LOGINวันต่อมา
ร่างอรชรของนักศึกษาสาวกำลังเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยหน้าตาที่ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย ชาลิสาเพิ่งเลิกเรียนและกลับมาที่บ้านของตัวเองในช่วงบ่ายสามโมงของวัน เพื่อนรักของเธอได้สอบถามเรื่องราวต่างๆ ชาลิสาจึงได้เล่าทุกอย่างให้ใบเฟิร์นฟังเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะปิดบังเรื่องแบบนี้กับเพื่อนรักทำไม ส่วนใบเฟิร์นเองก็รู้สึกเป็นห่วงชาลิสาเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่พวกเธอยังเด็กมากๆ พวกเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเช่นกัน ใบเฟิร์นจึงได้แต่ปลอบใจเพื่อนของตัวเอง
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู” เสียงของณัฐวดีเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เด็กสาวเดินผ่านประตูบ้านเข้ามา
“ค่ะ กลับมาแล้วค่ะ” เด็กสาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด จนหญิงแก่รับรู้ได้ว่าเธอกำลังกลุ้มใจเรื่องเมื่อวานนี้อยู่อย่างแน่นอน
“คุณป้าอยู่ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ยถามต่อพลางกวาดสายตามองซ้ายทีขวาที
“อยู่ค่ะ เหมือนจะอยู่ในห้องนั่งเล่น”
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวส่งยิ้มให้คู่สนทนาเบาๆ ด้วยใบหน้าที่อิดโรย
“หิวไหมคะคุณหนู”
“ยังค่ะ ขอบคุณนะคะ” พูดจบ ชาลิสาก็ปลีกตัวเดินเข้าไปบ้านอย่างช้าๆ จนกระทั่งร่างเล็กเดินเข้ามาจนถึงห้องนั่งเล่นภายในบ้านของเธอ และหญิงสาวก็พบว่าแม่เลี้ยงกับฉัตรพลนั่งอยู่บนโซฟาใหญ่กลางห้อง
ทั้งสองคนแม่ลูกหันหน้ามามองชาลิสาทันทีที่เด็กสาวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยสายตาแข็งกระด้างเหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะพี่ชาย” ชาลิสายกมือขึ้นมาพนมกลางอกพลางทักทายทั้งสองคนตามมารยาทของสาวไทย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรเด็กสาว กนกนุชเพียงแค่พยักหน้าให้ชาลิสาเบาๆ เพียงเท่านั้น และด้วยบรรยากาศที่ดูอึดอัดระหว่างพวกเขาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ชาลิสาจึงไม่รู้จะพูดคุยอะไรกับสองแม่ลูกต่อ
“สาขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ” หญิงสาวจึงบอกกล่าวกับสองแม่ลูกเพื่อจะปลีกตัวขึ้นห้องของตัวเองก่อน
“เดี๋ยว! วันนี้เธอต้องไปกับฉันนะยัยสา” เสียงของกนกนุชเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ไปไหนคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไปคุยเรื่องสำคัญกับผู้ใหญ่เป็นเพื่อนฉันไง” แม่เลี้ยงเอ่ยต่อ
“ทำไมสาต้องไปด้วยล่ะคะ สายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร”
“ก็แค่ไปกับฉัน แค่นั้น มันยากมากหรือไงล่ะ” กนกนุชเว้นประโยคเล็กน้อย และเมื่อหญิงแก่เห็นว่าเด็กสาวมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย เธอจึงพูดขึ้นมาต่อ
“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว แต่งตัวให้มันดีๆ หน่อยล่ะ”
“คะ..ค่ะ” สุดท้ายชาลิสาก็ไม่สามารถที่จะคัดค้านอะไรได้เหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง หญิงสาวหันหลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น แล้วตรงขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่งของแม่เลี้ยง
“แม่จะทำอะไร” ฉัตรพลเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อชาลิสาเดินออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ต้องถามหรอก แกอยู่เฉยๆ ไปเถอะ” กนกนุชกระแทกเสียงใส่ลูกชาย เธอต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองกับลูกชายปลอดภัยอย่างแน่นอน
สองแม่ลูกนั่งรอชาลิสาแต่งตัวอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งเด็กสาวเดินลงมาจากห้องนอนและตรงมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
ชาลิสาสวมชุดเดรสสั้นแขนกุดสีขาวดูเรียบหรู ผมยาวสลวยสีดำถูกมัดขึ้นไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งล่างถูกปล่อยยาวลงมาคลอเคลียแผ่นหลังแบบบาง เด็กสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูของห้องนั่งเล่นด้วยร่างอวบอิ่มที่สวยสะพรั่งตามวัยของเธอ
“กว่าจะลงมาได้นะ” กนกนุชเอ็ดหญิงสาวด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“ขอโทษค่ะ” ชาลิสาก้มหน้างุดเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิด
“ไปกันได้แล้ว อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน” แม่เลี้ยงบอกกล่าว ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนจากโซฟา
กนกนุชไม่รอช้า เธอรีบเดินผ่านชาลิสาและตรงออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที เด็กสาวจึงหันหลังและเดินตามแม่เลี้ยงออกไปอย่างช้าๆ ส่วนลูกชายของแม่เลี้ยงก็นั่งมองตามหลังของพวกเธอ โดยที่เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ชาลิสากับแม่เลี้ยงเดินมาจนถึงลานจอดรถของบ้าน พวกเธอขึ้นไปนั่งบนรถตู้คันสีดำ จากนั้นรถตู้ก็ขับเคลื่อนออกมาจากบ้านของชาลิสาอย่างช้าๆ
รถตู้คันหรูมุ่งตรงมายังปลายทางที่กนกนุชบอกกล่าวเอาไว้ จวบจนเวลาผ่านพ้นไปเกือบหนึ่งชั่วโมง รถตู้คันสีดำก็มาจอดสนิทลงตรงหน้าโรงแรมหรูในเวลาต่อมา จากนั้นพวกเธอก็ลงมาจากรถ เด็กสาวและแม่เลี้ยงขึ้นมายังร้านอาหารหรูชั้นบนสุดอย่างช้าๆ
จนกระทั่งพวกเธอขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นบนสุดของโรงแรม ระหว่างทางเหล่าพนักงานต่างก็ทักทายแม่เลี้ยงกับเด็กสาวหน้าตาสวยสะพรั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ชาลิสาส่งยิ้มและพยักหน้าให้พนักงานเบาๆ ตามมารยาท ส่วนกนกนุชก็ไม่ได้สนใจเหล่าพนักงานเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งแม่เลี้ยงยังเอาแต่เด็กเชิดหน้าชูตาทำเหมือนกับว่าตัวเองอยู่สูงกว่าพนักงานพวกนั้น
แม่เลี้ยงเดินนำชาลิสามาจนถึงโต๊ะที่เธอนัดหมายกับผู้ใหญ่เอาไว้ ก่อนที่พวกเธอจะเดินมาถึงโต๊ะที่มีชายแก่อ้วนพุงย้อยนั่งรอพวกเธออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะท่าน” กนกนุชยกมือขึ้นมาไหว้พลางเอ่ยทักทายชายแก่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“สวัสดีค่ะ” ชาลิสาจึงพนมมือขึ้นมาและไหว้ชายแก่ตามมารยาททันที
“สวัสดี นั่งกันก่อนๆ” องอาจ ชายแก่อายุเข้าเลขห้าแล้ว เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อยพลางกวาดสายตามองสำรวจชาลิสาด้วยสายตาที่จาบจ้วงจนเด็กสาวรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
สิ้นเสียงขององอาจ แม่เลี้ยงส่งยิ้มหวานไปให้ชายแก่ ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ออกมาและทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งชาลิสาเองก็เช่นกัน
เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับชายแก่ ส่วนแม่เลี้ยงก็นั่งอยู่ข้างๆ เธอ เสียงเพลงในร้านอาหารเปิดคลอเบาๆ และผู้คนมากมายก็ต่างหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการร้านอาหารบนตึกหรูแห่งนี้เพราะที่นี่เป็นร้านอาหารชื่อดังสำหรับไฮโซและผู้คนที่ร่ำรวย
“ท่านองอาจคะ นี่ชาลิสานะคะ” แม่เลี้ยงไม่รอช้า เธอรีบแนะนำเด็กสาวให้ชายแก่ได้รู้จักทันที
“ชาลิสา…ท่านองอาจนะ” จากนั้นเธอก็แนะนำชายแก่ให้เด็กสาวรู้จักต่อ
“ค่ะ” ชาลิสารู้สึกอึดอัดกับสายตาของผู้ชายตรงข้ามเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“หน้าตาน่ารักดีนะเด็กคนนี้” ชายแก่ใช้สายตากวาดมองสำรวจร่างกายและใบหน้าของเด็กสาววัยสะพรั่งอย่างแทะโลม แต่เด็กสาวก็ทำได้เพียงก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับผู้ชายตรงข้ามกับเธอ
“เธอเป็นลูกสาวของแฟนดิฉันค่ะ” กนกนุชตอบกลับพลางส่งยิ้มร่าเริงไปให้องอาจ
“สั่งอาหารกันก่อนเถอะ ค่อยคุยกัน” ชายแก่อ้วนพุงย้อยยกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ค่ะท่าน” แม่เลี้ยงพยักหน้าให้เบาๆ
“ขอเมนูด้วย” ชายแก่ยกมือขึ้นพลางเอ่ยกับพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ค่ะท่าน..นี่ค่ะท่าน” พนักงานตอบกลับและรีบเดินมาวางเล่มเมนูอาหารสีดำไว้บนโต๊ะตรงหน้าของทั้งสามคนทันที
“ชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะยัยหนู” ชายแก่หยิบเมนูขึ้นมาเปิดดู ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามชาลิสา
“เอ่ออ..อะไรก็ได้ค่ะ” เด็กสาวตอบกลับพลางหลบสายตาองอาจ เธอบอกตรงๆ เลยว่าเธอรู้สึกกลัวแววตาและท่าทางของชายแก่ตรงหน้าเอามากๆ
กนกนุชเงยหน้าขึ้นมามองเด็กสาวข้างกายสลับกับชายแก่ เธอก็ยกยิ้มขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ เพราะดูจากท่าทางขององอาจแล้ว ก็คงจะถูกอกถูกใจชาลิสาอยู่ไม่น้อยเช่นกันนั่นแหละ แบบนี้สิ่งที่เธอคุยกับองอาจไว้ก่อนหน้านี้ก็อาจจะพอมีหวังอยู่บ้างก็ได้
ย้อนไปก่อนหน้านี้ร่างกำยำของลูคัสสวมเสื้อเชิ้ตนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานภายในโรงพยาบาลของตัวเอง เขาใจจดใจจ่อกับเอกสารในแฟ้มตรงหน้าอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพร้อมกับอีวานที่เปิดแง้มประตูห้องเข้ามา อีวานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของลูคัส“นายครับ…ประวัติของผู้หญิงที่นายให้ผมไปสืบมาครับ” อีวานเอ่ยพลางยื่นแฟ้มเอกสารสีดำวางไว้บนโต๊ะให้เจ้านาย ลูคัสจึงเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มขึ้นมาและเปิดอ่านทันที “ชาลิสา” ลูคัสพึมพำชื่อของหญิงสาวออกมาเบาๆ ตั้งแต่วันนั้นที่เขาชนเข้ากับเธอ เขาก็รู้สึกถูกใจเธอมากๆ เขาไม่สามารถเอาผู้หญิงคนนั้นออกไปจากสมองของตัวเองได้ บางวันเขาก็ต้องมาสำเร็จความใคร่ด้วยมือของตัวเองเมื่อเขานึกถึงเธอ ลูคัสเพิ่งจะเข้าใจคำว่ารักแรกพบก็ตอนที่พบกับนักศึกษาคนนี้นี่แหละ“ครอบครัวเธอติดพนันเหรอ” ชายหนุ่มอ่านประวัติของเธอไปเรื่อยๆ พลางเอ่ยถามคนสนิทขึ้นมา “ไม่ใช่แม่แท้ๆ ครับ…เป็นแม่เลี้ยงกับลูกติดครับ” อีวานตอบกลับเจ้านาย ลูคัสครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ ก็พบว่ากาสิโนที่พวกมันไปเล่น ก็คือกาสิโนของเขาเอง ดีเลย! แบบนี้เขาจะได้ทำอะไรง่ายยิ่งขึ้น“ทำให้พวกมันเป็นหนี้
หนึ่งปีต่อมา“พ่อกับแม่ถึงไหนแล้ว…เพิ่งลงเครื่องเหรอครับ…ครับ” เสียงทุ้มทรงพลังของลูคัสเอ่ยกับปลายสาย เขายืนอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ที่ตอนนี้กลายเป็นสนามเด็กเล่นไปเรียบร้อยแล้ว ลูคัสยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมือเดียวพลางแนบโทรศัพท์ตรงใบหูเพื่อคุยโทรศัพท์กับพ่อของตัวเอง เมื่อคุยเสร็จลูคัสก็กดวางสายไปทันที“พ่อแม่ลงเครื่องแล้ว…กำลังตรงมาที่คฤหาสน์” ลูคัสหันมาบอกกล่าวกับภรรยา ก่อนที่เขาจะเดินมาย่อตัวนั่งลงข้างๆ ชาลิสา“ค่ะ” เสียงหวานของชาลิสาตอบกลับสามีสั้นๆ เธอนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง บนอ้อมแขนของชาลิสามีเด็กชายแก้มยุ่ยๆ นอนมองเธอตาแป๋ว “เซบาสเตียน…คุณปู่คุณย่ากำลังจะมาหาแล้วนะลูก” ชาลิสาก้มลงเอ่ยกับลูกชายวัยสี่เดือนนิดๆ ถึงแม้ว่าเขายังไม่รู้เรื่อง แต่เธอก็มักจะพูดคุยกับลูกชายตลอด มือบางยกขึ้นมาลูบไล้แก้มขาวอมชมพูของเด็กน้อย“คุณหนูคะ” เสียงของณัฐวดีเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับร่างหญิงสาวที่เดินตรงมาหยุดอยู่หน้าของเจ้านายทั้งสองคน“มีอะไรหรือเปล่าคะป้าณัฐ” ชาลิสาเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงแก่ ปกติณัฐวดีจะประจำอยู่ที่บ้านของชาลิสา แต่เมื่อชาลิสาคลอดลูกชายออกมาได้ หญิงแก่ก็ขอมาดูแลคุณชายที่คฤหาสน์ทันที“คุณใบเฟิร
“สวัสดีค่ะท่านลูคัส…ยินดีต้อนรับนะคะมาดาม” เสียงของแม่บ้านทักทายลูคัสกับชาลิสาที่กำลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลโลรองต์ ข้างหลังของคู่สามีภรรยาป้ายแดงมีเหล่าบอดี้การ์ดที่ถือกระเป๋ามาให้หญิงสาวสามสี่ใบ สาวใช้ยืนเรียงรายอยู่ตรงประตูทางเข้าเพื่อรอรับเจ้านายอย่างเป็นระเบียบผ่านมาสามวันหลังจากงานแต่งงานของพวกเขา ชาลิสาคุยกับณัฐวดีเมื่อวานนี้ เพื่อที่จะให้หญิงแก่มาอยู่ที่คฤหาสน์ด้วยกัน แต่ทว่าหญิงแก่ก็ไม่อยากมาเพราะการเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ชาลิสากับลูคัสจึงได้ข้อสรุปว่าควรพาณัฐวดีไปส่งที่บ้านของชาลิสา เพื่อให้สาวใช้คนสนิทของเธอเป็นหูเป็นตาและดูแลคนในบ้านของหญิงสาวด้วย พวกเขาจึงจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะย้ายเข้ามาที่คฤหาสน์คู่สามีภรรยาป้ายแดงเดินเคียงข้างกันมาที่ห้องโถงใหญ่เพราะลูคัสคาดว่าพ่อแม่ต้องอยู่ในห้องนี้อย่างแน่นอน“มากันแล้วเหรอ” เสียงชายแก่พูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชาลิสากับลูคัสเดินเข้ามาในห้องโถง“นั่งลงก่อนๆ” ลูตินนั่งอยู่บนโซฟาข้างภรรยาเอ่ยต่อ ลูคัสจึงดันแผ่นหลังแบบบางของชาลิสาให้เดินไปทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับพ่อแม่“พ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ…ในเมื่อพวกแกมาอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว…พ
ชาลิสามองลูคัสที่คืบคลานมาหาเธอตาปริบๆ มารู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอและเริ่มไต่มาคร่อมร่างเธอเอาไว้แล้ว ชาลิสาเอนกายไปด้านหลังอย่างช้าๆ เพราะร่างกำยำที่โน้มลงมาใกล้เธอมากยิ่งขึ้น“พี่ไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ” เสียงหวานของชาลิสาเอ่ยถาม“ก็เหนื่อยครับ” ลูคัสตอบกลับ“งั้นเรานะ…อืออ” ยังไม่ทันที่ชาลิสาจะเอ่ยจบประโยค เรียวปากหยักหนาฉกจูบลงบนเรียวปากเล็กอย่างรวดเร็วลิ้นสากร้อนแทรกเข้าไปตวัดพัวพันลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะอยู่ในพิธีมาตลอดทั้งวัน แต่ผิวเนื้อของเธอก็ยังคงหอมหวานอยู่เหมือนเดิม ยิ่งเหงื่อหญิงสาวออกมันยิ่งทำให้กลิ่นของเธอชัดมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มทาบทับลงไปเรื่อยๆ จนหญิงสาวเอนกายลงไปนอนราบกับที่นอนลิ้นร้ายควานหาความหอมหวานจากอุ้งปากเล็กอยู่สักพัก ก่อนที่เรียวปากหยักจะค่อยๆ ละริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าสวยคมของภรรยาอยู่ชั่วครู่ มือแกร่งเลื่อนมาจับใบหน้าเธอ ก่อนที่เขาจะจุมพิตลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างแผ่วเบาเขายืดกายนั่งตัวตรง ก่อนที่มือแกร่งเลื่อนลงไปถอดชุดเจ้าสาวออกอย่างช้าๆ ไม่กี่นาทีต่อมาชุดเจ้าสาวแสนสวยก็หลุดออกไปจากร่างอรชร ชายห
เสียงดนตรีบรรเลงเปิดขึ้นเบาๆ บรรยากาศงานแต่งงานริมทะเลที่ตกแต่งโทนสีขาวผ้าพลิ้วไสวเข้ากับทะเลและหาดทรายสีขาว ภายในงานถูกตกแต่งด้วยกุหลาบสีชมพูกับขาวสลับกันดูสวยงาม ชาลิสาสวมชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาดุจดั่งนางฟ้าเดินดิน ร่างอรชรสวยสง่าก้าวเดินไปตามพรมที่ปูยาวไปจนถึงแท่นทำพิธีที่ฉากเบื้องหลังเป็นทะเลสีฟ้าครามที่มีชายหนุ่มสวมชุดสูทและแต่งทรงผมดูเรียบร้อยกว่าปกติชาลิสามองว่าที่เจ้าบ่าวที่อยู่ตรงสุดทางเดินพรมแดงด้วยสายตาเปล่งประกาย ลูคัสราวกับเทพเจ้าหล่อเหลาสง่างามที่หลุดออกมาในเทพนิยาย เรียวขาสวยย่างกรายตรงไปหาเจ้าบ่าวของเธออย่างช้าๆ แขกเหรื่อทั้งสองฝั่งของพรมแดงมองหญิงสาวที่กำลังก้าวอย่างชื่นชมในความงดงามของเธอลูคัสมองร่างอรชรในชุดเจ้าสาวตาไม่กะพริบ โดยปกติชาลิสาก็ดูสวยสดอยู่แล้ว แต่ทว่าในวันนี้หญิงสาวยิ่งดูสวยสง่าและมีเสน่ห์มากๆ เขามองตามร่างเล็กจนกระทั่งเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาและบาทหลวง ใบเฟิร์นกับฟีลิกซ์รับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพื่อนทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหลังของคู่บ่าวสาวของงานในวันนี้“สวยมาก” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพลางเลื่อนมือไปจับมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้าง“ขอบคุณค่ะ วั
หลายวันต่อมา“ครับ…ผมรู้แล้วครับพ่อ…เรื่องร้านชุดแต่งงานผมจัดการแล้ว” เสียงของลูคัสคุยโทรศัพท์กับบิดาตัวเองอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นบนเพนท์เฮาส์หรู ชาลิสากำลังเก็บจานช่วยณัฐวดีเพราะพวกเขาเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จ หลังจากวันที่ลูคัสขอชาลิสาแต่งงาน ชายหนุ่มก็โทรไปบอกกล่าวกับพ่อแม่ทันที ซึ่งพวกท่านก็ดีใจมากๆ แต่อีกอย่างหนึ่งที่เขาแอบทำไว้ก็คือการ์ดงานแต่งงาน เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวจะตอบตกลงหรือเปล่า แต่เขาก็สั่งทำการ์ดแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว และตั้งแต่ที่ลูคัสแจ้งเรื่องที่เขาขอชาลิสาแต่งงานแล้ว ลูตินเอาแต่โทรมาหาเขาและสอบถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด ชายแก่โทรมาทุกวันจนเขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย“คุณพ่อว่าไงบ้างคะ” หญิงสาวเก็บจานเก็บโต๊ะจนเสร็จสรรพ เธอก็เดินมาย่อตัวนั่งลงบนโซฟาข้างกายชายหนุ่ม มือแกร่งเลื่อนมาแตะต้นขาหญิงสาวเอาไว้ทันที“ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ ให้พี่เร่งหาร้านชุดแต่งงาน แล้วก็หาที่จัดงานแต่งงานด้วย” เขาหันมาตอบกลับชาลิสา“ไม่เห็นจะต้องเร่งเลยค่ะ” เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้ดูทำอะไรรีบร้อนไปหมดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าชาลิสาจะรู้สึกดี แต่เธอก็ไม่ได้อยากจะให้ลูคัสเหนื่อยมากจนเกินไป“พวก







