LOGIN“ แกเป็นอะไรกมล” นุ่นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับกมล วันนี้ได้เดินมาหาหวังจะคุยเล่นกันที่บ้าน แต่ดันเจอเพื่อนนั่งซึมเศร้าอยู่บนแคร่ จึงได้เอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ นุ่น ฉันมีอะไรจะบอกแล้วก็ปรึกษาแกว่ะ” “ พูดมาสิ” นุ่นนั่งขัดสมาธิลงข้างเพื่อนพร้อมกับสีหน้ารอรับฟังซึ่งน่าจะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว “ ฉันป่วยหนัก ใกล้ตายแล้วน่ะ” “ หะ ล้อเล่นปะ ฉันยังเห็นแกแข็งแรงดีอยู่เลยกมล อย่ามาอำกันสิ” “ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใกล้ตายไงล่ะ” นุ่นฟังแบบนั้นจากที่มีสีหน้าขำขันก็พลันเงียบไปในทันที เธอจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังก้มหน้าเศร้าก่อนเอ่ยถามแผ่วเบา “ แล้วแกเป็นโรคอะไรเหรอ” กมลถอนหายใจเบาๆ ให้กับคำถาม “ ฉันเป็นมะเร็งปอด แล้วก็มีภาวะหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน มันอาจไปได้ทุกเมื่อเลยนะเว้ย” มือของกมลนั้นสั่นไปมาขณะที่เธอเอ่ย นุ่นรีบยื่นมือมาจับมือเพื่อนเอาไว้ “ แก…” “ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงมากตอนนี้ก็คือแก้มขวัญ ถ้าฉันตายแก้มมันจะอยู่ยังไง ฉันไม่ต้องการให้มันกลับไปอยู่กับพ่อ ฉันอยากให้มีคนมาพามันหนีไอ้พิทักษ์ไปไกลๆ เลย ใครมันจะทำให้ฉันได้บ้างไหมวะแก” กมลพูดไปพลางน้ำตาไหลเอ่อ เธอยกมือขึ้นทาบอก “ กมล แกเป็นอะไรหรือเปล่า” นุ่นเห็นท่าไม่ดีก็ถามขึ้นเสียงดัง แต่กมลยกมือขึ้นปรามไว้ “ ฉันโอเค” กมลหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นว่ามีรถหรูสีดำขับตรงมาทางบ้านเธอ “ นั่นรถใครวะ” ทั้งนุ่นและกมลต่างหันไปมองคนที่มาใหม่ วินาทีนั้นเมื่อกมลได้เห็นหน้าของชายร่างสูงตัวใหญ่เดินลงจากรถ ลางสังหรณ์ของเธอก็เหมือนดั่งทำงานอีกครั้ง กมลเห็นว่าในตัวเขามีรังสีแบบเดียวกันกับชายเมื่อวันก่อน แต่ร้อนแรงกว่าแถมมันยังมีทั้งสีของความทุกข์และความสุขปะปนกันไป ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าคนนี้แหละ! “ ผม อนาลา ศิลาหัตร์ทัยหรือเจ้าไฟ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ของกีรติกรครับ” “ อ่า จ้ะ” ตอนที่ชายหนุ่มยกมือไหว้เธอ กมลก็หลุดจากห้วงความคิด และเพิ่งสังเกตว่าชายคนนี้ก็ไม่ได้ดูดีน้อยกว่าชายเมื่อวันก่อนเลย “ แม่! แก้มกลับมาแล้วจ้ะ อ้าว ทำไมถึงไม่เปิดไฟล่ะ” แก้มขวัญยืนชะเง้อคอมองบ้านที่มืดสนิท ก่อนที่จะก้าวขาเดินขึ้นไป เธอก็สะดุดเข้ากับรองเท้าขัดมันคู่ใหญ่ดูคุ้นตา สายตาหวานๆ รีบหันไปจ้องในบ้านที่มืดสนิทอีกครา “ อย่าบอกน่ะว่า…” มือเล็กจับไม้กวาดที่อยู่ตรงหน้าบ้าน แล้วค่อยๆ ก้าวขาเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ มือไม้ของเธอสั่นไปด้วยความลนลาน เพราะคิดว่าโจรแน่ๆ “ ย๊า!!!” “ เฮ้ย!” เมื่อพบว่ามีร่างสีดำตะคุ่มๆ อยู่ไม่ไกล เธอจึงกระโดดเข้าไปพลางใช้ไม้ในมือฟาดใส่คนๆ นั้น แต่เหมือนกับว่าร่างนั้นจะรู้ทัน จึงจับไม้ของเธอเอาไว้ และดึงรั้งเต็มแรงจนตัวเธอถูกดันไปประชิดกับผนัง แก้มขวัญตั้งสติแล้วยื่นมือไปเปิดสวิตซ์ไฟที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ “ คุณ!!!” เมื่อไฟสว่างขึ้น เธอก็ต้องตาเหลือกโต เพราะมันปรากฏให้เธอเห็นใบหน้าของชายคนที่เธอเจอเมื่อวานที่ตลาด ชายหนุ่มมองไปรอบๆ “ เฮ้อ สว่างได้สักที ฉันหาสวิตซ์ไฟตั้งนาน” เจ้าไฟบ่นพึมพำ ในขณะที่แขนของเขายังใช้ดันเหนืออกของเธอไม่ให้ดิ้นไปไหน “ นี่คุณแต่งตัวก็ดี แต่ที่แท้ก็เป็นโจรหรอกเหรอ ช่วยด้วย…ช่วยด้วย อึก !” แก้มขวัญตะโกนร้องเสียงดัง ทำให้เจ้าไฟที่รู้สึกรำคาญยกมือขึ้นปิดปากของเธอไว้ “ ดูดีขนาดนี้ จะมาจงมาโจรอะไร ฉันมารอ…โอ้ย!!!” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรจบ เธอก็กัดเข้าที่มือของเขา เมื่อหญิงสาวหลุดไปได้ เธอก็หยิบไม้กวาดขึ้นมาฟาดเขาไม่ยั้ง “ ช่วยด้วย!! ช่วยด้วย!! โจรขึ้นบ้านค่ะ ช่วยด้วย!! ว้าย!!” “ เก่งนักหรือไง!!” แต่ร่างเล็กจะไปสู้คนตัวใหญ่ได้อย่างไร แถมเขายังโมโหจนหน้าแดงเพราะถูกเธอทำร้ายร่างกายเมื่อตะกี้อีก มือใหญ่สองข้างจับเข้าที่บ่าเล็กพลางผลักเธอเต็มแรงจนชิดผนังอีกรอบ เมื่อเห็นว่าปากอิ่มของเธอกำลังจะโวยวาย เขาก็รู้สึกขี้ค้านจะฟัง และไม่รู้อะไรมาดลใจเพียงไม่กี่เสี่ยววิที่เห็นเธอกำลังจะเปิดปาก เขาดันก้มลงไปและประกบปากของเขาปิดริมฝีปากอิ่มสีชมพูนั้นซึ่งกำลังจะกรีดร้องให้เงียบลง แก้มขวัญตาเหลือกโตด้วยความตกใจพลางร่างกายก็ร้อนวูบวาบ เธอพยายามดิ้นสุดฤทธิ์ แต่ก็ยังไม่พ้นต่อพันธการนี้ เขายังคงกดแน่นที่ริมฝีปากจนตัวของเธอเริ่มแดงระเรื่อ นี่มันความรู้สึกอะไรกัน ดวงใจน้อยๆ ของหญิงสาวเริ่มเต้นผิดจังหวะ มือไม้ที่เคยอ่อนแรงจึงยกขึ้นทุบอกเขาให้รู้ว่าเธอนั้นขัดขืน แต่เจ้าไฟตอนนี้กลับดูเหมือนจะชอบใจ ริมฝีปากของเขาเริ่มขยับเม้มเพื่อจะเปิดปากของเธอ ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กกว่ากำลังตัวสั่น เธอเหมือนดั่งคนใจจะขาดตอนที่เขาเริ่มดูดมัน ชายหนุ่มจึงรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ไม่ดีไม่ควรอยู่ ดังนั้นเขาจึงยอมลามือ “ ห่า…” สองร่างถอนหายใจแรง “ แหกปาก!อยากให้ฉันเป็นโจรนักใช่ไหม เดี๋ยวแม่งจะเป็นโจรข่มขืนให้เลย!!” เขาตะคอกใส่หน้าหญิงสาวออกมาเช่นนั้นเพราะโมโห ทำให้แก้มขวัญที่เพิ่งจะถูกเขาพรากจูบแรกไป ตัวสั่นหวาดกลัวว่าเขาจะทำเช่นพูดจริง “ อย่า ฉันกลัวแล้ว อย่าทำแบบนั้น” “ ฮือ” ลมร้อนถูกปล่อยออกมาจากจมูกของชายตรงหน้า จนหญิงสาวรับรู้ได้ เธอพยายามเบือนหน้าหนีไม่สบตากับเขา “ เงียบตั้งแต่แรกก็จบ” เขาเอ่ยพลางสายตาก็ยังคงจับจ้องปากอิ่มของเธอที่กำลังบวมเป่ง เขารีบปล่อยมือจากร่างบางและขยับตัวออกเนื่องจากกลัวใจตัวเอง “ คุณต้องการอะไร” เมื่อได้ยินเธอถามแบบนั้น ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงมองเธอที่กำลังยืนคอหดอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาดุและเย็นชา “ แม่ของเธออยู่ที่โรงพยาบาล ฉันจะมาพาเธอไปหาแม่เนี่ย!!” คำพูดของเขาราวกับเป็นน้ำมาชำระล้างความกลัวเมื่อครู่ของแก้มขวัญให้สลายหายไปหมด เหลือเพียงความกังวลและตกใจเข้ามาแทนที่ “ ห๊า!! แม่เป็นอะไร!!” เธอรีบจับแขนเสื้อของเขาเอาไว้พลางขยับเข้าไปใกล้เขาอย่างเผลอตัว ชายหนุ่มไม่ตอบได้แต่มองดวงตาที่ก่อนหน้าแค่แดงก่ำแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตา “ บอกฉันมาสิว่าแม่ฉันเป็นอะไร พาฉันไปหาแม่สิ ไม่ใช่ว่าเอาเรื่องนี้มาหลอกฉันหรอกน่ะ” เจ้าไฟไม่เอ่ยอะไรได้แต่นึกสงสัยว่าแค่เขาเอาเรื่องแม่ของเธอมาพูด เธอก็ยอมอ่อนให้ขนาดนี้เลยเหรอ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วจับเข้าที่แขนของหญิงสาว มืออีกข้างล้วงเอากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงและรีบจูงพาเธอไปที่รถพระอาทิตย์ของวันลาลับฟ้าไป แก้มขวัญที่อยู่ในสวนมาเกือบทั้งวันก็เดินถือตะกร้าผักกลับมาบ้าน “ อ้าว พี่เอลิกจะกลับแล้วเหรอ” ก่อนจะเข้าบ้านเธอเห็นเอลิกเดินออกมาจึงรีบทักทายเขา “ ใช่ครับ เห็นบอสบอกว่าตอนนี้กำลังจะกลับ ผมก็เลยว่าจะกลับก่อน อ้าว นั่นบอสมาถึงพอดีเลย” เอลิกทักเมื่อเห็นรถของเจ้าไฟแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน แก้มขวัญหันไปมองตามพลางรีบยัดตะกร้าผักใส่มือเอลิก “ อ้าว!” เอลิกก็ทำตัวไม่ถูกเขาได้แต่ยืนมองแก้มขวัญเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง “ บอสครับ อ้าวๆ นี่อีกคน” ตามด้วยเจ้าไฟซึ่งลงรถปุบปับก็รีบวิ่งตามหญิงสาวเข้าบ้านไป “อะไรกันวะ” เอลิกส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจให้คนมีความรัก เขาเอาตะกร้าผักไปเก็บไว้ก่อนจะเดินกลับที่พักของตัวเอง “ อ๋าย!!” แก้มขวัญร้องออกมาเสียงดัง ตอนที่เห็นชายหนุ่มวิ่งตามมา เธอพยายามปิดประตูห้องแต่ก็โดนเขาวิ่งมาจับประตูไว้ไม่ยอมให้ปิด “ ปล่อย!!” “ เธอเป็นอะไรไปเนี่ยหะ!!” เขาใช้แรงผลักประตูไปเล็กน้อย ร่างเล็กก็กระเด็นไปนั่งกองที่พื้นห้อง “ โอ้ย..” “ อะ! นั่นไง ผลของความดื้อนะ!” เขาต่อว่าพลันคุกเข่าลงเพื่อจะช่วยดึงเธอลุกนั่ง “ เป็นอะไรไป” เขาถามพลางจ้องหน้าบูดบ
“ พี่ไฟปล่อยได้แล้ว จะพาแก้มไปไหนคะ” แก้มขวัญโดนลากเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่ม เขาดันตัวเธอชิดกับโต๊ะทำงาน เธอจึงต้องรีบหันหน้ามาเผชิญกับเขา ผู้ชายตรงหน้าที่ทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึกยกมือขึ้นจับเอวของเธอและยกเธอให้ขึ้นนั่งบนโต๊ะ “ พี่ไฟ!” “ เมื่อกี้เธอขายอะไรฉัน ให้ไอ้นีวายฟัง” “ กะ..ก็” หญิงสาวเลิ่กลั่กพูดไม่ออกยิ่งเขาเอาแต่จ้องจับผิดปากเธอก็ยิ่งไม่ขยับ เมื่อเขาเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เธอก็รีบเอ่ยปรามไว้ “ พี่ก็น่าจะได้ยินหมดแล้วไม่ใช่เหรอ แต่แก้มยังพูดไม่จบนะ สิ่งที่แก้มจะพูดมีเยอะกว่านั้นอีก” เธอคิดหาทางรอด เนื่องจากในห้องมองไปทางไหนก็มีแค่เธอกับเขา ถ้าเธอทำเขาโมโหมีหวังได้โดนตรงนี้แน่ “ ยังมีอะไรอีก!” ปากสวยเผยยิ้มก่อนยื่นมือจับแก้มชายหนุ่ม “ พี่ไฟหล่อมาก ทั้งดูดี มีเสน่ห์อีกด้วย จริงไหมคะ” “ หึ!” คนฟังถึงกับแสยะยิ้มมุมปากให้กับความช่างเอาตัวรอดของเธอ ก่อนเขาจะตะโกนใส่หน้าเธอกลับเสียงดัง “ โกหก!!” “ อ๋าย! พี่ไฟแก้มขอโทษค่ะ” ขณะนั้นแก้มขวัญที่ตกใจก็รีบหลับตายกมือขึ้นปิดใบหน้าเอาไว้ “ ฮาฮ่า” ชายหนุ่มขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แก้มขวัญจึงคลายมือออกและจ้องมองเขาที่กำลังย
มือใหญ่เอื้อมมารวบเอวของหญิงสาวในทันทีเมื่อทั้งคู่ก้าวขาเข้ามาภายในบ้านพัก มืออันซุกซนนั้นลูบล้วงพยายามจะปลดกระดุมและซิปกางเกงของหญิงสาว “ พี่จะทำอะไร! แก้มเป็นเมนส์อยู่!” มือเล็กจับห้ามมือของเขาไว้ พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ ห๊ะ! เมนส์?” เธอหันมาสบตาเขา “ ใช่! เมนส์ ประจำเดือนน่ะ รู้จักไหม” คนฟังถึงกับยืนนิ่ง คลายอ้อมกอดออกจากน้องพร้อมยืนหลังตรงก้มมองคนตัวเล็ก ไม่น่าล่ะ ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว “ แล้วกี่วันหาย” เมื่อตัวเล็กหันหลังให้เขาก็เอ่ยถาม “ 5-6 วัน” แก้มขวัญตอบเขาไปด้วยคำโกหก เนื่องจากรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มคิดจะทำอะไร เธอขอเวลาพักผ่อนเพิ่มสักสามวันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง “ 1 2 3” พอน้องเดินหายไปแล้วเจ้าไฟก็ยืนนับนิ้วตัวเองดู ว่ากี่วันแล้วที่เขายังไม่ได้ทำกับเธอ เมื่อนับเพิ่มมาอีกหกวัน คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นยิ่งกว่าตอนเครียดเรื่องงานเสียอีก ในค่ำคืนของวันนั้น “ อย่า…อย่านะ กีรติกร อย่า!!” ร่างใหญ่สะดุ้งลุกดีดตัวนั่งบนเตียง เนื่องจากฝันร้าย “ บ้าเอ่ย ฝันบ้าอะไรวะ” เขาบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ เพราะสิ่งที่เขาฝันคือแก้มขวัญเดินจูงมือเข้าประตูวิวาห์ไปกับนีวาย พอคิดเ
ปลีก!!! เจ้าไฟรีบบึ่งรถเข้ามาตัดหน้าแก้มขวัญซึ่งกำลังเดินเข้ามาในรั้วบ้าน “ อ้าวๆ เดี๋ยวก็ชนน้องเอาหรอก!” อนาคินนั่งเล่นอยู่กับพ่อและพี่ชายฝาแฝดบนระเบียงบ้านเหลือบเห็นเข้าจึงตะโกนร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ทำพ่อกับพี่ต้องรีบชะเง้อคอมองตาม “ ไหนแม่เคยบอกว่าตอนพ่อเป็นหนุ่ม พ่อเจ้าชู้มาก ทำไมพี่ไฟเขาไม่ได้เลือดพ่อมาบ้างเลยล่ะครับ” คีรินแซวขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลก ต่างจากคนโดนแซวอย่างเสี่ยโอมที่ทำได้เพียงกุมขมับและบ่นกับตัวเอง “ ใครเขาสอนมันจีบสาวแบบนี้วะ เสียชื่อเกิดเป็นลูกเสี่ยโอมหมด” “ หยุด!!!” “ ว๊าย!!!” แก้มขวัญเห็นว่ารถของคนพี่วิ่งมาจอดใกล้ เธอก็รีบหลีกตัวจะวิ่งเข้าบ้าน แต่เขาก็ลงรถอย่างไวและวิ่งมากระโดดจับเธอได้ทัน แก้มขวัญจึงพยายามดิ้นให้หลุดเนื่องจากแอบอายน้องชายและพ่อของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนระเบียงชั้นสอง “ อย่ามาจับแก้มน่ะ!!” “ เดี๋ยวนี้หวงตัว จับต้องไม่ได้เลยหรือไง!!” “ เอ้อ!” น้องตะคอกใส่หน้าเขาเจ้าไฟชะงัก ทำให้หญิงรีบสะบัดตัวออกและเดินหนีเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์เสีย เจ้าพ่ออารมณ์ร้อนอย่างชายหนุ่มถึงกับงุนงงไปตามๆ กัน เขาทำอะไรผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ ? หลายชั่วโมงผ่านไป
“ นั่นเมียผมนะแม่!! แม่จะยกให้คนอื่นได้ยังไง!” ครีมหอมเหลือบจ้องหน้าลูกชาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย คนเป็นพ่อจึงเป็นคนเอ่ย “ ก็ลูกไปข่มขู่เธอมานี่ พ่อกับแม่สงสารก็เลยช่วยให้เธอหนีลูกไป แล้วอย่าคิดไปตามกลับมาด้วยนะ สงสารเธอหน่อย” คนพูดใช้ช้อนชี้ไปมากลางอากาศด้วยท่าทีสบายๆ เจ้าไฟเบ้ปากจ้องทุกคนบนโต๊ะที่มีท่าที ชิวๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร มีแต่เขาเนี่ยแหละ ที่แทบจะระเบิดลงแล้ว “ แล้วพ่อไม่สงสารผมบ้างเหรอครับ” เขาพูดพลางยกมือทุบอกตัวเอง บิดาก็หันมาเลิกคิ้วใส่ ไม่พูดอะไรและปล่อยให้ลูกสาวพูดแทน “ ทำไมพ่อต้องสงสารพี่ด้วยล่ะพี่ไฟ พี่ได้เปรียบเธอทุกอย่างไม่ใช่เหรอ” ลลิซเอ่ยน้ำเสียงเธอดูกลั้นขำ แต่พี่ชายที่กำลังร้อนรนใจกลับดูไม่ออก เขาทำได้แค่มองดุไปหา ลลิซก็หลบหน้าทำเป็นก้มทานข้าวต่อ “ จะไปไหน!!” เสี่ยโอมร้องดังเมื่อเห็นลูกชายไม่ต่อความและกำลังจะเดินออกไป “ จะไปตามยัยนั่นกลับมาไงครับ” พอเจ้าไฟเดินหายออกไป ทุกคนบนโต๊ะก็หัวเราะขึ้นพร้อมเพรียงกัน “ แผนคุณแม่นี่สุดยอดไปเลยนะคะ ดูสิ พี่ไฟคงจะรักจะหลงแก้มขวัญมากแน่ๆ แต่แค่ทำเป็นไม่รู้ตัว แล้วก็ปากแข็งมากด้วย” ลลิซพูดขึ้นเพื่อเปิดการสน
ทำให้วันนี้ทั้งคู่จึงต้องค้างที่บ้าน เจ้าไฟพลิกตัวไปมาบนเตียงด้วยเพราะเขานอนไม่หลับ “ โอ้ย ..” ชายหนุ่มลุกและเดินออกมาด้านนอก ยืนแอบมองหน้าห้องของน้องสาว เนื่องจากแก้มขวัญไปนอนที่ห้องกับลลิซ แต่พอเห็นว่าหญิงสาวที่เขากำลังนึกถึงเปิดประตูออกมาจากห้อง เขาก็รีบเดินเข้าไปดึงตัวน้องมา “ ว้า—” มือใหญ่ยกปิดปากหญิงสาวไว้ “ เงียบ!!” พอเห็นแก้มขวัญทำตามเขาจึงคลายมือออกและดึงเธอเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง “ พี่พาแก้มมาที่นี่ทำไม” เมื่อเข้าห้องมาเขาก็ปิดประตูบีบล็อก ก่อนหันมาจ้องหน้าเธอด้วยความโกรธ “ อยากมีสถานะเหรอ!” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวจ้องกลับอย่างงุนงง พอเห็นน้องไม่ตอบ มือใหญ่ก็จับเข้าที่สองบ่าพลันดันน้องหันหลังชิดประตู “ โอ้ย พี่ไฟแก้มเจ็บน่ะ!!” “ เธอตั้งใจมาที่นี่ใช่ไหม อยากจะเป็นสะใภ้ของพ่อแม่ฉันจนตัวสั่นล่ะสิ!!” แก้มขวัญนิ่งไปให้กับสิ่งที่เขาพูด เธอรู้สึกเสียใจที่เขาคิดกับเธอแบบนี้ “ แก้มทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ พี่เองก็ไม่เคยพูดเรื่องที่บ้านให้ฟังอยู่แล้วนี่ แก้มรู้ตัวดีเถอะว่าเป็นได้แค่ที่ระบายอารมณ์ของพี่นะ” “ พูดบ้าอะไร!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอ “ ปล่อยแก้มได้แล้ว แก้มจะไปกิ







