“มาร์คัสเราเพิ่งสนุกกันไปนิดเดียวเองนะคะ คุณจะรีบไปไหน” นางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ถามชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-ไทย ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คผ้าเนื้อดี
“ขอโทษนะลีน่า ผมมีธุระ” พูดพลางติดกระดุมเชิ้ตเม็ดที่เหลืออย่างเร่งรีบ
“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าเรื่องบนเตียงของเราอีกเหรอคะที่รัก” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เบียดอกอวบแนบชิด แขนคล้องไปยังลำคอแกร่งอย่างประจบ
“ผมต้องบินไปเมืองไทยด่วน จัสมินมีเรื่องให้ช่วย”
“โธ่! ก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องสาวคุณก็คงโทรมาฟ้องเรื่องสามีอย่างเคยนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อยเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้นี่คะ” เพราะเป็นคู่ควงของมาร์คัสมานานหญิงสาวก็เลยพอจะรู้ว่าน้องสาวของเขามักจะโทรมาฟ้องพี่ชายเรื่องความเจ้าชู้ของสามีอยู่บ่อยๆ เอลลีน่าจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องด่วนหรือสำคัญอะไรเลยสักนิด
“สำหรับผมทุกเรื่องของจัสมินคือเรื่องสำคัญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“นี่คุณเห็นน้องสาวของคุณสำคัญกว่าเรื่องของเราอีกเหรอคะมาร์คัส”
“ลีน่าคุณรู้จักผมมานาน ก็น่าจะรู้นะครับว่าใครสำคัญที่สุดในชีวิตผม” ชีวิตของมาร์คัสเหลือเพียงน้องสาวเพียงคนเดียวไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถ้าจัสมินบอกว่าอยากให้ไปหา ชายหนุ่มก็พร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อไปหาเธอให้เร็วที่สุด
“ถ้าคุณไปตอนนี้เราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก ลีน่าเบื่อเต็มทนแล้วนะคะ เมื่อไหร่คุณจะเลิกตามใจน้องสาวสักที เธอโตแล้วคุณควรให้เธอทำอะไรด้วยตัวเองบ้างนะคะ” เอลลีน่าพูดอย่างขัดใจ
หญิงสาวอยากเขาเห็นความสำคัญของเธอบ้าง จึงพูดแบบนั้นออกไป เธอยืนหันหลังให้กับชายหนุ่มหวังว่าขู่ไปแบบนั้น มาร์คัสคงจะยอมเปลี่ยนใจ แต่เอลลีน่าคิดผิดถนัดเพราะนอกจากเขาจะไม่สนใจแล้วมาร์คัสยังเดินออกไปจากห้องนอนพร้อมกับตะโกนสั่งลูกน้องด้วยเสียงดังลั่น
“แพทริค อย่าลืมเอาเช็คค่าเสียเวลาให้เธอด้วย ส่วนห้องนี้ผมยกให้ จากนี้เราคงไม่ต้องเจอกันอีก”
“มาร์คัส กลับมาคุยกันก่อน ลีน่าขอโทษ” เอลลีน่ารีบสวมผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งตามผู้ชายตัวโตออกจากห้องนอน แต่เธอก็ต้องหยุดอยู่ที่ห้องรับแขกเพราะนอกจากมาร์คัสจะไม่หันกลับมามองแล้วการ์ดของเขายังยืนขวางอยู่ถึงสองคน
ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงเรียกของคู่นอนเลยแม้แต่น้อย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเขาคิดว่าเอลลีน่าเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด เขาควงเธอนานกว่าใคร แต่ทุกอย่างมันก็จบลง เพราะใครก็ตามที่พูดถึงน้องสาวของเขาแบบนั้นเขาก็ไม่เอาไว้
หนึ่งในการ์ดของเขายื่นเช็คที่ระบุจำนวนเงินสามแสนยูโรให้กับเธอ เอลลีน่าเข้าใจเป็นอย่างดีว่านี่คือการบอกเลิกในแบบฉบับของมาร์คัส
หญิงสาวเคยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาบ้าง ถ้าหากมาร์คัสพอใจผู้หญิงคนไหนก็จะเลี้ยงดูอย่างดี แต่อย่างหวังว่าเขาจะแต่งงานด้วย ที่ผ่านมาชายหนุ่มเปลี่ยนคู่นอนทุกสามเดือน แต่สำหรับเอลลีน่าแล้วเธอคือผู้หญิงคนเดียวที่เป็นคู่ควงของมาร์คัสยาวนานถึงหกเดือน
เธอคิดว่าชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ตนเอง ด้วยความคิดอยากจะเอาชนะน้องสาวของเขาทำให้เธอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเพราะคิดว่ายังไงเสียมาร์คัสก็คงจะเลือกเธอ แต่หญิงสาวลืมไปอย่างหนึ่งว่าสิ่งที่มีค่ากับมาร์คัสมากที่สุดก็คือจัสมินน้องสาวคนเดียวของเขา
แต่คนอย่างเอลลีน่านางแบบแถวหน้าของเมืองแห่งแฟชั่นอย่างมิลานไม่มีทางยอมให้เขาเขี่ยทิ้งง่ายๆ แบบนี้อย่างแน่นอน เธอจะรอให้มาร์คัสใจเย็นกว่านี้และกลับมาจากเมืองไทยแล้วเธอจะเข้าไปขอโทษเขาอย่างจริงจังอีกครั้ง
เธอรู้ดีว่าจุดอ่อนของผู้ชายมากด้วยตัณหาอย่างมาร์คัสอยู่ตรงไหน และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขากับเธอนานกว่าผู้หญิงทุกคน
ใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมงเครื่องบินเจทส่วนตัวก็ลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งมีจอมทัพลูกน้องคนสนิทอีกคนมารอรับ
“สวัสดีครับบอส เดินทางเป็นยังไงบ้าง” จอมทัพถามด้วยความนอบน้อม
ชายหนุ่มเป็นคนไทยโดยกำเนิดแต่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและรู้จักกับมาร์คัส พอเรียนจบมาร์คัสก็เลยให้เขาดูแลกิจการที่เมืองไทย ส่วนตัวเขาเองนั้นปักหลักอยู่ที่มิลานและจะกลับมายังประเทศไทยก็ต่อเมื่องานมีปัญญามากจนจอมทัพจัดการไม่ได้ และอีกเหตุผลที่ต้องบินด่วนกลางดึกก็คือจัสมินน้องสาวของเขาต้องการความช่วยเหลือ
“ก็ดี น้องสาวฉันเป็นยังไงบ้าง” ขายาวก้าวตามลูกน้องคนสนิทมายังลานจอดรถ โดยมีแพทริคลูกน้องคนสนิทและการ์ดที่ตามมาจากอิตาลีอีกสามคนตามมาด้วย
“เมื่อวานทะเลาะกันหนักเลยครับ เช้านี้คุณต้นก็ออกจากบ้านแต่เช้า” จอมทัพรายงานเจ้านายไปตามที่ตนเองสอบถามมาจากการ์ดที่บ้านนั้นอีกที
“สงสัยจะเรื่องใหญ่จริง” มาร์คัสถอนหายใจ
ตอนนี้ทุกคนขึ้นมาบนรถและกำลังออกจากสนามบินมุ่งหน้าไปยังบ้านของจัสมิน
“อีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านนายจะพักก่อนไหมครับ”
“ไม่ล่ะ นอนมาบนเครื่องแล้ว จอมนายรู้ไหมว่าคนที่นายต้นไปยุ่งด้วยนั้นเป็นใครมาจากไหน”
“เท่าที่ตามสืบเธอเป็นนักศึกษา ไม่มีครอบครัวที่ไหน มาจากบ้านเด็กกำพร้าที่คุณต้นมักไปมอบเงินบริจาคครับ”
“มีรูปไหม”
“นี่ครับคนซ้ายมือ” จอมทัพส่งรูปถ่ายในวันที่เขมทัตไปบริจาคเงินครั้งล่าสุดให้กับมาเฟียหนุ่มดู
มาร์คัสมองผู้หญิงที่อยู่ทางซ้ายมือของตนเอง สายตาคมปลาบมองอย่างเหยียดหยัน หญิงสาวใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโต รวบผมอย่างเรียบร้อยดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนที่ชอบแย่งของรักของคนอื่น
แต่มันก็คงเป็นแค่ลักษณะภายนอกเพียงเท่านั้น ใครจะรู้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอซ่อนความร้ายกาจไว้ในใบหน้าที่ใสซื่อจนทำให้น้องสาวของเขาเจ็บช้ำและโทรไปร้องไห้อย่างหนักเมื่อสิบกว่าชั่วโมงก่อน
รถตู้คันหรูเล่นเข้ามาจอดในบริเวณบ้านหลังใหญ่ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ดูร่มรื่นสบายตา เหมือนกับหลุดเข้ามายังอีกโลก แต่ความเขียวของต้นไม้ไม่ได้ทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกแบบนั้นเลย
จัสมินแต่งงานกับเขมทัตมาได้สองปีแล้ว ทั้งสองเพิ่งจะเริ่มมีปากเสียงกัน เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อทั้งสองคนไปบริจาคเงินที่บ้านเด็กกำพร้าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
“พี่มาร์ค” หญิงสาวรูปร่างระหงวิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง พี่ชายคนนี้เป็นที่พึ่งของเธอได้ทุกเรื่อง จัสมินมั่นใจว่าเรื่องที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เขาก็จะช่วยเธอได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“น้องพี่ผอมลงหรือเปล่า” มาร์คัสมองน้องสาวด้วยสายตาเป็นห่วง ครั้งล่าสุดที่เจอกับจัสมินก็สองเดือนที่แล้ว ตอนนั้นเธอยังมีน้ำมีนวลมากกว่านี้ เขาเชื่อแล้วว่าปัญหาที่หญิงสาวกำลังเผชิญอยู่นั้นคงหนักหนาเอาเรื่อง
“พี่จะให้น้องกินอิ่มนอนหลับได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อพี่ต้นกำลังหลงผู้หญิงคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น”
“เข้าบ้านก่อนดีไหมตรงนี้แดดมันร้อนเดี๋ยวผิวสวยของน้องจะเสีย”
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่