มิรันดากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบตีสามหญิงสาวรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้
เมื่อสองวันก่อนเธอกับเพื่อนรักอีกสองคนเข้าไปหาเขมทัตเพื่อยืมเงินจำนวน 30 ล้านจริงอย่างที่ผู้ชายผู้ชายคนนั้นพูด เพราะเขมทัตเป็นคนเดียวที่พอจะมีเงินมากขนาดนั้นให้พวกเธอยืมได้
ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอและเพื่อนกลับไปหาแม่ครูอรดีที่บ้านเด็กกำพร้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังเดือดร้อนเพราะเจ้าของที่คนเดิมเสียชีวิตลง ลูกชายก็เลยอยากจะขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายทุนเอาไปสร้างเป็นศูนย์การค้า แม่ครูและเด็กจะต้องย้ายออกจากที่นั่นภายในเวลาหนึ่งเดือน ถ้าไม่ย้ายออกก็ต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังบวกกับค่าที่ดินรวมเป็นเงินถึง 30 ล้าน
เดิมทีที่ดินผืนนั้นเป็นของคุณอรัญญา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ท่านให้แม่ครูสร้างสถานเลี้ยงเด็กบนที่ดินโดยไม่คิดค่าเช่า จนผ่านมาถึงตอนนี้ก็เกือบสามสิบปีแล้ว
แม้ว่าจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเดือนแต่นั้นก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แล้วเงินจำนวน 30 มิรันดาและเพื่อนก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมที่ไหน นอกจากคุณเขมทัตซึ่งเขาเป็นนักธุรกิจที่ค่อนข้างมีฐานะและมักจะมาทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้าอยู่บ่อยๆ
ข้อเสนอที่ผู้ชายคนนั้นยื่นให้ ฟังดูก็น่าสนใจ เพราะถ้าเขาให้เงินพวกเธอมากอย่างที่พูดจริงๆ ก็เท่ากับว่าแม่ครูและเด็กๆ จะไม่ต้องย้ายออก
มิรันดาและเพื่อนเติบโตมาจากที่นั่น มีแม่ครูคอยเลี้ยงดูและส่งเสียจนได้เข้าเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ พอชั้นมัธยมก็ขอทุนจากทางโรงเรียน วันหยุดก็ไปรับจ้างหาเงินค่าขนมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตอนนี้มิรันดาและโยศิตาเรียนอยู่ชั้นปีสี่แล้ว ส่วนชนิศาก็เรียนจบชั้นปวส. แม้ว่าตอนนี้จะออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอกแล้วแต่ก็ยังแวะไปหาแม่ครูอยู่เสมอ เพราะถือว่าที่นั่นเป็นบ้าน และแม่ครูก็คือคนที่มีบุญคุณกับพวกเธอมากกว่าใครทั้งหมด
“รัน นอนไม่หลับเหรอ” ชนิศาตื่นมาในเวลาตีห้าก็เห็นมิรันดาทำอาหารอยู่ในครัว
“อือ ขอโทษนะนิ รันทำให้นิต้องตื่นเลย”
“ไม่เป็นไร คิดเรื่องนั้นใช่ไหม”
“อือ ไม่รู้ว่าพี่ต้นจะหาเงินมาให้พวกเรายืมได้ไหม”
“นิว่ามันยากอยู่นะ เงินมากขนาดนั้น แล้วพวกเราสามคนก็เป็นแค่คนธรรมดาไม่มีทรัพย์สินอะไรไปค้ำประกันกับเขาเลย”
“นั้นสิ แล้วถ้ามีคนอื่นเสนอให้เงินเราล่ะ”
“บ้าน่ารันจะมีใครให้เงินเราเยอะขนาดนั้น”
“ถ้ามีล่ะ”
“ถ้ามีจริงเขาก็คงหวังอะไรในตัวรันแหละ เมื่อคืนเจออาเสี่ยกระเป๋าหนักอีกแล้วใช่ไหม”
“อือ กระเป๋าหนักจริง แต่ไม่ใช่เสี่ย หน้าตางี้หล่อมาก น่าจะเป็นลูกครึ่ง”
“รันไปรู้จักเขาได้ยังไง”
“เขาน่าจะเป็นเพื่อนคุณศิลา”
“อ๋อ คงรวยน่าดูเนาะ”
“เขาเสนอเงินให้เราแลกกับอะไรบางอย่าง”
“อย่าบอกนะว่าเขาขอซื้อตัวรัน”
“ไม่ใช่อย่างั้นสักหน่อย อย่างรันน่ะใครเขาจะซื้อแพงขนาดนั้น อย่างรันแค่แสนเดียวก็วิ่งไปหาเขาแล้ว”
“ถ้าแม่ครูมาได้ยินคงเป็นลงไปหลายตลบแน่”
“ใครจะกล้าพูดให้ได้ยินกันล่ะ”
“แล้วรันรับข้อเสนอของเขาหรือยัง”
“ยังเลย เรื่องนี้เราตัดสินใจคนเดียวไม่ได้หรอก แล้วนี้โยไปไหน เราอยากปรึกษาเรื่องนี้สักหน่อย” มิรันดาถามถึงเพื่อนอีกคน เพราะเมื่อคืนเธอกลับมาถึงบ้านทุกคนก็เข้านอนกันแล้ว
“ออกไปกับพี่กร แต่เดี๋ยวก็คงกลับมาแหละเพราะพี่กรต้องไปทำงานแต่เช้า”
“สองคนนี้เขากลับมาคบกันจริงๆ แล้วใช่ไหม”
“ก็คงอย่างั้นแหละ ตั้งแต่พี่กรกลับมาจากเมืองนอกก็เห็นควงกันตลอด”
“ก็ดีเหมือนกันนะ เราว่าเหมาะสมกันดี” มิรันดาก็อยากให้เองตัวเองมีความสุขกับคนที่เหมาะสม
20.30 น. มาร์โค่ผับ
“รันมองหาอะไรอยู่ นัดใครไว้หรือเปล่า” โจ้เพื่อนร่วมงานผู้ชายถาม
“เปล่าจ้ะ”
“เปล่าอะไรเราเห็นรันมองไปทางประตูทุกห้านาทีเลยนะ”
“ก็แค่สงสัยว่าทำไม่วันนี้ลูกค้าถึงไม่ค่อยเยอะเหมือนทุกวัน”
“คืนวันธรรมดาก็อย่างนี้แหละ แต่ก็ดีแล้วเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไงมาก”
“ไม่เหนื่อยก็จริงแต่ทริปก็จะน้อยตามไปด้วย” น้ำตาลเพื่อนอีกคนพูดขึ้น
เพราะแขกที่นี่แต่ละคนกระเป๋าหนักกันทั้งนั้น บางครั้งรายได้จากทริปยังมากกว่าเงินเดือนด้วยซ้ำ
มิรันดาเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้สองเดือน เพราะถ้าเป็นช่วงเปิดเทอมเธอจะไปทำงานเป็นผู้ช่วยครูสอนที่โรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง
“นั้นสิเมื่อคืนได้ทริปเยอะมาก เราชักอยากจะทำงานที่นี่ต่อแล้วสิ” มิรันดารู้สึกเสียดายถ้าเปิดเทอมจะต้องเลิกทำงานที่นี่
“ลองคุยกับผู้จัดการดูสิ เผื่อเขาจะให้มาทำเฉพาะคืนวันหยุด” น้ำตาลก็อยากให้มิรันดามาทำงานด้วยเพราะเพื่อนร่วมกันคนนี้ทั้งนิสัยดีและขยันทำงาน
“ขอบใจนะน้ำตาลที่แนะนำ เดี๋ยวเราจะหาโอกาสคุยกับเขาดู”
ถึงแม้จะได้ทริปมากขึ้น ทำงานเยอะขึ้นมากกว่าเดิมมากแค่ไหนหรือจะทำงานยังไงจำนวนเงินที่ได้ก็คงไม่พอที่จะช่วยแม่ครูอยู่ดี
เมื่อตอนบ่ายเธอปรึกษาเรื่องนี้กับโยศิตาแล้วทุกคนก็ลงความเห็นว่าเธอควรรับข้อเสนอของผู้ชายคนนั้นเพราะเงื่อนไขมันไม่ได้ยากอะไรเลย แต่เธอคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขมทัตก่อน
มิรันดาแอบเข้ามาในห้องน้ำ หญิงสาวกดโทรออกไปยังนามบัตรที่ผู้ชายคนนั้นให้ไว้ แต่โทรเท่าไหร่ก็เข้าระบบฝากข้อความและขณะนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งชั่วโมงถ้าเธอยังติดต่อเขาไม่ได้ เงิน 30 ล้านก็คงจะหายไปในพริบตา
หญิงสาวเริ่มกังวลว่าสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนอาจจะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น มิรันดาถอนหายใจอีกครั้งเธอรู้สึกหมดหวังจนแทบไม่มีแรงเดินออกจากห้องน้ำ
“น้ำตาลเห็นคุณศิลาไหม”
“น่าจะอยู่ในห้องทำงานข้างหลัง”
“เราขอไปหาคุณศิลาหน่อยนะ”
“อือ”
มิรันดาเดินมายังหลังร้านที่เป็นห้องทำงานของคุณศิลาซึ่งเป็นเจ้าของผับแห่งนี้ เธอเคาะประตูห้องทำงานรอจนเข้าอนุญาตจึงเปิดเข้าไป
“คุณศิลายุ่งอยู่ไหมคะ”
“ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า หรือแขกข้างนอกมีปัญหา” ศิลากำลังทำท่าจะลุกแต่มิรันดาก็รีบห้าม
“เปล่าค่ะ รันอยากรบกวนคุณศิลานิดหน่อยค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“คือรันมีธุระจะคุยกับคุณมาร์คัส เขาทิ้งนามบัตรไว้แต่รันโทรไม่ติด คุณพอจะมีเบอร์อื่นไหมคะ” หญิงสาวยื่นนามบัตรสีทองให้กับศิลาดู
“เรื่องด่วนหรือเปล่าละ”
“นิดหน่อยค่ะ รันต้องคุยกับเขาก่อนเที่ยงคืน”
“งั้นรอเดี๋ยวนะ”
ศิลากดโทรออกไปยังเบอร์ของแพทริค พอฝ่ายนั้นรับก็รีบถามถึงเพื่อนของตนจึงได้รู้ว่าตอนนี้ฝ่ายนั้นกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่ที่ผับอีกแห่งหนึ่ง
“รัน ขอเบอร์คุณหน่อย”
มิรันดาบอกเบอร์โทรของตนให้กับศิลาเพื่อให้เขาบอกไปยังคนปลายสายให้ติดต่อเธอหลังจากที่ทำธุระเสร็จ
“เดี๋ยวจะติดต่อมาเอง”
“มันจะเกินเที่ยงคืนไหมไหมคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกถ้ามันเกินฉันจะช่วยพูดให้เองว่าเธอโทรหาเขาก่อนเที่ยงคืนแล้ว แต่เขามัวทำอย่างอื่นอยู่ มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย”
“ขอบคุณนะคะคุณศิลา”
คุยธุระเสร็จมิรันดาก็ขอตัวออกมาทำงานต่อ ระหว่างนั้นหญิงสาวก็คอยยกโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาดูเรื่อยเพราะกลัวว่าถ้าเขาโทรกลับมาตัวเองจะมารู้เพราะเปิดเป็นระบบสั่นไว้
ผู้ชายคนนั้นเป็นความหวังเดียวที่เธอเหลืออยู่ในตอนนี้ ถ้าเขาทำได้อย่างที่พูดจริงเธอจะยอมยกให้เขาเป็นผู้มีพระคุณอันดับสองในชีวิตรองลงมาจากแม่ครูเลยทีเดียว
แต่ดูเหมือนว่าความหวังจะริบหรี่เพราะตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้วแต่เขาก็ยังไม่โทรกลับมา
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่