LOGINยังไม่ทันที่ชาลิสาจะตอบกลับอะไรออกไป สิ้นเสียงองอาจ เสียงของบางอย่างที่แตกกระจายก็ดังขึ้นมา ทำให้ชายแก่กับเด็กสาวหันขวับไปมองยังต้นต่อของเสียงทันที
เพล้ง!!
“กรี้ดดด!” ชาลิสากรีดร้องขึ้นมาสุดเสียงด้วยความตื่นตกใจอีกครั้ง
“อะไรวะ!” และตามมาด้วยเสียงของชายแก่
ทั้งสองคนหันหน้ามามองยังต้นตอของเสียงนั้น และพวกเขาก็พบว่ากระจกตรงประตูเลื่อนมันแตกลงไปเรียบร้อยแล้ว องอาจเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ ชายแก่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าทำกับเขาได้ขนาดนี้
ชายแก่มองออกไปด้านนอกรถ เขาเห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนถือถังดับเพลิงอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าถังดับเพลิงนั่นแหละที่ชายหนุ่มคนนั้นใช้มันทุบกระจกรถตู้ของเขา
“มึงเป็นใคร!!” องอาจเอ่ยถามออกไปเสียงดัง
“ปล่อยเธอ” ลูคัสไม่ตอบกลับคำถามของชายแก่ เขาปล่อยมือจากถังดับเพลิง ทำให้ถังใหญ่ร่วงลงไปกระแทกกับพื้นลานจอดรถเสียงดัง ก่อนที่ลูคัสจะหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปยังองอาจทันที
“คุณ..” เด็กสาวจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร เธอยังคงจำเขาได้ดี ผู้ชายที่ชนกับเธอในวันนั้น
“กูบอกให้ปล่อยเธอ” ลูคัสขบกรามแน่นพลางเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
องอาจมองกระบอกปืนสีดำเงาวับในมือของชายหนุ่มที่กำลังเล็งมาที่เขา ทั้งสายตาและท่าทางของลูคัส ทำให้ชายแก่รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเขาเป็นคนที่เอาจริงแน่ๆ เพราะไม่งั้นชายคนนี้คงไม่กล้ามาทำตัวเหนือกฎหมายอยู่แบบนี้หรอก
“ปล่อยแล้วๆ” ชายแก่ปล่อยมือออกจากไหล่แบบบางของชาลิสาอย่างอ้อยอิ่ง
“ลงมา” ลูคัสขยับปืนเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้ชายแก่ลงมาจากรถตู้ที่มีกระจกแตกเต็มไปหมด
องอาจไม่รอช้า เขารีบเอื้อมมือไปเลื่อนประตูรถตู้และก้าวลงมาจากรถอย่างช้าๆ เขาหันไปมองรอบๆ ลานจอดรถ ก็พบว่าคนขับรถของตัวเองนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น โดยมีชายชุดดำอีกคนหนึ่งกำลังใช้กระบอกปืนสีดำเงาจ่อหัวคนขับรถของตัวเองอยู่ องอาจเดินลงมาจากรถและยืนอยู่ด้านข้างรถด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ลงไปเล็กน้อย
“มานี่มา” ชายหนุ่มบอกกล่าวกับเด็กสาวที่นั่งเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนรถตู้ในตอนนี้ ลูคัสใช้ปลายกระบอกปืนหันไปตามร่างของชายแก่
ชาลิสาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี ทั้งเกือบจะโดนคนแก่ขมขื่น ทั้งมีกระบอกปืนอยู่ด้านหน้าของเธอ ทุกอย่างมันดูป่าเถื่อนและรุนแรงไปหมดจนเด็กน้อยแบบเธอไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“ไม่ต้องกลัวนะ ลงมาเถอะ เราต้องรีบไปกันแล้ว” เสียงปลอบประโลมของลูคัสดังขึ้นมา ทำให้เด็กสาวรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
ชาลิสามองดูกระจกที่แตกตรงพื้นรถกับพื้นลานจอดรถชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ขยับกายแล้วลงมาจากรถตู้ด้วยความระมัดระวัง ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปด้านหน้าเพื่อให้เด็กสาวจับ ชาลิสาไม่ได้คิดอะไร เธอจึงเอื้อมมือบางมาจับมือของลูคัสเอาไว้แน่น
ลูคัสยังคงใช้ปลายกระบอกปืนเล็งเอาไว้ที่ชายแก่ จนกระทั่งเด็กสาวก้าวออกมาจากรถเรียบร้อยแล้ว ลูคัสปรายตามองเด็กสาวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตวัดสายตาคมกริบดุดันไปมองชายแก่ต่อ องอาจสะดุ้งกับสายตาที่ดูน่าเกรงขามของลูคัส ก่อนที่เสียงของลูคัสจะเอ่ยขึ้นมา
“มึงเคลียร์เรื่องกล้องวงจรปิดให้เรียบร้อยด้วย เสียเงินเท่าไหร่ก็จ่ายไป” ชายหนุ่มบอกกล่าวกับคนสนิทที่ยืนถือกระบอกปืนจ่อหัวของคนขับรถขององอาจอยู่
“ครับนาย” อีวานตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเย็นชา
ลูคัสจับมือบางของเด็กสาวเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดึงเธอไปยังรถของเขา โดยที่มือแกร่งอีกข้างยังคงเล็งปลายกระบอกปืนไปหาองอาจอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งพวกเขาไปถึงรถคันหรูสีดำเงา
“ขึ้นรถไป” เสียงทุ้มบอกกล่าวเธอ
“แต่ว่า…” ชาลิสายังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่หาย
“เชื่อใจฉันเถอะนะ” ชายหนุ่มปลอบประโลมเธออีกครั้งหนึ่ง ทำให้ชาลิสาปล่อยมือชายหนุ่มและเอื้อมมือไปเปิดประตูรถข้างคนขับออก จากนั้นเด็กสาวขึ้นไปนั่งบนรถทันที เมื่อลูคัสเห็นว่าสาวน้อยขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงปิดประตูรถให้กับเธอ
“มึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นใคร” ชายแก่เอ่ยออกมาอย่างใจดีสู้เสือ
“แล้วมึงไม่รู้หรือไง…ว่ากูเป็นใคร” ลูคัสจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดัน องอาจจึงเงียบลงไปทันที
ลูคัสไม่ได้สนใจชายแก่อีกต่อไป เขามองซ้ายมองขวาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเริ่มมีคนเดินมาดูเหตุการณ์แล้ว เขาจึงรีบวิ่งอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับและขับรถออกไปจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าลูคัสเชื่อใจอีวานมากที่สุด เขาเชื่อว่าอีวานจะจัดการทุกอย่างให้เงียบราวกับว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาเลย
ชายหนุ่มขับรถออกมาเรื่อยๆ ดวงตาคมกริบมองข้างหน้ารถอยู่สักพักหนึ่ง เขายังไม่รู้ว่าจะพาเด็กสาวไปไหน แต่ลูคัสอยากพาเธอออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้นให้ได้เร็วที่สุดก่อน ทว่าในตอนที่ชายหนุ่มขับรถออกมาได้ไม่นานสักเท่าไหร่ เขาก็ได้ยินเสียงของเด็กสาวด้านข้างคนขับที่เหมือนจะมีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา
“ฮึกๆ ฮือออ”
“ร้องไห้เหรอ” ชายหนุ่มหันมามองเธอเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับไปมองยังด้านหน้าของรถต่อ เด็กสาวไม่ได้ตอบกลับอะไรออกมา ลูคัสจึงขับรถไปหาปั๊มเพื่อที่จะจอดรถคุยกับเธอก่อน
ไม่นานสักเท่าไหร่ รถคันหรูสีดำเงาก็มาถึงปั๊มน้ำมันแห่งนี้ที่อยู่ใกล้ที่สุด เด็กสาวยังคงสะอึกสะอื้นอยู่เล็กน้อย ถึงเธอจะไม่ได้ร้องไห้เสียงดังมากนักแต่ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่
“ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี้แล้ว ไม่ต้องกลัว” ชายหนุ่มจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันไปมองหญิงสาวพร้อมกับมือแกร่งเลื่อนไปลูบไล้แบบบางอย่างแผ่วเบา
ชาลิสาไม่ได้รู้สึกรังเกียจชายหนุ่มเหมือนกับสัมผัสจากชายแก่ก่อนหน้านี้ เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นมาปาดน้ำตาของตัวเองออกอย่างลวกๆ
“เล่าให้ฉันฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยทำกับใครมาก่อน
“คือ…” เด็กสาวกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ถ้าเธอไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องเล่านะ”
“เปล่าค่ะ” ชาลิสารีบปฏิเสธทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่สะดวกที่จะบอกชายหนุ่ม แต่เธอแค่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรกับสถานการณ์แย่ๆ ที่เธอเพิ่งจะได้เผชิญมา
“แม่เลี้ยงของฉันเป็นหนี้กาสิโนค่ะ” สาวน้อยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเธอก็เลือกที่จะบอกชายหนุ่มที่ช่วยเธอเอาไว้อย่างตรงไปตรงมา
“ท่านบอกว่าจะมาคุยกับผู้ชายคนนั้นเรื่องเงินค่ะ แต่อยู่ดีๆ แม่เลี้ยงของสาก็กลับไปก่อน แล้วก็ให้สากลับกับท่านค่ะ แล้วจากนั้น…” ชาลิสาเอ่ยต่อ
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ โอเค ไม่ต้องเล่าต่อแล้ว” ลูคัสรับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้อยากเล่าในส่วนต่อจากนั้นอีก แต่แค่ที่เด็กสาวเล่ามา เขาก็พอจะปะติดปะต่อทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแล้ว จากที่เขายังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ ตอนนี้เขาก็แน่ใจกับทุกอย่างแล้วล่ะ
“แล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มมองสำรวจร่างอรชรของเด็กสาววัยกำลังโต
“ไม่ค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะสำหรับวันนี้”
“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“สาก็ยังไม่รู้เลยค่ะ” เสียงหวานตอบกลับอย่างสิ้นหวัง เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อไป
“หิวไหม” ชายหนุ่มเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยกับเธอ เพราะกลัวว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ” ชาลิสาตอบกลับพลางส่งยิ้มให้เขาเบาๆ
“รออยู่นี้ก่อน” ลูคัสปล่อยมือออกจากไหล่แบบบาง เขาไม่ได้รอให้เด็กสาวตอบกลับอะไรมา ชายหนุ่มหันหลังกลับไปและเปิดประตูรถลงไปทันที
“วันนี้…เราจะไปจัดการทุกอย่างด้วยกัน” ทุกคำพูดของชายหนุ่มดูหนักแน่นและจริงจังกว่าทุกครั้ง มือแกร่งกอดรัดหญิงสาวเข้ามาหาแผงอกกำยำของตัวเอง เขาใช้วงแขนแกร่งอีกข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้ลำคอระหง ชายหนุ่มนอนกอดรัดร่างอรชรเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากเขา “สาไม่อยากให้พี่ต้องทะเลาะกับครอบครัวค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยสายตาที่วูบไหว เธอสับสนกับความรู้สึกและความคิดของตัวเองในตอนนี้มากๆ มากจนเธอคิดอะไรไม่ออก“ครอบครัวของพี่คือสา” เสียงทุ้มพูดต่ออย่างนุ่มลึก เขาเว้นประโยคชั่วครู่เพื่อดูปฏิกิริยาของหญิงสาว ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อ“ที่ผ่านมา…พ่อของพี่ไม่เคยถามเลยว่าพี่ต้องการอะไร เขาชอบจัดแจงและบงการชีวิตพี่ทุกอย่าง พี่ไม่เคยได้เป็นตัวเองและมีความสุขจริงๆ เลยสักครั้ง จนกระทั่งพี่มาเจอสานี่แหละ พี่ชอบสาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”“…” ชาลิสาไตร่ตรองคำพูดของชายหนุ่ม เธอพยายามชั่งน้ำหนักคำพูดของเขา แต่เธอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา “เชื่อพี่สักครั้งนะ” ลูคัสเว้าวอนหญิงสาวอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นสายตาที่อ่อนยวบลงของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาสักนิดแล้ว“แป๊บหนึ่งนะ” ลูคัสบอกกล่าวกับเธอ ก่อนที่เขาจะค
ทั้งสองคนนิ่งเงียบและมองสบตากันด้วยสายตาที่ดูเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ ลูคัสเองก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเช่นกัน เขาคิดว่าหลังจากที่เขาคุยกับโอลิเวียแล้ว เขาก็จะไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ต่อ เพราะเขาไม่ต้องการที่จะหมั้นหมายหรือแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก จริงอยู่ที่ว่า เมื่อก่อนนี้เขาเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่ในตอนนี้เขามีชาลิสาแล้ว เขาอยากอยู่กับเธอ และคนเดียวที่เขาจะแต่งงานด้วยก็คือเธอ“งั้นเราก็พอกันแค่นี้เถอะค่ะ สาไม่รู้มาก่อนว่าพี่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว” เสียงหวานสั่นเครือ เธอฝืนพูดแบบนี้เพราะไม่อยากเป็นคนที่ทำผิดศีลธรรม“ไม่! พี่ปล่อยสาไปไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มจับไหล่แบบบางเอาไว้ทั้งสองข้าง จะให้เขาทำอะไรก็ได้ แต่เขาไม่ยอมเสียชาลิสาไปเด็ดขาด“แต่พี่มีคู่หมั้นอยู่แล้วนะคะ สาไม่มีทางเป็นคนที่ทำร้ายชีวิตใครเด็ดขาดค่ะ” “ชาลิสา เรื่องคู่หมั้น มันเป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่ที่เขาคุยกันไว้นะ พี่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลย”“พอเถอะค่ะ” หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นมาและพยายามที่จะจับมือแกร่งออกไปจากไหล่ของเธอ แต่เนื่องจากว่าเสียงเอะอะโวยวายของพวกเขาทั้งสองคนที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนแก่ตำแ
ร่างอวบอิ่มที่สวมชุดนักศึกษาเดินออกมาจากด้านในของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอกอดอกของตัวเองเอาไว้หลวมๆ พลางลูบแขนตัวเองเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบประโลมตัวเอง ดวงตากลมโตของชาลิสาดูสั่นไหวและสับสนหญิงสาวเดินย่างกรายออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอออกมาจากมหาวิทยาลัย อีวานยืนอยู่ข้างรถยนต์คันหรูเพื่อรอเปิดประตูรถให้ชาลิสาอยู่“ทำไมถึงออกมาช้าจังเลยครับ” คนสนิทของลูคัสเอ่ยถามทันที เมื่อชาลิสาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา“พอดีว่าสาแวะเข้าห้องน้ำค่ะ” เสียงหวานที่สั่นเครือ ดูพยายามปรับให้เป็นปกติ แต่ใบหน้าของหญิงสาวดูซีดเผือดและมีเหงื่อผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ หน้าดูซีดๆ นะครับ” อีวานสังเกตเห็นและถามหญิงสาวขึ้นมา“ไม่ค่ะ”“ครับ…ขึ้นรถเถอะครับ เจ้านายให้ไปรออยู่ที่ร้านอาหารเลยครับ เดี๋ยวเจ้านายจะตามไป” พูดจบ อีวานเอื้อมมือไปเปิดประตูให้หญิงสาวทันที“ค่ะ” ชาลิสาตอบกลับลูกน้องของลูคัสด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นรถไป นักศึกษาสาวนั่งอยู่บนรถพลางครุ่นคิดถึงคำพูดที่ชายแก่เอ่ยกับเธอก่อนหน้านี้“ลูคัส…มีคู่หมั้นอยู่แล้ว” “คะ?” ดวงตากลมโตของเธอสั่นระริก“ฉันบอกเธอแค่นี้แห
คฤหาสน์ตระกูลโลรองต์ชายแก่ร่างกำยำนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวนของคฤหาสน์ที่เขียวขจีไปด้วยหญ้าสีสดใส อากาศในช่วงเช้าของวัน ช่างดูลมลื่นและเย็นสบายจากลมที่พัดผ่านมา อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดที่ลอยมากับลม ภายในสวนมีศาลาสีขาวที่พวกเขาเอาไว้นั่งจิบชาชิลๆ อยู่ท่ามกลางสวนสีสันสดใส แต่ทว่าอารมณ์ของลูตินก็ไม่ได้ดูจะสดใสเหมือนกับอากาศสักเท่าไหร่ใบหน้าของลูตินดูเคร่งขรึมและเป็นกังวลเล็กน้อย ถึงเขาจะอายุมากแล้วแต่ใบหน้าของเขาก็ยังไม่ได้ดูแก่มากเท่าที่ควร มือสากยกแก้วชาขึ้นมาจิบเบาๆ ในขณะเดียวกันภรรยาคนสวยของเขาก็เดินย่อตัวนั่งลงตรงข้ามเก้าอี้ของลูตินนันท์นพินมองหน้าของสามีด้วยความสงสัย เธอเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของลูติน จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานปนสงสัยเล็กน้อย“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ลูตินเบี่ยงสายตามาสบตากับภรรยาคนสวยอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะอ้าปากบอกกล่าวกับภรรยากับสิ่งที่เขาเพิ่งจะได้ยินมา “โอลิเวียบอกว่าเมื่อวานที่ไปกินข้าวกับลูคัสมา…ลูคัสขอให้เธอมาคุยกับพวกเราเรื่องที่จะไม่หมั้นและไม่แต่งงานแล้ว” เมื่อคืนนี้ หลังจากดินเนอร์ของลูคัสกับโอลิเวียจบลง สาวผมทองก็รีบโทรมาเล่าเรื่อง
วันต่อมา@ร้านอาหารสุดหรูหราบนตึกสูงลูคัสเดินเข้ามาภายในร้านอาหารสุดหรูหราพร้อมกับโอลิเวีย เป็นเวลาสองทุ่มของวัน ชายหนุ่มไปรับโอลิเวียที่บ้านของเธอตามที่บอกกล่าวกับพ่อของตัวเองก็เพื่อที่จะพูดคุยกับโอลิเวียให้เข้าใจตรงกันกับเขา เขาอยากจะสะสางทุกอย่างให้ลงตัวเสียทีเมื่อวานนี้ หลังจากที่จัดการเรื่องที่บ้านของชาลิสาเสร็จสรรพแล้ว เขาพาชาลิสากลับเพนท์เฮาส์ทันที และช่วงเช้าชายหนุ่มก็ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยตามปกติ แต่ช่วงเย็นเขาไม่ได้ไปรับเธอเพราะเขาต้องรีบเคลียร์งานที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จเสียก่อน“สวัสดีค่ะ มากี่ท่านคะ” เสียงพนักงานดังขึ้นมา ปลุกให้ลูคัสตื่นจากภวังคจิต ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่กับโอลิเวีย แต่เขาก็ยังคงคิดถึงชาลิสาอยู่ตลอดเวลา“สอง” ชายหนุ่มตอบกลับพนักงานสาวไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“เชิญตามดิฉันมาได้เลยค่ะ” สิ้นเสียงพนักงานสาว เธอจึงผายมือและเดินนำลูคัสกับโอลิเวียไปยังโต๊ะที่ว่างสำหรับสองที่นั่ง“ดีใจจังเลยนะคะที่ได้มาทานอาหารเย็นด้วยกันแบบนี้” โอลิเวีย สาวผมทองเดินเคียงคู่มากับลูคัส เธอยิ้มกว้างออกมาด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุขต่างกับชายหนุ่มที่หน้านิ่งไร้ความรู้สึก หญิงสาวพยายามจะเลื่อน
วันต่อมา ลูคัสกับชาลิสาตื่นมาในห้องพักด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งคู่ ลูคัสพาหญิงสาวไปทานอาหารเช้าและไปเดินเล่นต่อที่ชายหาด จากนั้นพวกเขาก็กลับมาที่ห้องพักเพื่อเก็บของกลับบ้านในวันนี้ หลังจากที่ชายหญิงเก็บของจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตรงมาที่สนามบินและบินกลับมาที่กรุงเทพทันที“ถ้าพี่ว่าง พี่จะพยายามหาเวลาพาสามาเที่ยวทุกอาทิตย์เลยนะ” ชายหนุ่มบอกกล่าวหญิงสาว ในขณะที่พวกเขากำลังเดินออกมาจากสนามบิน ชายหนุ่มลากกระเป๋าเดินทางทั้งของเธอและของตัวเองทั้งสองใบด้วยท่าทางสบายๆ“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ แค่เดือนละครั้งก็พอแล้วค่ะ” ชาลิสาตอบกลับอย่างเกรงอกเกรงใจ “พี่อยากไปเที่ยวกับสา พี่มีความสุขมากๆ เลยนะ”“สาก็เหมือนกันค่ะ” ทั้งสองคนส่งยิ้มให้กันด้วยใบหน้าที่สดใส ชาลิสาเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงเอ่ยเรียกชายหนุ่มขึ้นมา“พี่ลูคัสคะ”“หืมม” ชายหนุ่มตั้งอกตั้งใจฟังหญิงสาว“สาขอเข้าไปที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ สาอยากไปดูพวกคนงานคนใช้บ้างนะคะ ว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง”“ได้…เดี๋ยวพี่พาไป” ลูคัสเข้าใจหญิงสาวเป็นอย่างดี เขารู้ว่าเธอเป็นห่วงบ้านและคนงานที่นั่น แต่เขาไม่ยอมให้เธอไปที่นั่นโดยท







