ตอนที่8. เรื่องราวในอดีต
“ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของโคจิโร่
และฉันก็รู้ด้วยว่าเธอมีพี่ชายชื่อฮารุโตะ...ที่อาจยังมีชีวิตอยู่”ฮานะเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาแดงก่ำ
“แล้วคุณจะทำยังไง...จะใช้ฉันเป็นตัวล่อให้เขาโผล่มาใช่ไหม?”
เซียวเล่ห์นิ่งไปพักหนึ่งก่อนพูดเสียงต่ำ
“ไม่…แต่ถ้าเขาคือคนที่ฆ่าน้องชายฉัน ฉันจะลากเขาออกมาด้วยมือฉันเอง และถ้าเธอเป็นกุญแจ...ก็จงเตรียมใจไว้ได้เลยว่า ประตูที่เรากำลังจะเปิด มันจะไม่มีวันปิดลงอีกต่อไปแล้ว”
“ประตูมันปิดตายตั้งแต่ที่ฉันได้มาเจอกับคุณแล้วต่างหาก เพราะอะไรรู้ไหมคะ? ”
ฮานะเอ่ยถามเซียวเล่ห์ด้วยแววตาที่แดงก่ำเป็นอย่างมาก
“เพราะอะไร ไหนพูดมาสิ อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าประตูมันปิดตายตั้งแต่มาเจอฉัน” เซียวเล่ห์ถามด้วยความอยากรู้เป็นอย่างมาก ว่าอะไรที่ทำให้ฮานะคิดแบบนั้น
“ก็ตั้งแต่ฉันเจอคุณ ชีวิตที่เคยเรียบง่ายของฉัน ในตอนนี้เต็มไปด้วยปัญหา ทั้งคนที่ติดตามฉัน โดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ตามเป็นใคร และมีจุดประสงค์อะไร ไหนจะบอดีการ์ดทางฝั่งของฉัน ไหนจะคนของคุณ แบบนี้คุณยังคิดว่าชีวิตฉันมันยังเรียบง่ายอยู่อีกเหรอคะ แม้แต่ในรถที่ติดสัญญาณ GPS และ เครื่องดักฟัง”
ฮานะพูดและถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า
“นี่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ ถ้าเริ่มต้นจริง ๆ มันจะขนาดไหน”
กลางคืน – ลานจอดรถใต้ตึกวิจัยมหาวิทยาลัย
เพราะลืมเอกสารที่สำคัญเอาไว้ ฮานะมาเอาแฟ้มงานวิจัยที่ลืมไว้ แต่ดันเจอเซียวเล่ห์ที่แกล้ง “บังเอิญผ่านมา” ไฟสลัว เงาตึกมืด เสียงรองเท้าหนังของเขากระทบพื้นชัดเจนในความเงียบ
“ตามฉันมานี่” เขาพูดเหมือนออกคำสั่ง
“ถ้าคิดจะลากฉันไปสอบปากคำอีก ฉันไม่ว่างค่ะ”
เขายิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายราวกับรู้อยู่แล้วว่าเธอจะขัดขืน
“ถ้าไม่ว่าง งั้นทำไมยังมา?”
“...” มันเรื่องของฉันไหม จะไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ กรุณาอย่ามาล้ำเส้นค่ะ
เขาขยับเข้ามาใกล้เกินความจำเป็น ลมหายใจห่างกันแค่ปลายจมูก มือหนึ่งยันผนังไว้ ใจเต้นของเธอดังพอจะได้ยินกันทั้งคู่
“ระหว่างเธอกับฉันมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าเกมสงคราม...ใช่ไหม? หรือมันแค่ฉันคนเดียวที่รู้สึก?”
ฮานะกัดริมฝีปากแน่น เธอทั้งโกรธทั้งสับสน เพราะใช่เธอไม่ควรหวั่นไหวกับศัตรูของพี่ชายตัวเอง
แต่หัวใจ…มันไม่เคยรอให้เหตุผลชนะเลย
ฮานะสะบัดมือของเขาออก ก่อนที่เธอจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ฮานะเดินเร็ว ๆ ตรงมาที่รถตัวเอง มือกำแฟ้มแน่นเพราะอากาศเย็นทำให้นิ้วชา แต่ยังไม่ทันจะไขกุญแจเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“มาดึกแบบนี้ ไม่กลัวเหรอ”
เธอชะงัก หันขวับไปเจอชายร่างสูงในสูทดำ พิงเสาต้นหนึ่งด้วยท่าทีชวนตี...หน้า
“อาจารย์ไม่มีอะไรทำหรือไงคะ ถึงได้โผล่มาเหมือนยามเฝ้าลานจอดรถแบบนี้”
เซียวเล่ห์หัวเราะเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้ ร่างสูงของเขาบดบังแสงไฟเหนือศีรษะจนเกิดเป็นเงาทาบทับเธอ
“ถ้าฉันบอกว่า...มารอเธอ จะเชื่อไหม?”
“คิดว่าฉันหน้าโง่พอจะเชื่อเหรอคะ?”
“ฉันคิดว่าเธอไม่โง่ แต่ดื้อ”
ประโยคนั้นทำเอาฮานะขมวดคิ้ว มือยังถือแฟ้มไว้แน่นในท่าเตรียมฟาดหากอีกฝ่ายเข้ามาใกล้กว่านี้
“มีอะไรก็พูดมา ฉันไม่ใช่คนที่ชอบยืนแลกคำกัดกลางลานจอดรถตอนสี่ทุ่ม ทั้งที่เดินหนีแล้วยังเดินตามมาอีก ไวยิ่งกว่าปรอท”
“เธอชื่อ ‘มิยูกิ ฮานะ’ ใช่ไหม?”
เสียงเขาทุ้มแต่เด็ดขาด แววตาคมกริบเหมือนใบมีดที่เพิ่งลับ ฮานะชะงัก นี่มันไม่ใช่คำถามธรรมดาแล้ว“คุณกำลังละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอยู่หรือเปล่าคะ? คุณรู้จักชื่อฉันอยู่แล้ว แล้วทำไมยังถามอยู่ได้ไม่เข้าใจ”
“ฉันกำลัง ‘ปกป้องตัวเอง’ จากสิ่งที่อาจกลายเป็นภัยในอนาคต...อย่างลูกสาวของโคจิโร่ มิยูกิ”
เสียงแผ่วลงตรงชื่อของพ่อเธอ เงียบ...เงียบเหมือนทุกเสียงในโลกหายไป
ฮานะหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าแอบทำผิดอะไรบางอย่าง ทั้งที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขา “รู้” ได้ยังไง“อย่าเล่นสงครามจิตวิทยากับฉัน” เธอกัดฟันพูด
“เปล่าเลย...” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย เสียงนุ่มชิดใบหูเธอ “ฉันแค่อยากรู้ว่า...ความรู้สึกแปลก ๆ ระหว่างเรามันเป็นของจริง หรือแค่ภาพลวงตาของศัตรูสองคนที่ดันถูกโชคชะตาโยนมาเจอกันในคลาสเรียน”
ฮานะถอยหลังไปชนรถของตัวเอง รู้สึกถึงความร้อนวาบในอกและแก้ม เขากำลังทำให้เธอหวั่นไหว
และเขารู้
“ฉันจะสืบว่าเธอเป็นใคร...ในขณะที่เธอคงกำลังหาคำตอบว่า ฉันเป็นตัวอะไรในเรื่องของพ่อเธอ”
เขากระซิบอีกครั้งก่อนจะผละออก และหันหลังเดินจากไปราวกับฉากนั้นไม่มีความหมายใด
ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ และคำถามนับร้อยในใจของหญิงสาว
ห้องประชุมใต้ดินในคลับลับของเซียวเล่ห์
“เตรียมจัดงานเลี้ยง เชิญตัวแทนจากแก๊งญี่ปุ่นทุกสายที่อยู่ในไทย โดยเฉพาะ ‘มิยูกิกรุ๊ป’ ”
เซียวเล่ห์ออกคำสั่งเรียบ ๆ พลางพลิกแฟ้มภาพที่ลูกน้องวางไว้ภาพของฮานะ กำลังยืนข้างชายหนุ่มผู้หนึ่งมิยูกิ โคจิโร่
“งานเลี้ยง...จะเป็น ‘สนามล่อเหยื่อ’ ”
เสียงของมาเฟียหนุ่มต่ำดั่งคมมีดที่พร้อมเฉือนเงาอดีต“ไม่ว่านายจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ เคียว ฉันจะค้นหานายให้เจอต่อให้เป็นต้องพลิกแผ่นดินหา ฉันก็จะทำ”
ตอนพิเศษ แสงอาทิตย์ในทุกเช้าที่มีเธอเช้านี้ต่างจากเช้าทุกวัน…เพราะมันเป็นเช้าวันแรกหลังจากที่ทั้งสี่คนใช้คำว่า “ครอบครัว” ได้อย่างเต็มปาก ฮานะตื่นขึ้นมาพร้อมกลิ่นหอมของขนมปังที่อบในครัว ดวงตายังปรือ ๆ อยู่แต่กลับมีรอยยิ้มประดับมุมปากโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าเตียงข้าง ๆ ว่างเปล่า แต่พอเธอก้าวลงจากเตียง เดินตามเสียงในครัวไป ก็พบว่าคนที่หายตัวไปคือสามีสุดหล่อ…ที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อนรูปเป็ดแสนน่ารัก ก้มหน้าก้มตาเจียวไข่และจัดจานอย่างตั้งใจ “จะทำอาหารเช้าทุกวันเลยเหรอ?” ฮานะถามเสียงงัวเงียเซียวเล่ห์เงยหน้าขึ้นมา ยิ้มกว้างแบบที่ทำให้ใจเธอสั่นทุกที “ไม่ทุกวัน…แต่จะทำทุกเช้าที่เธอยังอยู่ข้าง ๆ ฉัน”เธอหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “พูดแบบนี้…ใครจะไปไหนได้คะที่รัก” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้น ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับมากอดเธอไว้ทั้งตัว แล้วโน้มลงมาจูบหน้าผากเธอหนึ่งที “ยอมให้หอมหมดทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”ขณะเดียวกัน… ในอีกฝั่งของบ้าน เคียวกับโซระก็ไม่แพ้กัน โซระที่ห่มผ้านอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโซฟาหนังสุดหร
ตอนที่ 52. แต่งงาน “ชุดนี้ใช่เลย...หรือหัวใจฉันใช่เธอ”ร้านชุดแต่งงานกลางเมืองที่ถูกจองไว้ล่วงหน้าสำหรับวันนี้โดยเฉพาะฮานะกับโซระยืนอยู่หน้าแร็กชุดแต่งงานยาวเหยียด สายตาสำรวจแต่ละแบบด้วยความจริงจัง“อันนี้ดูหวานไปไหม?” ฮานะชี้ไปที่ชุดลูกไม้สีขาวแบบเจ้าหญิง“แล้วอันนี้ดูเหมือนชุดขึ้นเวทีรำบวงสรวงเลย” โซระพูดถึงชุดทรงบานอีกตัว จนฮานะหลุดหัวเราะด้านนอกห้องลองชุด เคียวนั่งไขว่ห้างรอพลางเปิดมือถือเช็กอีเมล ส่วนเซียวเล่ห์นั่งพิงกำแพงอย่างอดทน ใบหน้าคมหล่อเหลามองประตูห้องลองชุดไม่ละสายตาพนักงานเดินนำทางก่อนจะเปิดม่านออก...ฮานะก้าวออกมาในชุดเดรสเข้ารูปสีขาวสะอาด ท่อนบนมีลูกไม้ปักอย่างประณีต ผ้าทิ้งตัวแนบเรือนร่างพอดิบพอดีอย่างพอดี...จนเซียวเล่ห์เผลอลืมหายใจเขาลุกขึ้นยืนช้า ๆ เหมือนโดนสะกด“...สวย” เสียงของเขาเบาแต่ชัดฮานะหลบตาเล็กน้อย “ไม่เยอะไปใช่ไหม...?”“ไม่น้อยไปด้วย” เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือแตะแขนเบา ๆ “มันพอดีมาก…พอดีกับเธอ…แล้วก็พอดีกับใจฉัน”ฮานะกลั้นยิ้มจนแก้มขึ้นสี ส่วนโซระที่เดินออกมาจากอีกห้องในชุดลูกไม้สีงาช้าง ก็ยักไหล่แล้วพูดเรียบ ๆ“งั้นฉันไม่ใส่ละ เด
ตอนที่ 51. ทะเลาะกันก่อนแต่งงานหลังจากอาหารเช้าอิ่มท้อง กลิ่นชาขิงอุ่น ๆ เริ่มลอยคลุ้งไปทั่วห้องนั่งเล่น ทั้งสี่คนฮานะ, เซียวเล่ห์, เคียว และโซระนั่งรวมตัวกันตรงโซฟาแบบไม่มีใครรีบจะลุกไปไหนบทสนทนาไหลเรื่อยไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องละครเมื่อคืน เกมที่เคียวเล่นแพ้ไม่เป็นท่า หรือแม้แต่เรื่องชวนหัวเราะอย่างท่าทางตอนหลับของโซระที่เจ้าตัวยืนยันว่า “ไม่ได้กรน!”บรรยากาศดีจนกระทั่ง…“ฉันตั้งใจจะขอฮานะแต่งงาน”เสียงของเซียวเล่ห์นิ่ง สุขุม แต่ออกมาชัดเจนราวกับค้อนกระแทกกลางโต๊ะทุกคนหันขวับฮานะชะงักไปนิด ก่อนจะหันไปจ้องเขาตาโต “เมื่อไหร่นายจะ…บอกฉันก่อนได้ไหม?!”เซียวเล่ห์หันมายิ้มบาง ๆ ให้เธอ “ก็บอกอยู่ตอนนี้ไง”โซระอ้าปากพะงาบ กำถ้วยชาขิงแน่น ส่วนเคียวถึงกับชะงักมือที่กำลังจะหยิบคุกกี้เข้าปาก“แต่งงาน?!” เคียวทวนคำ “น้องจะแต่งก่อนพี่ได้ยังไงวะเนี่ย?!”“เกี่ยวอะไรกับนาย?” เซียวเล่ห์เลิกคิ้ว“โถ่ ไอ้เล่ห์! ถ้านายแต่งก่อน ฉันก็โดนล้อแน่ดิ!” เคียวโอดครวญ “แถมโซระยังอยู่ข้าง ๆ ด้วย ฉันไม่สามารถแพ้ได้!”โซระหันขวับมามอง “เอ๊ะ?! เรื่องนี้ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย?”เคียวชี้นิ้วทันที “ถ้าเซียวเล่ห์จะขอแต่ง ฉ
ตอนที่ 50. เอาคืนแสงไฟในห้องสลัวลงจนแทบมืดสนิท เสียงลมหายใจที่แผ่วเบาและเสียงกระซิบอ่อนโยนกลมกลืนไปกับความเงียบงันของค่ำคืนเซียวเล่ห์ค่อย ๆ ขยับตัวเหนือร่างของฮานะ ราวกับกลัวว่าจะทำให้เธอหวาดกลัวหรือเจ็บปวดมือใหญ่ลูบไล้เรียวแขนที่โอบกอดเขาอย่างมั่นคง ก่อนจะค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปสัมผัสบริเวณต้นคอที่บอบบางฮานะหลับตาพริ้มพร้อมกับปล่อยใจให้ความรู้สึกนั้นซึมลึกเข้าไปในทุกเส้นใยของร่างกายริมฝีปากของเซียวเล่ห์โอบอุ้มริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะเริ่มจูบคลอเคล้าอย่างช้า ๆเหมือนต้องการบอกทุกความรู้สึกผ่านสัมผัสนี้ทั้งคู่ผ่อนคลายลง ร่างกายและหัวใจเคลื่อนเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติเซียวเล่ห์ถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีฮานะสายตากล้าหาญแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ส่งเสียงกระซิบ “ฉันไว้ใจคุณ...เต็มที่”มือทั้งสองจับกันแน่นเป็นสัญญาแห่งความรักและความมั่นคงเขาค่อย ๆ ก้าวเข้าหาเธออีกครั้ง ร่างกายสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นทุกจังหวะทุกสัมผัสล้วนบอกเล่าความต้องการและความรักที่ไม่มีวันลดน้อยลงในคืนนั้น เวลาหยุดเดิน ความรู้สึกทั้งหมดถ่ายทอดผ่านก
ตอนที่ 49. ร่วมรักทั้งสองนั่งเคียงข้างกันบนระเบียงขนาดกะทัดรัด ใบหน้าของฮานะยังคงเปี่ยมไปด้วยความสงบ ริมฝีปากยิ้มบาง ๆ ขณะที่แสงสีส้มทองของพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปช้า ๆสายลมเย็นพัดเบา ๆ ปะทะใบหน้า เหมือนเป็นบทเพลงธรรมชาติที่บรรเลงไว้เพียงเพื่อพวกเขาสองคนเสียงนกร้องไกล ๆ กับกลิ่นหญ้าระเบียงชั้นบน ทำให้เวลาที่หยุดนิ่งไปเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตเขาหยิบกล่องอาหารเย็นเล็ก ๆ ออกมา ท่ามกลางรอยยิ้มที่ซ่อนความสุขเงียบ ๆ“กินด้วยกันไหม?” น้ำเสียงนุ่มลึกถามอย่างอ่อนโยนเธอพยักหน้าอย่างอ่อนแรง แต่สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นพวกเขาแบ่งอาหารจากกล่องนั้นอย่างตั้งใจ อาหารมื้อนี้ไม่มีความรีบร้อน มีเพียงความรู้สึกที่ค่อย ๆ เติมเต็มใจทั้งสองคนหลังอาหารเย็น พวกเขายังนั่งกันต่อไม่ลุกไปไหน ท้องฟ้ากลายเป็นสีครามเข้ม และดาวดวงเล็ก ๆ เริ่มผุดขึ้นทีละดวงเซียวเล่ห์ลูบมือของฮานะอย่างช้า ๆ “คืนนี้ดาวสวยมากนะ”“เหมือนชีวิตที่เราจะเริ่มต้นใหม่...ด้วยกัน”สองมือประสานกันแน่นขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนอนราบลงบนเก้าอี้เลานจ์ที่เตรียมไว้เงาจันทร์สาดส่องลงมาเป็นประกายเงินบนผิวหน้าทั้งสองราวกับมีเว
ตอนที่48. ฮานะเซียวเล่ห์ห้องพักฟื้นถูกแสงแดดอ่อนส่องลอดผ่านม่านสีครีมเข้ามา เสียงเครื่องวัดชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กลิ่นยาสะอาดลอยแตะจมูกตลอดเวลาเซียวเล่ห์นั่งเงียบอยู่ข้างเตียงคนไข้ ร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมสบหน้าคนที่นอนหลับสนิทบนเตียงสีขาว — ฮานะยังคงซีดเซียวจากบาดแผลที่ได้รับจากการปะทะเมื่อคืน แม้หมอจะบอกว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าหลับเลยสักวินาทีมือเรียวของฮานะวางนิ่งอยู่ข้างลำตัว นิ้วก้อยของเธอถูกเขาเกี่ยวเอาไว้เบา ๆ คล้ายคำสัญญาเงียบ ๆ ว่าเขาจะไม่ไปไหนดวงตาของเธอกระพริบขึ้นช้า ๆ เหมือนพยายามฝืนลืมตามองหาใครบางคน“เซียว…เล่ห์…”“อยู่ตรงนี้” เขาขานรับแทบจะทันที พร้อมกับโน้มตัวลงใกล้ แล้วใช้นิ้วแตะไรผมที่ปรกหน้าผากเธอออกให้“ไม่ต้องฝืนนะฮานะ หลับต่อก็ได้”“เจ็บ…จังเลย…”น้ำเสียงแผ่วเบานั้นทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะมือเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยนที่สุด“ฉันรู้…เธอเจ็บ แต่เธอปลอดภัยแล้ว ฉันจะดูแลเธอเอง ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”เมื่อเธอหลับไปอีกครั้ง เขาจึงลุกขึ้น เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่กับกะละมังน้ำอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง ค่อย ๆ เช็ด