“หนูอยากกลับเมืองไทยค่ะ คุณพาหนูกลับเมืองไทยได้ไหมคะ” วรรษมนคิดว่าถ้ายังอยู่ที่นี่สักวันพวกนั้นต้องตามเธอเจอแน่ๆ
“ได้สิ แค่นี้ใช่ไหม”
“สำหรับหนูต้องการแค่นี้ แต่หนูอยากพาเพื่อนหนูกลับด้วย”
“เพื่อนเธออยากกลับหรือเธอคิดแทนเพื่อนว่าอยากกลับ”
“ก็เรามาด้วยกัน”
“นั่นไม่ใช่คำตอบนะ เอาล่ะบอกชื่อของเพื่อนเธอมาสิฉันจะให้คนไปสืบให้ถ้าเขาอยากกลับฉันจะหาทางช่วยแต่ถ้าเขาไม่อยากกลับนั่นก็อีกเรื่อง”
“เพื่อนหนูชื่อแพรพลอยค่ะ ชื่อเล่นว่าพลอย”
“เดี๋ยวฉันจะจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะ หนูไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคนใจดีอย่างคุณ”
“ฉันไม่ใช่คนใจดีอะไรหรอกนะ แต่ที่ช่วยเพราะไม่ชอบการบังคับ”
“แล้วคุณจะพาหนูกลับเมืองไทยยังไงคะ หนูไม่มีพาสปอร์ต” หญิงสาวเป็นกังวลเพราะกลัวไปถึงด่านแล้วจะถูกให้กลับมาอีกเพราะตอนที่มาเธอแจ้งว่ามาทำงานที่กาสิโน
“มันก็มีวิธีอยู่”
“คุณออสตินคะ คือหนูกลัว”
“กลัวอะไร”
“หนูคงไม่หนีเสือปะจระเข้ใช่ไหม คุณคงไม่ใช่พวกเดียวกับมาเฟียเจ้าของกาสิโนนั่นใช่ไหมคะ”
“หน้าฉันเหมือนพวกมาเฟียเหรอ” เขาถามพลางมองหน้าหญิงสาวไปด้วย
“ไม่ค่ะ หน้าคุณเหมือนพวกนายแบบมากกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับเองแล้วบ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ”
“กรุงเทพค่ะ”
“จะให้ฉันไปส่งที่บ้านเลยไหม”
“ไม่ค่ะ พาหนูไปที่โรงแรมก่อน”
“ไปโรงแรม นี่คงไม่ได้หมายความว่าจะเอาตัวเข้าแลกเพราะฉันช่วยเรื่องนี้ใช่ไหม”
“หนูไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลย หนูก็แต่อยากถามพี่สาวให้รู้เรื่องค่ะ เพราะคนพวกนั้นบอกว่าพี่สาวของหนูเป็นคนบอกว่าหนูอยากมาทำงานบริการ”
“เขาคงไม่ทำแบบนั้นกับน้องสาวตัวเองหรอก”
“มันก็ไม่แน่นะคะ เพราะเรื่องไปทำงานที่กาสิโนเขาเป็นคนเสนอ เพราะเดิมทีหนูแค่สมัครมาทำงานพาทไทม์ที่โรงแรม”
“โรงแรมที่พูดถึงนี่ชื่อโรงแรมอะไร”
“โรงแรมXXX ค่ะ”
“ฉันรู้จักโรงแรมนั้นดี และไม่มีทางที่ทางโรงแรมจะหลอกให้ใครไปทำงานแบบนั้น”
“คุณเอาอะไรมามั่นใจล่ะคะ”
“ก็ฉันเป็นเจ้าของที่นั่น”
“คุณ...” วรรษมนถอยหลังติดเบาะเพราะรู้แล้วว่าตอนนี้ตนเองกำลังหนีเสือปะจระเข้
“กลัวเหรอ”
“จอดรถให้หนูลงเดี๋ยวนี้เลยนะ หนูไม่น่าโง่เลยเห็นท่าทางคุณดูดีก็นึกว่าจะเป็นคนดี ที่ไหนได้คุณมันก็พวกค้ามนุษย์ คุณคงกลั้นหัวเราะแทบแย่ใช่ไหมตอนที่ฟังหนูเล่าเรื่องให้ฟัง คอยดูนะถ้าหนูหนีไปได้หนูจะแจ้งความแล้วจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“ฉันไม่ได้หัวเราะ ฉันก็แค่แปลกใจ”
“คุณจะแปลกใจทำไมในเมื่อมันเป็นธุรกิจของคุณ”
“ฉันยอมรับนะว่าฉันเป็นเจ้าของกาสิโนกับโรงแรม แต่เรื่องบังคับผู้หญิงมาฉันเพิ่งรู้”
“อย่ามาแก้ตัวเลยค่ะ”
“ฉันพูดจริงๆ นะ ผู้หญิงทุกคนที่ไปทำงานที่นั่นจะไปเพราะความสมัครใจกันทั้งนั้น ฉันไม่เคยต้องบังคับหรือหลอกใครไปเลย”
“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะ”
“แล้วเธอเห็นใครที่นั่นถูกบังคับไหมล่ะ” เขาถามด้วยความมั่นใจเพราะที่ผ่านมามีแต่คนเต็มใจไปทำงานด้วยกันทั้งนั้น
“หนูเพิ่งไปไม่กี่วันเองเลยไม่ได้คุยกับคนอื่น แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นค่ะ ประเด็นมันก็คือคุณจะพาหนูกลับไปที่นั่นอีกไหมคะ”
“คนอย่างฉันพูดคำไหนก็คำนั้น”
“ขอบคุณนะคะที่ยังมีมนุษยธรรมอยู่ แล้วเพื่อนหนูล่ะคะ”
“ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนเธอเต็มใจทำงานที่นั่นไหม”
“ไม่แน่นอนยังไงพลอยก็ไม่มีทางเต็มใจไปทำงานแบบนั้นเด็ดขาด คุณต้องช่วยเพื่อนหนูนะคะ”
“ฉันจะลองถามดูนะแต่ไม่รับปาก”
“ไหนคุณสัญญาว่าจะช่วยหนูกับเพื่อน ยังไม่ทันไรคุณก็ผิดสัญญาแล้ว”
“ฉันบอกว่าจะลองถามดูไม่ได้บอกว่าไม่ช่วย ถ้าถามแล้วเพื่อนเธอไม่ยอมกลับก็ถือว่าหมดหน้าที่ของฉัน”
“ถามตอนนี้เลยได้ไหมคะ จะได้ไปรับมาพร้อมกัน”
“เธอนี่เรื่องมากจริงๆ นะ”
“นะคะคุณออสตินหนูรู้คุณเป็นผู้ใหญ่ใจดี” วรรษมนอ้อนอย่างประจบ
ออสตินส่ายหน้าก่อนจะต่อสายไปยังผู้จัดการกาสิโน รอสักพักใหญ่แพรพลอยก็ถูกตามมาให้คุยกับวรรษมน
“พลอย”
“นี่เมล่อนอยู่ที่ไหน เขาตามหาตัวให้วุ่นเลย”
“เราหนีออกมาแล้ว เดี๋ยวเราจะไปรับพลอยนะ รีบหนีออกมาจากที่นั่นเถอะ”
“ทำไมต้องหนีละ ที่นี่เงินดีจะตาย”
“พลอย แต่ที่เราคุยกันคือมาทำงานในกาสิโนนะไม่ได้มาขายตัว พลอยรู้ไหมเมื่อกี้พวกนั้นมันบังคับให้เราไปรับแขกแต่เราหนีออกมาได้”
“พลอยรู้”
“รู้ว่ายังไง”
“ก็รู้ว่าทุกคนก็ต้องทำงานแบบนั้น”
“พลอยรู้ก่อนที่จะมา หรือเพราะเขาบังคับให้พลอยพูด”
“รู้สิ แม่เราได้เงินไปจากเขาแล้วหนึ่งแสนแลกกับเราต้องมาทำงานที่นี่”
“อะไรนะ หนึ่งแสนเหรอ”
“ใช่หนึ่งแสน เมล่อนไม่รู้เหรอ”
“เราไม่เคยรู้แล้วเราก็ไม่เคยได้เงินหนึ่งแสนนั้นด้วย”
“แม่เรากับพี่สาวของเมล่อนรับเงินมาพร้อมกันเราก็นึกว่าเมล่อนรู้แล้วว่าต้องมาทำงานอะไรเพราะเห็นเมล่อนเข้าไปขัดผิว”
“เราไม่เคยรู้เลย แล้วพลอยจะเอายังไงต่อเรากลับเมืองไทยกันเถอะเงินหนึ่งแสนเดี๋ยวเราช่วยกันหามาคืนเข้าก็ได้”
“จะหาที่ไหนล่ะ ของเราแค่หนึ่งแสนนะ แต่พี่เมย์เอาไปสองแสนแล้วถ้าเมล่อนหนีไปแบบนี้พวกนั้นก็คงไปตามเอาเงินคืน”
“สองแสนเหรอ ถึงว่าล่ะ พี่เมย์ถึงใจดีพาเราไปเข้าสปาพาไปซื้อเสื้อผ้า ไม่รู้ล่ะยังไงเราก็จะต้องหาเงินมาคืน เราไม่ยอมไปทำงานแบบนั้น”
“เมล่อน พลอยรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องดี แต่เราเลือกแล้ว เราอยากทำงานเก็บเงิน”
“พลอย แต่เรายังเรียนไม่จบนะ”
“ใช่ เพราะเรายังเรียนไม่จบแล้วจะไปหางานอะไรได้ล่ะ พลอยตั้งใจแล้วว่าจะทำงานที่นี่พอเปิดเทอมก็น่าจะมีเงินเยอะอยู่”
“พลอยคิดดูดีๆ นะ”
“เราคิดดีแล้วล่ะ แค่นี้ก่อนนะเราต้องไปทำงานต่อ เมล่อนล่ะหนีไปกับใคร”
“มีคนใจดีพาหนีมา”
“ระวังตัวด้วยนะ หนีเขาออกไปแบบนั้นพลอยกลัวว่าพวกเขาจะแค้นแล้วตามไปจับมา”
“เรื่องอะไรจะยอมล่ะ ถ้าอยากจะเอาเงินคืนก็ไปเอาที่เมย์สิ”
“คงยากแล้ว”
“หมายถึงอะไร”
“เราได้ยินพี่เมย์พูดว่าถ้าส่งเมล่อนมาถึงกาสิโนพวกเขาสองคนก็จะย้ายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ทั้งน้าทั้งพี่ไม่น่าเกิดมาร่วมโลกกันเลย” วรรษมนโมโหจนตัวสั่นเพราะไม่คิดว่าคนที่อยู่ร่วมบ้านกันมาหลายปีจะทำแบบนี้ได้
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช