LOGINความเงียบที่ปกคลุมอยู่รอบตัว ความรู้สึกแรกหลังจากที่เริ่มได้สติคือมีอาการปวดหัวตุบๆ เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างกระดอนไปมาอยู่ในหัว
ซ่า~
สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เมื่อถูกคลื่นน้ำละลอกใหญ่สาดเข้าเต็มใบหน้า หนำซ้ำน้ำที่ว่ายังเย็นจนสั่นสะท้าน สองตาเบิกโพลงขึ้นโดนอัตโนมัติ
ปั่ก!
ถังน้ำใบนั้นถูกวางกระแทกลงกับพื้น ฉันพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณ แต่ร่างกายถูกพันธนาการติดกับเก้าอี้เอาไว้ด้วยเชือกเส้นโต ริมฝีปากถูกผ้าสีดำคาดปิดเอาไว้แน่น
ฉันทำได้เพียงกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว จำได้ว่าก่อนหมดสติไป ฉันถูกโอยามะบีบคอเหมือนจะพยายามฆ่าฉันให้ตาย
โอยามะ! นึกถึงชื่อนี้ขึ้นมาแล้วก็รู้สึกว่าลำคอพลันแห้งผากขึ้นมากะทันหัน
ครืดดด~
เสียงเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ถูกลากมาตั้งตรงหน้า ห่างออกไปประมาณสองถึงสามเก้า ก่อนที่คนลากจะหันมามองฉันด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่กลับเรียกความหวาดกลัวให้ตื่นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจฉันได้เป็นอย่างดีทันที
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน แต่มั่นใจว่ามันไม่ใช่ห้องชุดหรูของโอยามะที่ฉันแอบย่องเข้าไปแน่นอน เพราะดูจากสภาพซอมซ่อ มีกลิ่นเหม็นอับ แถมยังสกปรกแบบนี้ มันผิดกับที่นั่นลิบลับ
และแล้วประตูด้านข้างก็ถูกผลักเข้ามาโดยผู้ชายคนหนึ่ง จากนั้นก็มีผู้ชายอีกหลายคนเดินตามเข้ามา และคนแรกที่สะดุดตาฉันมากก็คือผู้ชายตัวสูงๆ ที่กำลังเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย เพราะเขาคือ...โอยามะ!
โอยามะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าฉัน ด้านหลังของเขามีบอร์ดี้การ์ดเดินตามเข้ามาสมทบอีกหลายคนเพียงแต่สายตาของฉันถูกสะกดโดยร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าตั้งแต่วินาทีที่เห็นเขาเดินเข้ามา
สายตาคมเข้มที่โอยามะมองมาทำเอาฟันในปากของฉันเริ่มกระทบกันอีกรอบ เห็นว่าเขาหันไปสบตากับบอร์ดี้การ์ดคนหนึ่ง จากนั้นนายคนนั้นก็เดินตรงมาหาฉัน พร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท
สองตาของฉันเบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อเห็นปลายแหลมของมีดแหลมคมดีดขึ้นมาจากฝัก
ฟึ่บ!
ปลายมีดที่ถูกยื่นมาใกล้ใบหน้าทำให้ฉันรีบหลับตาปี๋ ก่อนที่เสียงตวัดปลายมีดจะทำให้ฉันสะดุ้งและรู้สึกเสียวแปลบที่แก้มทันทีเมื่อถูกปลายมีดพับอันนั้นบาด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉันตัวสั่นเพราะความกลัวหรือเป็นเพราะนายคนนั้นมือไม่นิ่ง จากที่จะตัดผ้าที่ปิดปากฉันออกก็เลยกลายเป็นสร้างรอยแผลไว้บนแก้มฉัน
“ใครส่งเธอมา”
เขาถามแล้วจ้องหน้าฉันราวกับกำลังใช้สายตาคู่นั่นค้นหาคำตอบ แต่ความเงียบเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันสามารถตอบเขาได้
“ฉันจะถือว่าเธอสละสิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่ก็แล้วกัน” โอยามะพูดเสียงเรียบพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที ครั้งนี้เขาไม่ให้โอกาสฉันแม้แต่สักวินาทีเดียว
ชีวิตฉันมีค่าแค่คำตอบเดียวงั้นสินะ
เสียงฝีเท้าของโอยามะดังเข้ามาใกล้เมื่อเขากำลังเดินตรงมาหา ใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำไม่มีท่าทีอ่อนโยนกับฉันเลยสักนิด และทันทีที่เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาก็หรี่แคบลง ก่อนจะทำให้ฉันตกใจด้วยการยกมือขึ้นมาบีบแก้มฉันแรงๆ ปวดเหมือนกระดูกกราวจะหัก
“โอ๊ย!”
“ก็พูดได้นี่”
หลังจากที่โอยามะทำให้ฉันเปล่งเสียงออกไปได้สำเร็จ เขาก็สะบัดใบหน้าของฉันออกแรงๆ จนคอฉันแทบเคล็ด น้ำตาไหลพรากเพราะไม่สามารถโกหกตัวเองได้อีกต่อไปว่าไม่กลัว
“ถ้าเป็นคนอื่น ฉันอาจใช้วิธีตามจับตัวประกัน แต่ดูเหมือนวิธีนั้นคงใช้ไม่ได้ผลกับเธอสินะ...ฮานะ”
เขารู้จักชื่อของฉันแล้ว
เหตุผลที่เขาบอกว่าวิธีการจับตัวประกันไม่ได้ผลนั่นก็เพราะเขาน่าจะสืบจนรู้หมดแล้วว่าฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน
“ตอบ”
ความดุดันในน้ำเสียงของเขาทำให้ฉันสั่นระริกไปทั้งตัว
แกร๊ก!
แล้วโอกาสสุดท้ายของฉันก็มาถึงเมื่อโอยามะหันปลายกระบอกปืนที่เขาเพิ่งจะรับมันมาจากมือของบอร์ดี้การ์ดคนขึ้นมาจ่อที่กลางหน้าผากฉันอีกรอบ
“นับถึงสาม”
คำถามเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของฉันตอนนี้ก็คือเวลากระสุนในปืนกระบอกนี้ฝังลงกลางหน้าผากฉัน มันจะเจ็บแบบนี้รึเปล่า ภาวนาให้ฉันไม่ทันได้รู้สึกเจ็บหรือทรมานก็แล้วกัน
“ทุกอย่าง ‘ริว’ เป็นทุกอย่างของฉัน” ฉันยืนยันเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปสบตาโอยามะ ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้หลบสายตาฉัน แต่แววตาคู่นั้นกลับไม่ได้เย็นชาเหมือนเดิม เพราะมันกำลังสั่นไหวคล้ายกับกำลังพยายามซ่อนบางอย่างเอาไว้เขาอาจรู้หรือมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับริวก็ได้!“เธอกำลังคิดไม่ซื่อสัตย์กับฉันนะ ฮานะ”“ฉันซื่อสัตย์กับนายมากต่างหาก ซื่อสัตย์กับนายเหมือนกับที่ฉันซื่อสัตย์กับริวมาตลอด” ฉันพูดพลางก้มหน้ายิ้มให้จานข้าว ขอบตาร้อนวูบคล้ายกับน้ำในตากำลังจะเอ่อล้นออกมาจนต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้มันไหลกลับเข้าไปด้านใน“เขาบอกให้ฉันรอ ฉันก็รอ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยโผล่หัวกลับมาอีกเลยตลอดหลายปี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่จดหมายหรือข้อความที่บอกว่าเขาพยายามติดต่อกลับมาถึงฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เหมือนกับที่นายบอกให้ฉันรอ แล้วสุดท้ายนายเองก็ไม่มาเหมือนกัน”“ฉัน...”“สินค้าอย่างฉัน มันก็เป็นได้แค่สินค้านั่นแหละ ที่บอกไม่ได้กำลังแสดงความรู้สึกเพราะมันผิดเงื่อนไข ฉันแค่กำลังบอกนายว่าฉันทำหน้าที่ของสินค้าอย่างดีที่สุดแล้ว” ฉันเผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นไปถึงโอยามะอย่างไม่คิดจะปิดบังหรือซ่อนมันเอาไว้ รอยยิ้มที่แลกม
ฟิ้ว~สายลมที่พัดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกหนาวจนต้องกระชับสาบเสื้ออุ่นเข้าหากัน“ผมปิดหน้าต่างให้นะครับ”“ไม่เป็นไร”“ปิดเถอะครับ เดี๋ยวคุณฮานะจะไม่สบาย” คัตซึบอกแล้วรีบเดินไปปิดหน้าต่างห้องอาหารทันที ฉันได้แต่ยิ้มขอบคุณเขาก่อนจะก้มหน้าลงเขี่ยข้าวในจานไปมาเพราะยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิดตอนนี้มีหลายเรื่องที่ฉันยังคิดไม่ตก ทั้งเรื่องของยูริกับพี่ยูตะที่ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง ยอมรับว่าเราจากกันไม่ดีเท่าไหร่ แล้วฉันเองก็ยังรู้สึกผิดและเป็นห่วงทั้งสองคนมากๆ ทั้งยังมีเรื่องที่ริโกะบอกว่าจริงๆ แล้วคิราวะเป็นคนช่วยฉันก่อนจะพาฉันกลับไปที่แบล็กทาวน์ในคืนนั้น ฉันพยายามทบทวนดูแล้ว มันมีทั้งความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้จนตอนนี้เริ่มสับสนไปหมด แล้วก็ยังมีเรื่องเด็กกำพร้าที่ริโกะบอกว่าโอยามะตามหาอีกล่ะ ฉันจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยถ้าไม่บังเอิญว่าฉันเองก็คือเด็กที่มาจากบ้านเด็กกำพร้า แม้จะมั่นใจว่าฉันกับโอยามะไม่เคยเจอหรือรู้จักกันมาก่อน แต่บางทีเขาอาจรู้จักคนที่ฉันเองก็อยากเจอเขาอีกสักครั้งก็ได้นี่นาส่วนเรื่องสุดท้ายน่ะเหรอ ฉันพยายามแล้วที่จะไม่คิด แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงยังวนเวียนอย
“เดี๋ยวสิริโกะ”“ว่าไง” ริโกะหันมาถามเมื่อฉันเอื้อมมือไปรั้งเธอเอาไว้“เธอรู้มั้ยว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับโอยามะยังไง”คำถามที่ทำให้ฉันใจสั่นและตื่นเต้นกับคำตอบถูกถามออกไปเบาๆ ใจหนึ่งฉันก็รู้สึกกลัวคำตอบมาก แต่อีกใจกลับอยากจะรู้เรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนนั้น“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่ได้ยินเขาพูดกันมาอีกที บวกกับคุณโอยามะเองก็เคยถามฉันตอนที่คิดว่าฉันโดนพ่อกับแม่หลอกมาขายน่ะ”“งั้นเหรอ แล้วเธอพอจะรู้มั้ยว่าเด็กคนนั้นอยู่บ้านเด็กกำพร้าที่ไหน”“ไม่รู้อีกเหมือนกัน เธอถามทำไมเหรอ หรือว่าเธอเองก็มาจากบ้านเด็กกำพร้า”“ปะ...เปล่าๆ ฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้นเองน่ะ ขอบใจนะ” ฉันรีบปฏิเสธ ถึงจะมองริโกะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะกล้าพูดทุกอย่างให้เธอฟังหรอก“ริโกะ”“อะไรอีกล่ะ”“เธอ...มีอะไรกับโอยามะมากี่ครั้งแล้ว”ฉันถามบ้าอะไรออกไปกันนะ“ฉันเหรอ ไม่เคยหรอก”เธอต้องกำลังโกหกฉันแน่ๆ“มองฉันแบบนั้นแปลว่าไม่เชื่อเหรอ ฉันพูดจริงๆ นะ ตั้งแต่ถูกซื้อมาตอนอายุสิบหกจนตอนนี้สิบเก้า สามปีที่อยู่ที่นี่มา แม้แต่มือคุณโอยามะฉันยังไม่เคยจับเลย”“แล้วไหนเธอบอกว่าเป็นสินค้าก็ต้องทำหน้าที่ของสินค้ายังไงล่ะ” ฉันย้อ
ตุบ!“บ้าเอ๊ย แกช่วยเต้นให้มันเบาลงกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง” ฉันก่นด่าก้อนเนื้อในอกของตัวเองหลังจากที่ทุบสั่งสอนมันไปหนึ่งที ก่อนจะนั่งปรับลมหายใจของตัวเองต่ออีกสักพักครืด~“นายมัวไป...ริโกะ” ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อหันไปพบว่าคนที่เลื่อนประตูและกำลังก้าวเท้าเข้ามาไม่ใช่คิราวะแบบที่คิดไว้ แต่กลับเป็นริโกะ“ตกใจทำไม ผิดหวังเหรอที่เป็นฉัน”ริโกะถามพลางเดินเข้ามาหาฉัน ใบหน้าของเธอฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มแต่ฉันกลับแยกไม่ออกว่ารอยยิ้มนั้นเคลือบแคลงอะไรไว้หรือว่าเธอยิ้มออกมาจากข้างในจริงๆ“เธอมีอะไรกับฉันรึเปล่า หรือโอยามะสั่งให้ฉันทำอะไรอีก” ฉันถามอย่างระแวดระวังก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเธอน่าไว้ใจหรอกนะ ยิ่งได้รู้ว่าเธอเป็นสินค้าอีกชิ้นหนึ่งของโอยามะ ฉันก็ยิ่งรู้สึกระแวง“เปล่า ฉันแค่แวะมาทักทายเธอตามประสาคนรู้จักน่ะ อีกสักพักคุณคิราวะถึงจะกลับขึ้นมาเพราะคุณโอยามะสั่งให้เขาพาตัวสองคนนั้นลงไปส่งข้างล่าง”“อืม ฉันจะรอเขาอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ขอบใจที่เธอแวะมาบอก”“รู้สึกเป็นยังไงบ้างกับการเป็นสินค้าของคุณโอยามะ” คำถามนั้นต้องการคำตอบแบบไหนกันนะ“ก็ไม่ยังไง หรือเธอคิดว่าฉันควรรู้สึกยังไงล่ะ” ฉ
“ตบจนกว่าฉันจะพอใจ”“ไอ้...”“หรือถ้าแรงไม่พอ ฉันจะให้คนของฉันช่วยสั่งสอนให้ เผื่อน้องนายจะจำ คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่ยุ่งกับของของคนอื่น”ทุกการกระทำและคำพูดของโอยามะแสดงถึงความเด็ดขาด เพราะมันกลั่นกรองออกมาอย่างดีแล้ว ไม่อย่างนั้นเราทุกคนจะจนแต้มกันอยู่อย่างนี้ได้ยังไง ไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาวางแผนและคิดทุกอย่างได้รอบคอบจริงๆ ขนาดฉันยังไม่ระแคะระคายเขามาก่อนหน้านี้สักนิดเพียะ!เป็นอีกครั้งที่พี่ยูตะตบหน้าของยูริ ทั้งสองคนมองหน้ากันทั้งน้ำตา แต่ต่างคนต่างไม่มีทางเลือก ในเมื่อโอยามะไม่หยิบยื่นให้เพียะ!ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฉันสะดุ้งเพราะเสียงนั้น จนสุดท้ายก็เห็นกับตาว่ามีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของยูริ“พอ”ตุ้บ!พี่ยูตะถึงกับทรุดตัวคุกเข่าลงไปต่อหน้ายูริเมื่อโอยามะยอมสั่งให้เขาพอ ฉันเห็นเขายกสองมือสั่นๆ ของตัวเองขึ้นมากำหมัดแน่นก่อนจะชกมันลงกับพื้นราวกับกำลังลงโทษตัวเอง“แล้วอย่าให้ฉันรู้ว่ามีใครพยายามจะยุ่งกับของของฉันอีก หลังจากนี้ห้ามติดต่อกันโดยเด็ดขาด หรือถ้าใครคิดจะลองกลับมาฆ่าของของฉัน ก็ลองดูว่าจะทำได้ก่อนจะโดนฉันฆ่ารึเปล่า”ไม่รู้ว่าทั้งหมดที่เขากำลังทำมันหมายความว่ายังไง เขาก
“ไม่นะโอยามะ” ฉันร้องเสียงสั่นเมื่อเห็นโอยามะลุกขึ้นยืนพร้อมกับยืดลำตัวขึ้นเต็มความสูงพลางตวัดสายตามองกลับไปที่ยูริ ซึ่งถึงแม้ว่าเมื่อครู่เธอจะพูดคล้ายกับไม่กลัวอะไร แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอกลับสั่นเทิ้มไปหมด“แก้มัดยูตะ”“ไม่นะโอยามะ นายจะทำอะไร ห้ามทำร้ายพี่ยูตะกับยูรินะ!”“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันจะทำสักหน่อย”ตลอดเวลาที่โอยามะพูดกับฉัน เขาไม่หันกลับมามองฉันด้วยซ้ำเพราะว่าสายตาของเขายังคงมองตรงไปที่พี่ยูตะ ที่ตอนนี้คนของเขากำลังแก้มัดที่มือและปากให้“ลุกขึ้นยูตะ”“แกจะทำอะไร”“ฉันสั่งแค่ไหนก็ทำแค่นั้น”เสียงของโอยามะนิ่งมากจนฉันนึกกลัว และคิดว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนี้ก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากฉันสักเท่าไหร่ ตอนนี้ต่อให้อยากจะถามหรือร้องห้ามออกไป ฉันก็รู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ ดีไม่ดีอาจจะทำให้โอยามะโกรธมากกว่าเดิมซึ่งอาจทำให้สิ่งที่เขากำลังจะทำเลวร้ายหนักขึ้นก็ได้พี่ยูตะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตามคำสั่งของโอยามะ ฉันสังเกตว่าร่างกายของพี่ยูตะสั่นเบาๆ อยู่ตลอดเวลา แถมเขายังเคลื่อนไหวร่างกายได้ช้ากว่าปกติ มันต้องเป็นเพราะอาการบาดเจ็บจากการถูกโอยามะยิงในวันนั้นแน่ๆ“ลุกขึ้นยูริ”“โอยามะ”“นั่งเฉยๆ ก่อน







