เจ้าไฟ อนาลา ศิลาหัตร์ทัย >อายุ 29-30< [-หัวร้อนเอาแต่ใจไม่ชอบให้ใครมาเถียงหรือขัดใจ-] เขาพาเธอมา ก็เพื่อแผนการแก้แค้น แต่ทว่าหัวใจดันกระโดดลงไปเล่นในเกมนี้ด้วย ทำให้เส้นทางมาเฟียที่จะได้เป็นต้องเลี้ยวกะทันหัน และเกือบเสียหลักเพราะโดนพ่อตาสั่งกระทืบ แก้มขวัญ กีรติกร >อายุ 19-20< [-นิสัยคล้ายเด็ก ดื้อ ชอบเถียง ขี้อ้อน หลอกง่าย-] วันนั้นที่เขาช่วยชีวิต เธอจึงหวังว่าเขาจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายและเป็นคนที่จะสามารถปกป้องเธอได้ " ฉันชอบคนที่ฟังคำสั่งฉัน!! แต่เธอกลับดื้อด้าน ชอบทำให้ฉันโมโห!!! "
View Moreณ คฤหาสน์ ศิลาแดง ของ อศิร ศิลาหัตร์ทัย หรือที่ทุกคนรู้จักเขาในนามเสี่ยโอมพร้อมภรรยา อดีตนางแบบคนสวยครีมหอม นับเวลานี้ผ่านมาสามสิบกว่าปีเห็นจะได้ แต่ทุกสิ่งอย่างภายในบ้านยังคงเหมือนเดิม เรือนรับรองก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่มุมเดิมของบ้าน ต่างก็แต่ตัวคฤหาสน์ที่ถูกต่อเติมออกไปอีกเพื่อรองรับสี่หน่อของทั้งคู่ ในเวลาเดียวกันนั้นชั้นบนสุดของคฤหาสน์ที่ติดกับมุมสวน ดูกำลังมีเรื่องให้วุ่นวายเฉกเช่นทุกวันเนื่องจากที่ตรงนั้นเป็นห้องทำงานของลูกชายคนโตจอมเอาแต่ใจและหัวร้อนของพวกเขา…
“ ถ้ามันว้อนมาก ก็จัดการส่งมันไปพบยมบาลซะ!” เสียงเข้มและเยือกเย็น สั่งเสียงดังก้อง พร้อมเอกสารในมือฟาดลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย “ รับทราบครับบอส!” เอลิก ผู้ช่วยของ เจ้าไฟ อนาลา ศิลาหัตร์ทัย รับคำสั่งจากหัวหน้าของเขาซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานตรงหน้า หลังจากนั้นเอลิกก็เดินออกไปจัดการตามที่ได้รับคำสั่งทันที “นายน้อยไฟคะ!” “หยุด! จะเข้าไปทำไม!” แม่บ้านชื่อแต๋วร้องตะโกนและกำลังจะวิ่งสวนกับเอลิกเข้าไปในห้องทำงานของอนาลา แต่กลับถูกการ์ดหน้าประตูขวางเอาไว้ “โอ้ย! ถ้าฉันบอกว่า นายหญิงครีมหอมให้มาเรียกนายน้อยไฟไปพบเดี๋ยวนี้! จะให้เข้าไหมหะ!” แต๋วยืนเท้าเอวใส่การ์ดอย่างไม่เกรงกลัว “เออ เธอกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันจะแจ้งบอสเอง” “อย่าลืมบอกนายน้อยด้วยน่ะ ว่าเรื่องด่วน!” พอแต๋วเดินหนีไป การ์ดคนดังกล่าวก็จะเดินเข้าไปรายงานตามที่ได้ยิน “บอสครับ” “ไม่ต้อง” เมื่อการ์ดกำลังจะเอ่ยปาก อนาลาหรือเจ้าไฟที่ได้ยินทุกอย่างแล้วเขาก็ลุกขึ้นขัด พลางเตรียมเดินออกไป เผยให้เห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงสง่า ไหล่กว้างและทรงพลัง เขาเป็นคนที่ดูสุขุมและเคร่งขรึมอยู่เสมอ คิ้วหนาเข้มที่เรียงตัวอย่างสมบูรณ์แบบช่วยขับเน้นดวงตาคมกริบที่มักมองด้วยสายตาแน่วแน่เหมือนสามารถอ่านใจคนได้ ผิวขาวเนียนของเขาชวนให้นึกถึงความบริสุทธิ์ที่ตัดกับบุคลิกอันหนักแน่นและลึกลับ เขาสวมชุดสูทสีแดงเลือดทับกับเสื้อเชิ้ตสีดำ ชุดนั้นกระชับพอดีตัว เผยให้เห็นความแข็งแกร่งของรูปร่าง ราวกับนักล่าผู้ทรงอำนาจในเงามืด เขาเดินอย่างทะมัดทะแมง ออกไปพบผู้เป็นแม่ที่เรียกหา “อ้าว! พี่ไฟมานั่นพอดีเลยครับแม่!” อนาคิน น้องชายของอนาลา ชายหนุ่มเจ้าชู้ขี้เล่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ร่างกายของเขาสมส่วนกำยำไม่แพ้พี่ชาย แต่ผิวกลับออกไปเข้มอย่างนักกีฬาดูน่าดึงดูดใจ ดวงตาซุกซน และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาเผยถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยมตอนที่เรียกชื่อพี่ชายเสียงดัง “แม่เรียกผมทำไมครับ?” เจ้าไฟเอ่ยเมื่อเดินมาจนถึงทั้งสอง “นั่งก่อนสิ” เขาจึงนั่งลงข้างๆ หญิงวัยกลางคน ผู้มีรูปร่างสง่างามสมกับอดีตนางแบบชื่อดัง แต่ชายหนุ่มกลับดูออกว่าใบหน้าของแม่นั้นดูไม่ค่อยสดใสนัก “แม่ได้ยินมาจากพ่อว่าไฟจะไปอเมริกาจริงหรือเปล่า?” ครีมหอมคุณหญิงแม่คนสวยของทั้งสองหนุ่ม ถามด้วยความกังวลใจ คนฟังอย่างเขาก็เผยยิ้มจางที่มุมปาก “ครับ ตอนที่ไปเรียนต่อ ผมได้ซื้อเกาะไว้ ตั้งใจว่าจะทำรีสอร์ท” ครีมหอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่ลูกบอก ในขณะเดียวกันเจ้าไฟเองก็อมยิ้มบางๆ เพราะรีสอร์ทที่เขาบอกมานั้น ก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่เขาแค่ยังไม่ได้บอกครอบครัว “แน่ใจนะ ว่าจะไปทำรีสอร์ท? ไม่ใช่ไปทำอะไรที่ไม่ดีลับหลังแม่กับพ่อหรอกใช่ไหม!” เจ้าไฟชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของแม่ ก่อนจะรีบแก้ตัวทันที “บ้าน่าแม่! ผมจะไปทำรีสอร์ทจริงๆ ครับ!” ครีมหอมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพลางมองต่ำอย่างไม่เชื่อ “แม่จะเชื่อก็ได้ แต่จะไปยังไง เอาใครไปด้วยหรือเปล่า?” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ก่อนจะอธิบายแผนการของตน “ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ จะเอาคนไปมากมายทำไม เพราะคนงาน ผมก็เตรียมหาไว้ที่นั่นแล้ว คนที่จะไปด้วยจากที่นี่ก็มีแค่เอลิกกับนีวาย” ครีมหอมขมวดคิ้วทันที “นีวาย? แล้วเขาจะไปกับลูกจริงเหรอ?” เธอถามอย่างไม่เชื่อ แม้จะรู้ว่าทั้งสองสนิทกัน “ครับ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจ้างนีวายไป ไม่ได้ให้มันไปทำให้ฟรีๆ มันเป็นสถาปนิกที่เก่ง แม่ก็รู้” “คิดแบบนั้นก็ดี แล้วจะเริ่มไปกันเมื่อไหร่?” “เดือนหน้านี่แหละครับ ขอผมเคลียร์งานทางนี้ก่อน ถ้าปล่อยให้คีรินดูแลต่อเลย ผมกลัวว่าน้องจะไม่ไหว เพราะมันคงไม่ได้มีแค่เรื่องงานที่คีรินต้องรับผิดชอบแทนผม” เขาพูดพลางกัดฟันเหมือนคิดแค้นถึงใครในใจ “แม่ขอเถอะ จะทำอะไรก็ให้คิดหน้าคิดหลัง เพราะชีวิตคนมีค่า ไม่ใช่ว่าลูกจะทำอะไรก็ได้ ลูกไม่ใช่พระเจ้านะ!” ครีมหอมย้ำเสียงแข็ง เนื่องจากรู้ดีว่าลูกชายคนนี้ชอบทำอะไรที่ไม่ถูกต้องอยู่ตลอด เจ้าไฟจึงหันมาทำหน้าตาออดอ้อนใส่แม่ พลางทำเสียงสองเสียงสามที่มีแค่แม่เท่านั้นที่จะได้รับ เพราะเขาไม่เคยอ่อนโยนต่อผู้หญิงคนไหน “โธ่แม่ครับ ไม่ต้องห่วงเลย ผมโตแล้ว คนที่แม่ต้องห่วงคือไอ้คินต่างหาก!” ประโยคสุดท้ายเขาเบี่ยงประเด็นไปทางน้องชายซึ่งนั่งเขี่ยมือถือร่วมอยู่ข้างๆ “เอ้า! โยนมาทางผมเฉยเลย!” อนาคินขมวดคิ้วทันที” อย่านะแม่ แม่อย่ามามองคินแบบนี้นะ” อนาคินรีบยกมือปรามแม่ที่กำลังจะหันมาบ่นตัวเอง ครีมหอมถอนหายใจ ลูกชายสองคนนี้แหละที่ชอบทำตัวให้เธอหนักใจอยู่เรื่อย “ แม่รู้น่า เห็นน้าคิตตี้บอกว่าลูกไปปรึกษาน้าเขา อยากจะทำผับงั้นเหรอ” “ ใช่ครับ” อนาคินตอบรับด้วยสีหน้าตื่นเต้น แต่แม่กลับทำหน้าเป็นกังวลจนเขาต้องรีบอธิบายเพิ่ม “ก็คินชอบเที่ยวกลางคืนชอบดื่มนี่ครับแม่ ไหนแม่บอกว่าถ้าพวกผมทำอะไรแม่จะไม่ห้ามไม่ใช่เหรอ คินก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรเลวๆ เหมือนพี่ไฟสักหน่อย” “ เอ้า” คนพี่สะดุ้งที่ถูกน้องโยนบาปคืนมาให้ สีหน้าของเขาแสดงถึงความโกรธอย่างเห็นได้ชัด “ไหนมาโยนให้ฉันแบบนี้วะ ไอ้น้องเวร” “ พอๆ เลยนะ!” ครีมหอมที่เป็นคนกลางรีบปรามก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ “อย่ามาทะเลาะกันให้แม่เห็นนะ แม่ไม่ชอบ เอาเป็นว่าอย่าให้แม่รู้ก็แล้วกันว่าลูก กับลูก!” เธอเอ่ยพลางชี้นิ้วจิ้มอกลูกชายทั้งสองสลับกัน “ทำอะไรที่ไม่ดีขึ้นมาล่ะก็ แม่จะตัดขาดให้หมดเลย!” ลูกชายทั้งสองนั่งเงียบในทันทีก่อนจะยิ้มแห้งๆ อย่างมีพิรุธเพราะที่แน่ๆ ไม่มีใครฟังคนเป็นแม่สักคน เนื่องจากนิสัยของลูกชายสองคนนี้ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ“ แม่ของเธออาการทรุด เพราะภาวะแทรกซ้อนกับโรคที่เป็นอยู่ ฉันเลยพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็มารอเธอที่บ้านเพราะไปหาที่ตลาดแล้วไม่เจอ ตอนนี้แม่เธอรอเธออยู่” เจ้าไฟพูดด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายเขาทั้งๆ ที่เขายอมลดตัวมานั่งรอเธอตั้งหลายชั่วโมง คิดแล้วเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด “ ไม่!! ไม่ใช่ความจริง แม่ฉันแข็งแรงจะตาย” แก้มขวัญไม่อาจจะเชื่อที่เขาพูด แต่ตัวเธอกลับสั่นไปมาเพราะความรู้สึกของเธอมันสังหรณ์บอกกับเธอว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ใจของเธออยากให้เขาแค่โกหก ให้เขาหลอกเธอไปฆ่าไปขายทิ้งซะยังดีกว่าอีก คิดแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพร่า ดวงใจดวงน้อยสั่นไหวดั่งรับรู้ว่าแม่คงจะรอเธออยู่จริงๆ ระหว่างที่แก้มขวัญกำลังร้องไห้ เจ้าไฟก็แอบเหลือบมองเธออยู่หลายครั้ง ยิ่งเห็นริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาก็เผลอยกขึ้นทาบปากตัวเอง เมื่อกี้เขาโมโหหนักแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเธอด้วยการจูบ คิดแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาแหกปากต่อหน้า เขาคงจะตบให้ปากแตกแทนที่จะคิดทำเช่นนั้น ไม่นานรถของเขาก็มาจอดที่โรงพยาบาล แก้มขวัญรีบเปิดประตูลงรถและวิ่งเข้าไปข้างใน “ แก้มขวัญ” เมื่อ
“ แกเป็นอะไรกมล” นุ่นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับกมล วันนี้ได้เดินมาหาหวังจะคุยเล่นกันที่บ้าน แต่ดันเจอเพื่อนนั่งซึมเศร้าอยู่บนแคร่ จึงได้เอ่ยถามอย่างห่วงใย “ นุ่น ฉันมีอะไรจะบอกแล้วก็ปรึกษาแกว่ะ” “ พูดมาสิ” นุ่นนั่งขัดสมาธิลงข้างเพื่อนพร้อมกับสีหน้ารอรับฟังซึ่งน่าจะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว “ ฉันป่วยหนัก ใกล้ตายแล้วน่ะ” “ หะ ล้อเล่นปะ ฉันยังเห็นแกแข็งแรงดีอยู่เลยกมล อย่ามาอำกันสิ” “ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใกล้ตายไงล่ะ” นุ่นฟังแบบนั้นจากที่มีสีหน้าขำขันก็พลันเงียบไปในทันที เธอจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังก้มหน้าเศร้าก่อนเอ่ยถามแผ่วเบา “ แล้วแกเป็นโรคอะไรเหรอ” กมลถอนหายใจเบาๆ ให้กับคำถาม “ ฉันเป็นมะเร็งปอด แล้วก็มีภาวะหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน มันอาจไปได้ทุกเมื่อเลยนะเว้ย” มือของกมลนั้นสั่นไปมาขณะที่เธอเอ่ย นุ่นรีบยื่นมือมาจับมือเพื่อนเอาไว้ “ แก…” “ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงมากตอนนี้ก็คือแก้มขวัญ ถ้าฉันตายแก้มมันจะอยู่ยังไง ฉันไม่ต้องการให้มันกลับไปอยู่กับพ่อ ฉันอยากให้มีคนมาพามันหนีไอ้พิทักษ์ไปไกลๆ เลย ใครมันจะทำให้ฉันได้บ้างไหมวะแก” กมลพูด
“ ขอบใจนะจ้ะ โอกาสหน้ามาใหม่นะ ทำสดใหม่ทุกวันเลย” เมื่อแก้มขวัญขายขนมให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่มารอซื้อเสร็จ เธอก็เท้าเอวหันมามองชายแปลกหน้า ตัวใหญ่อย่างกับหมี ที่แอบจิกขนมใส่ไส้ของเธอไปนั่งกินเต็มปากเต็มคำ และยังถือไว้ในมืออีกหลายห่อไม่ยอมวางลง “ นี่! คุณยังไม่ยอมกลับอีกเหรอ” เจ้าไฟหันมามองที่หญิงสาว ด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย “ เจ้าของแผงยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย ลูกค้าเยอะขนาดนี้แต่ปล่อยให้เด็กประถมมาเฝ้าร้านให้ เดี๋ยวก็เจ๊งกันหมดพอดี” เขาเอ่ยพร้อมวางขนมในมือลง ก่อนลุกยืนแล้วปัดมือสองข้างใส่กันไปมากลางอากาศ ดวงตาคู่ดุก็จ้องมองที่หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังชะเง้อคอยาวมองเขาตาไม่กระพริบ “ นี่ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ ที่จะมายืนรอ ต่อล้อต่อเถียงเล่นกับเธอน่ะ” เขาว่าพลางขมวดคิ้วใส่ “ ฉันก็บอกให้คุณพูดมาเลยไงค่ะ รีบพูดมาซะสิ!” เจ้าไฟถอนหายใจแรง “ ก็ฉันบอกว่าฉันจะพูดกับเจ้าของแผง ไม่ใช่เด็กน้อยแบบเธอ!” หญิงสาวเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะถามเขากลับด้วยเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ “ ใคร! ใครเด็กไม่ทราบ ฉันจะ 20 แล้ว ว๊าย!” แก้มขวัญพยายามจะเขย่งเท้าทำตัวให้สูงเพื่อหวังให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่ใช่เด็ก แต
“ ขับเร็วๆ หน่อยสิเอลิก ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าไฟที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ในรถ บ่นออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่านั่งรถมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงที่หมายสักที “ ครับๆ เอะ! นั่นไม่ใช่รถคุณนีวายเหรอครับบอส” เจ้าไฟหันไปมองตามที่เอลิกทัก ก็เห็นว่าเป็นนีวายจริงๆ แต่ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะมีความสุขอะไรสักอย่าง จนไม่ได้สังเกตรถของเขาที่วิ่งสวนมา “ สงสัยคงเครียดเรื่องงาน แล้วออกมาหาที่พักผ่อนมั้ง ” เขาเดาสุ่มไปอย่างนั้น ก่อนจะเงยมองทางด้านหน้าต่อ เอลิกจึงชวนเขาคุย “ อืม สงสัยคงเครียดเรื่องแก้แบบรีสอร์ทที่บอสสั่งแน่เลย แต่ผมว่าคุณนีวายเนี่ยทำได้ดีมากนะครับ รีสอร์ทของบอสคงจะออกมาดีแน่ๆ” “ เอ้อ! แกไม่ต้องมาชวนฉันคุย รีบขับรถไปให้มันถึงเถอะ” “ ครับ” เอลิกรีบเม้มปากแน่นหดคอเข้าทันที เนื่องจากรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาคงหัวร้อนที่ความเร็วรถไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย ไม่นานรถหรูก็แล่นเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าตลาด “ แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มโผล่ถามเสียงดังทันทีเมื่อรถจอดสนิท “ อ๋อ พอดีผมลืมบอกนะครับ ข้อมูลที่ผมได้มาคุณกีรติกรเธอมีแผงขายขนมที่ตลาดนี้ ผมคิดว
ศิลาแดง “ โธ่เอ้ย!!” เจ้าไฟโอดร้องคร่ำครวญทั้งยังปัดข้าวของบนโต๊ะในห้องทำงานของตัวเองกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น สาเหตุเนื่องมาจากว่าเขาส่งคนไปเอาคืนพิทักษ์ แต่มันกลับไม่สำเร็จ “ ผมขอโทษนะครับบอส” การ์ดที่รับหน้าที่นี้ รีบก้มหน้าขอโทษยกใหญ่ ท่าทีของเขาลนลานเนื่องจากกลัวว่าจะโดนทำโทษ “ ช่างมัน! มันคงจะไหวตัวทัน เราก็เลยทำอะไรมันไม่ได้” เจ้าไฟถอนหายใจแรง มือของเขากำแน่น “ แต่อย่าคิดว่ากูจะยอมมันแค่นี้นะ มันทำกับน้องกูถึงขั้นเลือดตกอย่างออก มันก็ต้องชดใช้ให้สาสม” เขากัดฟันพูดด้วยความฉุนเฉียว “ ทำกูกูไม่ว่า แต่มาทำให้คนในครอบครัวกูแบบนี้ กูไม่ยอม!!!” ผัวะ!!!! ฝ่ามือของเขาที่เคยกำแน่น คลายออกและตบลงที่โต๊ะเสียงดัง แสดงออกถึงความโกรธแค้นของเจ้าของมันได้อย่างชัดเจน “ บอลครับ บอส!” เอลิกวิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมซองเอกสารในมือท่าทีของเขาดูเหนื่อยหอบแต่แฝงความตื่นเต้นดีใจอยู่ในแววตา เจ้าไฟเห็นแบบนั้นเขาก็กอดอกพลันรีบหันไปมอง “ แกมีอะไร” เอลิกยิ้มจางพลางยื่นซองในมือให้นาย “ ที่บอสสั่งผมว่าให้ส่งคนไปตามสืบดู ผมได้รู้อะไรดีๆ มาด้วยครับ เป็นเรื่องที่นายพิทักษ์ปิดบังมาตลอดหลายปี” คนฟังดูมีท่า
ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในชนบท นีวายนั่งอยู่บนแคร่ตรงใต้ทุนของบ้านไม้ทรงสูง เขานั่งมองบรรยากาศรอบๆ ซึ่งตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ไม่นานแก้มขวัญก็ได้เดินถือขันน้ำเย็นๆ มาให้แก่เขา ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวพลางแอบยิ้มเขินก่อนจะรับขันน้ำจากเธอมา ในน้ำนั้นดูใสสะอาดมากแถมยังโรยดอกมะลิลงไปเพื่อเพิ่มความหอมสดชื่นอีกด้วย “ ขอบคุณมากนะคะ ที่คุณช่วยแม่ของฉันไว้” “ อืม ไม่เป็นอะไรหรอก ก็คนเหมือนกันนี่” นีวายยกน้ำจิบเสร็จก็หันมาตอบกลับเธอด้วยเสียงแว่วหวาน แล้วยื่นขันน้ำคืนให้น้อง “ แม่บอกว่าคุณเป็นคนในเมืองไกล จริงเหรอคะ” แก้มขวัญเอ่ยถามเขาด้วยท่าทีเป็นกันเองจนทำให้นีวายแทบจะยิ้มไม่หุบ “ ครับ” “ แล้วคุณหาที่พักได้หรือยังล่ะคะ มันมืดแล้วนี่” ชายหนุ่มยิ้มแห้งส่งให้เธอเบาๆ พลันหันมองซ้ายขวาก็เจอแต่ทุ่งหญ้ากับทุ่งนาเขียวขจี ทำให้แก้มขวัญพอจะรู้คำตอบได้ เธอหัวเราะใส่เขาเบาๆ “ ฮ่าฮา ฉันคิดไว้แล้วเชียว แต่ไม่เป็นไรนะคะ คืนนี้คุณนอนค้างที่บ้านฉันก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจพรุ่งนี้ค่อยกลับ เพราะมันมืดแล้วถนนหนทางแถวนี้ไม่มีไฟส่องนำทางเหมือนในเมือง พวกเรากลัวว่าคุณจะเป็นอันตรายเอานะ” เธอกล่าวบอกเขาด้วยท่าทีเป็นมิตรและแสด
Comments