LOGINยังไม่ทันที่ชาลิสาจะตอบกลับอะไรออกไป สิ้นเสียงองอาจ เสียงของบางอย่างที่แตกกระจายก็ดังขึ้นมา ทำให้ชายแก่กับเด็กสาวหันขวับไปมองยังต้นต่อของเสียงทันที
เพล้ง!!
“กรี้ดดด!” ชาลิสากรีดร้องขึ้นมาสุดเสียงด้วยความตื่นตกใจอีกครั้ง
“อะไรวะ!” และตามมาด้วยเสียงของชายแก่
ทั้งสองคนหันหน้ามามองยังต้นตอของเสียงนั้น และพวกเขาก็พบว่ากระจกตรงประตูเลื่อนมันแตกลงไปเรียบร้อยแล้ว องอาจเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ ชายแก่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าทำกับเขาได้ขนาดนี้
ชายแก่มองออกไปด้านนอกรถ เขาเห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนถือถังดับเพลิงอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าถังดับเพลิงนั่นแหละที่ชายหนุ่มคนนั้นใช้มันทุบกระจกรถตู้ของเขา
“มึงเป็นใคร!!” องอาจเอ่ยถามออกไปเสียงดัง
“ปล่อยเธอ” ลูคัสไม่ตอบกลับคำถามของชายแก่ เขาปล่อยมือจากถังดับเพลิง ทำให้ถังใหญ่ร่วงลงไปกระแทกกับพื้นลานจอดรถเสียงดัง ก่อนที่ลูคัสจะหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปยังองอาจทันที
“คุณ..” เด็กสาวจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร เธอยังคงจำเขาได้ดี ผู้ชายที่ชนกับเธอในวันนั้น
“กูบอกให้ปล่อยเธอ” ลูคัสขบกรามแน่นพลางเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
องอาจมองกระบอกปืนสีดำเงาวับในมือของชายหนุ่มที่กำลังเล็งมาที่เขา ทั้งสายตาและท่าทางของลูคัส ทำให้ชายแก่รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเขาเป็นคนที่เอาจริงแน่ๆ เพราะไม่งั้นชายคนนี้คงไม่กล้ามาทำตัวเหนือกฎหมายอยู่แบบนี้หรอก
“ปล่อยแล้วๆ” ชายแก่ปล่อยมือออกจากไหล่แบบบางของชาลิสาอย่างอ้อยอิ่ง
“ลงมา” ลูคัสขยับปืนเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้ชายแก่ลงมาจากรถตู้ที่มีกระจกแตกเต็มไปหมด
องอาจไม่รอช้า เขารีบเอื้อมมือไปเลื่อนประตูรถตู้และก้าวลงมาจากรถอย่างช้าๆ เขาหันไปมองรอบๆ ลานจอดรถ ก็พบว่าคนขับรถของตัวเองนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น โดยมีชายชุดดำอีกคนหนึ่งกำลังใช้กระบอกปืนสีดำเงาจ่อหัวคนขับรถของตัวเองอยู่ องอาจเดินลงมาจากรถและยืนอยู่ด้านข้างรถด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ลงไปเล็กน้อย
“มานี่มา” ชายหนุ่มบอกกล่าวกับเด็กสาวที่นั่งเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนรถตู้ในตอนนี้ ลูคัสใช้ปลายกระบอกปืนหันไปตามร่างของชายแก่
ชาลิสาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี ทั้งเกือบจะโดนคนแก่ขมขื่น ทั้งมีกระบอกปืนอยู่ด้านหน้าของเธอ ทุกอย่างมันดูป่าเถื่อนและรุนแรงไปหมดจนเด็กน้อยแบบเธอไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“ไม่ต้องกลัวนะ ลงมาเถอะ เราต้องรีบไปกันแล้ว” เสียงปลอบประโลมของลูคัสดังขึ้นมา ทำให้เด็กสาวรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
ชาลิสามองดูกระจกที่แตกตรงพื้นรถกับพื้นลานจอดรถชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ขยับกายแล้วลงมาจากรถตู้ด้วยความระมัดระวัง ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปด้านหน้าเพื่อให้เด็กสาวจับ ชาลิสาไม่ได้คิดอะไร เธอจึงเอื้อมมือบางมาจับมือของลูคัสเอาไว้แน่น
ลูคัสยังคงใช้ปลายกระบอกปืนเล็งเอาไว้ที่ชายแก่ จนกระทั่งเด็กสาวก้าวออกมาจากรถเรียบร้อยแล้ว ลูคัสปรายตามองเด็กสาวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตวัดสายตาคมกริบดุดันไปมองชายแก่ต่อ องอาจสะดุ้งกับสายตาที่ดูน่าเกรงขามของลูคัส ก่อนที่เสียงของลูคัสจะเอ่ยขึ้นมา
“มึงเคลียร์เรื่องกล้องวงจรปิดให้เรียบร้อยด้วย เสียเงินเท่าไหร่ก็จ่ายไป” ชายหนุ่มบอกกล่าวกับคนสนิทที่ยืนถือกระบอกปืนจ่อหัวของคนขับรถขององอาจอยู่
“ครับนาย” อีวานตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเย็นชา
ลูคัสจับมือบางของเด็กสาวเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดึงเธอไปยังรถของเขา โดยที่มือแกร่งอีกข้างยังคงเล็งปลายกระบอกปืนไปหาองอาจอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งพวกเขาไปถึงรถคันหรูสีดำเงา
“ขึ้นรถไป” เสียงทุ้มบอกกล่าวเธอ
“แต่ว่า…” ชาลิสายังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่หาย
“เชื่อใจฉันเถอะนะ” ชายหนุ่มปลอบประโลมเธออีกครั้งหนึ่ง ทำให้ชาลิสาปล่อยมือชายหนุ่มและเอื้อมมือไปเปิดประตูรถข้างคนขับออก จากนั้นเด็กสาวขึ้นไปนั่งบนรถทันที เมื่อลูคัสเห็นว่าสาวน้อยขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงปิดประตูรถให้กับเธอ
“มึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นใคร” ชายแก่เอ่ยออกมาอย่างใจดีสู้เสือ
“แล้วมึงไม่รู้หรือไง…ว่ากูเป็นใคร” ลูคัสจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดัน องอาจจึงเงียบลงไปทันที
ลูคัสไม่ได้สนใจชายแก่อีกต่อไป เขามองซ้ายมองขวาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเริ่มมีคนเดินมาดูเหตุการณ์แล้ว เขาจึงรีบวิ่งอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับและขับรถออกไปจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าลูคัสเชื่อใจอีวานมากที่สุด เขาเชื่อว่าอีวานจะจัดการทุกอย่างให้เงียบราวกับว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาเลย
ชายหนุ่มขับรถออกมาเรื่อยๆ ดวงตาคมกริบมองข้างหน้ารถอยู่สักพักหนึ่ง เขายังไม่รู้ว่าจะพาเด็กสาวไปไหน แต่ลูคัสอยากพาเธอออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้นให้ได้เร็วที่สุดก่อน ทว่าในตอนที่ชายหนุ่มขับรถออกมาได้ไม่นานสักเท่าไหร่ เขาก็ได้ยินเสียงของเด็กสาวด้านข้างคนขับที่เหมือนจะมีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา
“ฮึกๆ ฮือออ”
“ร้องไห้เหรอ” ชายหนุ่มหันมามองเธอเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับไปมองยังด้านหน้าของรถต่อ เด็กสาวไม่ได้ตอบกลับอะไรออกมา ลูคัสจึงขับรถไปหาปั๊มเพื่อที่จะจอดรถคุยกับเธอก่อน
ไม่นานสักเท่าไหร่ รถคันหรูสีดำเงาก็มาถึงปั๊มน้ำมันแห่งนี้ที่อยู่ใกล้ที่สุด เด็กสาวยังคงสะอึกสะอื้นอยู่เล็กน้อย ถึงเธอจะไม่ได้ร้องไห้เสียงดังมากนักแต่ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่
“ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี้แล้ว ไม่ต้องกลัว” ชายหนุ่มจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันไปมองหญิงสาวพร้อมกับมือแกร่งเลื่อนไปลูบไล้แบบบางอย่างแผ่วเบา
ชาลิสาไม่ได้รู้สึกรังเกียจชายหนุ่มเหมือนกับสัมผัสจากชายแก่ก่อนหน้านี้ เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นมาปาดน้ำตาของตัวเองออกอย่างลวกๆ
“เล่าให้ฉันฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยทำกับใครมาก่อน
“คือ…” เด็กสาวกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ถ้าเธอไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องเล่านะ”
“เปล่าค่ะ” ชาลิสารีบปฏิเสธทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่สะดวกที่จะบอกชายหนุ่ม แต่เธอแค่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรกับสถานการณ์แย่ๆ ที่เธอเพิ่งจะได้เผชิญมา
“แม่เลี้ยงของฉันเป็นหนี้กาสิโนค่ะ” สาวน้อยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเธอก็เลือกที่จะบอกชายหนุ่มที่ช่วยเธอเอาไว้อย่างตรงไปตรงมา
“ท่านบอกว่าจะมาคุยกับผู้ชายคนนั้นเรื่องเงินค่ะ แต่อยู่ดีๆ แม่เลี้ยงของสาก็กลับไปก่อน แล้วก็ให้สากลับกับท่านค่ะ แล้วจากนั้น…” ชาลิสาเอ่ยต่อ
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ โอเค ไม่ต้องเล่าต่อแล้ว” ลูคัสรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้อยากเล่าในส่วนต่อจากนั้นอีก แต่แค่ที่เด็กสาวเล่ามา เขาก็พอจะปะติดปะต่อทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแล้ว จากที่เขายังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ ตอนนี้เขาก็แน่ใจกับทุกอย่างแล้วล่ะ
“แล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มมองสำรวจร่างอรชรของเด็กสาววัยกำลังโต
“ไม่ค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะสำหรับวันนี้”
“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“สาก็ยังไม่รู้เลยค่ะ” เสียงหวานตอบกลับอย่างสิ้นหวัง เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อไป
“หิวไหม” ชายหนุ่มเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยกับเธอ เพราะกลัวว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ” ชาลิสาตอบกลับพลางส่งยิ้มให้เขาเบาๆ
“รออยู่นี้ก่อน” ลูคัสปล่อยมือออกจากไหล่แบบบาง เขาไม่ได้รอให้เด็กสาวตอบกลับอะไรมา ชายหนุ่มหันหลังกลับไปและเปิดประตูรถลงไปทันที
ย้อนไปก่อนหน้านี้ร่างกำยำของลูคัสสวมเสื้อเชิ้ตนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานภายในโรงพยาบาลของตัวเอง เขาใจจดใจจ่อกับเอกสารในแฟ้มตรงหน้าอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพร้อมกับอีวานที่เปิดแง้มประตูห้องเข้ามา อีวานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของลูคัส“นายครับ…ประวัติของผู้หญิงที่นายให้ผมไปสืบมาครับ” อีวานเอ่ยพลางยื่นแฟ้มเอกสารสีดำวางไว้บนโต๊ะให้เจ้านาย ลูคัสจึงเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มขึ้นมาและเปิดอ่านทันที “ชาลิสา” ลูคัสพึมพำชื่อของหญิงสาวออกมาเบาๆ ตั้งแต่วันนั้นที่เขาชนเข้ากับเธอ เขาก็รู้สึกถูกใจเธอมากๆ เขาไม่สามารถเอาผู้หญิงคนนั้นออกไปจากสมองของตัวเองได้ บางวันเขาก็ต้องมาสำเร็จความใคร่ด้วยมือของตัวเองเมื่อเขานึกถึงเธอ ลูคัสเพิ่งจะเข้าใจคำว่ารักแรกพบก็ตอนที่พบกับนักศึกษาคนนี้นี่แหละ“ครอบครัวเธอติดพนันเหรอ” ชายหนุ่มอ่านประวัติของเธอไปเรื่อยๆ พลางเอ่ยถามคนสนิทขึ้นมา “ไม่ใช่แม่แท้ๆ ครับ…เป็นแม่เลี้ยงกับลูกติดครับ” อีวานตอบกลับเจ้านาย ลูคัสครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ ก็พบว่ากาสิโนที่พวกมันไปเล่น ก็คือกาสิโนของเขาเอง ดีเลย! แบบนี้เขาจะได้ทำอะไรง่ายยิ่งขึ้น“ทำให้พวกมันเป็นหนี้
หนึ่งปีต่อมา“พ่อกับแม่ถึงไหนแล้ว…เพิ่งลงเครื่องเหรอครับ…ครับ” เสียงทุ้มทรงพลังของลูคัสเอ่ยกับปลายสาย เขายืนอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ที่ตอนนี้กลายเป็นสนามเด็กเล่นไปเรียบร้อยแล้ว ลูคัสยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมือเดียวพลางแนบโทรศัพท์ตรงใบหูเพื่อคุยโทรศัพท์กับพ่อของตัวเอง เมื่อคุยเสร็จลูคัสก็กดวางสายไปทันที“พ่อแม่ลงเครื่องแล้ว…กำลังตรงมาที่คฤหาสน์” ลูคัสหันมาบอกกล่าวกับภรรยา ก่อนที่เขาจะเดินมาย่อตัวนั่งลงข้างๆ ชาลิสา“ค่ะ” เสียงหวานของชาลิสาตอบกลับสามีสั้นๆ เธอนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง บนอ้อมแขนของชาลิสามีเด็กชายแก้มยุ่ยๆ นอนมองเธอตาแป๋ว “เซบาสเตียน…คุณปู่คุณย่ากำลังจะมาหาแล้วนะลูก” ชาลิสาก้มลงเอ่ยกับลูกชายวัยสี่เดือนนิดๆ ถึงแม้ว่าเขายังไม่รู้เรื่อง แต่เธอก็มักจะพูดคุยกับลูกชายตลอด มือบางยกขึ้นมาลูบไล้แก้มขาวอมชมพูของเด็กน้อย“คุณหนูคะ” เสียงของณัฐวดีเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับร่างหญิงสาวที่เดินตรงมาหยุดอยู่หน้าของเจ้านายทั้งสองคน“มีอะไรหรือเปล่าคะป้าณัฐ” ชาลิสาเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงแก่ ปกติณัฐวดีจะประจำอยู่ที่บ้านของชาลิสา แต่เมื่อชาลิสาคลอดลูกชายออกมาได้ หญิงแก่ก็ขอมาดูแลคุณชายที่คฤหาสน์ทันที“คุณใบเฟิร
“สวัสดีค่ะท่านลูคัส…ยินดีต้อนรับนะคะมาดาม” เสียงของแม่บ้านทักทายลูคัสกับชาลิสาที่กำลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลโลรองต์ ข้างหลังของคู่สามีภรรยาป้ายแดงมีเหล่าบอดี้การ์ดที่ถือกระเป๋ามาให้หญิงสาวสามสี่ใบ สาวใช้ยืนเรียงรายอยู่ตรงประตูทางเข้าเพื่อรอรับเจ้านายอย่างเป็นระเบียบผ่านมาสามวันหลังจากงานแต่งงานของพวกเขา ชาลิสาคุยกับณัฐวดีเมื่อวานนี้ เพื่อที่จะให้หญิงแก่มาอยู่ที่คฤหาสน์ด้วยกัน แต่ทว่าหญิงแก่ก็ไม่อยากมาเพราะการเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ชาลิสากับลูคัสจึงได้ข้อสรุปว่าควรพาณัฐวดีไปส่งที่บ้านของชาลิสา เพื่อให้สาวใช้คนสนิทของเธอเป็นหูเป็นตาและดูแลคนในบ้านของหญิงสาวด้วย พวกเขาจึงจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะย้ายเข้ามาที่คฤหาสน์คู่สามีภรรยาป้ายแดงเดินเคียงข้างกันมาที่ห้องโถงใหญ่เพราะลูคัสคาดว่าพ่อแม่ต้องอยู่ในห้องนี้อย่างแน่นอน“มากันแล้วเหรอ” เสียงชายแก่พูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชาลิสากับลูคัสเดินเข้ามาในห้องโถง“นั่งลงก่อนๆ” ลูตินนั่งอยู่บนโซฟาข้างภรรยาเอ่ยต่อ ลูคัสจึงดันแผ่นหลังแบบบางของชาลิสาให้เดินไปทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับพ่อแม่“พ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ…ในเมื่อพวกแกมาอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว…พ
ชาลิสามองลูคัสที่คืบคลานมาหาเธอตาปริบๆ มารู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอและเริ่มไต่มาคร่อมร่างเธอเอาไว้แล้ว ชาลิสาเอนกายไปด้านหลังอย่างช้าๆ เพราะร่างกำยำที่โน้มลงมาใกล้เธอมากยิ่งขึ้น“พี่ไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ” เสียงหวานของชาลิสาเอ่ยถาม“ก็เหนื่อยครับ” ลูคัสตอบกลับ“งั้นเรานะ…อืออ” ยังไม่ทันที่ชาลิสาจะเอ่ยจบประโยค เรียวปากหยักหนาฉกจูบลงบนเรียวปากเล็กอย่างรวดเร็วลิ้นสากร้อนแทรกเข้าไปตวัดพัวพันลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะอยู่ในพิธีมาตลอดทั้งวัน แต่ผิวเนื้อของเธอก็ยังคงหอมหวานอยู่เหมือนเดิม ยิ่งเหงื่อหญิงสาวออกมันยิ่งทำให้กลิ่นของเธอชัดมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มทาบทับลงไปเรื่อยๆ จนหญิงสาวเอนกายลงไปนอนราบกับที่นอนลิ้นร้ายควานหาความหอมหวานจากอุ้งปากเล็กอยู่สักพัก ก่อนที่เรียวปากหยักจะค่อยๆ ละริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าสวยคมของภรรยาอยู่ชั่วครู่ มือแกร่งเลื่อนมาจับใบหน้าเธอ ก่อนที่เขาจะจุมพิตลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างแผ่วเบาเขายืดกายนั่งตัวตรง ก่อนที่มือแกร่งเลื่อนลงไปถอดชุดเจ้าสาวออกอย่างช้าๆ ไม่กี่นาทีต่อมาชุดเจ้าสาวแสนสวยก็หลุดออกไปจากร่างอรชร ชายห
เสียงดนตรีบรรเลงเปิดขึ้นเบาๆ บรรยากาศงานแต่งงานริมทะเลที่ตกแต่งโทนสีขาวผ้าพลิ้วไสวเข้ากับทะเลและหาดทรายสีขาว ภายในงานถูกตกแต่งด้วยกุหลาบสีชมพูกับขาวสลับกันดูสวยงาม ชาลิสาสวมชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาดุจดั่งนางฟ้าเดินดิน ร่างอรชรสวยสง่าก้าวเดินไปตามพรมที่ปูยาวไปจนถึงแท่นทำพิธีที่ฉากเบื้องหลังเป็นทะเลสีฟ้าครามที่มีชายหนุ่มสวมชุดสูทและแต่งทรงผมดูเรียบร้อยกว่าปกติชาลิสามองว่าที่เจ้าบ่าวที่อยู่ตรงสุดทางเดินพรมแดงด้วยสายตาเปล่งประกาย ลูคัสราวกับเทพเจ้าหล่อเหลาสง่างามที่หลุดออกมาในเทพนิยาย เรียวขาสวยย่างกรายตรงไปหาเจ้าบ่าวของเธออย่างช้าๆ แขกเหรื่อทั้งสองฝั่งของพรมแดงมองหญิงสาวที่กำลังก้าวอย่างชื่นชมในความงดงามของเธอลูคัสมองร่างอรชรในชุดเจ้าสาวตาไม่กะพริบ โดยปกติชาลิสาก็ดูสวยสดอยู่แล้ว แต่ทว่าในวันนี้หญิงสาวยิ่งดูสวยสง่าและมีเสน่ห์มากๆ เขามองตามร่างเล็กจนกระทั่งเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาและบาทหลวง ใบเฟิร์นกับฟีลิกซ์รับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพื่อนทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหลังของคู่บ่าวสาวของงานในวันนี้“สวยมาก” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพลางเลื่อนมือไปจับมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้าง“ขอบคุณค่ะ วั
หลายวันต่อมา“ครับ…ผมรู้แล้วครับพ่อ…เรื่องร้านชุดแต่งงานผมจัดการแล้ว” เสียงของลูคัสคุยโทรศัพท์กับบิดาตัวเองอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นบนเพนท์เฮาส์หรู ชาลิสากำลังเก็บจานช่วยณัฐวดีเพราะพวกเขาเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จ หลังจากวันที่ลูคัสขอชาลิสาแต่งงาน ชายหนุ่มก็โทรไปบอกกล่าวกับพ่อแม่ทันที ซึ่งพวกท่านก็ดีใจมากๆ แต่อีกอย่างหนึ่งที่เขาแอบทำไว้ก็คือการ์ดงานแต่งงาน เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวจะตอบตกลงหรือเปล่า แต่เขาก็สั่งทำการ์ดแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว และตั้งแต่ที่ลูคัสแจ้งเรื่องที่เขาขอชาลิสาแต่งงานแล้ว ลูตินเอาแต่โทรมาหาเขาและสอบถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด ชายแก่โทรมาทุกวันจนเขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย“คุณพ่อว่าไงบ้างคะ” หญิงสาวเก็บจานเก็บโต๊ะจนเสร็จสรรพ เธอก็เดินมาย่อตัวนั่งลงบนโซฟาข้างกายชายหนุ่ม มือแกร่งเลื่อนมาแตะต้นขาหญิงสาวเอาไว้ทันที“ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ ให้พี่เร่งหาร้านชุดแต่งงาน แล้วก็หาที่จัดงานแต่งงานด้วย” เขาหันมาตอบกลับชาลิสา“ไม่เห็นจะต้องเร่งเลยค่ะ” เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้ดูทำอะไรรีบร้อนไปหมดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าชาลิสาจะรู้สึกดี แต่เธอก็ไม่ได้อยากจะให้ลูคัสเหนื่อยมากจนเกินไป“พวก







