เข้าสู่ระบบวันต่อมา
ร่างอรชรของนักศึกษาสาวกำลังเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยหน้าตาที่ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย ชาลิสาเพิ่งเลิกเรียนและกลับมาที่บ้านของตัวเองในช่วงบ่ายสามโมงของวัน เพื่อนรักของเธอได้สอบถามเรื่องราวต่างๆ ชาลิสาจึงได้เล่าทุกอย่างให้ใบเฟิร์นฟังเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะปิดบังเรื่องแบบนี้กับเพื่อนรักทำไม ส่วนใบเฟิร์นเองก็รู้สึกเป็นห่วงชาลิสาเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่พวกเธอยังเด็กมากๆ พวกเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเช่นกัน ใบเฟิร์นจึงได้แต่ปลอบใจเพื่อนของตัวเอง
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู” เสียงของณัฐวดีเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เด็กสาวเดินผ่านประตูบ้านเข้ามา
“ค่ะ กลับมาแล้วค่ะ” เด็กสาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด จนหญิงแก่รับรู้ได้ว่าเธอกำลังกลุ้มใจเรื่องเมื่อวานนี้อยู่อย่างแน่นอน
“คุณป้าอยู่ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ยถามต่อพลางกวาดสายตามองซ้ายทีขวาที
“อยู่ค่ะ เหมือนจะอยู่ในห้องนั่งเล่น”
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวส่งยิ้มให้คู่สนทนาเบาๆ ด้วยใบหน้าที่อิดโรย
“หิวไหมคะคุณหนู”
“ยังค่ะ ขอบคุณนะคะ” พูดจบ ชาลิสาก็ปลีกตัวเดินเข้าไปบ้านอย่างช้าๆ จนกระทั่งร่างเล็กเดินเข้ามาจนถึงห้องนั่งเล่นภายในบ้านของเธอ และหญิงสาวก็พบว่าแม่เลี้ยงกับฉัตรพลนั่งอยู่บนโซฟาใหญ่กลางห้อง
ทั้งสองคนแม่ลูกหันหน้ามามองชาลิสาทันทีที่เด็กสาวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยสายตาแข็งกระด้างเหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะพี่ชาย” ชาลิสายกมือขึ้นมาพนมกลางอกพลางทักทายทั้งสองคนตามมารยาทของสาวไทย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรเด็กสาว กนกนุชเพียงแค่พยักหน้าให้ชาลิสาเบาๆ เพียงเท่านั้น และด้วยบรรยากาศที่ดูอึดอัดระหว่างพวกเขาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ชาลิสาจึงไม่รู้จะพูดคุยอะไรกับสองแม่ลูกต่อ
“สาขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ” หญิงสาวจึงบอกกล่าวกับสองแม่ลูกเพื่อจะปลีกตัวขึ้นห้องของตัวเองก่อน
“เดี๋ยว! วันนี้เธอต้องไปกับฉันนะยัยสา” เสียงของกนกนุชเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ไปไหนคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไปคุยเรื่องสำคัญกับผู้ใหญ่เป็นเพื่อนฉันไง” แม่เลี้ยงเอ่ยต่อ
“ทำไมสาต้องไปด้วยล่ะคะ สายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร”
“ก็แค่ไปกับฉัน แค่นั้น มันยากมากหรือไงล่ะ” กนกนุชเว้นประโยคเล็กน้อย และเมื่อหญิงแก่เห็นว่าเด็กสาวมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย เธอจึงพูดขึ้นมาต่อ
“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว แต่งตัวให้มันดีๆ หน่อยล่ะ”
“คะ..ค่ะ” สุดท้ายชาลิสาก็ไม่สามารถที่จะคัดค้านอะไรได้เหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง หญิงสาวหันหลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น แล้วตรงขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่งของแม่เลี้ยง
“แม่จะทำอะไร” ฉัตรพลเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อชาลิสาเดินออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ต้องถามหรอก แกอยู่เฉยๆ ไปเถอะ” กนกนุชกระแทกเสียงใส่ลูกชาย เธอต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองกับลูกชายปลอดภัยอย่างแน่นอน
สองแม่ลูกนั่งรอชาลิสาแต่งตัวอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งเด็กสาวเดินลงมาจากห้องนอนและตรงมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
ชาลิสาสวมชุดเดรสสั้นแขนกุดสีขาวดูเรียบหรู ผมยาวสลวยสีดำถูกมัดขึ้นไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งล่างถูกปล่อยยาวลงมาคลอเคลียแผ่นหลังแบบบาง เด็กสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูของห้องนั่งเล่นด้วยร่างอวบอิ่มที่สวยสะพรั่งตามวัยของเธอ
“กว่าจะลงมาได้นะ” กนกนุชเอ็ดหญิงสาวด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“ขอโทษค่ะ” ชาลิสาก้มหน้างุดเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิด
“ไปกันได้แล้ว อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน” แม่เลี้ยงบอกกล่าว ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนจากโซฟา
กนกนุชไม่รอช้า เธอรีบเดินผ่านชาลิสาและตรงออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที เด็กสาวจึงหันหลังและเดินตามแม่เลี้ยงออกไปอย่างช้าๆ ส่วนลูกชายของแม่เลี้ยงก็นั่งมองตามหลังของพวกเธอ โดยที่เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ชาลิสากับแม่เลี้ยงเดินมาจนถึงลานจอดรถของบ้าน พวกเธอขึ้นไปนั่งบนรถตู้คันสีดำ จากนั้นรถตู้ก็ขับเคลื่อนออกมาจากบ้านของชาลิสาอย่างช้าๆ
รถตู้คันหรูมุ่งตรงมายังปลายทางที่กนกนุชบอกกล่าวเอาไว้ จวบจนเวลาผ่านพ้นไปเกือบหนึ่งชั่วโมง รถตู้คันสีดำก็มาจอดสนิทลงตรงหน้าโรงแรมหรูในเวลาต่อมา จากนั้นพวกเธอก็ลงมาจากรถ เด็กสาวและแม่เลี้ยงขึ้นมายังร้านอาหารหรูชั้นบนสุดอย่างช้าๆ
จนกระทั่งพวกเธอขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นบนสุดของโรงแรม ระหว่างทางเหล่าพนักงานต่างก็ทักทายแม่เลี้ยงกับเด็กสาวหน้าตาสวยสะพรั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ชาลิสาส่งยิ้มและพยักหน้าให้พนักงานเบาๆ ตามมารยาท ส่วนกนกนุชก็ไม่ได้สนใจเหล่าพนักงานเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งแม่เลี้ยงยังเอาแต่เด็กเชิดหน้าชูตาทำเหมือนกับว่าตัวเองอยู่สูงกว่าพนักงานพวกนั้น
แม่เลี้ยงเดินนำชาลิสามาจนถึงโต๊ะที่เธอนัดหมายกับผู้ใหญ่เอาไว้ ก่อนที่พวกเธอจะเดินมาถึงโต๊ะที่มีชายแก่อ้วนพุงย้อยนั่งรอพวกเธออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะท่าน” กนกนุชยกมือขึ้นมาไหว้พลางเอ่ยทักทายชายแก่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“สวัสดีค่ะ” ชาลิสาจึงพนมมือขึ้นมาและไหว้ชายแก่ตามมารยาททันที
“สวัสดี นั่งกันก่อนๆ” องอาจ ชายแก่อายุเข้าเลขห้าแล้ว เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อยพลางกวาดสายตามองสำรวจชาลิสาด้วยสายตาที่จาบจ้วงจนเด็กสาวรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
สิ้นเสียงขององอาจ แม่เลี้ยงส่งยิ้มหวานไปให้ชายแก่ ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ออกมาและทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งชาลิสาเองก็เช่นกัน
เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับชายแก่ ส่วนแม่เลี้ยงก็นั่งอยู่ข้างๆ เธอ เสียงเพลงในร้านอาหารเปิดคลอเบาๆ และผู้คนมากมายก็ต่างหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการร้านอาหารบนตึกหรูแห่งนี้เพราะที่นี่เป็นร้านอาหารชื่อดังสำหรับไฮโซและผู้คนที่ร่ำรวย
“ท่านองอาจคะ นี่ชาลิสานะคะ” แม่เลี้ยงไม่รอช้า เธอรีบแนะนำเด็กสาวให้ชายแก่ได้รู้จักทันที
“ชาลิสา…ท่านองอาจนะ” จากนั้นเธอก็แนะนำชายแก่ให้เด็กสาวรู้จักต่อ
“ค่ะ” ชาลิสารู้สึกอึดอัดกับสายตาของผู้ชายตรงข้ามเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“หน้าตาน่ารักดีนะเด็กคนนี้” ชายแก่ใช้สายตากวาดมองสำรวจร่างกายและใบหน้าของเด็กสาววัยสะพรั่งอย่างแทะโลม แต่เด็กสาวก็ทำได้เพียงก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับผู้ชายตรงข้ามกับเธอ
“เธอเป็นลูกสาวของแฟนดิฉันค่ะ” กนกนุชตอบกลับพลางส่งยิ้มร่าเริงไปให้องอาจ
“สั่งอาหารกันก่อนเถอะ ค่อยคุยกัน” ชายแก่อ้วนพุงย้อยยกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ค่ะท่าน” แม่เลี้ยงพยักหน้าให้เบาๆ
“ขอเมนูด้วย” ชายแก่ยกมือขึ้นพลางเอ่ยกับพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ค่ะท่าน..นี่ค่ะท่าน” พนักงานตอบกลับและรีบเดินมาวางเล่มเมนูอาหารสีดำไว้บนโต๊ะตรงหน้าของทั้งสามคนทันที
“ชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะยัยหนู” ชายแก่หยิบเมนูขึ้นมาเปิดดู ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามชาลิสา
“เอ่ออ..อะไรก็ได้ค่ะ” เด็กสาวตอบกลับพลางหลบสายตาองอาจ เธอบอกตรงๆ เลยว่าเธอรู้สึกกลัวแววตาและท่าทางของชายแก่ตรงหน้าเอามากๆ
กนกนุชเงยหน้าขึ้นมามองเด็กสาวข้างกายสลับกับชายแก่ เธอก็ยกยิ้มขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ เพราะดูจากท่าทางขององอาจแล้ว ก็คงจะถูกอกถูกใจชาลิสาอยู่ไม่น้อยเช่นกันนั่นแหละ แบบนี้สิ่งที่เธอคุยกับองอาจไว้ก่อนหน้านี้ก็อาจจะพอมีหวังอยู่บ้างก็ได้
“วันนี้…เราจะไปจัดการทุกอย่างด้วยกัน” ทุกคำพูดของชายหนุ่มดูหนักแน่นและจริงจังกว่าทุกครั้ง มือแกร่งกอดรัดหญิงสาวเข้ามาหาแผงอกกำยำของตัวเอง เขาใช้วงแขนแกร่งอีกข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้ลำคอระหง ชายหนุ่มนอนกอดรัดร่างอรชรเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากเขา “สาไม่อยากให้พี่ต้องทะเลาะกับครอบครัวค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยสายตาที่วูบไหว เธอสับสนกับความรู้สึกและความคิดของตัวเองในตอนนี้มากๆ มากจนเธอคิดอะไรไม่ออก“ครอบครัวของพี่คือสา” เสียงทุ้มพูดต่ออย่างนุ่มลึก เขาเว้นประโยคชั่วครู่เพื่อดูปฏิกิริยาของหญิงสาว ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อ“ที่ผ่านมา…พ่อของพี่ไม่เคยถามเลยว่าพี่ต้องการอะไร เขาชอบจัดแจงและบงการชีวิตพี่ทุกอย่าง พี่ไม่เคยได้เป็นตัวเองและมีความสุขจริงๆ เลยสักครั้ง จนกระทั่งพี่มาเจอสานี่แหละ พี่ชอบสาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”“…” ชาลิสาไตร่ตรองคำพูดของชายหนุ่ม เธอพยายามชั่งน้ำหนักคำพูดของเขา แต่เธอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา “เชื่อพี่สักครั้งนะ” ลูคัสเว้าวอนหญิงสาวอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นสายตาที่อ่อนยวบลงของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาสักนิดแล้ว“แป๊บหนึ่งนะ” ลูคัสบอกกล่าวกับเธอ ก่อนที่เขาจะค
ทั้งสองคนนิ่งเงียบและมองสบตากันด้วยสายตาที่ดูเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ ลูคัสเองก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเช่นกัน เขาคิดว่าหลังจากที่เขาคุยกับโอลิเวียแล้ว เขาก็จะไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ต่อ เพราะเขาไม่ต้องการที่จะหมั้นหมายหรือแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก จริงอยู่ที่ว่า เมื่อก่อนนี้เขาเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่ในตอนนี้เขามีชาลิสาแล้ว เขาอยากอยู่กับเธอ และคนเดียวที่เขาจะแต่งงานด้วยก็คือเธอ“งั้นเราก็พอกันแค่นี้เถอะค่ะ สาไม่รู้มาก่อนว่าพี่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว” เสียงหวานสั่นเครือ เธอฝืนพูดแบบนี้เพราะไม่อยากเป็นคนที่ทำผิดศีลธรรม“ไม่! พี่ปล่อยสาไปไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มจับไหล่แบบบางเอาไว้ทั้งสองข้าง จะให้เขาทำอะไรก็ได้ แต่เขาไม่ยอมเสียชาลิสาไปเด็ดขาด“แต่พี่มีคู่หมั้นอยู่แล้วนะคะ สาไม่มีทางเป็นคนที่ทำร้ายชีวิตใครเด็ดขาดค่ะ” “ชาลิสา เรื่องคู่หมั้น มันเป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่ที่เขาคุยกันไว้นะ พี่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลย”“พอเถอะค่ะ” หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นมาและพยายามที่จะจับมือแกร่งออกไปจากไหล่ของเธอ แต่เนื่องจากว่าเสียงเอะอะโวยวายของพวกเขาทั้งสองคนที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนแก่ตำแ
ร่างอวบอิ่มที่สวมชุดนักศึกษาเดินออกมาจากด้านในของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอกอดอกของตัวเองเอาไว้หลวมๆ พลางลูบแขนตัวเองเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบประโลมตัวเอง ดวงตากลมโตของชาลิสาดูสั่นไหวและสับสนหญิงสาวเดินย่างกรายออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอออกมาจากมหาวิทยาลัย อีวานยืนอยู่ข้างรถยนต์คันหรูเพื่อรอเปิดประตูรถให้ชาลิสาอยู่“ทำไมถึงออกมาช้าจังเลยครับ” คนสนิทของลูคัสเอ่ยถามทันที เมื่อชาลิสาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา“พอดีว่าสาแวะเข้าห้องน้ำค่ะ” เสียงหวานที่สั่นเครือ ดูพยายามปรับให้เป็นปกติ แต่ใบหน้าของหญิงสาวดูซีดเผือดและมีเหงื่อผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ หน้าดูซีดๆ นะครับ” อีวานสังเกตเห็นและถามหญิงสาวขึ้นมา“ไม่ค่ะ”“ครับ…ขึ้นรถเถอะครับ เจ้านายให้ไปรออยู่ที่ร้านอาหารเลยครับ เดี๋ยวเจ้านายจะตามไป” พูดจบ อีวานเอื้อมมือไปเปิดประตูให้หญิงสาวทันที“ค่ะ” ชาลิสาตอบกลับลูกน้องของลูคัสด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นรถไป นักศึกษาสาวนั่งอยู่บนรถพลางครุ่นคิดถึงคำพูดที่ชายแก่เอ่ยกับเธอก่อนหน้านี้“ลูคัส…มีคู่หมั้นอยู่แล้ว” “คะ?” ดวงตากลมโตของเธอสั่นระริก“ฉันบอกเธอแค่นี้แห
คฤหาสน์ตระกูลโลรองต์ชายแก่ร่างกำยำนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวนของคฤหาสน์ที่เขียวขจีไปด้วยหญ้าสีสดใส อากาศในช่วงเช้าของวัน ช่างดูลมลื่นและเย็นสบายจากลมที่พัดผ่านมา อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดที่ลอยมากับลม ภายในสวนมีศาลาสีขาวที่พวกเขาเอาไว้นั่งจิบชาชิลๆ อยู่ท่ามกลางสวนสีสันสดใส แต่ทว่าอารมณ์ของลูตินก็ไม่ได้ดูจะสดใสเหมือนกับอากาศสักเท่าไหร่ใบหน้าของลูตินดูเคร่งขรึมและเป็นกังวลเล็กน้อย ถึงเขาจะอายุมากแล้วแต่ใบหน้าของเขาก็ยังไม่ได้ดูแก่มากเท่าที่ควร มือสากยกแก้วชาขึ้นมาจิบเบาๆ ในขณะเดียวกันภรรยาคนสวยของเขาก็เดินย่อตัวนั่งลงตรงข้ามเก้าอี้ของลูตินนันท์นพินมองหน้าของสามีด้วยความสงสัย เธอเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของลูติน จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานปนสงสัยเล็กน้อย“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ลูตินเบี่ยงสายตามาสบตากับภรรยาคนสวยอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะอ้าปากบอกกล่าวกับภรรยากับสิ่งที่เขาเพิ่งจะได้ยินมา “โอลิเวียบอกว่าเมื่อวานที่ไปกินข้าวกับลูคัสมา…ลูคัสขอให้เธอมาคุยกับพวกเราเรื่องที่จะไม่หมั้นและไม่แต่งงานแล้ว” เมื่อคืนนี้ หลังจากดินเนอร์ของลูคัสกับโอลิเวียจบลง สาวผมทองก็รีบโทรมาเล่าเรื่อง
วันต่อมา@ร้านอาหารสุดหรูหราบนตึกสูงลูคัสเดินเข้ามาภายในร้านอาหารสุดหรูหราพร้อมกับโอลิเวีย เป็นเวลาสองทุ่มของวัน ชายหนุ่มไปรับโอลิเวียที่บ้านของเธอตามที่บอกกล่าวกับพ่อของตัวเองก็เพื่อที่จะพูดคุยกับโอลิเวียให้เข้าใจตรงกันกับเขา เขาอยากจะสะสางทุกอย่างให้ลงตัวเสียทีเมื่อวานนี้ หลังจากที่จัดการเรื่องที่บ้านของชาลิสาเสร็จสรรพแล้ว เขาพาชาลิสากลับเพนท์เฮาส์ทันที และช่วงเช้าชายหนุ่มก็ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยตามปกติ แต่ช่วงเย็นเขาไม่ได้ไปรับเธอเพราะเขาต้องรีบเคลียร์งานที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จเสียก่อน“สวัสดีค่ะ มากี่ท่านคะ” เสียงพนักงานดังขึ้นมา ปลุกให้ลูคัสตื่นจากภวังคจิต ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่กับโอลิเวีย แต่เขาก็ยังคงคิดถึงชาลิสาอยู่ตลอดเวลา“สอง” ชายหนุ่มตอบกลับพนักงานสาวไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“เชิญตามดิฉันมาได้เลยค่ะ” สิ้นเสียงพนักงานสาว เธอจึงผายมือและเดินนำลูคัสกับโอลิเวียไปยังโต๊ะที่ว่างสำหรับสองที่นั่ง“ดีใจจังเลยนะคะที่ได้มาทานอาหารเย็นด้วยกันแบบนี้” โอลิเวีย สาวผมทองเดินเคียงคู่มากับลูคัส เธอยิ้มกว้างออกมาด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุขต่างกับชายหนุ่มที่หน้านิ่งไร้ความรู้สึก หญิงสาวพยายามจะเลื่อน
วันต่อมา ลูคัสกับชาลิสาตื่นมาในห้องพักด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งคู่ ลูคัสพาหญิงสาวไปทานอาหารเช้าและไปเดินเล่นต่อที่ชายหาด จากนั้นพวกเขาก็กลับมาที่ห้องพักเพื่อเก็บของกลับบ้านในวันนี้ หลังจากที่ชายหญิงเก็บของจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตรงมาที่สนามบินและบินกลับมาที่กรุงเทพทันที“ถ้าพี่ว่าง พี่จะพยายามหาเวลาพาสามาเที่ยวทุกอาทิตย์เลยนะ” ชายหนุ่มบอกกล่าวหญิงสาว ในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกมาจากสนามบิน ชายหนุ่มลากกระเป๋าเดินทางทั้งของเธอและของตัวเองทั้งสองใบด้วยท่าทางสบายๆ“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ แค่เดือนละครั้งก็พอแล้วค่ะ” ชาลิสาตอบกลับอย่างเกรงอกเกรงใจ “พี่อยากไปเที่ยวกับสา พี่มีความสุขมากๆ เลยนะ”“สาก็เหมือนกันค่ะ” ทั้งสองคนส่งยิ้มให้กันด้วยใบหน้าที่สดใส ชาลิสาเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงเอ่ยเรียกชายหนุ่มขึ้นมา“พี่ลูคัสคะ”“หืมม” ชายหนุ่มตั้งอกตั้งใจฟังหญิงสาว“สาขอเข้าไปที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ สาอยากไปดูพวกคนงานคนใช้บ้างนะคะ ว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง”“ได้…เดี๋ยวพี่พาไป” ลูคัสเข้าใจหญิงสาวเป็นอย่างดี เขารู้ว่าเธอเป็นห่วงบ้านและคนงานที่นั่น แต่เขาไม่ยอมให้เธอไปที่นั่นโดยท







