Se connecterเสียงปืนดังลั่นทั่วป่า แม้จะฝึกซ้อมคนของเขา แต่สายตามาร์กัสก็ยังมองสังเกตรอบด้าน และพยายามจดจำแผนผังของค่ายทหาร เก็บรายละเอียดไว้มากที่สุดเพื่อทำแผนหนี
อาการตอนนี้ที่ไม่นอนทั้งคืนเริ่มจะมึนเล็กน้อย ต้องโทษที่คิดอยากมีเมียแต่ก็กิน ไม่ได้ หันมองคนไม่สำนึกผิดกำลังหิ้วตะกร้าเดินตามชบาไปยังลำธาร เขาหันไปยิ้มให้เธอ ปอฝ้ายก็ยิ้มกลับจากนั้นก็โบกมือเดินตามชบาไป เหมียวซานที่ยืนอยู่ใกล้ก็เอ่ยหยอก “เมื่อคืนยังไม่พอหรือนาย แถมตอนเช้าก็ยัง..” เสียงภาษาไทยไม่ชัดทำให้มาร์กัสหันไปยิ้มตอบ “ไม่พอ” ไม่ว่านานเท่าไรก็ไม่พอสำหรับเขาจริง “ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้ แต่งงานกันนานยัง” แต่งงานกันนานยังคำถามนี้เขาเองก็อยากตอบ ว่าจับจองเธอไว้หลายปีแล้วแต่หญิงสาวไม่รู้ตัว “ก็นานแล้ว” เหมียวซานยิ้ม “เมียนายสวย เสียดายถ้าไม่ใช่เมียนายพวกเราคงได้กิน” คำท้ายประโยคทำให้มาร์กัสหุบยิ้ม เหมียวซานก็ยิ้มกลบเกลื่อน “ล้อเล่นนะนาย” แต่สายตาก็ยังระวังปืนที่อยู่ในมือของมาร์กัส อีกฝ่ายกำแน่นเหมือนพร้อมยิง เหมียวซานจึงขอตัวเดินไปทางอื่น ยังไงที่เขาอยู่ก็คือกองกำลังโจรป่า ไม่อาจวางใจได้เลยจริงๆ เขาจึงวางปืนแล้วเดินตามปอฝ้ายไปยังลำธาร มองหญิงสาวกำลังหัดซักผ้าตามแบบชาวบ้าน ท่าทางดูใส่ใจเรียนรู้ยิ่งดูก็ยิ่งน่ามอง เขาจึงเผลอยิ้มอย่างมีความสุข รู้สึกว่าการติดอยู่ที่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร เพียงแต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยเขาก็คงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นาน เท่าที่ดูสถานการณ์คิดว่าทางการพม่าอาจจะจัดการกองกำลังที่พวกเราอยู่อีกไม่นานแน่นอน ถึงเวลานั้นพวกเราจะต้องอันตรายยังไงก็ต้องหนีให้รอดจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ปอฝ้ายที่ตั้งใจซักผ้ากำลังจะหิ้วผ้าขึ้นไปตากด้านหลังก็มองเห็นชายหนุ่มจึงถือตะกร้าเดินมาหาเขา “ซ้อมเสร็จแล้วหรือคะ” มาร์กัสมองตะกร้าแล้วดึงไปถือไว้เอง “จะตากผ้าใช่ไหม” ปอฝ้ายพยักหน้าจากนั้นก็มองชายหนุ่มหิ้วไปยังราวตากผ้า แล้วช่วยเธอตากอีกแรง จนหญิงสาวในค่ายส่งสายตายิ้มหยอกใหญ่โต เป็นปอฝ้ายเองที่เขินอายแทน “เดี๋ยวฝ้ายทำเองดีกว่า” “ไม่เป็นไรเสร็จเร็วจะได้กลับไปที่พักเร็วขึ้น เดินอยู่ด้านนอกอันตราย” เสียงเขาดูจริงจังกับคำพูด ปอฝ้ายจึงยอมให้เขาช่วยตากจนกระทั่งถึง.... หญิงสาวมองชายหนุ่มกำลังยกเสื้อชั้นในขึ้นมาแล้วมองนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มือบางก็ไวพอจะคว้ามาแล้วเอาไปตากเอง แต่คนเห็นคำนวณไซส์ได้ชัดเจนแล้ว ไม่คิดว่าปอฝ้ายจะซ้อนรูปขนาดนี้ “เสร็จแล้วค่ะ” ปอฝ้ายรีบหยิบตะกร้าแล้วเดินนำ ส่วนมาร์กัสยังมองชุดชั้นในนั้นอยู่ ก่อนหันมองรอบด้านแล้วคว้ามันมาใส่กระเป๋าแล้วเดินตามปอฝ้ายไป ยังไงก็ให้คนอื่นเห็นไม่ได้ความห่วงก็เลยคว้ามันติดมือมาด้วย พอปอฝ้ายกลับมาอีกครั้งเพื่อเก็บผ้าก็ปรากฏว่าชุดชั้นในหายไป สีหน้าเธอยิ่งบอกบุญไม่รับ จากนั้นก็ไม่กล้าตากชุดชั้นในด้านนอกอีกเลย ส่วนคนเอาไปก็ไม่บอกเช่นกัน “พี่มาร์กัส มีคนขโมยชุดชั้นในฝ้ายไป” ปอฝ้ายหันไปถามคนด้านหลังที่ยืนนิ่งเหมือนไม่รู้เรื่อง “คราวหลังก็ตากด้านใน วันนี้ชบาเอามาให้อีกหลายชุดไม่ใช่เหรอ” ปอฝ้ายพยักหน้า ถ้าไม่มีเสื้อผ้าจากชบาเธอก็คงลำบาก สีหน้าซีดคิดว่าต่อไปเธอต้องระวังมากกว่านี้แล้ว “งั้นต่อไปฝ้ายจะไม่ตากข้างนอกแล้ว” ดีมาก เสียงทุ้มนั้นดังในใจ ก่อนจะหันมองรอบค่าย มีคนจำนวนมากกำลังเดินไปมา แม้ไม่คนตามพวกเราแต่เขาก็เชื่อว่ามี มือหนาจึงคล้องเอวเธอเดินไปยังริมลำธาร เสียงของมาร์กัสกระซิบข้างปอฝ้ายแล้วเดินไปเรื่อย “ดูจากที่ชบาและคนอื่นๆ ซื้อเสบียงกลับมาทุกสองวัน พี่คิดว่าหมู่บ้านคงอยู่ไม่ไกลจากนี้” ปอฝ้ายก็คิดเช่นเดียวกัน “ถ้าฝ้ายจะขอชบาไปด้วยในครั้งต่อไป พี่มาร์กัสคิดว่ายังไง” มาร์กัสส่ายหน้า “ไม่ได้มันเสี่ยง ถึงดูพวกเขาจะเชื่อเรื่องที่พวกเราเป็นผัวเมียกัน แต่พวกเขาก็ไม่ไว้ใจพวกเราอยู่ดี” ปอฝ้ายนึกถึงภาพตอนเช้าในวันนั้น ตอนที่ชายหนุ่มจูบเธอ สภาพอย่างนั้นหากบอกว่าไม่มีอะไรกันคนคงไม่เชื่อจริงๆ แต่เอ้พวกเราก็ไม่มีอะไรกันเสียหน่อย “อยู่นิ่งที่ค่ายนี้แหละ พี่จะหาวิธีหนีเอง แต่ก่อนอื่นพวกเราก็ต้องมีอาวุธ” มาร์กัสมองไปยังต้นไผ่ที่อยู่อีกริมลำธารหนึ่ง “ตรงหน้าเหมาะสำหรับซ่อนอาวุธ ที่พี่สังเกตดูเหมือนพวกเขาไม่ได้นับจำนวนอาวุธที่มีอยู่ พี่จะแอบนำอาวุธพวกนั้นไปซ่อนไว้ตรงนั้น เมื่อเราสบโอกาสก็จะนำมันออกมาแล้วหนีทันที” “ค่ะ” เธอที่ไม่มีปัญหาอะไรนอกจากรับฟัง “แต่เราก็ต้องฝึกซ้อมยิงปืนด้วย” ปอฝ้ายขมวดคิ้วแล้วเอานิ้วชี้ตัวเอง จากนั้นก็ส่ายหน้าทันที “ไม่เอาฝ้ายกลัว” สีหน้านั้นดูจริงจัง “แต่ถ้าเรายิงปืนไม่เป็นเลย พี่ก็จะลำบากตอนหนี” เขาแค่พูดให้เธอมีความกล้าที่จะฝึกยิงปืน และได้ผล ปอฝ้ายยอมฝึกซ้อมแต่โดยดี “ว่าแต่ พวกเราจะเอาเวลาไหนไปซ้อม?” เพราะตอนเขาฝึกเสร็จอาวุธปืนพวกนั้นก็ยึดเก็บหมด มุมปากของมาร์กัสยกขึ้นแต่ก็ไม่พูดสิ่งใดอีก ทำเพียงยกมือขึ้นปัดเรือนผม แต่ปอฝ้ายเหมือนจะขยับหนี “อย่าขยับมีคนมองอยู่” ใบหน้าปอฝ้ายจะหันมองเขาก็พูดอีก “อย่าหัน เดี๋ยวเขาสงสัยเอาได้” พูดแบบนี้หญิงสาวก็ยอมนั่งนิ่งเช่นเดิม ปล่อยให้เขาปัดผมเธอเกี่ยวกับใบหู จากนั้นก็ก้มลงหอมตรงแก้ม เสียงเล็กเบาของปอฝ้ายกระซิบถามเขา “พวกเราจำเป็นต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือคะ” เป็นคำถามที่ไม่ได้คำตอบ เพราะคนแอบฉวยโอกาสยังคงมีความสุขต่อไป ใครจะแอบมองเขาไม่รู้ รู้แค่ว่าอยากใช้โอกาสนี้อยู่กับเธอให้มากที่สุดจากที่คิดขยับหนี ปอฝ้ายก็เริ่มเร่งเร้าอารมณ์เขาต่อ ขยับจากเตียงนอนไปยังโซฟา อ่างอาบน้ำ และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงนอนอีกครั้งความสุขครั้งนี้มีให้เธอไม่รู้จบความทรงจำครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าการมีสามีเป็นมาเฟียนั้น โอกาสที่ได้นอนนั่นยากเหลือเกินจริงๆ แต่เธอก็ชอบมันที่สุดบนน่านน้ำอิตาลี เรือยอร์ชของมาร์โกลอยลำอย่างปลอดภัย รอบด้านห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรมีคนของเขาคุ้มกันอยู่หากเกิดเหตุร้ายก็สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีมือเขาหยิบไวน์ชั้นเลิศขึ้นมาจิบ มองเมียที่กำลังเดินผ่านด้วยชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้นานแล้วตั้งแต่มีลูกมีหลานก็วุ่นวายจนไม่มีเวลาว่างของตัวเอง“พวกเราน่าจะอยู่ที่นี่สักสองเดือน”“ก็แล้วแต่คุณ” แอนนารู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว ลูกหลานเองก็สบายต่างมีหน้าที่ของตัวเองสืบต่อจากพวกเขา ในเมื่อปล่อยวางได้แล้วพวกเราก็ควรพักผ่อนบ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังจะว่ายน้ำในสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าเรือเรือนร่างยั่วยวนที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำแบบนี้แล้วเขาจะยอมอยู่นิ่งได้เช่นไร มาร์โกวางแก้วไวน์ลงจากนั้นก็ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นซิกแพคแน่นคนมองอยู่ในน้ำมองอย่างภูมิใจ
ปอฝ้ายหันไปสนใจเด็กสามคนที่กำลังนั่งทำหน้าสำนึกผิดหลังจากที่คิดจะหนีเที่ยวลำพัง “ครั้งนี้แม่คิดว่าลูกอาจคิดได้แล้ว ที่มาดามทำก็ล้วนเพื่อความปลอดภัยของเราทั้งนั้น”สามคนพยักหน้าพร้อมเพรียงเป็นแดลเนียลที่ยกมือก่อนใคร “ผมอยากฝึกอาวุธ โตขึ้นจะได้ปกป้องพี่ได้”เห็นแบบนี้แล้วคนเป็นพ่อก็เข้ามาอุ้ม “เรายังเด็ก”“ผมโตแล้ว” โตแล้วอะไรเพิ่งจะหกขวบ ตอนเขาฝึกอาวุธก็ตอนใกล้สิบขวบ ถ้าฝึกตอนนี้โตมาลูกเขาไม่กลายเป็นมาเฟียตั้งแต่เด็กหรือยังไง ทุกวันนี้ดื้อรั้นยิ่งกว่าเขาตอนเด็กอีกเคยได้ยินคำพระไทยที่กล่าวว่า กรรมตามทัน เห็นท่าจะจริงทุกวันนี้มาดามยังหัวเราะตามหลังเขาอยู่เลย ลอร่ารับลูกชายที่คิดจะฝึกปืนตั้งแต่เด็กเข้าไปนอน ส่วนมาร์กัสกับปอฝ้ายก็อุ้มอลิซไปนอนเช่นกัน ต่างคนต่างแยกย้ายเหลือเพียงเจด้าที่ยังอยู่ที่เดิมกับไนร่าดวงตาเธอมองพี่คนโตสุด “ให้แม่ดุไหม” คนที่ชวนน้องทำเรื่องไม่ดีสำนึกผิดจริงๆ เจด้าไม่ทันเอ่ยอะไรเสียงมือถือก็ดังขึ้น ปลายเสียงดูร้อนรนคงทราบแล้วว่าเกิดอะไร“ทำไมไม่บอกผม” พีรพัฒน์เอ่ยเสียงดุไม่พอใจ แม้เขาจะทำงานอยู่ต่างเมืองแต่เขาก็อยากรับรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกับภรรยาคนที่เป็นห่วงกลัวเขา
มาร์โกและแอนนาก็ถูกเบียดไปยังมหาวิหารนิส “ไม่ต้องห่วงไปดูพวกเขาก่อน” เขาจูงมือเมียเข้าไปในวิหาร มีผู้คนวิ่งตามเขาเข้ามาเช่นกัน ดวงตาคมหันมองซ้ายขวาของวิหารจำได้ว่าหากลัดเลาะไปไม่นานจะมีท่าเรือยอร์ช ตรงนั้นมีเรือยอร์ชของบริษัทเขาอยู่ คิดว่าทางนั้นปลอดภัยที่สุดแอนนาทั้งห่วงลูกและหลาน แต่ก็ต้องพยายามหนี เมื่อเสียงปืนเงียบลงแล้ว มาร์โกจึงแวะพักเพื่อให้เธอหายใจ แอนนาทรุดลงหันมองเหมือนจะเป็นสุสาน“คุณคิดว่าเสียงระเบิดนั่น”“ผมไม่แน่ใจ” เสียงมือถือเขาดังขึ้น เป็นลูคัสที่โทรมาบอกว่าเจด้าปลอดภัยดี ตอนนี้ก็เหลือพวกหลานๆ“กลับไปยังโรงแรมแล้วดูแลเจด้าให้ดี ส่วนพวกมาร์กัสถ้ามีอะไรคืบหน้าก็รีบโทรมา”“ครับ” เสียงปลายสายรีบบอก มาร์โกหันมองเมียที่ดูกังวลไม่ผิดกับเขา มืออุ่นส่งมือให้แอนนาแต่มือบางไม่ทันจะแตะมือเขาก็มีเสียงปืนดังขึ้นปัง!!! ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับพวกเขาไหม ตอนนี้รู้แล้วว่าเป้าหมายของพวกมันคือพวกเรา แล้วพวกเราจะรออะไรก็วิ่งสิ เมียมาเฟียอย่างแอนนาก็รีบหยิบปืนออกมาป้องกันตัวหลายปีที่ผ่านมาทำให้เธอรู้จักเตรียมตัวมากขึ้น ฝีมือการยิงก็แม่นเหมือนจับวาง คิดไม่ทันขาดคำก็โดนพวกมันไปหนึ่งคน
เมื่อลงไปยังด้านล่างของโรงแรมหรูก็พบกับรถตู้สีดำสี่คันรถ เหมือนพวกเราจะพาทำให้คนเยอะกว่าเดิมไหม การเดินทางก็ลำบากแม้รถจะขยับเคลื่อนได้ไม่เท่าไรก็ต้องจอดนิ่งดังเดิมมาร์กัสหันมองบรรดาลูกๆ ด้านหลัง ที่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย “ลงเดินไหม” คำเดียวถึงได้เห็นรอยยิ้ม“ไม่ได้” แอนนาถึงกับค้านขึ้นมา แต่มาร์กัสและมาร์คัสเหมือนจะไม่ฟังเท่าไร พวกเขาเปิดประตูจากนั้นก็จับจูงลูกลงจากรถแล้ววิ่งไปตามทาง ปล่อยให้บอดี้การ์ดวิ่งตามหลังแทนเจด้าที่นั่งอยู่กับมาดามก็พยายามปลอบใจคนกลัว “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เสียดายพีรพัฒน์มาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกเหงาเช่นกัน เมื่อเข้าใจความรู้สึกนี้ก็ทำให้เธอรู้ว่าเด็กๆ คิดเช่นไรมางานสนุกแต่ก็เหมือนไม่ได้มา แบบนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะสนุก พอได้วิ่งเล่นลงด้านล่างมาร์โกและแอนนาพร้อมเจด้าก็ลงจากรถเดินตามไปอีกกลุ่มแอนนามองเห็นด้านหน้าชัดเจนก็เลยหมดกังวล ยิ่งเห็นรอยยิ้มของหลานๆ ดูเหมือนเธอจะคิดมากไปจริงๆ เมื่อคิดแบบนั้นก็เลยพยายามปล่อยวางแต่สงบใจได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเสียงดัง “เด็กๆ” แอนนารีบตะโกนทำให้บอดี้การ์ดรีบขยับตัวไปคุ้มกันเจลโล่รีบไปด้านหน้าทันที เหลือเพียงลูคัสรีบขยับม
บ้านคฤหาสน์มาร์เรนถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองทองทั่วงาน ด้านในถูกประดับประดาด้วยดอกไม้นับนานาพันธุ์ ผู้คนที่เข้ามาร่วมฉลองในค่ำคืนนี้ล้วนเป็นคนสนิทที่พวกเขาคุ้นเคยดีจังหวะที่พวกเรากำลังมีความสุขนั้น จู่ๆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มา ปอฝ้ายหันมองลูเฟีย แต่กลับไม่พบเมญ่า ชายหนุ่มจะเดินเข้ามาในงาน แต่บอดี้การ์ดคู่หู เจลโล่และลูคัสก็ขวางทางเสียก่อน“แขกไม่ได้รับเชิญ ไม่อนุญาตให้เข้าไปครับ”ลูเฟียที่มาในสภาพไม่เต็มร้อย บอดี้การ์ดได้กลิ่นเหล้าจากกลิ่นตัวของอีกฝ่ายเหมือนเขาไปตกลงในถังเหล้าแช่อยู่สักสามสี่วันเห็นจะได้“ออกไป กูจะเข้าไป!!” เสียงตะโกนทำให้ทุกคนในงานหันมองเจด้าที่ยืนอยู่อีกฝั่งจะเดินเข้าไปห้าม แต่พีรพัฒน์ก็ดึงแขนห้าม“เดี๋ยวผมไปเอง” สีหน้าคนเป็นสามีหวงเมียยังคงเหมือนเดิม เจด้าจึงได้แต่พยักหน้าเดินไปหามาดามแอนนา ฟังเสียงคนไม่ได้สติยังคงโวยวายเหมือนคนบ้าอยู่“ออกมาสิโวย เมญ่า!!”คิ้วปอฝ้ายขมวดเข้ามากัน “ให้ฝ้ายไปดูเขาได้ไหม” เธอหันไปถามมาร์กัส คนเป็นสามีมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พี่จะเดินไปด้วย” เธอเห็นด้วย เพราะดูจากสภาพมาเฟียเลือดร้อนตรงหน้าแล้วเธอก็ไม่วางใจพอเดินไปถึงลูเ
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ปอฝ้ายหันมองรอบงานต่างกับงานแต่งงานของเธอพอสมควร ทุกอย่างเหมือนแทบไม่ตกแต่งอะไร คนที่มาร่วมงานก็นับคนเห็นจะได้ตอนที่นั่งเครื่องบินนั่น ทำให้เธอรู้ว่ามาร์คัสกำลังป่วย แต่ป่วยขนาดไหนเธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพสูบผอม ศีรษะไร้ผม ใบหน้าไร้เลือดหญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ในห้องแต่งงาน มาร์คัสทักทายพี่ชายก่อนจะทักทายพี่สะใภ้“สบายดีไหมฝ้าย”“สบายดี ว่าแต่นายเถอะอาการดีขึ้นยัง”“ตอนทำคีโมครั้งสุดท้าย หมอบอกว่ามะเร็งเหมือนจะหยุดการเติบโต แต่ก็ยังไม่ชัวร์ต้องรอสักระยะแล้วไปตรวจใหม่อีกรอบหนึ่ง”“ดีใจด้วยนะ ขอให้หายป่วยไม่มีโรคภัยอีก และดีใจที่นายได้เจอคนที่นายรักจริงๆ” ปอฝ้ายอวยพรด้วยใจเป็นเจ้าบ่าวที่ยิ้มขอบคุณ เงยหน้ามองพี่ชายอย่างเกรงใจแต่ก็อยากเอ่ยออกมา “ความรู้สึกที่เรามีให้ฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเสียหน่อย”“จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังจะมาพูดแบบนี้อีก” มือเล็กยกขึ้นตีอีกฝ่าย ไม่นานก็มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเข้ามา ปอฝ้ายอุ้มอลิซให้รู้จักเขา“เธอเหมือนฝ้ายมาก”“อืม” ฝ้ายยิ้มก่อนจะปล่อยลูกสาวตัวน้อย วิ่งไปหาพี่สาวไนร่าที่กำลังเดิ







