็ยังสามารถดึงเอาเรี่ยวแรงไปจากหล่อนจนหมดสิ้นชายหนุ่มจูบเอาจูบเอาราวกับตายอดตายอยาก สูบเอาทุกหยาดหยดความหวานจากกลีบปากสาวอย่างตะกละตะกลาม ขณะที่มือใหญ่ข้างที่ว่างอยู่จากการพันธนาการข้อมือสาวเอาไว้ ก็ลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วร่างสาว ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่เนินสะโพก เขาตีแรงๆ จนสาวน้อยต้องร้องแทรกจุมพิตออกมาอย่างหมั่นเขี้ยว“อุ๊ย!...”แต่เสียงร้องเบาๆ นั้นก็ไม่ได้ทำให้องศารักที่กำลังร้อนระอุอยู่ดับมอดลง มันรุนแรง โหมกระพือขึ้นราวกับได้เชื้อเพลิงชั้นดี“เยี่ยม... จูบตอบฉันแบบนี้แหละ...”อินทรายุธครางในลำคอด้วยความพึงพอใจ เมื่อมัลลิกาที่หลุดหลงกับเวท
ตอนที่ 24.“เจ้าน้อย... ทำไมเสด็จกลับมาไวนักล่ะเพคะ ไหนบอกข้าน้อยว่าจะไปสองสามวัน...” แก้วล่าระบายยิ้มเมื่อเห็นอินทรายุธชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดค้ำศีรษะของมัลลิกา ปากพูดกับแม่นมของตนเอง แต่สายตาจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยความคั่งแค้นที่ไม่คิดปิดบัง“มีเรื่องค้างคาต้องสะสางให้เสร็จ ปล่อยไว้มันก็เหมือนกับเสี้ยนที่ตำนิ้วเท้า มันน่ารำคาญ...” จงใจว่าให้หล่อนเจ็บจนจุก หญิงสาวก้มหน้ามองพื้นนิ่ง น้ำตาคลอเบ้าอินทรายุธขบกรามจนขึ้นสันนูน ดวงตาเป็นประกายกระด้าง ดุดัน เขาอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าหล่อนจะไม่คุ้นเคยกับที่นี่ แต่ที่ไหนได้... ความเป็นห่วงของเขากลับถูกตอบแทนด้วยความไร้หัวใจ เหมือนกับที่เคยได้รับมาในอดีตหล่อนตื้อจนเขาต้องรัก... แต่พอเขารักจนหมดใจ หล่อนกลับขยี้หัวใจของเขาทิ้ง แล้วก็หนีมาอย่างไร้เมตตา ปล่อยให้เขาเจ็บปวดทรมานอยู่เพียงลำพัง“งั้นข้าน้อยขอตัวก่อนนะเพคะ จะไปดูพวกนังเล็กๆ ทำขนมเสียหน่อย” นางแก้วล่าลุกขึ้น ก่อนจะรีบค้อมกายจากไป ทิ้งให้มัลลิกาอยู่กับอสูรร้ายตามลำพังอินทรายุธจ้องมองมัลลิกาด้วยสายตาสะใจที่หล่อนกลัวจนหงอ ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปกระชากข้อมือกลมกลึงเอาไว้แน่น“คุณ... ป
ตอนที่ 23.ทวิภาคพูดไม่ออก ได้แต่จ้องมองภาพบาดใจนั้นด้วยความเจ็บร้าว กรามแกร่งขบกันจนนูนเป่ง ดวงตาคมกล้าวาววับด้วยพิษแห่งความเกรี้ยวกราดและตอนนี้เองคำถามที่ถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาก็มีคำตอบสักที...ทำไมถึงได้มีความสุขนักยามอยู่ใกล้กับแม่ดอกเอื้อง?คำตอบก็คือ เพราะเขาตกลงไปในหลุมที่เจ้าหล่อนขุดไว้รอแล้วน่ะสิ...หลุมรักน่ะ!“ระยำ!”ชายหนุ่มกัดฟันเสียงดังกร๊อด มือใหญ่กำเข้าหากันแน่น ก่อนจะหมุนตัวมุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของตนเองด้วยความเดือดดาลไม่คิดเลยว่าหน้าใสๆ จะหลอกเก่งขั้นเทพแบบนี้...“นายท่านข้าน้อยนำอาหารมื้อเที่ยงมาให้เพคะ” เมื่อก้าวมาถึงห้องพักของตนเอง ชายหนุ่มก็เจอกับมาลาที่ถือถาดอาหารมาให้“วางไว้แล้วจะไปไหนก็ไปเถอะ”ทวิภาคเดินไปหยุดที่ริมระเบียง มาลาวางถาดไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินไปหยุดที่ด้านหลัง ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย เพราะเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นบึ้งตึงผิดสังเกต“นายท่านเป็นอะไรไปหรือเปล่าเพคะ ทำไมถึงหน้าบึ้งแบบนั้น หรือว่าใครทำให้นายท่านไม่พอใจ บอกมาลามาเถอะค่ะ เดี๋ยวมาลาจะไปจัดการให้เพคะ เพราะองค์หญิง... เอ๊ย! ดอกเอื้องฝากเอาไว้”ชื่อของแม่สาวที่ทำให้หัวใจหนุ่มรู้สึกเจ็บแป
ตอนที่ 22.แล้วต่อไปหล่อนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ในโลกกว้างใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวจนหมดสิ้น ภาพที่บิดากอดประคองด้วยความห่วงใย ภาพที่มารดาหอมแก้มเบาๆ ด้วยความรักใคร่ไม่มีอีกแล้ว... มันไม่มีอีกแล้ว...ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำ “ไม่ได้นะเพคะ ถ้าองค์หญิงเป็นอะไรไปอีกคน ประชากรของเชียงรุ้งจะอยู่กันอย่างไรล่ะเพคะ องค์หญิงต้องสู้ ต้องเข้มแข็ง...” ราชาวดีหันหน้าที่นองไปด้วยคราบน้ำตากลับมา “แต่หญิงเข้มแข็งไม่ไหว หญิงเสียใจ หญิงเจ็บปวด หญิงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว หญิงอยากอยู่กับท่านพ่อท่านแม่... หญิง...” ร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจ รสาเห็นแล้วก็พลอยคร่ำครวญไปด้วยอีกคนหนึ่ง “พระราชากับพระมเหสีทรงเสด็จขึ้นไปเฝ้ามององค์หญิงอยู่บนสรวงสวรรค์แล้วเพคะ องค์หญิงต้องทรงทำทุกอย่างแทนพระองค์ทั้งสองให้ดีที่สุด ทั้งสองพระองค์จะได้ไม่เป็นกังวล...” มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาช้าๆ ขณะลุกขึ้นนั่ง ก้าวลงจากแท่นบรรทม และเดินไปหยุดที่ขอบหน้าต่าง ใบหน้างามแหงนเงยขึ้น ดวงตากลมจ้องมองไปยังที่ปลายฟ้า ก่อนที่กลีบปากสั่นระริกด้วยแรงสะอื้นจะค่อยๆ คลี่ยิ้มช้าๆ
ตอนที่ 21. ประตูไม้แกะสลักถูกเปิดออกจากกันช้าๆ มัลลิกาเบิกตากว้างมองร่างของแขกแปลกหน้าที่ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางหวั่นเกรง ไม่ใช่เขา... อินทรายุธ ผู้หญิงวัยเกินห้าสิบปี ตัวเล็ก ผมสีดอกเลาเกือบทั่วทั้งศีรษะ ใบหน้าที่หย่อนคล้อยตามกาลเวลานั้นยิ้มแย้มและมีไมตรีจิต กว่าคนใจร้ายแบบอินทรายุธนัก “ไม่ต้องกลัวแม่หนู ฉันไม่คิดร้ายกับเธอหรอก...”เมื่อเห็นสตรีสาวที่นั่งคดคู้อยู่บนเตียงเบื้องหน้าถอยกรูดหนีอย่างลนลาน แก้วล่าจึงเอ่ยขึ้นอย่างมีเมตตา แม้จะไม่ชอบกับการกระทำของเจ้าน้อยนัก แต่หล่อนก็ต่ำต้อยเกินกว่าจะตักเตือนใดๆ“มะลิกลัว...” มัลลิกาพูดเสียงไม่ต่างจากกระซิบ น้ำตาไหลหล่นลงมาตามร่องแก้ม“ไม่ต้องกลัว เจ้าน้อยให้ฉันมาดูแลเธอ...” แก้วล่าเดินเข้าไปหาช้าๆ“เจ้าน้อย?” หญิงสาวทวนคำด้วยความประหลาดใจแก้วล่าระบายยิ้ม “เจ้าน้อยก็คือเจ้าอินทรายุธ นี่เธอไม่รู้หรอกหรือ ไหนเจ้าน้อยบอกว่าเธอเป็นทาสที่ขายตัวให้ท่านยังไงล่ะ”“ทาสหรือ? เขาบอกว่ามะลิเป็นอย่างนั้นหรือคะ...” ความเจ็บปวดก่อตะกอนร้ายภายในอกจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด“ใช่ เจ้าน้อยบอกว่าเธอคือทาสที่ขโมยของสำคัญของท่านแ
ตอนที่ 20.แก้มสาวแดงก่ำ ขณะยกมือขึ้นจับดอกกุหลาบ “มันผิดกฎน่ะสิเพคะ นางกำนัลต้องประดับดอกเอื้องบนผม ส่วนองค์หญิงต้องเป็นดอกไม้เงินดอกไม้ทอง”หญิงสาวทำท่าจะดึงออก แต่เสียงเข้มก็หยุดหล่อนไว้เสียก่อน มือบางชะงัก “ห้ามเอาออกเลยนะ ถ้าองค์หญิงดุเธอก็บอกว่าฉันเป็นคนปักให้ ถ้าจะเอาผิดให้มาเอาที่ฉันนี่”ราชาวดีอมยิ้ม มองผู้ชายตรงหน้าอย่างล้อเลียน “เก่งจังนะเพคะ เดี๋ยวองค์หญิงสั่งทำโทษขึ้นมาไม่มีใครช่วยนะเพคะ ดอกเอื้องก็ช่วยไม่ได้...”ทวิภาคหัวเราะ ไหวไหล่กว้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร ราชาวดีจึงต้องเป็นฝ่ายพูดแทน “แล้วเย็นนี้นายท่านจะทานมื้อค่ำที่ห้องอาหาร หรือว่าจะทานที่ห้องพักเพคะ ดอกเอื้องจะได้นำอาหารไปให้”“ฉันชอบความเงียบสงบ ขอที่ห้องดีกว่า และฝากกราบทูลองค์หญิงให้ฉันหน่อยว่าเมื่อไหร่คนของฉันจะมาถึง และเมื่อไหร่ฉันจะได้กลับเมืองไทยสักที”ใบหน้างามเจื่อนลงทันทีเมื่อคำพูดของทวิภาคจบลง “นายท่านอยากกลับเมืองไทยขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ มีใครรออยู่ที่นั่นใช่หรือเปล่า”คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มออกมา จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดของหล่อน“ก็คงอย่างนั้นมั้
Komen