มาร์คัสกดปุ่มแผงกั้นลงเมื่อรู้สึกว่ารถจอดสนิท เพื่อคุยกับคนขับและผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า
“บอสครับ บ้านเธอหลังไหนครับ” ยุทธนาซึ่งเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดถามขึ้น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แพทริคนายรู้ไหม”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ บอสจะเอายังไงดี ถ้าเราไปกดออดแล้วไม่ใช่บ้านเธอผมเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่”
ชายหนุ่มหันมาปลุกคนที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่เจ้าตัวก็หลับไปไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด แล้วมาร์คัสก็เป็นคนพูดขึ้น
“ไปเพนเฮาส์เลย”
รถคันหรูแล่นออกจากซอยเล็กๆ จากนั้นขึ้นสู่ถนนใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูซึ่งห้องด้านบนหนึ่งในสี่ห้องเป็นเพนเฮาส์ของมาร์คัส ส่วนคนขับรถและแพทริคพักอยู่ต่ำลงมาอีกชั้น
“ให้ผมช่วยไหมครับ” แพทริคเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่มิรันดานั่งอยู่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปเปิดลิฟต์รอแล้วกัน”
ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่กำลังฝันหวานจะตื่นขึ้นมาโวยวาย
พอมาถึงชั้นบนสุดแพทริคก็เปิดประตูห้องให้เจ้านายแล้วตัวเองก็ขอตัวลงมาที่ห้องพักของตนเองที่อยู่ถัดลงมาอีกชั้น โดยทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง
มาร์คัสวางเธอลงบนโซฟาขนาดใหญ่ที่ห้องรับแขกก่อนจะเข้าไปเปิดประตูห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามห้องของตนเอง แล้วกลับมาอุ้มหญิงสาวเข้าไปนอนในนั้น
10.15 น. เพนเฮาส์
มิรันดาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่และตนเองอยู่ไหน จำได้ว่าครั้งสุดท้ายนั่งอยู่บนรถของมาร์คัส
หญิงสาวรีบสำรวจเสื้อผ้าของตนเองพอเมื่อรู้สึกว่าทุกชิ้นยังอยู่ครบแม้กระทั่งรองเท้าก็รู้สึกสบายใจขึ้น เธอเดินคลำทางจนเจอกับสวิตช์ไฟก็รีบกดเปิด
ห้องที่เธออยู่นั้นขนาดใหญ่กว่าห้องที่บ้านเช่าของตนเองอยู่มาก มีห้องน้ำในตัว พอเปิดผ้าม่านออกก็ต้องรีบหยีตาเพราะแสงแดดจากด้านนอกนั้นแรงกว่าแสงไฟในห้องหลายเท่าตัว
มิรันดาไม่มีเวลาสำรวจอะไรมากเพราะอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนและใครเป็นคนพาเธอมา หรือเมื่อคืนคุณมาร์คัสจะเป็นคนพาเธอมาที่นี่
หญิงสาวออกมาจากห้องนอนก็ไม่เจอใคร อยากจะรีบออกไปจากห้องนี้แต่ประตูเจ้ากรรมกลับเปิดไม่ออก
เธอจึงโทรหาคนที่อยู่กับเธอครั้งสุดท้าย พอกดโทรออกก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นบนโซฟาตัวที่ตนเองนั่งอยู่
ใบหน้าสวยงอง้ำเมื่อเห็นว่าบนหน้าจอปรากฏรายชื่อคนโทรเข้า
‘เมียน้อย’
หญิงสาวมองอย่างขัดใจ อยากจะเปลี่ยนชื่อแต่เขาก็ตั้งค่าล็อกหน้าจอไว้ มิรันดาเก็บความแค้นไว้ในใจถ้าวันไหนเธอมีโอกาสจะเปลี่ยนชื่อจากสายเรียกเข้าในแบบที่เธออยากให้เป็น
จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้ มิรันดาเลยได้แต่นั่งเล่นมือถือ เธอเดาว่าตอนนี้ชายหนุ่มที่พาเธอมาคงจะนอนอยู่ในห้องไหนสักห้อง แต่จะไปเคาะประตูเรียกก็กลัวว่าตนเองจะเคาะผิดห้อง
ยิ่งนั่งรอก็ยิ่งหิวมิรันดาเลยเดินไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว หญิงสาวเปิดตู้เย็นเพื่อหวังว่าจะเจออะไรสักอย่างแต่ในนั้นมีแค่น้ำเปล่าและเบียร์อีกเป็นจำนวนมาก
เธอหยิบน้ำขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วกลับมานั่งบนโซฟาอย่างเดิม จิบน้ำรองท้อง แล้วนึกถึงในอดีตตอนที่ตัวเองยังเด็กและแม่ครูออกไปธุระข้างนอก เธอกับเพื่อนยังเด็กทำอาหารยังไม่เป็นและอาหารในครัวก็เหลือแค่ขนมปังไม่กี่ชิ้น เธอและเพื่อนซึ่งมีอายุมากกว่าเด็กคนอื่นจึงเสียสละให้น้องเล็กอีกสี่คนได้ทานขนมปัง ส่วนเธอ ชนิศาและโยษิตาก็ได้แต่นั่งดื่มน้ำและมองตาปริบๆ เพราะความหิว
เมื่อนึกถึงเรื่องอดีตก็รู้สึกหัวใจพองโต วันนี้แล้วสินะที่เธอจะนำเงินไปให้แม่ครู เธอรู้ว่าแม่ครูจะต้องตกใจและคาดคั้นว่าเธอไปเอาเงินมาจากไหน
มิรินดากับเพื่อนตกลงกันแล้วว่าจะบอกแม่ครูไปว่าคุณมาร์คัสเป็นคนนำเงินมาบริจาค เพราะเขารู้เรื่องราวจากคุณศิลาเจ้านายของมิรันดา
มิรินดานั่งเล่นมือถือจนเบื่อ กว่าเจ้าของห้องตื่น
“อ้าว ตื่นนานแล้วเหรอ” เขาเดินออกมาจากห้องทั้งที่สวมชุดนอนอยู่ผมก็ดูยุ่งเหยิงต่างจากที่เคยเห็น อยากจะรู้จังว่าถ้าคนอื่นเห็นเขาในสภาพนี้คงได้ตกใจแน่นๆ นึกได้ดังนั้นมิรันดาก็ปิดเสียงโทรศัพท์แล้วกดถ่ายรูปของเขาไปหลายรูป
“ค่ะ ฉันตื่นนานแล้วแต่เปิดห้องไม่ได้ คุณช่วยเปิดให้หน่อยไหมคะ”
“จะรีบไหน กินอะไรก่อนสิ”
“ฉันยังไม่หิวค่ะ”
“กินน้ำหมดไปสองขวดยังจะบอกไม่หิว รอสิบนาทีก็ได้กินแล้ว”
“เมื่อคืนคุณทำไมไม่ไปส่งฉันที่บ้านคะ”
“ปลุกแล้วแต่เธอไม่ตื่นเองจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
“ปลุกแล้วแน่นะคะ”
“แน่สิ ไม่เชื่อก็ลงไปถามแพทริคกับยุทธนาชั้นล่างสิจะได้รู้ว่าฉันไปส่งเธอที่บ้านแล้วแต่ไม่รู้หลังไหน ปลุกเธอ ก็ไม่ตื่นจะทิ้งไว้ข้างทางก็ดูใจร้ายไปหน่อยก็เลยต้องพามาที่นี่ไงล่ะ”
พูดจบมาร์คัสก็แปลกใจตนเองเพราะแต่ก่อนเขาไม่เคยต้องอธิบายอะไรให้ใครฟังหรือพูดกับใครยาวๆ แบบนี้มาก่อน แต่กับหญิงสาวตรงหน้าเขากลับรู้สึกเป็นกันเองจึงไปพูดอะไรยาวๆ แบบนั้นออกไป
“ขอบคุณนะคะ”
“ฉันว่าเธอไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนไหมเดี๋ยวจะได้ออกมากิน”
“ฉันไม่มีแปรงสีฟัน”
“เข้าไปดูในห้องน้ำแล้วเหรอถึงบอกไม่มี”
“ยังค่ะ”
“แล้วจะรออะไร หรือจะให้ฉันไปช่วยแปรง”
“เปล่าสักหน่อย” มิรันดารีบวิ่งเข้าไปยังห้องเดิม แล้วตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านในทันที
ห้องน้ำที่นี่ดูหรูหราราวกับโรงแรมห้าดาวที่เธอเคยเห็นในเพจรีวิวที่พัก ทุกอย่างสีขาวสะอาดตาและน่าใช้งาน
หญิงสาวหยิบแปรงมาแกะจากนั้นก็รีบจัดการทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว อันที่จริงเธอก็อยากอาบน้ำมากกว่าแต่คิดว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ อีกอย่างถ้าเธอเอาแต่ชักช้าอย่างนี้ก็กลัวจะไปจัดการธุระให้แม่ครูไม่ทัน
เธอไม่รู้ว่ามาร์คัสจะจ่ายเป็นเงินสดหรือเช็ก ถ้าเป็นอย่างหลังเธอจะต้องเกาะติดเขาไว้ก่อนรอให้แน่ใจว่าขึ้นเงินได้แล้วค่อยไปบอกข่าวดีกับแม่ครู
หลังทานอาหารรแล้วมาร์คัสก็ปลดล็อกประตูให้เธอพร้อมบอกวิธีใช้งานเพราะอีกหน่อยเธอจะต้องมาอยู่กับเขาที่นี่ถึงสามเดือน
“คุณจะจ่ายเป็นเงินสดเหรอคะ ถึงต้องให้ฉันไปธนาคารด้วย”
“เปล่า จ่ายเช็ก”
“อ้าว แล้วจะต้องไปธนาคารทำไม จ่ายตอนนี้เลยก็ได้นี่คะ”
“งกจริงนะ สมุดเช็กฉันหมดต้องไปเอาที่นั่น แล้วก็เตรียมเก็บของใช้เท่าที่จำเป็นมาด้วย ฉันขี้เกียจไปบ้านเธอหลายรอบ”
“ฉันต้องมาวันนี้เลยเหรอคะ”
“ฉันจ่ายเธอวันนี้เธอก็ต้องมาวันนี้สิ มันเข้าใจยากตรงไหน”
“ไหนๆ คุณก็ไปธนาคารแล้วก็เบิกเงินเลยสิคะ แล้วก็เอาเข้าบัญชีฉันเลย”
“เรื่องเงินนี่ฉลาดจริงนะ รีบกลับไปเตรียมตัวได้แล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลา”
“คุณจะไปกี่โมงค่ะ”
“บ่ายสอง”
“บ่ายสองโมงแน่นะคะ”
“มิรันดาถ้าเธอยังถามอีกฉันจะเปลี่ยนใจแล้วนะ”
“อย่านะคะ คุณไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจ ฉันไปจริงๆ ล่ะ แล้วจะรอคุณหน้าบ้านนะคะ”
มิรันดากลับมาถึงบ้านก็รีบเก็บของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เลือกเอาไปเฉพาะของที่จำเป็นและหนังสืออีกจำนวนหนึ่งเพราะมีเวลาจำกัด เพราะถ้าขาดเหลืออะไรค่อยนั่งรถเมล์มาเอาวันหลังก็ได้
จัดของเสร็จก็รีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งรอเวลาให้เขามารับ
เหลือสิบนาทีจะบ่ายสองโมงมิรันดาก็ถือกระเป๋ามารอที่หน้ารั้วบ้าน
รถตู้คนหรูแล่นเข้ามาในซอยมิรันดารีบโบกมือให้ ใบหน้าหวานยิ้มอย่างยืนดีเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอก็จะได้เงินตามที่ต้องการแล้ว
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่