มิรันดาเลิกงานในเวลาตีสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเลย หญิงสาวเดินคอตกออกมาทางด้านหลังผับเพื่อเดินไปถนนใหญ่ที่อยู่ถัดไปอีกซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน
ขณะเดินออกมาจากผับได้นิดเดียวก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวาง
“คุณชื่อมิรันดาใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางมองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะเธอจำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน
“นายผมขอคุณกับคุณหน่อย”
“นายคุณเป็นใครคะ ถ้าเขาอยากคุยกับฉันทำไมเขาไม่มาเองล่ะ”
“เขารอคุณอยู่ในรถ”
“อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย ฉันเจอมาเยอะแล้วพวกมิจฉาชีพ แหมเป็นแต่งตัวดูดี กะจะหลอกฉันไปทำเรื่องอย่างว่าละสิ ไม่มีทางหรอกย่ะ” มิรันดาสะบัดหน้าใส่พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น
ตอนนี้เป็นเวลาปิดของสถานบันเทิงทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านถ้าเธอยังเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอยู่อย่างนี้ก็คงได้ถึงบ้านดึกกว่าทุกวันแน่ๆ
“ยุทธ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้า
“ผมไปรอที่รถนะครับ”
ชายคนแรกเดินออกไปแล้ว แต่คนที่เดินเข้ามาใหม่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไทย ถึงแม้จะพูดภาษาไทยก็ตาม
“สวัสดีครับคุณมิรันดาผมชื่อแพทริคเป็นผู้ช่วยของคุณมาร์คัส ถ้าคุณยังอยากได้เงินอยู่ก็รบกวนเดินตามผมมาคุยกับเจ้านายผมหน่อยนะครับ”
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไงล่ะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรถามเขาดูสิ”
มิรันดาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนจากนั้นกดโทรออกไปยังเบอร์ล่าสุด
“คุณมาร์คัสใช่ไหมคะ”
“เธอจะโทรหาใครล่ะ” เขาถามกลับอย่างยียวน
“ฉันก็จะโทรหาคุณนั่นแหละคุณอยู่ที่ไหนคะ แล้วได้ส่งใครมาหาฉันหรือเปล่า”
“ถ้าอยากได้เงินก็เดินตามเขามาที่รถ” ปลายสายพูดเสียงห้วน
หญิงสาวเดิมตามแพทริคมายังรถตู้คันหรูสีดำที่จอดอยู่อีกฝั่งของถนน
พอเดินมาถึงชายคนแรกก็เปิดประตูด้านหลังให้เธอขึ้นไปด้านในรถ ก่อนจะปิดประตูแล้วออกมายืนด้านรอด้านนอก
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม จนคนที่นั่งอยู่รีบรับไหว้พร้อมกับทำสีหน้าหนักใจ
“อือ ต่อไปห้ามไหวไว้ฉันอีก” เขารีบบอกเพราะไม่ชอบให้ใครยกมือไหว้ มันทำให้เขาดูแก่
“ค่ะ”
“ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม”
“คุณจะจ่ายฉันจริงใช่ไหมคะ”
“แล้วคิดว่าฉันต้องมาดักรอคุยกับคุณในเวลาตีสองมันคือเรื่องล้อเล่นหรือไงล่ะ”
“อย่างนั้นฉันขอบอกคุณอีกครั้งว่าฉันไม่ใช่เมียน้อยของพี่ต้น”
“ผมมาถามว่าคุณจะรับขอเสนอของผมไหม ไม่ได้มาเพื่อฟังคำแก้ตัว”
“ฉันบอกคุณไปแล้วนะ แต่คุณไม่ยอมฟังฉันเอง”
“มันก็แค่ก็ขอแก้ตัว”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณจะคิดเลยค่ะ เพราะสำหรับฉันความจริงมันก็คือความจริง”
“จะพูดอีกนานไหม ฉันจะได้หลับรอ”
“ไม่พูดก็ได้ ไหนล่ะเงินของฉัน”
“คิดว่าฉันจะเอาเงินสดมาให้โดยที่ไม่มีสัญญาอะไรเลยหรือไงสาวน้อย”
“สัญญาอะไร”
“ก็สัญญาที่เธอจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายต้นอีก”
“ฉันสัญญา”
“แค่สัญญาปากเปล่าใครจะเชื่อ เธอต้องเซ็นสัญญาด้วย”
มาร์คัสยื่นสัญญาที่เขาเตรียมไว้ให้เธออ่าน
“มันมืดฉันมองไม่เห็น”
ชายหนุ่มสายหัวก่อนจะเอื้อมมาเปิดไฟสำหรับอ่านหนังสือที่อยู่บนเพดานฝั่งที่เธอนั่ง
มิรันดาใจเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน เพราะลักษณะที่เขาเอื้อมมานั้นมันใกล้ชิดจนเธอได้กลิ่นหอมสดชื่นมาจากตัวเขา ผิดกับตัวเธอเองที่ตอนนี้มีทั้งกลิ่นควันบุหรี่และกลิ่นเหงื่อปะปนกันจนเหม็นไปทั้งตัว
มิรันดากระชับเสื้อคลุมตัวนอกให้แน่นขึ้นเพราะกลัวเขาจะได้กลิ่นเหม็นของตนเอง
“ทำไมต้องทำท่าทางกลัวขนาดนั้น”
“ไม่ได้กลัวก็แค่หนาว”
“อ้อ” มาร์คัสปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในรถให้เพิ่มขึ้นอีกสององศาเพราะกลั้วเธอจะหนาวตายก่อนที่จะได้เซ็นสัญญา
“เชิญอ่านตามสบาย เสร็จแล้วปลุกด้วย”
“ค่ะ”
มิรันดาอ่านสัญญาไปทีละข้อ มันไม่ได้มีอะไรยากเลยกับการที่เธอจะไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขมทัตอีก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจะต้องย้ายไปอยู่กับเขาถึงสามเดือน
“คุณมาร์คัสคะ” หญิงสาวเรียกคนที่นอนอยู่บนเบาะนั่งเบาๆ
“อือ ว่าไง”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องย้ายไปอยู่ที่กับคุณถึงสามเดือน”
“ก็เพื่อให้น้องสาวฉันสบายใจยังไงล่ะว่า ระหว่างนี้นายต้นจะไม่ติดต่อกับเธออีก”
“แต่ฉันต้องทำงาน และเดือนหน้าก็จะต้องไปฝึกสอนแล้วนะคะ”
“เรียนครูเหรอ”
“ค่ะ”
“น่าสงสารลูกศิษย์ของเธอนะ มีครูที่ชอบแย่งของคนอื่นแบบนี้”
“คุณจะดูถูกฉันยังไงก็ได้แต่อย่าดูถูกอาชีพและการศึกษาของฉัน” มิรันดาขึ้นเสียงด้วยความโมโห
มาร์คัสที่หลับตาอยู่ตกใจจนต้องรีบลืมตาขึ้นมามองเมื่อเห็นเธอโกรธจนหน้าแดงก็รีบกล่าวขอโทษ
“ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นเอาล่ะเมื่อกี้เธอพูดถึงเรื่องไหนแล้วนะ” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง
“ก็เรื่องที่ฉันต้องไปอยู่กับคุณ มันไม่สะดวกเพราะฉันยังต้องทำงานและเดือนหน้าก็จะฝึกงานแล้ว”
“ระหว่างนี้ฉันจะให้เงินเดือนเธอเอง ส่วนเรื่องฝึกงานก็ไม่ใช่ปัญหาเธอก็มาฝึกงานของเธอไป ตกเย็นก็กลับไปอยู่กับฉันแค่นั้นเองง่ายจะตาย”
“คุณคงไม่คิดจะทำอะไรฉันหรอกใช่ไหมคะ” มิรันดามองหน้าเขาอย่างหวาดระแวง
“ก่อนจะถามคิดดีหรือยังดูสภาพตัวเองสิ ว่ามันน่าพิศวาสตรงไหนตัวผอมซะขนาดนั้นแทบไม่ต้องจินตนาการเลยว่าไอ้ตรงนั้นนะมันจะแบนเป็นไม้กระดานแค่ไหน”
“อย่ามาดูถูกกันนะ”
“ทำไม จะแก้ผ้าโชว์หรือไง อย่าลำบากเลย”
“คุณนี่นะ หน้าไม่เหมือนคนไทยเลย แต่ปากคุณนี้มันยิ่งกว่าคนไทยบางคนเสียอีก”
“ผมถือว่านั่นเป็นคำชมนะ เอาล่ะ แล้วตกลงจะเซ็นไหม”
มิรันดาอ่านทบทวนอีกรอบก่อนจะเซ็นชื่อลงไปบนกระดาษแผ่นนั้น
“เรียบร้อยค่ะ แล้วฉันจะได้เงินเลยหรือเปล่า”
“เธอนี่ใจร้อนจริง พรุ่งนี้ฉันจะให้คนพาไปเบิกที่ธนาคาร”
“แน่นะคะ”
“ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า”
“บอกมาสิว่าบ้านเธออยู่ไหนจะได้ให้คนไปรับ”
“คุณมีไลน์ไหมล่ะ เดี๋ยวฉันส่งโลเคชันให้ค่ะ”
มาร์คัสส่งโทรศัพท์ของคนเองให้เธอสแกนคิวอาร์โค้ด
“ฉันส่งที่อยู่ให้แล้วนะคะ คุณจะไปรับตอนกี่โมง”
“บ่ายๆ”
“ก่อนบ่ายสามนะคะ เดี๋ยวธนาคารปิด”
“อือ รู้แล้ว”
“งั้นฉันกลับก่อนขอบคุณมากนะคะ” มิรันดากำลังจะยกมือไหว้แต่ก็รีบเอามือลงเมื่อนึกได้ว่าชายหนุ่มไม่ชอบให้ทำแบบนั้น
“กลับยังไง”
“รถเมล์ค่ะ”
“ดึกอย่างนี้ยังมีรถเมล์อีกเหรอ”
“มีสิ มันมีทั้งคืนนั้นแหละ แต่ต้องเดินไปขึ้นไกลหน่อยเท่านั้นเอง”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเกรงใจ”
“ที่ฉันบอกจะไปก็แค่กลัวว่าคืนนี้เธอจะแอบไปสั่งลาน้องเขยของฉันเป็นครั้งสุดท้าย”
“ถ้างั้นก็ไปตามที่อยู่นั้นเลยค่ะ เพื่อความสบายใจของคุณ”
มาร์คัสโทรตามยุทธนาให้ขับรถไปตามพิกัดที่เขาส่งให้ พอรถเคลื่อนออกจากหน้าผับได้นิดหน่อยมิรันดาก็หลับลงไปอย่างง่ายดาย
มาร์คัสปรับเบาะให้เอนลงก่อนจะกดปุ่มเพื่อให้แผงกันระหว่างห้องโดยสารกับส่วนคนขับขึ้นมากันเขาและเธอจากคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่