‘ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ของกีรติกรครับ’
‘ คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ’ กมลเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดั่งรู้คำตอบ ‘ ผมอยากให้คุณยกลูกสาวให้ผมครับ’ ‘ หะ!’ เวลานั้นทั้งนุ่นและกมลต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้เอลิกต้องรีบยื่นมือมาสะกิดแขนบอสของเขาให้รีบเอะใจกับคำพูดตัวเอง ‘ อ่า เอ่อ! ผมหมายความว่าผมอยากได้ลูกสาวคุณไปทำงานด้วยนะ! วันก่อนผมไปหาเธอที่ตลาดแต่เธอไม่ยอมฟังผมเลย ผมก็เลยอยากจะมาขอให้คุณช่วยคุยกับเธอให้หน่อย’ เขารีบอธิบายซึ่งหญิงกลางคนทั้งสองก็มองที่เขาด้วยแววตาที่เหมือนจะเข้าใจ ‘ ลูกสาวฉันจบแค่มัธยม ความรู้ที่มีก็แค่ทำขนมขายเลี้ยงชีพไปวันๆ แล้วคุณจะอยากได้ลูกสาวฉันไปทำงานอะไรคะ’ กมลถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘ คือ ผมจะเปิดรีสอร์ทที่เกาะเออร์นาร์ดอเมริกานะ แล้วก็มีแผนว่าจะเปิดห้องอาหารที่มีขนมโบราณแสนอร่อย แบบที่ลูกสาวของคุณทำขาย ไว้ให้ชาวต่างชาติไปลองชิม แล้วได้ยินมาว่า’ (ได้ยินมา ✖ ; สืบมา✔) ‘กีรติกรเธอทำขนมอร่อยมากแถมยังทำเป็นหลายอย่าง ผมก็เลยสนใจอยากจะได้เธอไปเป็นหัวหน้าห้องขนมที่รีสอร์ทของผมครับ’ ‘แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง ไม่ใช่ว่ามาหลอกเอาลูกฉันไปขายนะ’ กมลถามเพราะอยากดูปฏิกิริยาของชายหนุ่ม ซึ่งเจ้าไฟเขาก็ได้คิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาหันไปมองหน้าของเอลิก เอลิกจึงยื่นเอกสารที่เป็นข้อมูลของเจ้านายเขาทั้งยังเปิดประวัติของอนาลาในเน็ตให้หญิงทั้งสองได้อ่านและพิจารณาดู ‘ อศิร ศิลาหัตร์ทัย’ กมลกับนุ่นอุทานชื่อนี้ขึ้นมาพร้อมกัน เนื่องจากอศิรเคยเป็นคนดังสมัยพวกเธอเป็นสาวแรกแย้ม แถมยังเป็นที่รู้จักในนามของเสี่ยโอมอีก และในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครไม่รู้จักเขาในนามนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง เห็นดั่งนั้นแล้วกมลจึงค่อยๆ เงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าพลางมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นตอนที่ชายหนุ่มเฉลย ‘ อือ ผมเป็นลูกชายคนโตของเขาครับ คุณอศิร เขาเป็นคุณพ่อของผม’ กมลอมยิ้มด้วยท่าทีโล่งอก อย่างน้อยก็ปัดประเด็นที่ว่าเขาเป็นคนไม่ดีออกไป กมลเปิดดูหน้ากระดาษถัดไปก่อนที่เธอจะชะงัก ‘ นั่นคือเหล่าทีมงานที่จะไปอเมริกากับผมในครั้งนี้’ในรูปนั้นเป็นรูปถ่ายรวมกลุ่มมีคนไม่มากนักแต่ที่กมลจ้องมองไม่กระพริบคือในนั้นมีนีวาย ผู้ชายที่เธอถูกชะตายืนกอดคอกับนายอนาลาคนนี้อยู่อย่างสนิทชิดเชื่อ กมลปรายตาขึ้นมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง พลางเห็นถึงอะไรบางอย่างที่เด่นกว่านีวายเป็นไหนๆ เธอรีบส่ายหน้าเพื่อให้ตัวเองได้กลับมาอยู่กับความเป็นจริง ‘ แล้วถ้าฉันยอมให้ลูกสาวของฉันไปกับคุณ ลูกฉันจะได้อะไรบ้างล่ะ’ เจ้าไฟยิ้มหวานในทันทีพลันยื่นกระดาษอีกใบที่เขาถือไว้ให้กับกมล ‘ นั่นคือข้อตกลงทั้งหมดที่ผมมีให้แก่พนักงานของผม แล้วตรงที่เหลืออีกสองบรรทัดข้างล่าง ผมให้สิทธิพิเศษคุณจะเขียนอะไรตามที่คุณต้องการลงไปก็ได้ ถ้ามันอยู่ในส่วนที่ผมสามารถให้ได้ ผมจะให้’ กมลดูที่เอกสาร ในนั้นมีข้อมูลที่พนักงานทั่วไปจะต้องได้รับ และดูน่าเชื่อถือ ‘ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเพิ่มสองข้อในนั้น’ ‘ คุณลองเสนอมาเลย’ ‘ กมล’ นุ่นเอ่ยปรามเพื่อนเพราะไม่คิดว่ากมลจะยอมยกลูกสาวให้คนแปลกหน้าได้ง่ายขนาดนี้ กมลก็หันมาจ้องกลับ สายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอคิดดีแล้ว เธอหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง ‘ ฉันขอให้คุณปกป้องลูกสาวของฉันจากภัยอันตรายทุกอย่างดั่งว่าเธอเป็นคนในครอบครัวของคุณ และอย่าทิ้งขว้างตอนที่ลูกสาวของฉันไม่มีที่ไป ถ้าคุณรับปากฉันจะยอมยกลูกสาวให้กับคุณ’ นุ่นที่ฟังถึงกับกุมขมับเพื่อนของเธอมองเห็นอะไรในตัวพ่อหนุ่มคนนี้กัน ถึงได้ยอมยกลูกสาวที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจให้ง่ายขนาดนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาเพื่อนของเธอจะรู้เห็นอนาคตได้แม่นก็จริง แต่เธอก็อดห่วงแก้มขวัญที่รักดั่งหลานสาวไม่ได้อยู่ดี ‘ ผมตกลง ตกลงตามนั้นครับ คุณเขียนลงไปในนั้นได้เลย แล้วอย่าลืมลงลายเซ็นให้ด้วยนะ’ กมลทำตามที่เจ้าไฟบอก ก่อนที่เธอจะรู้สึกเจ็บหน้าอกเหมือนกับทุกๆ วัน แต่ครั้งนี้มันรุนแรงกว่าเดิม กมลรู้ได้ในทันทีว่าเวลาของเธอมาถึงแล้ว ตอนนี้เธอหมดห่วงเรื่องแก้มขวัญ ทำให้ร่างกายของเธอรับรู้แล้วกำลังจะเอาตัวเธอไป ‘ อะ’ ‘ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า’ เจ้าไฟถามเธอที่กำลังยกมือกุมอก กมลจึงยื่นมือไปกระชากแขนเสื้อของเขา ‘ ถ้าคุณผิดสัญญาฉันจะไปหักคอคุณ’ เจ้าไฟถึงกับยืนนิ่ง และยืนมองกมลร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดด้วยความไม่เข้าใจก่อนที่เขาจะรีบหันไปบอกเอลิก ‘ เอลิกพาคุณกมลไปส่งโรงพยาบาล!’ เมื่อคิดถึงเรื่องวันนั้นเจ้าไฟก็ยังแปลกใจไม่หาย เขาจ้องหน้าหญิงสาวที่กำลังรอเอาคำตอบจากเขาอยู่ “ ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมายหรอก แค่พูดเรื่องการจ้างงานทั่วไป” แก้มขวัญเบือนหน้าหนีทันที ความจริงป้านุ่นเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้เธอฟังหมดแล้ว เพียงแค่เธออยากลองฟังจากปากเขา คำถามที่เธอไม่เข้าใจผุดเข้ามาในหัว ทำไมแม่ต้องอยากยกเธอให้ผู้ชายคนนี้ แล้วทำไมหลังจากทำสัญญากับเขาเสร็จ แม่ถึงได้จากไป เธออยากโกรธเขาที่โผล่มา แต่ป้านุ่นกลับบอกว่าแม่สั่งให้เธอไปกับเขาเพราะเขาจะดูแลเธอแทนแม่ คิดไปปรายตาของเธอก็เหลือบมองหน้าเขาไป ทำไมกันนะ!ทำไมต้องเป็นเขาคนนี้ หลายวันต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นงานของกมลหมดแล้ว วันนี้แก้มขวัญยืนถือกระเป๋าน้ำตาซึมอารัยอาวรณ์บ้านที่ตัวเองอยู่มาตั้งแต่จำความได้ “ ฉันจะได้กลับมาอยู่บ้านหลังนี้อีกไหมนะ” ระหว่างที่เธอกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ได้มีความสุขกับมารดาในบ้าน รถหรูคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดใกล้ “ กีรติกร” เธอหันไปมองตามเสียงจึงเห็นว่าตอนนี้เจ้าไฟได้มารับเธอแล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงรถหรูจ้องมองเธออยู่ สายตาของเขาแฝงความไม่พอใจน้อยๆ ที่เห็นเธอยืดยาด “ มาขึ้นรถสิ ฉันไม่ได้ว่างจะอยู่ที่นี่ทั้งวันนะ ” แก้มขวัญหายใจแรง ถ้าเขาไม่ว่างแล้วจะมารับเธอเองทำไม หญิงสาวบ่นในใจก่อนเดินไปขึ้นรถ เมื่อรถขับออกมาได้ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มที่เห็นว่าบรรยากาศเงียบๆ ราวกับว่าคนข้างกายกำลังเศร้า เขาจึงได้เอ่ยหาเรื่องคุยคลายความอึดอัด “ ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าเธอจะเก็บกระเป๋ามากับฉันง่ายขนาดนี้ นึกว่าจะขอผลัดไปอีกสัปดาห์ซะอีก” น้ำเสียงที่เขาพูดมานั้นแฝงความเย้ยหยันไม่น้อย แก้มขวัญที่ก้มหน้าอยู่จึงเอ่ยกับเขาเสียงเบา “ เมื่อคืนแม่มาเข้าฝัน ว่าให้ฉันไปกับคุณวันนี้” คำพูดของหญิงสาวดูเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้เจ้าไฟถึงกับชะงักไป ความจริงที่เขายอมขับรถมารับเธอเองก็เพราะกลัวกมลเหมือนกัน นี่ถ้าเขาผิดสัญญาพวกนั้นแล้วทำตามแผนแก้แค้นของตัวเอง กมลจะไม่มาหักคอเขาจริงๆ ใช่มั้ย คิดแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก ก่อนที่เขาจะพูดกับเธอด้วยคำพูดที่สวนกับความคิด “ แม่เธอท่านคงเป็นห่วงนั่นแหละ” หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีคำพูดใดๆ เอ่ยออกมาจากปากของทั้งสองอีกในเวลาเดียวกันที่หน้าบ้านของแก้มขวัญ มีรถตู้สีดำคันหรูจอดอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับชายชุดดำ 4-5 คนเดินเพ่นพ่านไปมา หนึ่งในนั้นมีชายกลางคนซึ่งกำลังชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้าน “ แก้ม แก้มขวัญ” เสียงของเขาเอ่ยเรียกชื่อของลูกสาว เจ้าสัวพิทักษ์ที่เพิ่งได้รับข่าวว่าเมียคนนี้ของเขาเสียชีวิตลงเขาก็เกิดกระวนกระวายใจเป็นห่วงความเป็นอยู่ของแก้มขวัญ จึงได้หาเวลาบึงรถมาหา และหวังว่าลูกสาวที่เขาไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นจะยินยอมไปอยู่กับเขา “ ไม่มีใครอยู่เลยครับเจ้าสัว” ลูกน้องของเขาที่เดินขึ้นไปเคาะประตูบ้านเดินลงมาแจ้งข่าว “ ห๊ะ!! แล้วแบบนี้ลูกสาวฉันจะไปอยู่ที่ไหนได้! เป็นเพราะพวกแกเลย!! พวกแกเอาเรื่องที่เกตน์เสียไปบอกฉันช้า!!”พิทักษ์ต่อว่าลูกน้องอย่างเดือดดาลซึ่งพวกมันก็ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับผิด “ เจ้าสัวครับ ผมไปถามพวกชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้มา เขาบอกผมมาว่าคุณหนูแก้มขวัญย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศครับ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามารายงาน มันยิ่งทำให้พิทักษ์ตาเหลือกโต “ อะไรนะ!!! สามี! หมายถึงผัวอย่างนั้นเหรอ ลูกสาวฉัน!! ลูกสาวฉันไปมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่! ไหนตอนให้มาตามดูพวกมึงบอกว่าลูกกูไม่มีแม้แต่คนรั
‘ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ของกีรติกรครับ’ ‘ คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ’ กมลเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดั่งรู้คำตอบ ‘ ผมอยากให้คุณยกลูกสาวให้ผมครับ’ ‘ หะ!’ เวลานั้นทั้งนุ่นและกมลต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้เอลิกต้องรีบยื่นมือมาสะกิดแขนบอสของเขาให้รีบเอะใจกับคำพูดตัวเอง ‘ อ่า เอ่อ! ผมหมายความว่าผมอยากได้ลูกสาวคุณไปทำงานด้วยนะ! วันก่อนผมไปหาเธอที่ตลาดแต่เธอไม่ยอมฟังผมเลย ผมก็เลยอยากจะมาขอให้คุณช่วยคุยกับเธอให้หน่อย’ เขารีบอธิบายซึ่งหญิงกลางคนทั้งสองก็มองที่เขาด้วยแววตาที่เหมือนจะเข้าใจ ‘ ลูกสาวฉันจบแค่มัธยม ความรู้ที่มีก็แค่ทำขนมขายเลี้ยงชีพไปวันๆ แล้วคุณจะอยากได้ลูกสาวฉันไปทำงานอะไรคะ’ กมลถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘ คือ ผมจะเปิดรีสอร์ทที่เกาะเออร์นาร์ดอเมริกานะ แล้วก็มีแผนว่าจะเปิดห้องอาหารที่มีขนมโบราณแสนอร่อย แบบที่ลูกสาวของคุณทำขาย ไว้ให้ชาวต่างชาติไปลองชิม แล้วได้ยินมาว่า’ (ได้ยินมา ✖ ; สืบมา✔) ‘กีรติกรเธอทำขนมอร่อยมากแถมยังทำเป็นหลายอย่าง ผมก็เลยสนใจอยากจะได้เธอไปเป็นหัวหน้าห้องขนมที่รีสอร์ทของผมครับ’ ‘แล้วฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง ไม่ใช่ว่า
“ แม่ของเธออาการทรุด เพราะภาวะแทรกซ้อนกับโรคที่เป็นอยู่ ฉันเลยพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็มารอเธอที่บ้านเพราะไปหาที่ตลาดแล้วไม่เจอ ตอนนี้แม่เธอรอเธออยู่” เจ้าไฟพูดด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายเขาทั้งๆ ที่เขายอมลดตัวมานั่งรอเธอตั้งหลายชั่วโมง คิดแล้วเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด “ ไม่!! ไม่ใช่ความจริง แม่ฉันแข็งแรงจะตาย” แก้มขวัญไม่อาจจะเชื่อที่เขาพูด แต่ตัวเธอกลับสั่นไปมาเพราะความรู้สึกของเธอมันสังหรณ์บอกกับเธอว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ใจของเธออยากให้เขาแค่โกหก ให้เขาหลอกเธอไปฆ่าไปขายทิ้งซะยังดีกว่าอีก คิดแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพร่า ดวงใจดวงน้อยสั่นไหวดั่งรับรู้ว่าแม่คงจะรอเธออยู่จริงๆ ระหว่างที่แก้มขวัญกำลังร้องไห้ เจ้าไฟก็แอบเหลือบมองเธออยู่หลายครั้ง ยิ่งเห็นริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาก็เผลอยกขึ้นทาบปากตัวเอง เมื่อกี้เขาโมโหหนักแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเธอด้วยการจูบ คิดแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาแหกปากต่อหน้า เขาคงจะตบให้ปากแตกแทนที่จะคิดทำเช่นนั้น ไม่นานรถของเขาก็มาจอดที่โรงพยาบาล แก้มขวัญรีบเปิดประตูลงรถและวิ่งเข้าไปข้างใน “ แก้มขวัญ” เมื่อ
“ แกเป็นอะไรกมล” นุ่นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับกมล วันนี้ได้เดินมาหาหวังจะคุยเล่นกันที่บ้าน แต่ดันเจอเพื่อนนั่งซึมเศร้าอยู่บนแคร่ จึงได้เอ่ยถามอย่างห่วงใย “ นุ่น ฉันมีอะไรจะบอกแล้วก็ปรึกษาแกว่ะ” “ พูดมาสิ” นุ่นนั่งขัดสมาธิลงข้างเพื่อนพร้อมกับสีหน้ารอรับฟังซึ่งน่าจะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว “ ฉันป่วยหนัก ใกล้ตายแล้วน่ะ” “ หะ ล้อเล่นปะ ฉันยังเห็นแกแข็งแรงดีอยู่เลยกมล อย่ามาอำกันสิ” “ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใกล้ตายไงล่ะ” นุ่นฟังแบบนั้นจากที่มีสีหน้าขำขันก็พลันเงียบไปในทันที เธอจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังก้มหน้าเศร้าก่อนเอ่ยถามแผ่วเบา “ แล้วแกเป็นโรคอะไรเหรอ” กมลถอนหายใจเบาๆ ให้กับคำถาม “ ฉันเป็นมะเร็งปอด แล้วก็มีภาวะหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน มันอาจไปได้ทุกเมื่อเลยนะเว้ย” มือของกมลนั้นสั่นไปมาขณะที่เธอเอ่ย นุ่นรีบยื่นมือมาจับมือเพื่อนเอาไว้ “ แก…” “ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงมากตอนนี้ก็คือแก้มขวัญ ถ้าฉันตายแก้มมันจะอยู่ยังไง ฉันไม่ต้องการให้มันกลับไปอยู่กับพ่อ ฉันอยากให้มีคนมาพามันหนีไอ้พิทักษ์ไปไกลๆ เลย ใครมันจะทำให้ฉันได้บ้างไหมวะแก” กมลพูด
“ ขอบใจนะจ้ะ โอกาสหน้ามาใหม่นะ ทำสดใหม่ทุกวันเลย” เมื่อแก้มขวัญขายขนมให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่มารอซื้อเสร็จ เธอก็เท้าเอวหันมามองชายแปลกหน้า ตัวใหญ่อย่างกับหมี ที่แอบจิกขนมใส่ไส้ของเธอไปนั่งกินเต็มปากเต็มคำ และยังถือไว้ในมืออีกหลายห่อไม่ยอมวางลง “ นี่! คุณยังไม่ยอมกลับอีกเหรอ” เจ้าไฟหันมามองที่หญิงสาว ด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย “ เจ้าของแผงยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย ลูกค้าเยอะขนาดนี้แต่ปล่อยให้เด็กประถมมาเฝ้าร้านให้ เดี๋ยวก็เจ๊งกันหมดพอดี” เขาเอ่ยพร้อมวางขนมในมือลง ก่อนลุกยืนแล้วปัดมือสองข้างใส่กันไปมากลางอากาศ ดวงตาคู่ดุก็จ้องมองที่หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังชะเง้อคอยาวมองเขาตาไม่กระพริบ “ นี่ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ ที่จะมายืนรอ ต่อล้อต่อเถียงเล่นกับเธอน่ะ” เขาว่าพลางขมวดคิ้วใส่ “ ฉันก็บอกให้คุณพูดมาเลยไงค่ะ รีบพูดมาซะสิ!” เจ้าไฟถอนหายใจแรง “ ก็ฉันบอกว่าฉันจะพูดกับเจ้าของแผง ไม่ใช่เด็กน้อยแบบเธอ!” หญิงสาวเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะถามเขากลับด้วยเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ “ ใคร! ใครเด็กไม่ทราบ ฉันจะ 20 แล้ว ว๊าย!” แก้มขวัญพยายามจะเขย่งเท้าทำตัวให้สูงเพื่อหวังให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่ใช่เด็ก แต
“ ขับเร็วๆ หน่อยสิเอลิก ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าไฟที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ในรถ บ่นออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่านั่งรถมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงที่หมายสักที “ ครับๆ เอะ! นั่นไม่ใช่รถคุณนีวายเหรอครับบอส” เจ้าไฟหันไปมองตามที่เอลิกทัก ก็เห็นว่าเป็นนีวายจริงๆ แต่ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะมีความสุขอะไรสักอย่าง จนไม่ได้สังเกตรถของเขาที่วิ่งสวนมา “ สงสัยคงเครียดเรื่องงาน แล้วออกมาหาที่พักผ่อนมั้ง ” เขาเดาสุ่มไปอย่างนั้น ก่อนจะเงยมองทางด้านหน้าต่อ เอลิกจึงชวนเขาคุย “ อืม สงสัยคงเครียดเรื่องแก้แบบรีสอร์ทที่บอสสั่งแน่เลย แต่ผมว่าคุณนีวายเนี่ยทำได้ดีมากนะครับ รีสอร์ทของบอสคงจะออกมาดีแน่ๆ” “ เอ้อ! แกไม่ต้องมาชวนฉันคุย รีบขับรถไปให้มันถึงเถอะ” “ ครับ” เอลิกรีบเม้มปากแน่นหดคอเข้าทันที เนื่องจากรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาคงหัวร้อนที่ความเร็วรถไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย ไม่นานรถหรูก็แล่นเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าตลาด “ แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มโผล่ถามเสียงดังทันทีเมื่อรถจอดสนิท “ อ๋อ พอดีผมลืมบอกนะครับ ข้อมูลที่ผมได้มาคุณกีรติกรเธอมีแผงขายขนมที่ตลาดนี้ ผมคิดว