“ แม่ของเธออาการทรุด เพราะภาวะแทรกซ้อนกับโรคที่เป็นอยู่ ฉันเลยพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็มารอเธอที่บ้านเพราะไปหาที่ตลาดแล้วไม่เจอ ตอนนี้แม่เธอรอเธออยู่” เจ้าไฟพูดด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายเขาทั้งๆ ที่เขายอมลดตัวมานั่งรอเธอตั้งหลายชั่วโมง คิดแล้วเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด
“ ไม่!! ไม่ใช่ความจริง แม่ฉันแข็งแรงจะตาย” แก้มขวัญไม่อาจจะเชื่อที่เขาพูด แต่ตัวเธอกลับสั่นไปมาเพราะความรู้สึกของเธอมันสังหรณ์บอกกับเธอว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ใจของเธออยากให้เขาแค่โกหก ให้เขาหลอกเธอไปฆ่าไปขายทิ้งซะยังดีกว่าอีก คิดแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพร่า ดวงใจดวงน้อยสั่นไหวดั่งรับรู้ว่าแม่คงจะรอเธออยู่จริงๆ ระหว่างที่แก้มขวัญกำลังร้องไห้ เจ้าไฟก็แอบเหลือบมองเธออยู่หลายครั้ง ยิ่งเห็นริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาก็เผลอยกขึ้นทาบปากตัวเอง เมื่อกี้เขาโมโหหนักแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเธอด้วยการจูบ คิดแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาแหกปากต่อหน้า เขาคงจะตบให้ปากแตกแทนที่จะคิดทำเช่นนั้น ไม่นานรถของเขาก็มาจอดที่โรงพยาบาล แก้มขวัญรีบเปิดประตูลงรถและวิ่งเข้าไปข้างใน “ แก้มขวัญ” เมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินก็เห็นว่าป้านุ่นกำลังยืนรอเธออยู่ “ ป้า แม่แก้มเป็นอะไรคะ แม่ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมทุกคนหลอกแก้มใช่มั้ย” แก้มขวัญจับมือป้านุ่นขึ้นมาพลางเขย่าขึ้นลง อยากจะขอให้คนตรงหน้าปรานีเธอด้วยการบอกว่ามันคือเรื่องโกหก ซึ่งทุกการกระทำของเธอต่างอยู่ในสายตาของเจ้าไฟ ที่เพิ่งจะเดินตามเข้ามา เขามองมาที่ใบหน้าของเธอซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ก็รู้สึกแปลกๆ “ แก้ม ใจเย็นๆ นะลูก” คำตอบที่ป้านุ่นตอบกลับ เหมือนจะทำให้หญิงสาวใจสลายเธอร้องไห้หนักกว่าเดิม “ไปหาแม่ไปคุยกับแม่เขานะลูกนะ” เมื่อยอมรับในสิ่งที่เกิดแล้ว หญิงสาวก็วิ่งพรวดเข้าไปในห้อง เธอเห็นว่าแม่ของเธอนั้นนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทีอิดโรย “ แม่ แม่เป็นอะไร” แก้มขวัญเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างแม่ของเธอ มือเล็กกุมมือของแม่ไว้ “ แม่จ้ะ แม่แค่ล้อเล่นใช่มั้ย ฮื้อ” เธอพยายามซักไซ้แม้จะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว กมลยื่นมือมาลูบคลำที่แก้มกลมๆ ของลูกสาวอย่างเอ็นดู ลูกสาวของเธอเกิดมามีแก้มกลมสวยน่ารักจนได้ชื่อว่าแก้มขวัญ แต่มาบัดนี้แก้มใสนั้นพลันเปื้อนไปด้วยน้ำตา “ แก้มเห็นแม่แข็งแรงดีทุกวัน แล้วแม่เป็นแบบนี้ได้ยังไงจ๊ะ” เมื่อแม่ไม่ตอบแก้มขวัญก็เอ่ยขึ้นอีก ตอนที่มองหน้าซีดเซียวของแม่ใจเธอมันเจ็บปวดทรมาน ที่ต้องมาเห็นคนที่รักอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ “ แม่ แม่เจ็บไหมจ๊ะ” กมลมองที่หน้าลูกของเธอแล้วก็น้ำตาไหล มันคงถึงเวลาแล้ว ที่แก้มใสๆ ของลูกสาวของเธอจะต้องมีเจ้าของเสียที “ แม่รักลูกนะแก้มขวัญ แม่อยากให้ลูกปลอดภัย ลูกทำเพื่อแม่ได้ไหม” แก้มขวัญชะงักให้กับคำพูดของมารดา “ แล้วแม่จะไปไหน แม่จะไม่อยู่กับแก้มเหรอ ไม่นะ! แม่ห้ามไปไหนนะแม่” หญิงสาวกอดแขนของแม่ไว้พลางหมอบหน้าลงกับเตียงและร้องไห้โฮ “ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำไว้ให้ แม่อยากให้ลูกรู้เอาไว้ ว่าแม่ทำไปเพราะว่าแม่รัก และลูกก็ต้องทำตามนะ ไม่เช่นนั้นแม่อาจจะตายตาไม่หลับ” แก้มขวัญฟังเช่นนั้นเธอก็จำใจพยักหน้ารับอย่างฝืนๆ กมลจึงได้มองไปยังเจ้าไฟที่ยืนกอดอกมองมาตรงประตูทางเข้า เขาเห็นแบบนั้นจึงได้เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของแก้มขวัญ “ คุณต้องทำตามสัญญานะคะ” สีหน้าของชายหนุ่มดูเลิ่กลั่กเล็กน้อย “ ครับ ผมจะทำตามสัญญา” แต่ก็ตกปากรับคำแต่โดยดี กมลจึงยิ้มจางๆ ราวกับว่าเธอรู้อะไรบางอย่างที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว เธอหันมาเอ่ยคำสุดท้ายกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน “ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูทำตามเสียงของหัวใจนะลูก….” สิ้นคำก็เหมือนว่ากมลจะหมดห่วง ดวงตาของเธอหลับลงพลางจากไปอย่างสงบ “ แม่!! แม่!!! แม่ตื่นสิ!! แม่!!” แก้มขวัญที่เห็นว่าแม่หลับไป เธอก็ตะโกนร้องลั่น พลันรีบลุกเขย่าให้แม่กลับคืนมา โดยมีป้านุ่นคอยมาห้าม “ ไม่จริง!! นี่มันอะไร อ้าก ฮื้อๆ” แก้มขวัญร้องไห้พลางกรีดร้องลั่น เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ แม่ก็บอกว่าป่วยพร้อมกับจากไปกะทันหันแบบนี้เหรอ “ ฮื้อ~แม่! แม่ล้อหนูเล่นใช่มั้ย” แก้มขวัญเขย่าแขนแม่ไปมา อย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นแล้ว “ อย่าลูกพอแล้วลูก แม่เขาไปสบายแล้วนะลูก” “ ฮื้อ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ แล้วแก้มจะอยู่กับใคร” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางหันหน้าไปซบอกของป้านุ่น เธอยังรับไม่ได้และยังไม่ทันได้ตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม่ที่เห็นกันทุกวันและดูจะแข็งแรงดีมาตลอดอยู่ๆ มาบอกว่าป่วยและจากกันไปเสียอย่างนั้น แล้วแบบนี้เธอจะอยู่ต่อเช่นไร ในระหว่างที่แก้มขวัญกำลังร้องไห้ เอลิกก็เหลือบเห็นว่าเจ้านายของเขาแอบยืนหลบปาดน้ำตาอยู่อีกมุมหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปด้านนอก เอลิกจึงเดินตามออกไป “ บอสครับ เห็นแบบนี้แล้วบอสยังจะทำเธอลงอีกเหรอ” เอลิกเอ่ยถามเสียงแผ่ว เจ้าไฟหลับตาถี่ๆ ก่อนรีบหันมาจ้องดุลูกน้อง “ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากที่ได้สัญญาไว้กับแม่ของเด็กนั่นนิ” งานศพของกมลได้ถูกจัดขึ้นโดยมี อนาลาหรือเจ้าไฟ เป็นเจ้าภาพให้ในฐานะที่เขาเป็นเจ้านายของกีรติกร “ ลูกน้องของคุณกลับไปแล้ว แต่ทำไมคุณถึงยังไม่กลับ” คืนสุดท้ายก่อนวันเผาศพ เวลานี้แขกทยอยกลับกันหมดแล้ว แก้มขวัญก็เดินออกมานั่งหลบมุมเงียบๆ คนเดียวเหมือนทุกคืนซึ่งทุกครั้งจะมีเจ้าไฟเดินมานั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ ทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับได้เอ่ยพูดบางอย่างกับเขา “ ฉันก็แค่ให้เอลิกกลับไปดูงานให้ก่อน ส่วนฉันนะไม่จำเป็นต้องกลับหรอก” แก้มขวัญหันไปจ้องหน้าของเขาด้วยความแปลกใจ “ ทำไมคุณต้องมาทำดีกับฉันขนาดนี้ด้วย เพราะแค่อยากให้ฉันไปทำงานกับคุณน่ะเหรอ?” เธอถามเขาอย่างไม่เข้าใจ แก้มขวัญรู้เรื่องที่แม่ยกเธอให้ไปทำงานกับเขาที่ต่างประเทศแล้ว จากจดหมายที่แม่เขียนและฝากป้านุ่นไว้ให้ “ ก็มีส่วน แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่าฉันรับปากกับแม่ของเธอไว้แล้ว” และอีกอย่างแผนการจับเธอไปกักขังและแก้แค้นมันก็ต้องดำเนินต่อด้วย ชายหนุ่มคิดระหว่างที่สบตากับหญิงสาว “ แล้ววันนั้นคุณคุยอะไรกับแม่ของฉัน” เขามองเข้าไปที่ตาแดงๆ ของเธอก่อนจะนึกย้อนไปถึงวันนั้นในเวลาเดียวกันที่หน้าบ้านของแก้มขวัญ มีรถตู้สีดำคันหรูจอดอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับชายชุดดำ 4-5 คนเดินเพ่นพ่านไปมา หนึ่งในนั้นมีชายกลางคนซึ่งกำลังชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้าน “ แก้ม แก้มขวัญ” เสียงของเขาเอ่ยเรียกชื่อของลูกสาว เจ้าสัวพิทักษ์ที่เพิ่งได้รับข่าวว่าเมียคนนี้ของเขาเสียชีวิตลงเขาก็เกิดกระวนกระวายใจเป็นห่วงความเป็นอยู่ของแก้มขวัญ จึงได้หาเวลาบึงรถมาหา และหวังว่าลูกสาวที่เขาไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นจะยินยอมไปอยู่กับเขา “ ไม่มีใครอยู่เลยครับเจ้าสัว” ลูกน้องของเขาที่เดินขึ้นไปเคาะประตูบ้านเดินลงมาแจ้งข่าว “ ห๊ะ!! แล้วแบบนี้ลูกสาวฉันจะไปอยู่ที่ไหนได้! เป็นเพราะพวกแกเลย!! พวกแกเอาเรื่องที่เกตน์เสียไปบอกฉันช้า!!”พิทักษ์ต่อว่าลูกน้องอย่างเดือดดาลซึ่งพวกมันก็ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับผิด “ เจ้าสัวครับ ผมไปถามพวกชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้มา เขาบอกผมมาว่าคุณหนูแก้มขวัญย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศครับ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามารายงาน มันยิ่งทำให้พิทักษ์ตาเหลือกโต “ อะไรนะ!!! สามี! หมายถึงผัวอย่างนั้นเหรอ ลูกสาวฉัน!! ลูกสาวฉันไปมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่! ไหนตอนให้มาตามดูพวกมึงบอกว่าลูกกูไม่มีแม้แต่คนรั
‘ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ของกีรติกรครับ’ ‘ คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ’ กมลเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดั่งรู้คำตอบ ‘ ผมอยากให้คุณยกลูกสาวให้ผมครับ’ ‘ หะ!’ เวลานั้นทั้งนุ่นและกมลต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้เอลิกต้องรีบยื่นมือมาสะกิดแขนบอสของเขาให้รีบเอะใจกับคำพูดตัวเอง ‘ อ่า เอ่อ! ผมหมายความว่าผมอยากได้ลูกสาวคุณไปทำงานด้วยนะ! วันก่อนผมไปหาเธอที่ตลาดแต่เธอไม่ยอมฟังผมเลย ผมก็เลยอยากจะมาขอให้คุณช่วยคุยกับเธอให้หน่อย’ เขารีบอธิบายซึ่งหญิงกลางคนทั้งสองก็มองที่เขาด้วยแววตาที่เหมือนจะเข้าใจ ‘ ลูกสาวฉันจบแค่มัธยม ความรู้ที่มีก็แค่ทำขนมขายเลี้ยงชีพไปวันๆ แล้วคุณจะอยากได้ลูกสาวฉันไปทำงานอะไรคะ’ กมลถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘ คือ ผมจะเปิดรีสอร์ทที่เกาะเออร์นาร์ดอเมริกานะ แล้วก็มีแผนว่าจะเปิดห้องอาหารที่มีขนมโบราณแสนอร่อย แบบที่ลูกสาวของคุณทำขาย ไว้ให้ชาวต่างชาติไปลองชิม แล้วได้ยินมาว่า’ (ได้ยินมา ✖ ; สืบมา✔) ‘กีรติกรเธอทำขนมอร่อยมากแถมยังทำเป็นหลายอย่าง ผมก็เลยสนใจอยากจะได้เธอไปเป็นหัวหน้าห้องขนมที่รีสอร์ทของผมครับ’ ‘แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง ไม่ใช่ว่า
“ แม่ของเธออาการทรุด เพราะภาวะแทรกซ้อนกับโรคที่เป็นอยู่ ฉันเลยพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็มารอเธอที่บ้านเพราะไปหาที่ตลาดแล้วไม่เจอ ตอนนี้แม่เธอรอเธออยู่” เจ้าไฟพูดด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายเขาทั้งๆ ที่เขายอมลดตัวมานั่งรอเธอตั้งหลายชั่วโมง คิดแล้วเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด “ ไม่!! ไม่ใช่ความจริง แม่ฉันแข็งแรงจะตาย” แก้มขวัญไม่อาจจะเชื่อที่เขาพูด แต่ตัวเธอกลับสั่นไปมาเพราะความรู้สึกของเธอมันสังหรณ์บอกกับเธอว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ใจของเธออยากให้เขาแค่โกหก ให้เขาหลอกเธอไปฆ่าไปขายทิ้งซะยังดีกว่าอีก คิดแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพร่า ดวงใจดวงน้อยสั่นไหวดั่งรับรู้ว่าแม่คงจะรอเธออยู่จริงๆ ระหว่างที่แก้มขวัญกำลังร้องไห้ เจ้าไฟก็แอบเหลือบมองเธออยู่หลายครั้ง ยิ่งเห็นริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาก็เผลอยกขึ้นทาบปากตัวเอง เมื่อกี้เขาโมโหหนักแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเธอด้วยการจูบ คิดแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาแหกปากต่อหน้า เขาคงจะตบให้ปากแตกแทนที่จะคิดทำเช่นนั้น ไม่นานรถของเขาก็มาจอดที่โรงพยาบาล แก้มขวัญรีบเปิดประตูลงรถและวิ่งเข้าไปข้างใน “ แก้มขวัญ” เมื่อ
“ แกเป็นอะไรกมล” นุ่นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับกมล วันนี้ได้เดินมาหาหวังจะคุยเล่นกันที่บ้าน แต่ดันเจอเพื่อนนั่งซึมเศร้าอยู่บนแคร่ จึงได้เอ่ยถามอย่างห่วงใย “ นุ่น ฉันมีอะไรจะบอกแล้วก็ปรึกษาแกว่ะ” “ พูดมาสิ” นุ่นนั่งขัดสมาธิลงข้างเพื่อนพร้อมกับสีหน้ารอรับฟังซึ่งน่าจะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว “ ฉันป่วยหนัก ใกล้ตายแล้วน่ะ” “ หะ ล้อเล่นปะ ฉันยังเห็นแกแข็งแรงดีอยู่เลยกมล อย่ามาอำกันสิ” “ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใกล้ตายไงล่ะ” นุ่นฟังแบบนั้นจากที่มีสีหน้าขำขันก็พลันเงียบไปในทันที เธอจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังก้มหน้าเศร้าก่อนเอ่ยถามแผ่วเบา “ แล้วแกเป็นโรคอะไรเหรอ” กมลถอนหายใจเบาๆ ให้กับคำถาม “ ฉันเป็นมะเร็งปอด แล้วก็มีภาวะหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน มันอาจไปได้ทุกเมื่อเลยนะเว้ย” มือของกมลนั้นสั่นไปมาขณะที่เธอเอ่ย นุ่นรีบยื่นมือมาจับมือเพื่อนเอาไว้ “ แก…” “ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงมากตอนนี้ก็คือแก้มขวัญ ถ้าฉันตายแก้มมันจะอยู่ยังไง ฉันไม่ต้องการให้มันกลับไปอยู่กับพ่อ ฉันอยากให้มีคนมาพามันหนีไอ้พิทักษ์ไปไกลๆ เลย ใครมันจะทำให้ฉันได้บ้างไหมวะแก” กมลพูด
“ ขอบใจนะจ้ะ โอกาสหน้ามาใหม่นะ ทำสดใหม่ทุกวันเลย” เมื่อแก้มขวัญขายขนมให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่มารอซื้อเสร็จ เธอก็เท้าเอวหันมามองชายแปลกหน้า ตัวใหญ่อย่างกับหมี ที่แอบจิกขนมใส่ไส้ของเธอไปนั่งกินเต็มปากเต็มคำ และยังถือไว้ในมืออีกหลายห่อไม่ยอมวางลง “ นี่! คุณยังไม่ยอมกลับอีกเหรอ” เจ้าไฟหันมามองที่หญิงสาว ด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย “ เจ้าของแผงยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย ลูกค้าเยอะขนาดนี้แต่ปล่อยให้เด็กประถมมาเฝ้าร้านให้ เดี๋ยวก็เจ๊งกันหมดพอดี” เขาเอ่ยพร้อมวางขนมในมือลง ก่อนลุกยืนแล้วปัดมือสองข้างใส่กันไปมากลางอากาศ ดวงตาคู่ดุก็จ้องมองที่หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังชะเง้อคอยาวมองเขาตาไม่กระพริบ “ นี่ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ ที่จะมายืนรอ ต่อล้อต่อเถียงเล่นกับเธอน่ะ” เขาว่าพลางขมวดคิ้วใส่ “ ฉันก็บอกให้คุณพูดมาเลยไงค่ะ รีบพูดมาซะสิ!” เจ้าไฟถอนหายใจแรง “ ก็ฉันบอกว่าฉันจะพูดกับเจ้าของแผง ไม่ใช่เด็กน้อยแบบเธอ!” หญิงสาวเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะถามเขากลับด้วยเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ “ ใคร! ใครเด็กไม่ทราบ ฉันจะ 20 แล้ว ว๊าย!” แก้มขวัญพยายามจะเขย่งเท้าทำตัวให้สูงเพื่อหวังให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่ใช่เด็ก แต
“ ขับเร็วๆ หน่อยสิเอลิก ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าไฟที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ในรถ บ่นออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่านั่งรถมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงที่หมายสักที “ ครับๆ เอะ! นั่นไม่ใช่รถคุณนีวายเหรอครับบอส” เจ้าไฟหันไปมองตามที่เอลิกทัก ก็เห็นว่าเป็นนีวายจริงๆ แต่ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะมีความสุขอะไรสักอย่าง จนไม่ได้สังเกตรถของเขาที่วิ่งสวนมา “ สงสัยคงเครียดเรื่องงาน แล้วออกมาหาที่พักผ่อนมั้ง ” เขาเดาสุ่มไปอย่างนั้น ก่อนจะเงยมองทางด้านหน้าต่อ เอลิกจึงชวนเขาคุย “ อืม สงสัยคงเครียดเรื่องแก้แบบรีสอร์ทที่บอสสั่งแน่เลย แต่ผมว่าคุณนีวายเนี่ยทำได้ดีมากนะครับ รีสอร์ทของบอสคงจะออกมาดีแน่ๆ” “ เอ้อ! แกไม่ต้องมาชวนฉันคุย รีบขับรถไปให้มันถึงเถอะ” “ ครับ” เอลิกรีบเม้มปากแน่นหดคอเข้าทันที เนื่องจากรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาคงหัวร้อนที่ความเร็วรถไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย ไม่นานรถหรูก็แล่นเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าตลาด “ แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มโผล่ถามเสียงดังทันทีเมื่อรถจอดสนิท “ อ๋อ พอดีผมลืมบอกนะครับ ข้อมูลที่ผมได้มาคุณกีรติกรเธอมีแผงขายขนมที่ตลาดนี้ ผมคิดว