LOGINปอฝ้ายพยายามถอยห่างแต่เขาก็ยกมือขึ้นให้เธอเงียบที่สุด มือหนาดึงผ้าห่มออก “เปลี่ยนผ้าถุงหน่อยจะได้นอนสบาย” แต่มือหนากลับหยิบผ้าห่มขึ้นห่มกายเขาแทน
จากนั้นก็หันไปดับเทียน “ผมขอนะ” คนได้ยินหน้าแดงแก้มแดงจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว ใบหน้าคมก้มลงจากนั้นก็โยกตัวเข้าหาเธอ
เสียงเขาคำรามใกล้ใบหู แม้รู้ว่าเขาไม่ได้ทำจริง แต่ทำไมเธอต้องหน้าแดงด้วย เสียงลมอุ่นกระซิบข้างหู “คุณต้องครางด้วย”
ปอฝ้ายหันมองอย่างตกใจ เธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เสียหน่อย ให้ร้องครางเธอต้องร้องยังไง? ดูเหมือนมาร์กัสจะรู้ความคิดเธอเขาจึงก้มลงจากนั้นก็กัดที่ใบหูหนึ่งครั้ง
“อ๊ะ” เสียงปอฝ้ายร้อง หันมองเขาเสียงทุ้มกระซิบต่อ “แบบนี้แหละที่ผมต้องการ”
ความหวังดีเขาทำให้ร่างกายเธอร้อนยิ่งกว่าอากาศตอนนี้เสียอีก ปอฝ้ายพยายามขยับหนี แต่เขาก็ยังขยับตามการโยกเอนและมือหนาที่เคาะลงบนเบาะดูๆ ไปแล้วก็สงสารคนอยากช่วยเหมือนกัน
เธอจึงร้องประสานเสียงกับเขา จนสุดท้ายแล้วเขาก็หยุดเมื่อเสียงด้านนอกเหมือนคนขยับเท้าจากไปแล้ว มาร์กัสลุกขึ้นเดินเท้าเบาไปยังประตูด้านนอกแง้มดูไม่มีคนเฝ้าก็เดินกลับมา
“คืนนี้ยังไงผมก็ต้องนอนตรงนี้เพราะไม่รู้ว่ากลางคืนจะเกิดอะไรอีก”
เธอไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะตอนนี้มาร์กัสเป็นคนที่เธอไว้ใจได้ที่สุด หญิงสาวพยักหน้าอย่างเต็มใจจากนั้นก็หันหลังให้เขา
ชายหนุ่มมองแผ่นหลังที่แนบชิดกัน เวลาแบบนี้เขาจะพูดถึงเรื่องตุ๊กตาเน่านั้นได้หรือยังนะ ถ้าเธอรู้อาจจะเกลียดเขาหรือว่าจะเห็นว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนและไว้ใจเขามากกว่าเดิม
แต่เพราะกลัวว่าจะเป็นแบบแรก มาร์กัสจึงไม่พูดสิ่งใดออกไปได้แต่มองลมหายใจคนข้างตัวหายใจขึ้นลงสม่ำเสมอเป็นจังหวะ ก็รู้ว่าเธอหลับไปจริงๆ แล้ว
หลายวันมานี้พวกเราเหนื่อยมากจริงๆ เขาลุกขึ้นชะโงกมองใบหน้าเธอปัดเรือนผมขึ้นมาเกี่ยวใบหู จากนั้นก็อดที่จะโน้มลงช่วงชิงแก้มนวลตรงหน้าไม่ได้
แค่แอบหอมแก้มคงไม่เป็นไรหรอกนะ
เสียงลมพัดกับความเงียบสงบของป่าเขา ทำให้เขานอนไม่หลับเพราะเกรงว่าจะมีอันตรายได้ ดูเหมือนตอนนี้เที่ยงคืนแล้วมาร์กัสจึงลุกขึ้นแง้มประตูเพื่อสังเกตด้านนอกทำให้เขารู้ว่า
เวรยามของอองยี้จะค่อนข้างหลวมตอนหลังประมาณเที่ยงคืน คนที่มาเฝ้าเข้าเวรก็น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง แถมดูเหมือนจะติดเหล้าทั้งหมด ทำให้เห็นบางคนแอบงีบหลับ
ถ้าจะหนีก็คงต้องใช้เวลานี้ แต่ตอนนี้รอบนอกของค่ายไม่แน่ใจว่าอองยี้วางกำลังไว้เท่าไร ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องสืบให้ได้ตอนที่ไปฝึกคนของอองยี้ยิงปืน
เขาจะผลีผลามตอนนี้ไม่ได้ จึงเดินกลับมานอนที่เดิมกำลังจะขยับหันหลังให้ ปอฝ้ายก็หันหน้ามาหาเขา มือบางยกขึ้นกอดเอวเขา ขาเธอก็วางพาดที่ขาด้านล่าง
แถมหน้าอกนุ่มก็ยังขยับแนบชิด คล้ายกับว่าตอนนี้เขากำลังเป็นหมอนข้างของเธออยู่ พอเป็นแบบนี้แล้วเขาก็เริ่มไม่อยากเป็นสุภาพบุรุษแล้ว
รู้สึกอยากมีเมียตอนนี้เขาจะผิดไหม?
ทำได้แค่เพียงคิด แต่กลิ่นหอมของคนในอกก็ชวนให้คิดไปไกล ตอนที่ความเงียบสงบนั้นเขารู้สึกได้ถึงหัวใจเต้นของเขา การได้อยู่สองต่อแบบนี้ เขาเริ่มรู้สึกดีใจมากกว่าเสียใจอีกแล้ว
ใบหน้าคมจ้องมองเรือนผมหญิงสาวจากนั้นก็ก้มลงหอมอย่างเผลอตัว คิดเข้าข้างไปเองว่าหากได้กอดเธอแบบนี้ทุกคืนก็คงดี
รุ่งเช้าอีกวันตอนที่ปอฝ้ายตื่นนั้น ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของใคร สองมือคิดจะยกมือหนาออกจากเอว แต่ก็กลัวว่าเขาจะตื่นถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงทำหน้าไม่ถูกแน่
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังมองใบหน้าเขานิ่ง เมื่อเห็นใบหน้าได้รูปราวเทพบุตรจำแลง โครงหน้าเขาคล้ายกับมาร์คัสมาก เพียงแต่ใบหน้าของมาร์กัสนั้นนิ่งเงียบสงบ อีกทั้งริมฝีปากหนากว่า
สายตาเธอมองไปยังริมฝีปากหนา เขาว่ากันว่าคนรูปปากแบบนี้จะเจ้าชู้ เชื่อไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอพบกับคนอบอุ่นและพึ่งได้ตรงหน้ามากกว่า เขานิ่งสงบแม้ว่าพวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
นิ้วเรียวยาวจึงเผลอยกขึ้นแล้วแตะริมฝีปากนั้น เพียงสัมผัสเปลือกตาคนหลับก็ลืมตาตื่นขึ้น ขนตางอนยาวของชายหนุ่มทำเธอเหมือนถูกมนต์สะกด นิ้วมือเธอยังอยู่บนริมฝีปากเขายังไม่ได้เอาออก และตอนนี้ก็ทำให้เธอไม่ออกอีกเมื่อถูกจับได้
เป็นมือของเจ้าของริมฝีปากสวยเองต่างหากที่จับข้อมือเธอ “ฝ้ายไม่ได้ตั้งใจ” เขาขยับ แล้วโน้มตัวไปหาเธอ ตอนนั้นเองคงเหมือนมนต์สะกดที่แท้จริง เมื่อริมฝีปากของคนด้านบนประกบลงบนริมฝีปากของเธอ
เอียดด เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับอองยี้ที่ยืนอยู่หน้าสุด ภาพตรงหน้าเหมือนจะทำให้เขาหมดสงสัย ส่วนคนด้านในก็รีบลุกขยับ ปอฝ้ายแทบจะเอาผ้าปิดหน้าไม่กล้ามองใคร
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะ แต่นายมีงานให้ต้องทำ” อองยี้หันมองไปยังด้านหลัง ทำให้ปอฝ้ายมองเห็นอาวุธจำนวนมาก เขาจึงฝากปอฝ้ายไว้กับชบา
“จำไว้อย่าอยู่ห่างชบาเข้าใจไหม” คงมีแต่ชบาคนเดียวที่ดูไว้ใจได้ เขาจึงหันไปกำชับอีกรอบ ปอฝ้ายพยักหน้าเข้าใจเมื่อเขาไปแล้วจึงเงยหน้ามองชบา
“อาบน้ำไหม ถ้าอาบก็เอาผ้าผลัดมาด้วย พวกเราจะต้องไปอาบน้ำที่ลำธารด้านหลัง”
ปอฝ้ายรีบทำตาม รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้มาเที่ยว แต่กำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่ความรู้สึกอุ่นตรงริมฝีปากคืออะไร ทำไมเธอถึงยอมให้เขาทำได้อย่างง่ายดาย
จากที่คิดขยับหนี ปอฝ้ายก็เริ่มเร่งเร้าอารมณ์เขาต่อ ขยับจากเตียงนอนไปยังโซฟา อ่างอาบน้ำ และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงนอนอีกครั้งความสุขครั้งนี้มีให้เธอไม่รู้จบความทรงจำครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าการมีสามีเป็นมาเฟียนั้น โอกาสที่ได้นอนนั่นยากเหลือเกินจริงๆ แต่เธอก็ชอบมันที่สุดบนน่านน้ำอิตาลี เรือยอร์ชของมาร์โกลอยลำอย่างปลอดภัย รอบด้านห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรมีคนของเขาคุ้มกันอยู่หากเกิดเหตุร้ายก็สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีมือเขาหยิบไวน์ชั้นเลิศขึ้นมาจิบ มองเมียที่กำลังเดินผ่านด้วยชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้นานแล้วตั้งแต่มีลูกมีหลานก็วุ่นวายจนไม่มีเวลาว่างของตัวเอง“พวกเราน่าจะอยู่ที่นี่สักสองเดือน”“ก็แล้วแต่คุณ” แอนนารู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว ลูกหลานเองก็สบายต่างมีหน้าที่ของตัวเองสืบต่อจากพวกเขา ในเมื่อปล่อยวางได้แล้วพวกเราก็ควรพักผ่อนบ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังจะว่ายน้ำในสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าเรือเรือนร่างยั่วยวนที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำแบบนี้แล้วเขาจะยอมอยู่นิ่งได้เช่นไร มาร์โกวางแก้วไวน์ลงจากนั้นก็ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นซิกแพคแน่นคนมองอยู่ในน้ำมองอย่างภูมิใจ
ปอฝ้ายหันไปสนใจเด็กสามคนที่กำลังนั่งทำหน้าสำนึกผิดหลังจากที่คิดจะหนีเที่ยวลำพัง “ครั้งนี้แม่คิดว่าลูกอาจคิดได้แล้ว ที่มาดามทำก็ล้วนเพื่อความปลอดภัยของเราทั้งนั้น”สามคนพยักหน้าพร้อมเพรียงเป็นแดลเนียลที่ยกมือก่อนใคร “ผมอยากฝึกอาวุธ โตขึ้นจะได้ปกป้องพี่ได้”เห็นแบบนี้แล้วคนเป็นพ่อก็เข้ามาอุ้ม “เรายังเด็ก”“ผมโตแล้ว” โตแล้วอะไรเพิ่งจะหกขวบ ตอนเขาฝึกอาวุธก็ตอนใกล้สิบขวบ ถ้าฝึกตอนนี้โตมาลูกเขาไม่กลายเป็นมาเฟียตั้งแต่เด็กหรือยังไง ทุกวันนี้ดื้อรั้นยิ่งกว่าเขาตอนเด็กอีกเคยได้ยินคำพระไทยที่กล่าวว่า กรรมตามทัน เห็นท่าจะจริงทุกวันนี้มาดามยังหัวเราะตามหลังเขาอยู่เลย ลอร่ารับลูกชายที่คิดจะฝึกปืนตั้งแต่เด็กเข้าไปนอน ส่วนมาร์กัสกับปอฝ้ายก็อุ้มอลิซไปนอนเช่นกัน ต่างคนต่างแยกย้ายเหลือเพียงเจด้าที่ยังอยู่ที่เดิมกับไนร่าดวงตาเธอมองพี่คนโตสุด “ให้แม่ดุไหม” คนที่ชวนน้องทำเรื่องไม่ดีสำนึกผิดจริงๆ เจด้าไม่ทันเอ่ยอะไรเสียงมือถือก็ดังขึ้น ปลายเสียงดูร้อนรนคงทราบแล้วว่าเกิดอะไร“ทำไมไม่บอกผม” พีรพัฒน์เอ่ยเสียงดุไม่พอใจ แม้เขาจะทำงานอยู่ต่างเมืองแต่เขาก็อยากรับรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกับภรรยาคนที่เป็นห่วงกลัวเขา
มาร์โกและแอนนาก็ถูกเบียดไปยังมหาวิหารนิส “ไม่ต้องห่วงไปดูพวกเขาก่อน” เขาจูงมือเมียเข้าไปในวิหาร มีผู้คนวิ่งตามเขาเข้ามาเช่นกัน ดวงตาคมหันมองซ้ายขวาของวิหารจำได้ว่าหากลัดเลาะไปไม่นานจะมีท่าเรือยอร์ช ตรงนั้นมีเรือยอร์ชของบริษัทเขาอยู่ คิดว่าทางนั้นปลอดภัยที่สุดแอนนาทั้งห่วงลูกและหลาน แต่ก็ต้องพยายามหนี เมื่อเสียงปืนเงียบลงแล้ว มาร์โกจึงแวะพักเพื่อให้เธอหายใจ แอนนาทรุดลงหันมองเหมือนจะเป็นสุสาน“คุณคิดว่าเสียงระเบิดนั่น”“ผมไม่แน่ใจ” เสียงมือถือเขาดังขึ้น เป็นลูคัสที่โทรมาบอกว่าเจด้าปลอดภัยดี ตอนนี้ก็เหลือพวกหลานๆ“กลับไปยังโรงแรมแล้วดูแลเจด้าให้ดี ส่วนพวกมาร์กัสถ้ามีอะไรคืบหน้าก็รีบโทรมา”“ครับ” เสียงปลายสายรีบบอก มาร์โกหันมองเมียที่ดูกังวลไม่ผิดกับเขา มืออุ่นส่งมือให้แอนนาแต่มือบางไม่ทันจะแตะมือเขาก็มีเสียงปืนดังขึ้นปัง!!! ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับพวกเขาไหม ตอนนี้รู้แล้วว่าเป้าหมายของพวกมันคือพวกเรา แล้วพวกเราจะรออะไรก็วิ่งสิ เมียมาเฟียอย่างแอนนาก็รีบหยิบปืนออกมาป้องกันตัวหลายปีที่ผ่านมาทำให้เธอรู้จักเตรียมตัวมากขึ้น ฝีมือการยิงก็แม่นเหมือนจับวาง คิดไม่ทันขาดคำก็โดนพวกมันไปหนึ่งคน
เมื่อลงไปยังด้านล่างของโรงแรมหรูก็พบกับรถตู้สีดำสี่คันรถ เหมือนพวกเราจะพาทำให้คนเยอะกว่าเดิมไหม การเดินทางก็ลำบากแม้รถจะขยับเคลื่อนได้ไม่เท่าไรก็ต้องจอดนิ่งดังเดิมมาร์กัสหันมองบรรดาลูกๆ ด้านหลัง ที่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย “ลงเดินไหม” คำเดียวถึงได้เห็นรอยยิ้ม“ไม่ได้” แอนนาถึงกับค้านขึ้นมา แต่มาร์กัสและมาร์คัสเหมือนจะไม่ฟังเท่าไร พวกเขาเปิดประตูจากนั้นก็จับจูงลูกลงจากรถแล้ววิ่งไปตามทาง ปล่อยให้บอดี้การ์ดวิ่งตามหลังแทนเจด้าที่นั่งอยู่กับมาดามก็พยายามปลอบใจคนกลัว “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เสียดายพีรพัฒน์มาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกเหงาเช่นกัน เมื่อเข้าใจความรู้สึกนี้ก็ทำให้เธอรู้ว่าเด็กๆ คิดเช่นไรมางานสนุกแต่ก็เหมือนไม่ได้มา แบบนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะสนุก พอได้วิ่งเล่นลงด้านล่างมาร์โกและแอนนาพร้อมเจด้าก็ลงจากรถเดินตามไปอีกกลุ่มแอนนามองเห็นด้านหน้าชัดเจนก็เลยหมดกังวล ยิ่งเห็นรอยยิ้มของหลานๆ ดูเหมือนเธอจะคิดมากไปจริงๆ เมื่อคิดแบบนั้นก็เลยพยายามปล่อยวางแต่สงบใจได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเสียงดัง “เด็กๆ” แอนนารีบตะโกนทำให้บอดี้การ์ดรีบขยับตัวไปคุ้มกันเจลโล่รีบไปด้านหน้าทันที เหลือเพียงลูคัสรีบขยับม
บ้านคฤหาสน์มาร์เรนถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองทองทั่วงาน ด้านในถูกประดับประดาด้วยดอกไม้นับนานาพันธุ์ ผู้คนที่เข้ามาร่วมฉลองในค่ำคืนนี้ล้วนเป็นคนสนิทที่พวกเขาคุ้นเคยดีจังหวะที่พวกเรากำลังมีความสุขนั้น จู่ๆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มา ปอฝ้ายหันมองลูเฟีย แต่กลับไม่พบเมญ่า ชายหนุ่มจะเดินเข้ามาในงาน แต่บอดี้การ์ดคู่หู เจลโล่และลูคัสก็ขวางทางเสียก่อน“แขกไม่ได้รับเชิญ ไม่อนุญาตให้เข้าไปครับ”ลูเฟียที่มาในสภาพไม่เต็มร้อย บอดี้การ์ดได้กลิ่นเหล้าจากกลิ่นตัวของอีกฝ่ายเหมือนเขาไปตกลงในถังเหล้าแช่อยู่สักสามสี่วันเห็นจะได้“ออกไป กูจะเข้าไป!!” เสียงตะโกนทำให้ทุกคนในงานหันมองเจด้าที่ยืนอยู่อีกฝั่งจะเดินเข้าไปห้าม แต่พีรพัฒน์ก็ดึงแขนห้าม“เดี๋ยวผมไปเอง” สีหน้าคนเป็นสามีหวงเมียยังคงเหมือนเดิม เจด้าจึงได้แต่พยักหน้าเดินไปหามาดามแอนนา ฟังเสียงคนไม่ได้สติยังคงโวยวายเหมือนคนบ้าอยู่“ออกมาสิโวย เมญ่า!!”คิ้วปอฝ้ายขมวดเข้ามากัน “ให้ฝ้ายไปดูเขาได้ไหม” เธอหันไปถามมาร์กัส คนเป็นสามีมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พี่จะเดินไปด้วย” เธอเห็นด้วย เพราะดูจากสภาพมาเฟียเลือดร้อนตรงหน้าแล้วเธอก็ไม่วางใจพอเดินไปถึงลูเ
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ปอฝ้ายหันมองรอบงานต่างกับงานแต่งงานของเธอพอสมควร ทุกอย่างเหมือนแทบไม่ตกแต่งอะไร คนที่มาร่วมงานก็นับคนเห็นจะได้ตอนที่นั่งเครื่องบินนั่น ทำให้เธอรู้ว่ามาร์คัสกำลังป่วย แต่ป่วยขนาดไหนเธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพสูบผอม ศีรษะไร้ผม ใบหน้าไร้เลือดหญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ในห้องแต่งงาน มาร์คัสทักทายพี่ชายก่อนจะทักทายพี่สะใภ้“สบายดีไหมฝ้าย”“สบายดี ว่าแต่นายเถอะอาการดีขึ้นยัง”“ตอนทำคีโมครั้งสุดท้าย หมอบอกว่ามะเร็งเหมือนจะหยุดการเติบโต แต่ก็ยังไม่ชัวร์ต้องรอสักระยะแล้วไปตรวจใหม่อีกรอบหนึ่ง”“ดีใจด้วยนะ ขอให้หายป่วยไม่มีโรคภัยอีก และดีใจที่นายได้เจอคนที่นายรักจริงๆ” ปอฝ้ายอวยพรด้วยใจเป็นเจ้าบ่าวที่ยิ้มขอบคุณ เงยหน้ามองพี่ชายอย่างเกรงใจแต่ก็อยากเอ่ยออกมา “ความรู้สึกที่เรามีให้ฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเสียหน่อย”“จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังจะมาพูดแบบนี้อีก” มือเล็กยกขึ้นตีอีกฝ่าย ไม่นานก็มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเข้ามา ปอฝ้ายอุ้มอลิซให้รู้จักเขา“เธอเหมือนฝ้ายมาก”“อืม” ฝ้ายยิ้มก่อนจะปล่อยลูกสาวตัวน้อย วิ่งไปหาพี่สาวไนร่าที่กำลังเดิ







