“ทั้งหล่อทั้งนิสัยดีอะแก” เสียงของใบเฟิร์นปลุกให้ชาลิสาหลุดออกจากภวังคจิต
ชาลิสาหันหน้าไปมองเพื่อนของตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะก้มลงมามองเสื้อนักศึกษาของเธอที่เลอะเป็นวงกว้าง มือเล็กกระชับเสื้อสูทขึ้นมาปกปิดอกอวบอิ่มเอาไว้
“ซักไม่ออกแน่เลย รีบไปห้องน้ำก่อนเถอะ” ใบเฟิร์นเอ่ยต่อ ชาลิสาจึงพยักหน้าให้เพื่อนรักเบาๆ จากนั้นทั้งสองสาวจึงก้าวเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ทันที
ชาลิสาวางเสื้อสูทไว้บนอ่างล้างมืออย่างเบามือ เธอเปิดน้ำและพยายามใช้มือล้างน้ำให้เปียกเล็กน้อยตรงก๊อกตรงอ่างล้างมือ และเอาขึ้นมาแตะๆ ที่เสื้อของเธอทีละนิด เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เสื้อนักศึกษามันเปียกจนแนบเนื้อเกินไปและไม่ต้องการให้ใครมาเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอไปมากกว่านี้
“ออกไหมแก” ใบเฟิร์นที่ยืนอยู่ข้างๆ ชาลิสาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เธอช่วยดึงกระดาษชำระมายื่นให้เพื่อน เพื่อให้ชาลิสาใช้กระดาษชำระซับน้ำที่จะไหลเปียกเสื้อของเพื่อนไปมากกว่านี้
“ไม่ออกเลย” ชาลิสาตอบกลับไป เธอพยายามจะล้างคราบน้ำหวานอยู่ชั่วครู่ แต่ทว่าหญิงสาวก็ไม่เห็นวี่แววที่คราบน้ำชานมไข่มุกจะออกจากเสื้อขาวของเธอเลยสักนิด
“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ” เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ล้างน้ำหวานต่อแล้ว เพราะดูท่าแล้ว ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรมันก็ไม่ออกอยู่ดี
“แก โอเคใช่ไหม” ใบเฟิร์นเอ่ยถามพร้อมกับช่วยซับน้ำที่เสื้อของชาลิสาไปด้วย
“โอเคสิ..กลับกันเถอะ” หญิงสาวไม่ลืมที่จะคว้าเสื้อสูทของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามาสวมใส่ปกปิดร่างกายเอาไว้ และด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเธอหลายเท่าของชายหนุ่ม จึงทำให้พอหญิงสาวสวมใส่เข้าไปแล้ว ราวกับว่าเธอสวมใส่ชุดเดรสสั้นที่ปกปิดลงมาจนมิดกระโปรงทรงเอสั้นของเธอ
“ปะ..กลับๆ” เพื่อนสนิทส่งยิ้มให้ชาลิสาเพื่อเป็นการปลอบประโลมเธอ ก่อนที่ทั้งสองสาวจะเดินออกมาจากห้องน้ำ
นักศึกษาสาวทั้งสองคนเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและแยกย้ายกันไปขึ้นแท็กซี่เพื่อกลับบ้านของใครของมัน ชาลิสามาถึงบ้านหลังใหญ่ในเวลาต่อมา กลิ่นหอมจากเสื้อสูทของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู..แล้วชุดนักศึกษาไปโดนอะไรมาคะ” เสียงของสาวใช้แก่ที่ดูแลชาลิสามาตั้งแต่เด็กเอ่ยถามขึ้นมาทันที เมื่อหญิงสาวก้าวเดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ ณัฐวดี หญิงแก่ที่เลี้ยงดูคุณหนูมาและรักชาลิสาเหมือนดั่งลูกแท้ๆ ของเธอ
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ” มือเล็กกอดอกเอาไว้พลางตอบกลับสาวใช้ที่เธอเคารพรักเหมือนคนในครอบครัวของเธอ
ตระกูลเจริญวัฒนาวรรณไม่ได้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยถึงขนาดระดับมหาเศรษฐกิจ แต่พ่อของเธอก็พยายามทำอสังหาริมทรัพย์เลี้ยงดูเธอมาได้จนเติบโตได้ขนาดนี้ แต่ทว่าตอนนี้ชาลิสากลับไม่เหลือทั้งพ่อและแม่แล้ว บิดาของหญิงสาวได้จากไปด้วยโลกร้ายเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่ท่านป่วยมาตลอดสองปีแล้ว หญิงสาวจึงทำใจไว้บ้างแล้ว
“คุณป้ากับพี่ชายไปไหนคะ” ชาลิสาเอ่ยถามต่อ ซึ่งแน่นอนว่าคุณป้าที่เธอหมายถึงก็คือแม่เลี้ยงของเธอ ส่วนพี่ชายก็คือลูกติดแม่เลี้ยงนั่นเอง
“เอ่ออ” ณัฐวดีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ชาลิสาจึงรู้ได้ทันที
“ไปกาสิโนอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“ค่ะคุณหนู” สาวแก่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ตั้งแต่ที่พ่อของเธอจากไปเมื่อช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ท่านก็ได้เขียนพินัยกรรมไว้ให้อย่างชัดเจนว่าทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่เป็นของพ่อ ยกให้กับชาลิสาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ในคราแรกแม่เลี้ยงของเธอก็โวยวายและดุด่าชาลิสาอย่างหนัก และด้วยความที่พ่อกับแม่เลี้ยงไม่ได้จดทะเบียนกัน แม่เลี้ยงจึงไม่ได้มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของพวกเธอเลยสักนิด
แต่ด้วยความที่ชาลิสาเป็นคนขี้สงสารคนและเห็นใจแม่เลี้ยงที่ดูแลบิดาของตัวเองมาโดยตลอด หญิงสาวจึงพยายามที่จะให้เงินเดือนกับแม่เลี้ยงและลูกชายของแม่เลี้ยงตลอดในทุกครั้งที่สองแม่ลูกมาขอเธอ อีกทั้งทุกอย่างในบ้านเธอก็ต้องเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตัวเอง
ในระหว่างที่หญิงสาวครุ่นคิดอยู่นั่นเอง แม่เลี้ยงและลูกชายของเขาก็เดินเข้ามาในบ้านอยู่ด้านหลังของหญิงสาว ชาลิสาได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกำลังเดิน เธอจึงหันหลังกลับมามอง
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณป้า..พี่ชาย” หญิงสาวเอ่ยทักทายแม่เลี้ยงกับลูกติดของสาวแก่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
กนกนุช แม่เลี้ยงของชาลิสาปรายตามองเด็กสาวด้วยแววตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าให้ชาลิสาเบาๆ ด้วยใบหน้าที่หงุดหงิด
“คุณป้าคะ” ชาลิสาพยายามใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดกับแม่เลี้ยง
“ว่าไง” ทว่าผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยคิดที่จะพูดดีกับเด็กสาวเลยสักครั้ง
“คุณป้าพักเรื่องเล่นการพนันไปก่อนได้ไหมคะช่วงนี้”
“ทำไม” กนกนุชขมวดคิ้วเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อได้ยินดังนั้นณัฐวดีจึงรีบปรี่เข้ามาโอบประคองคุณหนูเอาไว้ทันที
“ตั้งแต่พ่อเสียไป พวกเราก็เริ่มไม่มีรายได้แล้วนะคะ” หญิงสาวเลือกที่จะเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะไม่อยากให้แม่เลี้ยงโวยวายใส่เธออีก
“ถ้าคุณป้ากับพี่ชายยังเล่นอยู่แบบนี้ สาเกรงว่าเงินที่เรามีอยู่มันจะหมดได้ค่ะ” ชาลิสาเอ่ยต่อ
“นี่ยัยสา! แกกล้ามาสอนฉันกับแม่เหรอ” เป็นเสียงของ ฉัตรพล ลูกชายของแม่เลี้ยงที่ตะคอกใส่หญิงสาวขึ้นมา ฉัตรพลอายุย่างเข้าเลขสามแล้ว แต่เขาก็ยังไม่คิดจะทำการทำงาน อีกทั้งยังติดการพนันไม่ต่างจากแม่ของเขาเลยสักนิด
“สาไม่ได้สอนค่ะ สาแค่อยากให้พวกเราหาทางออกร่วมกันนะคะ”
“แกก็ได้สมบัติไปทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือไง พวกเราสองแม่ลูกก็แค่ไปเล่นสนุกๆ แก้เบื่อก็เท่านั้น” กนกนุชยกแขนขึ้นมากอดอกเอาไว้พลางตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น
“ไปกันเถอะแม่ คุยกัยยัยสาไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก เด็กน้อย!” ฉัตรพลเอ่ยต่อ
“พรุ่งนี้เอาเงินมาให้พวกฉันด้วยหนึ่งแสน” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่เลี้ยงเอ่ยขอเงินเธอเช่นนี้
“แต่ว่า…” ชาลิสากำลังจะอ้าปากเอ่ยคัดค้านแม่เลี้ยง เนื่องจากเมื่อสองวันก่อนเธอเพิ่งจะให้เงินสองแม่ลูกไปแสนหนึ่ง พอมาวันนี้แม่เลี้ยงกลับมาขอเพิ่มอีก
“ทำไม? แค่แสนเดียวมันจะตายเลยหรือไง”
“มะ..ไม่ค่ะ” สุดท้ายชาลิสาก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงกับแม่เลี้ยงได้อยู่ดี เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธอเป็นเด็กก้าวร้าวที่พอได้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างมาครอบครองก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น หญิงสาวจึงพยายามที่จะทำตัวให้ดีและเห็นอกเห็นใจแม่เลี้ยงมากที่สุกเท่าที่เธอจะทำได้
สองแม่ลูกเดินปลีกตัวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ทันที โดยไม่สนใจชาลิสาเลยสักนิด และแน่นอนว่าที่ผ่านมาพวกเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่แม่เลี้ยงย้ายเข้ามาอยู่บ้าน
ชาลิสาจำวันแรกที่พวกเขาทั้งสองคนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ดี ต่อหน้าบิดาของเธอ ทั้งสองคนแม่ลูกก็พยายามทำตัวเป็นคนดี แต่พอลับหลังก็ดุด่าว่ากล่าวและแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบชาลิสา ถึงขั้นที่ไม่ยอมให้เด็กสาวเรียกตัวเองว่าแม่ แต่ให้เรียกว่าน้าหรือป้าแทน และกนกนุชก็ไปบอกพ่อของชาลิสาว่าเด็กสาวไม่อยากเรียกเธอว่าแม่ อีกทั้งยังโยนความผิดมาให้เธออีก แต่บิดาของหญิงสาวก็ไม่ได้บังคับชาลิสาสักเท่าไหร่เพราะอย่างไรบิดาก็เห็นเด็กสาวสำคัญที่สุดอยู่แล้ว
“คุณหนู” สาวใช้ลูบไหล่แบบบางของชาลิสาผ่านเสื้อสูทตัวใหญ่อย่างแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรค่ะ สาจะพยายามจัดการเรื่องเงินภายในบ้านให้ดีที่สุดเท่าที่สาจะทำได้เลยค่ะ”
หญิงสาวได้แต่พยายามอดทนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด อีกสามเดือนเธอก็เรียนจบแล้ว หลังจากที่เธอเรียนจบเธอจะต้องรีบทำงานทันที เพื่อจะได้มีเงินมาเลี้ยงดูทุกคนในบ้านนี้ ถึงแม้ว่าทรัพย์สมบัติของบิดาเธอที่ทิ้งเอาไว้ให้จะมากพอให้เธออยู่ได้ไปอีกหลายปี แต่ถ้าคุณป้ากับพี่ชายถลุงกันทุกวันแบบนี้ สักวันมันก็ต้องหมดลงอย่างแน่นอน
หนึ่งเดือนผ่านไป เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ชาลิสาตื่นมาในช่วงเช้ามืดของวันและเธอก็ตรงไปยังห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที หลังจากที่ชาลิสาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเสร็จสรรพ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายสีดำขึ้นมาสะพายบนไหล่แบบบางเอาไว้ ก่อนที่ร่างอรชรจะมองตัวเองในกระจกเล็กน้อย แล้วค่อยเดินด้วยความมาดมั่นออกมาจากห้องนอนของเธอชาลิสาลงมาจากชั้นสองของบ้าน และเตรียมจะเดินไปยังห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าก่อนออกไปมหาวิทยาลัย แต่ทว่าร่างอวบอิ่มก็ต้องชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย เมื่อหูของหญิงสาวดันไปได้ยินเสียงคนมาเอ๊ะอ๊ะโวยวายอยู่หน้าบ้านของเธอ หญิงสาวจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหน้าบ้านทันทีดวงตากลมโตกวาดสายตามองไปหน้าประตูรั้ว เธอพบกับแม่เลี้ยง พี่ชาย คนใช้อีกสองคนที่ยืนอยู่ในรั้วประตูบ้าน อีกทั้งยังมีชายชุดดำสองคนที่ยืนเสียงดังโวยวายอยู่ด้านนอกของรั้วบ้านเธอ“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงมาโวยวายหน้าบ้านของคนอื่นแบบนี้คะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาดังเล็กน้อย ทำให้ทุกคนที่อยู่หน้าบ้านหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน“เอ่ออ” แม่เลี้ยงกระอักกระอ่วนไม่กล้าตอบ ก่อนที่เสียงของชายชุดดำร่างใหญ่ด้านนอกประตูรั้วจะเอ่ยแทรกขึ้น
ลูคัสกลับมายังโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ชายหนุ่มกลับมาทำงานต่อจนกระทั่งถึงหกโมงเย็นของวัน จากนั้นลูคัสก็ไปทานอาหารที่ร้านอาหารบนตึกหรูจวบจนเวลาผ่านพ้นไปถึงสามทุ่มหลังจากที่ชายหนุ่มทานอาหารเย็นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตรงมายังผับสุดหรูทันทีโดยมีอีวานที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถมาให้เจ้านาย เมื่อมาถึงผับหรูใจกลางเมืองแล้ว ลูคัสก็ตรงไปยังห้องวีไอพีประจำของเขากับเพื่อนทันที อีวานยืนรออยู่หน้าห้องวีไอพีตรงชั้นสองของผับหรูด้วยท่าทางแข็งแรงมั่นคง“มาแล้วเหรอวะ” ฟีลิกซ์ เอ่ยทักทายเพื่อนทันที เมื่อลูคัสเปิดประตูเข้ามาในห้องวีไอพี เสียงเพลงในห้องวีไอพีไม่ได้เปิดดังเท่าเพลงด้านนอกห้องสักเท่าไหร่ เนื่องจากบางห้องก็ต้องการที่จะมาพูดคุยธุรกิจและดื่มกินไปด้วย เหมือนดั่งเช่นลูคัสกับฟีลิกซ์ดวงตาคมกริบของลูคัสปรายตามองเพื่อนของตัวเองที่มีสาวหุ่นอวบอิ่มชุดเดรสสั้นสีดำนั่งอยู่ข้างกายบนโซฟานุ่มสีดำสนิท อีกทั้งตรงข้ามของฟีลิกซ์ก็ยังมีหญิงสาวชุดแดงเพลิงรัดรูปอีกคนที่นั่งอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าลูคัสรู้ดีว่าเพื่อนของเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนเตรียมผู้หญิงพวกนี้มาเผื่อเขาด้วย“มีอะไรวะ” ลูคัสใช้สองมือล้วงกระเป๋าพลางเอ่ยถามฟีลิ
“ทั้งหล่อทั้งนิสัยดีอะแก” เสียงของใบเฟิร์นปลุกให้ชาลิสาหลุดออกจากภวังคจิต ชาลิสาหันหน้าไปมองเพื่อนของตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะก้มลงมามองเสื้อนักศึกษาของเธอที่เลอะเป็นวงกว้าง มือเล็กกระชับเสื้อสูทขึ้นมาปกปิดอกอวบอิ่มเอาไว้“ซักไม่ออกแน่เลย รีบไปห้องน้ำก่อนเถอะ” ใบเฟิร์นเอ่ยต่อ ชาลิสาจึงพยักหน้าให้เพื่อนรักเบาๆ จากนั้นทั้งสองสาวจึงก้าวเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ทันที ชาลิสาวางเสื้อสูทไว้บนอ่างล้างมืออย่างเบามือ เธอเปิดน้ำและพยายามใช้มือล้างน้ำให้เปียกเล็กน้อยตรงก๊อกตรงอ่างล้างมือ และเอาขึ้นมาแตะๆ ที่เสื้อของเธอทีละนิด เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เสื้อนักศึกษามันเปียกจนแนบเนื้อเกินไปและไม่ต้องการให้ใครมาเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอไปมากกว่านี้ “ออกไหมแก” ใบเฟิร์นที่ยืนอยู่ข้างๆ ชาลิสาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เธอช่วยดึงกระดาษชำระมายื่นให้เพื่อน เพื่อให้ชาลิสาใช้กระดาษชำระซับน้ำที่จะไหลเปียกเสื้อของเพื่อนไปมากกว่านี้“ไม่ออกเลย” ชาลิสาตอบกลับไป เธอพยายามจะล้างคราบน้ำหวานอยู่ชั่วครู่ แต่ทว่าหญิงสาวก็ไม่เห็นวี่แววที่คราบน้ำชานมไข่มุกจะออกจากเสื้อขาวของเธอเลยสักนิด“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ” เ
ร่างอรชรสวมชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองกรุงแห่งหนึ่ง หญิงสาวผู้มีใบหน้าที่สวยสดงดงามกำลังนั่งเหม่อหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างของชั้นเรียน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องมองต้นไม้ข้างนอกที่กำลังโดนลมพัดปลิวไสวอยู่อย่างครุ่นคิดชาลิสา เจริญวัฒนาวรรณ เด็กสาววัย 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย สาวน้อยอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวกแต่ก็โดนเอาเปรียบจากแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยงมาโดยตลอด หญิงสาวมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มกับเรือนผมยาวตรงสีดกดำ ใบหน้าสวยคมบวกกับรูปร่างของสาวน้อยวัยสะพรั่งของเธอ ทำให้ชายหนุ่มในมหาวิทยาลัยหลายต่อหลายคนอยากจะเข้ามาขายขนมจีบและทำความรู้จักกับหญิงสาว จนทำให้ผู้หญิงบางกลุ่มไม่ชอบหน้าชาลิสาสักเท่าไหร่เพราะความสวยที่โดดเด่นของเธอหญิงสาวนั่งเหม่อเพราะมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้จิตใจของสาวน้อยไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ นั่นก็คือเรื่องของแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยง“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณหนูชาลิสา” เสียงของเพื่อนสนิทชาลิสาที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นว่าวันนี้ชาลิสาเอาแต่นั่งเหม่อมาตลอดทั้งวันแล้วใบเฟิร์น เพื่อนสนิทเพียงคนเดีย
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งชายหนุ่มร่างกำยำสมบูรณ์แบบดูสง่างามและน่าเกรงขาม ลูคัส นั่งใจจดใจจ่ออยู่กับกองเอกสารตรงหน้าของตัวเองอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ในช่วงเช้าของวัน ตระกูลโลรองต์เป็นเจ้าของโรงพยาบาลทั้งในประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส ลูคัสถูกบิดาแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในช่วงอายุ 28 ปี เพราะบิดาต้องการให้ชายหนุ่มเข้ามาเรียนรู้การบริหารงานทุกอย่างก่อนที่พ่อของเขาจะยกกิจการทุกอย่างให้กับเขาลูคัส โลรองต์ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ ผมสีดำเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ในตอนนี้ลูคัสได้เข้ามารับตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสาขาของประเทศไทยตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับหน้าตาที่โดดเด่นของลูคัสกับการได้รับตำแหน่งตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสามจึงทำให้สื่อต่างๆ จับตามองชายหนุ่มเป็นพิเศษ “คุณลูคัสครับ” เสียงของคนสนิทเคาะประตูห้องทำงานของลูคัสพร้อมกับเอ่ยลอดผ่านประตูมา“เข้ามา” ชายหนุ่มวางมือจากเอกสารตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยออกไปสิ้นเสียงของลูคัส ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดแง้ม
มาเฟียหลงเด็กลูคัส & ชาลิสาคำโปรย...เธอต้องสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักยังไม่พอ เธอยังถูกแม่เลี้ยงใจร้ายขายให้กับเสี่ยแก่บ้ากามเพื่อใช้หนี้พนันของตัวเองอีก…ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเธอขนาดนี้?“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ทำกับเธอแบบที่ไอ้เสี่ยบ้ากามมันทำเด็ดขาด…เธอเชื่อใจฉันได้”“ทำไมคุณถึงต้องมาช่วยฉันด้วยคะ”“เพราะฉันชอบเธอไง”ลูคัส โลรองต์ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ ผมสีดำเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ในตอนนี้ลูคัสได้เข้ามารับตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสาขาของประเทศไทยตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับหน้าตาที่โดดเด่นของลูคัสกับการได้รับตำแหน่งตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสามจึงทำให้สื่อต่างๆ จับตามองชายหนุ่มเป็นพิเศษ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาดั่งเทพบุตรจึงทำให้หญิงสาวหลายต่อหลายคนต่างหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่ม ทว่าลูคัสกลับไม่รู้สึกถูกใจใครทั้งนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ไปเดินชนเด็กสาวคนหนึ่งเข้า... ชาลิสา เจริญวัฒนาวรรณ อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย สาวน้อยอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวกแต่ก็โดนเอาเปรียบจากแม่เลี้ยงกับ