LOGINด้านชาลิสา
เด็กสาวในชุดเดรสขาวนั่งเกร็งตั้งแต่ที่เธอต้องมาเจอและได้นั่งรวมโต๊ะกับชายแก่ ชาลิสาพยายามที่จะไม่มองหน้าองอาจเพราะสายตาที่จาบจ้วงของชายแก่มันทำให้เด็กสาวรู้สึกอึดอัดเอามากๆ อึดอัดจนเธอไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ จะมีก็แต่แม่เลี้ยงของเธอนั่นแหละที่ดูจะมีความสุขอยู่คนเดียว แม่เลี้ยงเอาแต่นั่งยิ้มและหัวเราะชอบใจออกมาอย่างชัดเจน จนไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าชาลิสาจะรู้สึกอย่างไรในตอนนี้
แม่เลี้ยง ชาลิสา และชายแก่ สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขารออาหารไม่นานสักเท่าไหร่ อาหารมากมายหลายอย่างก็ทยอยออกมาเสิร์ฟบนโต๊ะของพวกเขา
จากนั้นทั้งสามคนเริ่มลงมือทานอาหารกันโดยที่แม่เลี้ยงกับชายแก่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ชาลิสานั่งก้มหน้างุดและตักอาหารกินอย่างเงียบๆ เนื่องจากเด็กสาวไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของแม่เลี้ยงดังขึ้นมา ทำให้การสนทนาที่สนุกสนานของชายแก่กับแม่เลี้ยงหยุดลงกะทันหัน
“ขอโทษนะคะ” กนกนุชบอกกล่าวกับชายแก่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ตามสบาย” องอาจตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แม่เลี้ยงของชาลิสาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาหาเธอ
“ขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” แม่เลี้ยงมองดูหน้าจอโทรศัพท์อยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะเอ่ยต่อ
“อือ ไปเถอะ” ชายแก่พยักหน้าให้แม่เลี้ยงของชาลิสาเบาๆ
จากนั้นกนกนุชส่งยิ้มกว้างให้ชายแก่ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปลีกตัวออกไปจากตรงนั้นอย่างช้าๆ ทำให้ชาลิสาเงยหน้าขึ้นมามองตามหลังแม่เลี้ยงเล็กน้อย
“อาหารอร่อยไหมหนูสา” องอาจเอ่ยถามเด็กสาวในชุดเดรสสีขาวที่สวยสะพรั่งสมวัยทันที
“อะ..อร่อยค่ะ” ชาลิสาตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก
“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกนะ พี่ใจดีจะตาย” ชายแก่เอ่ยต่อพร้อมกับใช้สายตาแทะโลมเด็กสาว
“ค่ะ” ชาลิสาก้มหน้างุดอีกครั้ง เธอพยายามไม่สบตากับองอาจเพราะเธอไม่ค่อยชอบความรู้สึกตอนนี้ของตัวเองสักเท่าไหร่
องอาจยกยิ้มชอบใจด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้พูดคุยกับแม่เลี้ยงของเด็กสาวไปหมดแล้ว เขารู้แล้วว่าความต้องการของกนกนุชคืออะไร แต่เขาต้องการพบเจอกับเด็กสาวก่อนว่าเธอจะสะสวยดั่งที่กนกนุชบอกกล่าวเอาไว้หรือเปล่า และเมื่อเขาจะได้เจอเด็กน้อยตรงหน้า ชายแก่ก็รู้สึกถูกอกถูกใจเด็กสาววัยกำลังโตเอามากๆ
กนกนุชหายไปไม่นานสักเท่าไหร่ ก่อนที่เธอจะเดินกลับมาด้วยท่าทางรีบร้อนและมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ ทำให้องอาจกับชาลิสาเงยหน้าขึ้นมามองกนกนุชทันที
“คือ..พอดีว่าดิฉันต้องกลับไปทำธุระด่วนนะคะท่าน อยากจะฝากไปส่งยัยสาที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ” แม่เลี้ยงส่งสายตาให้ชายแก่เพื่อเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างที่พวกเขารู้กันเพียงแค่สองคน
“ได้สิ ไม่มีปัญหา” ชายแก่ตอบกลับทันขวับ
“แต่คุณป้าคะ!..” ชาลิสาใจเต้นรัวขึ้นมาพร้อมกับความกลัวที่แล่นแปลบขึ้นมาภายในใจดวงน้อย จะให้เธอกลับพร้อมกับผู้ชายคนนี้อย่างนั้นเหรอ
“กินข้าวกับท่านเสร็จค่อยกลับนะยัยสา เดี๋ยวท่านก็แวะไปส่ง” แม่เลี้ยงเอ่ยต่อ
“งั้นสากลับด้วยเลยได้ไหมคะ” เด็กสาวบอกกล่าวแม่เลี้ยงด้วยน้ำเสียงสั่นเทาอย่างไม่สามารถห้ามได้
“ยัยสา..นี่แกจะหักหน้าฉันหรือไง” กนกนุชก้มหน้าลงมากัดฟันกรอดพลางกระซิบข้างหูชาลิสา
“ปะ..เปล่าค่ะ” เด็กสาวหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรคะท่าน ยังไงรบกวนท่านหน่อยนะคะ” แม่เลี้ยงแสร้งทำเป็นหันไปบอกกล่าวชายแก่ เพื่อให้ชาลิสารู้สึกเกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่
“รบกวนอะไรกันล่ะ กลับทางเดียวกันพอดี ไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
“ขอบคุณมากนะคะท่าน” กนกนุชเอ่ย
“อือๆ ไปเถอะ”
“สวัสดีค่ะท่าน อย่าดื้อกับท่านละยัยสา” แม่เลี้ยงเอ่ยล่ำลาชายแก่และหันมาทิ้งท้ายกับเด็กสาว ก่อนที่เธอจะก้าวเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องห่วงนะชาลิสา เดี๋ยวพี่ไปส่งให้ถึงบ้านเลย” ชายแก่หันมาเอ่ยกับชาลิสาที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่
“คะ..ค่ะ” เด็กสาวชุดเดรสขาวก้มหน้างุดอีกครั้ง เธอพยายามที่จะไม่สนใจชายแก่และทานอาหารอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นไปจนพวกเขาทานอาหารจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายแก่ชวนเด็กสาวคุยตลอดเวลา แต่ชาลิสาก็ตอบกลับองอาจเพียงสั้นๆ เท่านั้น หลังจากนั้นชายแก่ก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที
เมื่อชายแก่จ่ายเงินจนเสร็จสรรพแล้ว เขาก็เรียกให้เด็กสาวลุกขึ้นและเดินตามเขามาที่ลานจอดรถ ชาลิสาทำได้เพียงกำมือของตัวเองเอาไว้แน่นและเดินตามชายแก่มาเรื่อยๆ จวบจนพวกเขามาถึงรถตู้คันสีดำสุดหรูหราขององอาจ
“ทางนี้จ้า อันนี้รถพี่เองนะ หรูไหมล่ะ” ชายแก่หันมาเอ่ยถามเด็กสาว ก่อนที่คนขับรถจะเปิดเลื่อนประตูรถตู้คันใหญ่ให้กับชายแก่
“ค่ะ” เด็กสาวตอบกลับอย่างจำใจ
“เชิญจ้าคนสวย” ชายแก่ผายมือให้ชาลิสาขึ้นรถไปก่อน สาวน้อยยืนทำใจอยู่ชั่วครู่แต่เธอก็ต้องก้าวขาขึ้นมานั่งบนรถตู้อยู่ดี
องอาจหันไปส่งซิกกับคนขับรถเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะขึ้นรถตามไปนั่งข้างๆ เด็กสาวคนสวย ประตูรถตู้ถูกเลื่อนปิดสนิทลง ทำให้ชาลิสาหันมามองประตูเล็กน้อยสลับกับเลื่อนสายตาไปมองว่าคนขับรถขึ้นมาหรือยัง องอาจพยายามขยับตัวไปใกล้ชาลิสา แต่เธอก็พยายามจะขยับหนีเขาตลอด
“สาวน้อย..เธอสวยมากเลยนะ รู้ตัวไหม” เสียงทุ้มของชายแก่เอ่ยขึ้นมา
“จะ..จะทำอะไรคะ” ชาลิสาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอหันซ้ายหันขวามองไปรอบรถก็พบว่าฟิล์มกระจกของรถคันนี้เป็นสีดำสนิททั้งคัน อีกทั้งคนขับรถก็ยังไม่ได้ขึ้นรถมาเลย
ชายแก่ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น เขามองเด็กสาวด้วยสายตาหื่นกระหายอย่างชัดเจน จนชาลิสาต้องเอามือเล็กยกขึ้นมาปกปิดอกอวบอิ่มของตัวเองเอาไว้
“สากลับเองดีกว่าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยออกมา แต่เหมือนว่าชายแก่จะไม่สนใจอะไรแล้วทั้งนั้น
“มาอยู่กับพี่เถอะนะ รับรองหนูสบายไปทั้งชาติแน่” ชายแก่ไม่พูดเปล่า เขาเอื้อมมือไปจับไหล่แบบบางทั้งสองข้างของชาลิสาเอาไว้แน่น
“อย่านะคะ!!” สาวน้อยตะโกนใส่ชายแก่ด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจ เป็นครั้งแรกที่เธอโดนผู้ชายแตะเนื้อต้องเนื้อขนาดนี้ เด็กสาวที่ไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เธอจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
“ปล่อยสานะคะ! กรี้ดดด!” ชาลิสาเอ่ยต่อ ก่อนที่เสียงหวานจะกรีดร้องขึ้นมาเพราะชายแก่พุ่งตัวเข้ามาจู่โจมเธอ แต่ทว่าชาลิสาก็พยายามที่จะยกมือขึ้นมาดันองอาจออกจากตัวของเธอ ชายแก่มุ่งไปหาซอกคอขาวผ่องโดยไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น
“อยู่นิ่งๆ! แม่เลี้ยงของเธอไม่ได้บอกอะไรเลยหรือไง” องอาจดึงดันที่จะเอาหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอของเด็กสาวให้ได้ น้ำเสียงที่เคยปลอบประโลมเด็กสาวในก่อนหน้านี้ ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงแข็งกร้าวและหยาบคาย
“ไม่ค่ะ ปล่อยสานะคะ!” ชาลิสาไม่ยอมให้ชายแก่เข้ามาถึงตัวของเธอได้ง่ายๆ แค่มือสากหยาบกระด้างที่จับไหล่เธออยู่ เธอยังรู้สึกรังเกียจมากๆ แล้ว
“ฉันบอกให้อยู่นิ่งๆ ไง!!!”
ยังไม่ทันที่ชาลิสาจะตอบกลับอะไรออกไป สิ้นเสียงองอาจ เสียงของบางอย่างที่แตกกระจายก็ดังขึ้นมา ทำให้ชายแก่กับเด็กสาวหันขวับไปมองยังต้นต่อของเสียงทันที
เพล้ง!!
ย้อนไปก่อนหน้านี้ร่างกำยำของลูคัสสวมเสื้อเชิ้ตนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานภายในโรงพยาบาลของตัวเอง เขาใจจดใจจ่อกับเอกสารในแฟ้มตรงหน้าอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพร้อมกับอีวานที่เปิดแง้มประตูห้องเข้ามา อีวานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของลูคัส“นายครับ…ประวัติของผู้หญิงที่นายให้ผมไปสืบมาครับ” อีวานเอ่ยพลางยื่นแฟ้มเอกสารสีดำวางไว้บนโต๊ะให้เจ้านาย ลูคัสจึงเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มขึ้นมาและเปิดอ่านทันที “ชาลิสา” ลูคัสพึมพำชื่อของหญิงสาวออกมาเบาๆ ตั้งแต่วันนั้นที่เขาชนเข้ากับเธอ เขาก็รู้สึกถูกใจเธอมากๆ เขาไม่สามารถเอาผู้หญิงคนนั้นออกไปจากสมองของตัวเองได้ บางวันเขาก็ต้องมาสำเร็จความใคร่ด้วยมือของตัวเองเมื่อเขานึกถึงเธอ ลูคัสเพิ่งจะเข้าใจคำว่ารักแรกพบก็ตอนที่พบกับนักศึกษาคนนี้นี่แหละ“ครอบครัวเธอติดพนันเหรอ” ชายหนุ่มอ่านประวัติของเธอไปเรื่อยๆ พลางเอ่ยถามคนสนิทขึ้นมา “ไม่ใช่แม่แท้ๆ ครับ…เป็นแม่เลี้ยงกับลูกติดครับ” อีวานตอบกลับเจ้านาย ลูคัสครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ ก็พบว่ากาสิโนที่พวกมันไปเล่น ก็คือกาสิโนของเขาเอง ดีเลย! แบบนี้เขาจะได้ทำอะไรง่ายยิ่งขึ้น“ทำให้พวกมันเป็นหนี้
หนึ่งปีต่อมา“พ่อกับแม่ถึงไหนแล้ว…เพิ่งลงเครื่องเหรอครับ…ครับ” เสียงทุ้มทรงพลังของลูคัสเอ่ยกับปลายสาย เขายืนอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ที่ตอนนี้กลายเป็นสนามเด็กเล่นไปเรียบร้อยแล้ว ลูคัสยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมือเดียวพลางแนบโทรศัพท์ตรงใบหูเพื่อคุยโทรศัพท์กับพ่อของตัวเอง เมื่อคุยเสร็จลูคัสก็กดวางสายไปทันที“พ่อแม่ลงเครื่องแล้ว…กำลังตรงมาที่คฤหาสน์” ลูคัสหันมาบอกกล่าวกับภรรยา ก่อนที่เขาจะเดินมาย่อตัวนั่งลงข้างๆ ชาลิสา“ค่ะ” เสียงหวานของชาลิสาตอบกลับสามีสั้นๆ เธอนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง บนอ้อมแขนของชาลิสามีเด็กชายแก้มยุ่ยๆ นอนมองเธอตาแป๋ว “เซบาสเตียน…คุณปู่คุณย่ากำลังจะมาหาแล้วนะลูก” ชาลิสาก้มลงเอ่ยกับลูกชายวัยสี่เดือนนิดๆ ถึงแม้ว่าเขายังไม่รู้เรื่อง แต่เธอก็มักจะพูดคุยกับลูกชายตลอด มือบางยกขึ้นมาลูบไล้แก้มขาวอมชมพูของเด็กน้อย“คุณหนูคะ” เสียงของณัฐวดีเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับร่างหญิงสาวที่เดินตรงมาหยุดอยู่หน้าของเจ้านายทั้งสองคน“มีอะไรหรือเปล่าคะป้าณัฐ” ชาลิสาเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงแก่ ปกติณัฐวดีจะประจำอยู่ที่บ้านของชาลิสา แต่เมื่อชาลิสาคลอดลูกชายออกมาได้ หญิงแก่ก็ขอมาดูแลคุณชายที่คฤหาสน์ทันที“คุณใบเฟิร
“สวัสดีค่ะท่านลูคัส…ยินดีต้อนรับนะคะมาดาม” เสียงของแม่บ้านทักทายลูคัสกับชาลิสาที่กำลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลโลรองต์ ข้างหลังของคู่สามีภรรยาป้ายแดงมีเหล่าบอดี้การ์ดที่ถือกระเป๋ามาให้หญิงสาวสามสี่ใบ สาวใช้ยืนเรียงรายอยู่ตรงประตูทางเข้าเพื่อรอรับเจ้านายอย่างเป็นระเบียบผ่านมาสามวันหลังจากงานแต่งงานของพวกเขา ชาลิสาคุยกับณัฐวดีเมื่อวานนี้ เพื่อที่จะให้หญิงแก่มาอยู่ที่คฤหาสน์ด้วยกัน แต่ทว่าหญิงแก่ก็ไม่อยากมาเพราะการเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ชาลิสากับลูคัสจึงได้ข้อสรุปว่าควรพาณัฐวดีไปส่งที่บ้านของชาลิสา เพื่อให้สาวใช้คนสนิทของเธอเป็นหูเป็นตาและดูแลคนในบ้านของหญิงสาวด้วย พวกเขาจึงจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะย้ายเข้ามาที่คฤหาสน์คู่สามีภรรยาป้ายแดงเดินเคียงข้างกันมาที่ห้องโถงใหญ่เพราะลูคัสคาดว่าพ่อแม่ต้องอยู่ในห้องนี้อย่างแน่นอน“มากันแล้วเหรอ” เสียงชายแก่พูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชาลิสากับลูคัสเดินเข้ามาในห้องโถง“นั่งลงก่อนๆ” ลูตินนั่งอยู่บนโซฟาข้างภรรยาเอ่ยต่อ ลูคัสจึงดันแผ่นหลังแบบบางของชาลิสาให้เดินไปทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับพ่อแม่“พ่อกับแม่คุยกันแล้วนะ…ในเมื่อพวกแกมาอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว…พ
ชาลิสามองลูคัสที่คืบคลานมาหาเธอตาปริบๆ มารู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอและเริ่มไต่มาคร่อมร่างเธอเอาไว้แล้ว ชาลิสาเอนกายไปด้านหลังอย่างช้าๆ เพราะร่างกำยำที่โน้มลงมาใกล้เธอมากยิ่งขึ้น“พี่ไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ” เสียงหวานของชาลิสาเอ่ยถาม“ก็เหนื่อยครับ” ลูคัสตอบกลับ“งั้นเรานะ…อืออ” ยังไม่ทันที่ชาลิสาจะเอ่ยจบประโยค เรียวปากหยักหนาฉกจูบลงบนเรียวปากเล็กอย่างรวดเร็วลิ้นสากร้อนแทรกเข้าไปตวัดพัวพันลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะอยู่ในพิธีมาตลอดทั้งวัน แต่ผิวเนื้อของเธอก็ยังคงหอมหวานอยู่เหมือนเดิม ยิ่งเหงื่อหญิงสาวออกมันยิ่งทำให้กลิ่นของเธอชัดมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มทาบทับลงไปเรื่อยๆ จนหญิงสาวเอนกายลงไปนอนราบกับที่นอนลิ้นร้ายควานหาความหอมหวานจากอุ้งปากเล็กอยู่สักพัก ก่อนที่เรียวปากหยักจะค่อยๆ ละริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าสวยคมของภรรยาอยู่ชั่วครู่ มือแกร่งเลื่อนมาจับใบหน้าเธอ ก่อนที่เขาจะจุมพิตลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างแผ่วเบาเขายืดกายนั่งตัวตรง ก่อนที่มือแกร่งเลื่อนลงไปถอดชุดเจ้าสาวออกอย่างช้าๆ ไม่กี่นาทีต่อมาชุดเจ้าสาวแสนสวยก็หลุดออกไปจากร่างอรชร ชายห
เสียงดนตรีบรรเลงเปิดขึ้นเบาๆ บรรยากาศงานแต่งงานริมทะเลที่ตกแต่งโทนสีขาวผ้าพลิ้วไสวเข้ากับทะเลและหาดทรายสีขาว ภายในงานถูกตกแต่งด้วยกุหลาบสีชมพูกับขาวสลับกันดูสวยงาม ชาลิสาสวมชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาดุจดั่งนางฟ้าเดินดิน ร่างอรชรสวยสง่าก้าวเดินไปตามพรมที่ปูยาวไปจนถึงแท่นทำพิธีที่ฉากเบื้องหลังเป็นทะเลสีฟ้าครามที่มีชายหนุ่มสวมชุดสูทและแต่งทรงผมดูเรียบร้อยกว่าปกติชาลิสามองว่าที่เจ้าบ่าวที่อยู่ตรงสุดทางเดินพรมแดงด้วยสายตาเปล่งประกาย ลูคัสราวกับเทพเจ้าหล่อเหลาสง่างามที่หลุดออกมาในเทพนิยาย เรียวขาสวยย่างกรายตรงไปหาเจ้าบ่าวของเธออย่างช้าๆ แขกเหรื่อทั้งสองฝั่งของพรมแดงมองหญิงสาวที่กำลังก้าวอย่างชื่นชมในความงดงามของเธอลูคัสมองร่างอรชรในชุดเจ้าสาวตาไม่กะพริบ โดยปกติชาลิสาก็ดูสวยสดอยู่แล้ว แต่ทว่าในวันนี้หญิงสาวยิ่งดูสวยสง่าและมีเสน่ห์มากๆ เขามองตามร่างเล็กจนกระทั่งเธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาและบาทหลวง ใบเฟิร์นกับฟีลิกซ์รับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพื่อนทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหลังของคู่บ่าวสาวของงานในวันนี้“สวยมาก” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพลางเลื่อนมือไปจับมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้าง“ขอบคุณค่ะ วั
หลายวันต่อมา“ครับ…ผมรู้แล้วครับพ่อ…เรื่องร้านชุดแต่งงานผมจัดการแล้ว” เสียงของลูคัสคุยโทรศัพท์กับบิดาตัวเองอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นบนเพนท์เฮาส์หรู ชาลิสากำลังเก็บจานช่วยณัฐวดีเพราะพวกเขาเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จ หลังจากวันที่ลูคัสขอชาลิสาแต่งงาน ชายหนุ่มก็โทรไปบอกกล่าวกับพ่อแม่ทันที ซึ่งพวกท่านก็ดีใจมากๆ แต่อีกอย่างหนึ่งที่เขาแอบทำไว้ก็คือการ์ดงานแต่งงาน เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวจะตอบตกลงหรือเปล่า แต่เขาก็สั่งทำการ์ดแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว และตั้งแต่ที่ลูคัสแจ้งเรื่องที่เขาขอชาลิสาแต่งงานแล้ว ลูตินเอาแต่โทรมาหาเขาและสอบถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด ชายแก่โทรมาทุกวันจนเขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย“คุณพ่อว่าไงบ้างคะ” หญิงสาวเก็บจานเก็บโต๊ะจนเสร็จสรรพ เธอก็เดินมาย่อตัวนั่งลงบนโซฟาข้างกายชายหนุ่ม มือแกร่งเลื่อนมาแตะต้นขาหญิงสาวเอาไว้ทันที“ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ ให้พี่เร่งหาร้านชุดแต่งงาน แล้วก็หาที่จัดงานแต่งงานด้วย” เขาหันมาตอบกลับชาลิสา“ไม่เห็นจะต้องเร่งเลยค่ะ” เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้ดูทำอะไรรีบร้อนไปหมดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าชาลิสาจะรู้สึกดี แต่เธอก็ไม่ได้อยากจะให้ลูคัสเหนื่อยมากจนเกินไป“พวก







