เข้าสู่ระบบเมื่อลูคัสพูดคุยโทรศัพท์กับมารดาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาหาชาลิสาด้วยใบหน้าที่ดูกังวลเล็กน้อย หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามขึ้นมา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” “แม่ของพี่โทรมาบอกว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลนะ” เสียงทุ้มตอบกลับไปพลางเลื่อนมือมาโอบเอวบางเอาไว้ แน่นอนว่าเขาติดสกินชิพกับหญิงสาวไปแล้ว ถ้าได้อยู่ใกล้เธอ เขาจะต้องจับไหล่หรือเอวบางเอาไว้ตลอดเวลา“ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“สาเป็นห่วงพวกเขาด้วยเหรอ” ไม่ว่าพ่อของเขาจะทำไม่ดีหรือดูถูกกับชาลิสาขนาดไหน แต่เธอยังคงไม่โกรธเกลียดใครทั้งนั้น เขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆ หลังจากเกิดเรื่องที่ห้างสรรพสินค้าในวันนั้น ลูคัสต่อสายตรงไปหาโนอาห์และบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องที่โอลิเวียมาอาละวาดใส่ชาลิสากลางห้าง ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างโนอาห์ต้องโกรธลูกสาวที่ทำเรื่องน่าอายกลางที่สาธารณะเช่นนั้นอยู่แล้ว โนอาห์จึงให้โอลิเวียบินกลับไปเรียนต่อที่อังกฤษทันที “ยังไงพวกท่านก็เป็นพ่อแม่ของพี่นะคะ” ชาลิสาตอบกลับด้วยเสียงหวาน“แต่เขาก็ทำไม่ดีกับสานะ” สายตาของชายหนุ่มที่มองมายังชาลิสา มันทั้งอบอุ่นและเอ็นดูเธอในเวลาเดียว
หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดช่วงเวลาแห่งความสุขของเหล่าบรรดานักศึกษาก็มาถึง ทุกคนเหน็บเหนื่อยกันมามากกับโปรเจคจบสำหรับนักศึกษาปีที่สาม พิธีช่วงเช้าในหอประชุมใหญ่เสร็จสิ้นลงไปเรียบร้อย เหล่าบรรดาบัณฑิตที่สวมชุดครุยสีดำจึงแยกย้ายกันไปถ่ายรูปตรงหน้าตึกคณะของใครของมัน ทุกคณะต่างก็จัดซุ้มอยู่ด้านหน้าของตึกของตัวเองบัณฑิตทุกคนและครอบครัวต่างก็ยิ้มแย้มด้วยความปลื้มปีติกับวันดีๆ เช่นนี้ เสียงเจื้อยแจ้ว เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ทำให้บรรยากาศในวันนี้ดูครึกครื้นเป็นพิเศษ ญาติผู้ใหญ่ต่างก็มาแสดงความยินดีกับลูกหลานของตัวเองชาลิสายืนอยู่หน้าตึกคณะบริหารธุรกิจพร้อมกับใบเฟิร์นที่แต่งตัวทำผมดูเรียบร้อยกว่าปกติ และก็มีกลุ่มเพื่อนที่เรียนในห้องเดียวกันอีกหลายคน บางคนแยกไปถ่ายรูปกับครอบครัวของตัวเอง“ถ่ายรูปกันสา” ใบเฟิร์นจ้างช่างภาพประจำตัวมาเพื่อถ่ายรูปตัวเองและเพื่อน ชาลิสาชะเง้อคอมองหาบางอย่างอยู่“ชาลิสา ถ่ายรูปกัน” เพื่อนอีกคนจึงเอ่ยเรียกต่อชาลิสาจึงส่งยิ้มให้พวกเพื่อนจางๆ ก่อนที่เธอจะเดินมาหาเพื่อนที่ยืนอยู
หลายวันต่อมาภายในห้างสรรพสินค้าสุดหรูหราใจกลางเมืองกรุง ชาลิสากับเพื่อนสนิทของเธออย่างใบเฟิร์นกำลังเดินเล่นกันอยู่ในโซนที่เป็นกระเป๋าและเสื้อผ้าแฟชั่น ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มากมาย เนื่องจากอยู่ใจกลางเมืองกรุงและใกล้กับมหาวิทยาลัย จึงมีนักศึกษาที่เลิกเรียนมาแวะเดินเล่นก่อนกลับบ้าน“ร้านนั้นกระเป๋าน่ารักมากเลย” ใบเฟิร์นเดินคล้องแขนชาลิสาพลางชี้ไปยังร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่มีกระเป๋าสีสันสดใสน่ารักตั้งเรียงรายอยู่มากมาย“น่ารักดี แต่แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบของแบรนด์เนม” ชาลิสาตอบกลับเพื่อน ก่อนที่เธอจะชะเง้อมองหาลูคัส เนื่องจากว่าเธอบอกกล่าวเขาไปว่าเธอจะมาเดินห้างกับใบเฟิร์น ชายหนุ่มจึงอยากตามมาด้วย แต่เพราะห้างสรรพสินค้ากับมหาวิทยาลัยห่างกันไม่ไกลสักเท่าไหร่ หญิงสาวกับเพื่อนจึงมารอที่ห้าง แล้วให้ชายหนุ่มตามมาหาที่นี่เลย“มองหาคุณลูคัสเหรอ” ใบเฟิร์นเอ่ยถามเพื่อนสาวที่ชะเง้อคอไม่หยุด“อือ” ชาลิสาหันหน้ามาหาเพื่อนและพยักหน้าเล็กน้อย&ld
หลังจากที่จัดการเรื่องของแม่เลี้ยงกับลูกชายของกนกนุชเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาลิสาก็ไปพูดคุยกับคนงานภายในบ้านอยู่สักพักหนึ่ง จึงได้ข้อสรุปมาแล้วว่าเธอจะกลับมาตรวจตราที่บ้านทุกสัปดาห์ หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว ลูคัสกับชาลิสาก็กลับมาที่เพนท์เฮาส์กันต่อในเวลาต่อมาหนุ่มสาวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นของเพนท์เฮาส์พร้อมกับ มือแกร่งโอบไหล่หญิงสาวมาตลอดจนกระทั่งถึงในห้องนั่งเล่น เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอ“ดีขึ้นหรือยัง” ชายหนุ่มก้มลงมาเอ่ยถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขารู้ว่าเธอยังรู้สึกไม่ดีกับเรื่องแม่เลี้ยงของเธออยู่“ก็…นิดหน่อยค่ะ” เสียงหวานตอบกลับ“ฟังพี่นะ…ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เราไม่สามารถช่วยใครไปได้ตลอดชีวิต ทุกคนมีทางของตัวเอง” ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอยู่ในน้ำเสียงนั้น“ค่ะ” ใบหน้าสวยคมพยักหน้าให้ชายหนุ่มเบาๆ“คนดีของพี่” ลูคัสหันมาหาหญิงสาว มือสากเลื่อนมาจับแก้มเนียนพลางใช้ปลายนิ้วลูบแก้มเธออย่างแผ่วเบา“ขอบคุณนะคะ”&
ลูคัสกับชาลิสาใช้ชีวิตกันมาตามปกติ จนกระทั่งหลายวันผ่านไป มารดาของลูคัสมาหาชายหนุ่มเมื่อสองวันที่แล้วเพื่อที่จะคุยเรื่องพ่อของเขา แต่ลูคัสก็ไม่คิดที่จะคุยและบอกให้มารดากลับไป ส่วนเรื่องของแม่เลี้ยงชาลิสา ฟีลิกซ์ก็โทรมารายงานพวกเขาเป็นระยะๆวันนี้เป็นสุดสัปดาห์ ลูคัสกับชาลิสาจึงไม่ได้ออกไปไหนกัน ทั้งสองคนนอนกอดกันดูโทรทัศน์อยู่ภายในห้องนั่งเล่นของเพนท์เฮาส์ ร่างอรชรนอนเกยอยู่กับอกแกร่งบนโซฟา วงแขนแกร่งสอดใต้ลำคงระหงพลางใช้มือสากสัมผัสเรือนผมคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบาทว่าในขณะที่ทั้งสองคนนอนกกกอดกันอยู่นั่นเอง เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา ลูคัสเลื่อนมือสากไปล้วงหยิบโทรศัพท์ในกางเกงของตัวเองออกมาและกดรับสาย เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเอาไว้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ“อือ…ว่าไง…โอเค” เสียงทุ้มคุยโทรศัพท์อยู่ ซึ่งชาลิสาก็นอนอยู่บนอกแกร่งเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกดวางสายไป
พวกเขาทั้งสามคนนั่งลงบนโซฟาใหญ่ที่มีโต๊ะกระจกตั้งอยู่ตรงกลางห้องวีไอพี ชาลิสากับลูคัสเดินไปย่อตัวนั่งลงตรงข้ามกับฟีลิกซ์“วันนี้ที่พี่เลือกจะบอกเรื่องกาสิโนกับสา ก็เพราะพี่คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว” ลูคัสเอ่ยขึ้นมาทันทีที่พวกเขานั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว“ถึงเวลาอะไรเหรอคะ” ชาลิสาหันมามองหน้าชายหนุ่มพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“พี่คิดว่ามันถึงเวลาที่เราต้องจัดการสองแม่ลูกนั้นอย่างจริงจังแล้วนะ”“หมายถึงแม่เลี้ยงกับพี่ชายเหรอคะ”“ใช่” ลูคัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ยังไงคะ”“ตอนนี้พวกมันก็เริ่มติดหนี้แล้ว แต่ยังไม่มากสักเท่าไหร่”“กูให้คนจับตามองพวกมันอยู่ เวลาที่พวกมันเข้าไปเล่นที่กาสิโน” ฟีลิกซ์พูดขึ้นมา“คนอย่างพวกนั้น ก็แค่ให้ได้เงินเยอะๆ ไปสักก้อนก่อน เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาเล่นอีก แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยให้มันเสียคืนเป็นสิบเท่าเลย” ลูคัสหันไปมองหน้าเพื่อน ชายหนุ่มทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานานมาก แค่พวกเขามองตาก







