หนึ่งเดือนผ่านไป
เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ชาลิสาตื่นมาในช่วงเช้ามืดของวันและเธอก็ตรงไปยังห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที
หลังจากที่ชาลิสาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเสร็จสรรพ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายสีดำขึ้นมาสะพายบนไหล่แบบบางเอาไว้ ก่อนที่ร่างอรชรจะมองตัวเองในกระจกเล็กน้อย แล้วค่อยเดินด้วยความมาดมั่นออกมาจากห้องนอนของเธอ
ชาลิสาลงมาจากชั้นสองของบ้าน และเตรียมจะเดินไปยังห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าก่อนออกไปมหาวิทยาลัย แต่ทว่าร่างอวบอิ่มก็ต้องชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย เมื่อหูของหญิงสาวดันไปได้ยินเสียงคนมาเอ๊ะอ๊ะโวยวายอยู่หน้าบ้านของเธอ หญิงสาวจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหน้าบ้านทันที
ดวงตากลมโตกวาดสายตามองไปหน้าประตูรั้ว เธอพบกับแม่เลี้ยง พี่ชาย คนใช้อีกสองคนที่ยืนอยู่ในรั้วประตูบ้าน อีกทั้งยังมีชายชุดดำสองคนที่ยืนเสียงดังโวยวายอยู่ด้านนอกของรั้วบ้านเธอ
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงมาโวยวายหน้าบ้านของคนอื่นแบบนี้คะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาดังเล็กน้อย ทำให้ทุกคนที่อยู่หน้าบ้านหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน
“เอ่ออ” แม่เลี้ยงกระอักกระอ่วนไม่กล้าตอบ ก่อนที่เสียงของชายชุดดำร่างใหญ่ด้านนอกประตูรั้วจะเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“ก็สองคนนี้มันติดหนี้พนันของกาสิโนเจ้านายของพวกฉันอยู่นะสิ”
“อะไรนะคะ!” สิ้นเสียงของชายชุดดำ ชาลิสาเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินมา แต่หญิงสาวก็พยายามมองโลกในแง่ดีและปลอบใจตัวเองว่ามันอาจจะเป็นเงินจำนวนไม่มากสักเท่าไหร่ เพราะเธอก็ให้เงินแม่เลี้ยงกับพี่ชายไปเล่นตลอด
“เท่าไหร่คะ” ชาลิสาปรับโทนเสียงให้เป็นปกติและเอ่ยถามต่อ
“ยี่สิบล้าน” ชายชุดดำหน้าตาดุดันดูน่ากลัวตอบกลับมา
“อะไรนะคะ! ยี่สิบล้าน!” และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่หญิงสาวแทบจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยินมาเมื่อสักครู่นี้
“ใช่ ยี่สิบล้านเงินต้น ยังไม่รวมดอก พวกแกจะเอายังไง”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” ชาลิสาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เงินตั้งมากมายขนาดนั้นเธอจะไปหาจากไหนมาคืนให้พวกเขาได้ล่ะคราวนี้
“พวกแกกลับไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวอีกสองวัน ฉันกับลูกจะเข้าไปหา” กนกนุชพูดขึ้นมา
“ถ้าอีกสองวัน พวกฉันไม่ได้เงิน พวกแกเดือดร้อนกันทั้งครอบครัวแน่” ชายชุดดำทิ้งท้ายประโยคไว้ด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับไปพยักหน้าให้เพื่อนร่างใหญ่อีกคน จากนั้นพวกเขาก็เดินออกไปจากหน้าบ้านของชาลิสาทันที
“นี่มันอะไรกันคะ” หญิงสาวในชุดนักศึกษาหันมาเอ่ยถามแม่เลี้ยงทันที ซึ่งแน่นอนว่ากนกนุชกับฉัตรพลมีสีหน้าที่เลิ่กลั่กและไม่กล้าตอบคำถามของเธอ
“เงินตั้งยี่สิบล้าน” ชาลิสาพูดต่อ
“แทนที่จะมาซ้ำเติมกัน มาหาวิธีช่วยกันใช้หนี้ไม่ดีกว่าหรือไง” ฉัตรพลที่ยืนอยู่ข้างมารดาของตัวเองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“เงินแกหมดแล้วหรือไง” กนกนุชเอ่ยถามต่อ
“คุณป้าคะ เงินตั้งยี่สิบล้าน สาจะมีถึงได้ยังไงคะ” ชาลิสาเว้นประโยคเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะพูดต่อ
“อีกอย่าง..ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาคุณป้ากับพี่ชายก็มาขอสาตลอด จนเงินมันลดลงไปทุกวัน”
ที่ผ่านมากนกนุชกับลูกชายของเธอก็มาตอดเล็กตอดน้อยจากเด็กสาวทุกวัน ต่อให้เธอจะมีเงินเป็นร้อยล้าน แต่ถ้าสองแม่ลูกถลุงกันขนาดนี้ ยังไงมันก็ต้องหมดอยู่วันยังค่ำ
“เอาไงดีแม่ พวกมันต้องมาตามเราอีกแน่เลย” ฉัตรพลเขย่าแขนมารดารัวๆ ด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกและกังวล เขากลัวว่าพวกนั้นจะมาลอบทำร้ายหรือซ้อมเขากับแม่
“ไม่รู้! ขอฉันคิดก่อน!” กนกนุชสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของลูกชาย จากนั้นหญิงแก่ก็เดินปึงปังด้วยท่าทางหงุดหงิดเข้าไปยังในบ้านทันที ส่วนฉัตรพลก็หันมามองหน้าเด็กสาวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะก้าวขาตามแม่ของเขาไปอย่างรวดเร็ว
ณัฐวดี สาวใช้ที่พ่วงตำแหน่งแม่นมข้างกายของชาลิสา หญิงแก่เดินปรี่เข้ามาจับเรียวแขนเล็กเอาไว้เพื่อเป็นการปลอบประโลม เด็กสาวจึงหันมาสบตากับหญิงแก่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
“เอาไงดีคะคุณหนู” ณัฐวดีเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นห่วงเด็กสาว
ชาลิสาหันไปมองตามหลังแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยงพลางถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เธออายุเพิ่ง 21 ปี แต่ทำไมเธอต้องมารับภาระที่หนักอึ้งเกินอายุขนาดนี้กันนะ
นั่นสิชาลิสา เธอควรที่จะเอายังไงกับปัญหาในตอนนี้ดีล่ะ
เด็กสาวไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป เธอยืนครุ่นคิดหาทางออกต่างๆ นานาในหัวของเธอ จนกระทั่งสาวใช้เอ่ยขึ้นมา
“เข้าบ้านกันก่อนเถอะคุณหนู”
“ค่ะ” สิ้นเสียงชาลิสา ณัฐวดีก็โอบประคองพาเด็กสาวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ในเวลาต่อมา
เด็กสาวเดินมาจนถึงห้องนั่งเล่นภายในบ้าน เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีครีมด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองและแววตาที่ดูสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่ชาลิสานั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่แม่เลี้ยงของเธอเป็นคนก่อขึ้นมา หญิงสาวไม่รู้ว่าเวลาผ่านพ้นไปนานสักแค่ไหนแล้ว ส่วนคนใช้ที่เธอเคารพรักก็ได้แค่นั่งอยู่ข้างกายเธอเพื่อทำให้ชาลิสารับรู้ได้ว่าเด็กสาวยังมีหญิงแก่อยู่ข้างๆ
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายของเด็กสาวดังขึ้นมา ชาลิสาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เธอจะได้สติและเคลื่อนมือเล็กไปล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาจากกระเป๋า และเมื่อพบว่าคนที่โทรมาคือเพื่อนของเธอ เธอจึงกดรับสายทันที
‘สา ทำไมวันนี้มาสายจัง’ ใบเฟิร์น เพื่อนสนิทของชาลิสาเอ่ยผ่านโทรศัพท์มา เนื่องจากปกติชาลิสาจะต้องไปมหาวิทยาลัยไวกว่าใบเฟิร์น เธอจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา
“พอดีฉันมีปัญหาที่บ้านนิดหน่อย ฝากลาอาจารย์ให้ด้วยนะ” ชาลิสาตอบกลับไป ตอนนี้เธอไม่ได้มีกะจิตกะใจที่จะไปไหนทั้งนั้น
‘มีอะไรหรือเปล่า’
“นิดหน่อย เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังนะ”
‘โอเค มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ’
“ขอบใจนะ ไว้ฉันโทรไปหา”
‘จ้า’ สิ้นเสียงใบเฟิร์น ชาลิสากดวางสายไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น ก่อนที่เธอจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ หญิงสาวจึงลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงไปหาแม่เลี้ยงบนห้องนอนทันที
ใช้เวลาไม่นาน ชาลิสาก็มาถึงชั้นสองและมาถึงห้องนอนของแม่เลี้ยงในเวลาต่อมา มือเล็กยกขึ้นมาเคาะประตูห้องของแม่เลี้ยงอย่างแผ่วเบา ซึ่งรอไม่นานสักเท่าไหร่ ประตูห้องก็ถูกเปิดแง้มออกอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างของแม่เลี้ยงที่โผล่พ้นประตูออกมามองหน้าเด็กสาว
“คุณป้าคะ สาขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” ชาลิสาเอ่ยอย่างนุ่มนวล
“อะไร” แม่เลี้ยงตอบกลับห้วนๆ
“มันคงมีทางเดียว คือเราต้องขายทรัพย์สมบัติในบ้านเพื่อใช้หนี้คนพวกนั้นไปก่อนนั่นแหละค่ะ” เด็กสาวเอ่ยต่อ
“ขายจนหมดบ้านก็ยังไม่พอเลยมั้ง” กนกนุชประชดประชันใส่หญิงสาว ก่อนที่เธอจะเอ่ยต่อ
“เอาแบบนี้ละกัน พรุ่งนี้แกไปกับฉัน ฉันจะไปคุยกับผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพให้ช่วยเหลือพวกเราสักหน่อย”
“เขาจะยอมช่วยเหรอคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็ต้องลองดูก่อนไหมล่ะ”
“คะ..ค่ะ” ชาลิสาไม่ได้คิดว่าผู้ใหญ่ที่กนกนุชพูดถึงจะสามารถช่วยพวกเธอได้ แต่ยังไงเธอก็ต้องลองดูกันก่อน
หนึ่งเดือนผ่านไป เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ชาลิสาตื่นมาในช่วงเช้ามืดของวันและเธอก็ตรงไปยังห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที หลังจากที่ชาลิสาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเสร็จสรรพ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายสีดำขึ้นมาสะพายบนไหล่แบบบางเอาไว้ ก่อนที่ร่างอรชรจะมองตัวเองในกระจกเล็กน้อย แล้วค่อยเดินด้วยความมาดมั่นออกมาจากห้องนอนของเธอชาลิสาลงมาจากชั้นสองของบ้าน และเตรียมจะเดินไปยังห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าก่อนออกไปมหาวิทยาลัย แต่ทว่าร่างอวบอิ่มก็ต้องชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย เมื่อหูของหญิงสาวดันไปได้ยินเสียงคนมาเอ๊ะอ๊ะโวยวายอยู่หน้าบ้านของเธอ หญิงสาวจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหน้าบ้านทันทีดวงตากลมโตกวาดสายตามองไปหน้าประตูรั้ว เธอพบกับแม่เลี้ยง พี่ชาย คนใช้อีกสองคนที่ยืนอยู่ในรั้วประตูบ้าน อีกทั้งยังมีชายชุดดำสองคนที่ยืนเสียงดังโวยวายอยู่ด้านนอกของรั้วบ้านเธอ“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงมาโวยวายหน้าบ้านของคนอื่นแบบนี้คะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาดังเล็กน้อย ทำให้ทุกคนที่อยู่หน้าบ้านหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน“เอ่ออ” แม่เลี้ยงกระอักกระอ่วนไม่กล้าตอบ ก่อนที่เสียงของชายชุดดำร่างใหญ่ด้านนอกประตูรั้วจะเอ่ยแทรกขึ้น
ลูคัสกลับมายังโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ชายหนุ่มกลับมาทำงานต่อจนกระทั่งถึงหกโมงเย็นของวัน จากนั้นลูคัสก็ไปทานอาหารที่ร้านอาหารบนตึกหรูจวบจนเวลาผ่านพ้นไปถึงสามทุ่มหลังจากที่ชายหนุ่มทานอาหารเย็นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตรงมายังผับสุดหรูทันทีโดยมีอีวานที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถมาให้เจ้านาย เมื่อมาถึงผับหรูใจกลางเมืองแล้ว ลูคัสก็ตรงไปยังห้องวีไอพีประจำของเขากับเพื่อนทันที อีวานยืนรออยู่หน้าห้องวีไอพีตรงชั้นสองของผับหรูด้วยท่าทางแข็งแรงมั่นคง“มาแล้วเหรอวะ” ฟีลิกซ์ เอ่ยทักทายเพื่อนทันที เมื่อลูคัสเปิดประตูเข้ามาในห้องวีไอพี เสียงเพลงในห้องวีไอพีไม่ได้เปิดดังเท่าเพลงด้านนอกห้องสักเท่าไหร่ เนื่องจากบางห้องก็ต้องการที่จะมาพูดคุยธุรกิจและดื่มกินไปด้วย เหมือนดั่งเช่นลูคัสกับฟีลิกซ์ดวงตาคมกริบของลูคัสปรายตามองเพื่อนของตัวเองที่มีสาวหุ่นอวบอิ่มชุดเดรสสั้นสีดำนั่งอยู่ข้างกายบนโซฟานุ่มสีดำสนิท อีกทั้งตรงข้ามของฟีลิกซ์ก็ยังมีหญิงสาวชุดแดงเพลิงรัดรูปอีกคนที่นั่งอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าลูคัสรู้ดีว่าเพื่อนของเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนเตรียมผู้หญิงพวกนี้มาเผื่อเขาด้วย“มีอะไรวะ” ลูคัสใช้สองมือล้วงกระเป๋าพลางเอ่ยถามฟีลิ
“ทั้งหล่อทั้งนิสัยดีอะแก” เสียงของใบเฟิร์นปลุกให้ชาลิสาหลุดออกจากภวังคจิต ชาลิสาหันหน้าไปมองเพื่อนของตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะก้มลงมามองเสื้อนักศึกษาของเธอที่เลอะเป็นวงกว้าง มือเล็กกระชับเสื้อสูทขึ้นมาปกปิดอกอวบอิ่มเอาไว้“ซักไม่ออกแน่เลย รีบไปห้องน้ำก่อนเถอะ” ใบเฟิร์นเอ่ยต่อ ชาลิสาจึงพยักหน้าให้เพื่อนรักเบาๆ จากนั้นทั้งสองสาวจึงก้าวเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ทันที ชาลิสาวางเสื้อสูทไว้บนอ่างล้างมืออย่างเบามือ เธอเปิดน้ำและพยายามใช้มือล้างน้ำให้เปียกเล็กน้อยตรงก๊อกตรงอ่างล้างมือ และเอาขึ้นมาแตะๆ ที่เสื้อของเธอทีละนิด เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เสื้อนักศึกษามันเปียกจนแนบเนื้อเกินไปและไม่ต้องการให้ใครมาเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอไปมากกว่านี้ “ออกไหมแก” ใบเฟิร์นที่ยืนอยู่ข้างๆ ชาลิสาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เธอช่วยดึงกระดาษชำระมายื่นให้เพื่อน เพื่อให้ชาลิสาใช้กระดาษชำระซับน้ำที่จะไหลเปียกเสื้อของเพื่อนไปมากกว่านี้“ไม่ออกเลย” ชาลิสาตอบกลับไป เธอพยายามจะล้างคราบน้ำหวานอยู่ชั่วครู่ แต่ทว่าหญิงสาวก็ไม่เห็นวี่แววที่คราบน้ำชานมไข่มุกจะออกจากเสื้อขาวของเธอเลยสักนิด“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ” เ
ร่างอรชรสวมชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองกรุงแห่งหนึ่ง หญิงสาวผู้มีใบหน้าที่สวยสดงดงามกำลังนั่งเหม่อหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างของชั้นเรียน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องมองต้นไม้ข้างนอกที่กำลังโดนลมพัดปลิวไสวอยู่อย่างครุ่นคิดชาลิสา เจริญวัฒนาวรรณ เด็กสาววัย 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย สาวน้อยอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวกแต่ก็โดนเอาเปรียบจากแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยงมาโดยตลอด หญิงสาวมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มกับเรือนผมยาวตรงสีดกดำ ใบหน้าสวยคมบวกกับรูปร่างของสาวน้อยวัยสะพรั่งของเธอ ทำให้ชายหนุ่มในมหาวิทยาลัยหลายต่อหลายคนอยากจะเข้ามาขายขนมจีบและทำความรู้จักกับหญิงสาว จนทำให้ผู้หญิงบางกลุ่มไม่ชอบหน้าชาลิสาสักเท่าไหร่เพราะความสวยที่โดดเด่นของเธอหญิงสาวนั่งเหม่อเพราะมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้จิตใจของสาวน้อยไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ นั่นก็คือเรื่องของแม่เลี้ยงกับลูกติดของแม่เลี้ยง“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณหนูชาลิสา” เสียงของเพื่อนสนิทชาลิสาที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นว่าวันนี้ชาลิสาเอาแต่นั่งเหม่อมาตลอดทั้งวันแล้วใบเฟิร์น เพื่อนสนิทเพียงคนเดีย
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งชายหนุ่มร่างกำยำสมบูรณ์แบบดูสง่างามและน่าเกรงขาม ลูคัส นั่งใจจดใจจ่ออยู่กับกองเอกสารตรงหน้าของตัวเองอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ในช่วงเช้าของวัน ตระกูลโลรองต์เป็นเจ้าของโรงพยาบาลทั้งในประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส ลูคัสถูกบิดาแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในช่วงอายุ 28 ปี เพราะบิดาต้องการให้ชายหนุ่มเข้ามาเรียนรู้การบริหารงานทุกอย่างก่อนที่พ่อของเขาจะยกกิจการทุกอย่างให้กับเขาลูคัส โลรองต์ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ ผมสีดำเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ในตอนนี้ลูคัสได้เข้ามารับตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสาขาของประเทศไทยตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับหน้าตาที่โดดเด่นของลูคัสกับการได้รับตำแหน่งตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสามจึงทำให้สื่อต่างๆ จับตามองชายหนุ่มเป็นพิเศษ “คุณลูคัสครับ” เสียงของคนสนิทเคาะประตูห้องทำงานของลูคัสพร้อมกับเอ่ยลอดผ่านประตูมา“เข้ามา” ชายหนุ่มวางมือจากเอกสารตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยออกไปสิ้นเสียงของลูคัส ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดแง้ม
มาเฟียหลงเด็กลูคัส & ชาลิสาคำโปรย...เธอต้องสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักยังไม่พอ เธอยังถูกแม่เลี้ยงใจร้ายขายให้กับเสี่ยแก่บ้ากามเพื่อใช้หนี้พนันของตัวเองอีก…ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเธอขนาดนี้?“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ทำกับเธอแบบที่ไอ้เสี่ยบ้ากามมันทำเด็ดขาด…เธอเชื่อใจฉันได้”“ทำไมคุณถึงต้องมาช่วยฉันด้วยคะ”“เพราะฉันชอบเธอไง”ลูคัส โลรองต์ หนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ ผมสีดำเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม ในตอนนี้ลูคัสได้เข้ามารับตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในสาขาของประเทศไทยตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับหน้าตาที่โดดเด่นของลูคัสกับการได้รับตำแหน่งตั้งแต่อายุยังไม่เข้าเลขสามจึงทำให้สื่อต่างๆ จับตามองชายหนุ่มเป็นพิเศษ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาดั่งเทพบุตรจึงทำให้หญิงสาวหลายต่อหลายคนต่างหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่ม ทว่าลูคัสกลับไม่รู้สึกถูกใจใครทั้งนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ไปเดินชนเด็กสาวคนหนึ่งเข้า... ชาลิสา เจริญวัฒนาวรรณ อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย สาวน้อยอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวกแต่ก็โดนเอาเปรียบจากแม่เลี้ยงกับ