LOGIN'ภาวัช' ได้พบกับ 'ทอฝัน' สาวใสวัยสิบแปดปีในคืนที่กำลังหนีตาย เธอยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร ความน่ารักและมีน้ำใจนั้น ก่อเกิดเป็นความประทับใจที่แสนงดงาม ภาวัชรักทอฝันหมดหัวใจ จนถลำลึกถึงขั้นตกเป็นของกันและกัน แต่ทายาทเศรษฐีอนาคตไกล กับลูกสาวผู้หญิงขี้เมาไร้ชาติตระกูล อุปสรรคย่อมดาหน้าเข้ามามากมาย ไม่อาจเลือกให้รักนั้นสมหวังได้ ทอฝันถูกแม่อย่าง 'ราณี' ขายให้กับ 'พงศกร' บิดาของภาวัช เป็นเหตุให้ความรักของสองหนุ่มสาว ต้องถึงคราวสิ้นสุดลง! “พี่รู้ว่าฝันเป็นเมียพ่อพี่ แต่เรียกคุณแบบนี้มันขัดหูจริง ๆ เรียกพี่เหมือนเดิมไม่ได้เหรอ” “เกรงว่าจะไม่เหมาะค่ะ” คนตอบใช้น้ำเสียงนุ่มนวล “อะไรไม่เหมาะ อย่างน้อยเราก็เคยเป็น...ผัวเมียกัน” ชายหนุ่มว่ายิ้ม ๆ มองคนที่กำลังเสียอาการด้วยความพอใจ “พี่พาย!” ทอฝันหลุดปากเรียกเพราะตกใจ “นั่นไง พอทวนความจำให้ว่าเราเคยเป็นอะไรกัน ฝันก็เรียกพี่ว่าพี่ได้ทันทีเลยนะ หรือว่าที่เล่นตัวไม่ยอมเรียกแบบเดิมเนี่ย เพราะอยากให้พี่ทำอะไร ๆ เพื่อรื้อฟื้นความหลังกันแน่ฮึ”
View Moreความคุ้นเคยที่ไม่มีวันคุ้นชิน...
เมื่อมารดากลับมาถึงบ้านในสภาพเมามายและเสื้อผ้าหลุดลุ่ย สิ่งที่ทอฝันต้องทำเป็นอย่างแรกคือเตรียมน้ำสะอาดใส่ในกะละมังใบย่อมพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก แล้วยกไปวางบนโต๊ะรับแขก ปล่อยให้ราณีจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวเอง เพราะคนเป็นแม่ไม่ต้องการให้ลูกสาววัยสิบแปดปีถูกเนื้อต้องตัวนัก
อย่าว่าแต่ดื่มนมจากอกในตอนแบเบาะเลย ทอฝันไม่เคยได้รับอ้อมกอดจากแม่ด้วยซ้ำ การเกิดมาโดยที่แม่ไม่รักไม่ต้องการมันก็อดสูอย่างนี้เอง
แรก ๆ ก็ทุกข์ใจ ระทมในอกจนสุดจะบรรยาย แต่พอเวลาผ่านไป จิตใจของทอฝันก็แกร่งขึ้น รับความจริงได้มากขึ้น และมองว่ามันเป็นเวรกรรม...แม้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนกำหนดมันขึ้นมาก็ตาม
“อีฝัน!” ราณีจิกหัวเรียกหยาบคาย
“เอาอะไรเพิ่มเหรอจ๊ะแม่”
เจ้าของร่างผอมบางที่กำลังล้างถ้วยชามรีบล้างมือ แล้วปรี่เดินมาถามในห้องรับแขก บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น มีเครื่องเรือนครบครัน ดูภายนอกเหมือนคนมีฐานะ แต่จริง ๆ แล้วได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากคุณตาของเธอเอง ท่านเพิ่งจากไปได้ราว ๆ ห้าปี นั่นทำให้ชีวิตของทอฝันยิ่งเลวร้ายลงไปทุกวัน
“ไปต้มบะหมี่มาหน่อย กูหิว!”
“บะหมี่ซองหมดแล้วแม่ แบบถ้วยก็หมด”
แน่ล่ะ ทุกวันนี้แทบอดมื้อกินมื้อ ถ้าไม่ใช่เพราะทำงานที่ร้านหมูกะทะช่วงหลังเลิกเรียนทุกวัน ทอฝันคงไม่สามารถพาตัวเองเรียนจบมัธยมปลายมาได้แบบนี้ แต่เรื่องเรียนต่อคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแม่บอกว่าสิ้นเปลืองไร้ประโยชน์
“ปล่อยให้หมดได้ยังไงฮะอีบ้า! งานก็ทำ ทำไมไม่ซื้อมาติดบ้านไว้!” คนเมาลุกพรวดขึ้นจากโซฟา เดินโซเซเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคามเหมือนทุกที ต่างออกไปก็ตรงที่ทอฝันไร้ซึ่งความกลัวไปเสียแล้ว
“ฝันได้ค่าแรงวันละสองร้อยนะแม่ วันนี้ฝันก็รวบรวมเงินเก็บไปจ่ายค่าน้ำสามร้อยกับค่าไฟอีกสองพัน มีเหลือติดตัวอยู่แค่ยี่สิบบาทเองจ้ะ” เธอชี้แจง
“แล้วทำไมมึงไม่เอาเงินยี่สิบบาทไปซื้ออะไรมาให้กูกินเล่า!” ราณีใช้นิ้วจิ้มหน้าผากลูกสาวแรง ๆ
“ฝันเก็บไว้เป็นค่ารถไปทำงานพรุ่งนี้น่ะจ้ะ”
“มึงก็เดินไปสิ อีเด็กจัญไร!”
“เดินยังไงตั้งสิบโลแม่ ฝันขาเจ็บ...”
“อีบ้า! นี่มึงกล้าเถียงกูเหรอฮะ!”
ราณีไม่สนใจฟังคำอธิบาย ตวัดฝ่ามือตบหน้าทอฝันทั้งซ้ายและขวา ผลักจนล้มแล้วจิกหัวทุบตีตามความเคยชิน ทั้งตบ ทั้งข่วน ทั้งถีบ ข้อเท้าที่ถูกกระทืบจนแทบเดินไม่ไหวเมื่อวันก่อน ถูกเหยียบซ้ำลงไปอีก
แม้จะเจ็บแค่ไหน ทอฝันก็กัดฟันอดทน ปล่อยให้คนที่ได้ชื่อว่าแม่ระบายโทสะออกมาจนกว่าจะเหนื่อยไปเอง
ซึ่งมันก็นานพอที่จะทำให้เธอสะบักสะบอมไปทั้งตัว
“อีเวร! ไป! มึงไปซื้อบะหมี่เกี๊ยวมาให้กูกินเดี๋ยวนี้ ถ้าเงินไม่พอมึงก็ติดมันไว้ก่อน ถนัดใช้ความน่าสงสารนักนี่ อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวกูก็จะสบายแล้ว กูน่ะฉลาด รู้จักใช้ความสาวความสวยให้คุ้มค่า ไม่ใช่ดีแต่ใช้ความน่าเวทนาอย่างมึง!”
“จ้ะ เดี๋ยวฝันจะรีบออกไปซื้อให้” เสียงของทอฝันแหบพร่า พยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่ทำให้ลำคอตีบตัน ขณะยันกายลุกขึ้นจากพื้น แสบหน้าแสบผิว ปวดระบมไปทั้งตัว
“อย่าช้านะมึง!”
“จ้ะ” เธอรับคำเสียงเรียบ ไม่กล้าสบตา รีบหันหลังเดินขึ้นไปข้างบนห้องเพื่อเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเก่า ๆ ขาด ๆ หยิบแบงก์ยี่สิบ จากนั้นก็ดึงลิ้นชักหาเศษเหรียญให้ครบสี่สิบบาท กำเงินใส่ลงในกระเป๋ากางเกงขาสั้น แล้วรีบออกจากบ้านไปทันที
ทอฝันยกมือขึ้นลูบหน้า เธอตอบคำถามของคนอื่นจนชินแล้วจึงไม่สนใจจะหลบซ่อนอะไร คนแถวนี้รู้กันหมดว่าราณีนิสัยแย่แค่ไหน วัน ๆ เอาแต่ออกไปกินเหล้าเข้าผับ ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ไม่สนใจทำงาน ปล่อยให้ลูกสาวหาเงินตัวเป็นเกลียว แถมยังชอบตบตีจนเป็นนิสัย บางคนทนไม่ไหว พยายามยื่นมือไปช่วย สุดท้ายก็โดนด่ากระเจิงกันทุกราย
หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ไม่ใหญ่โตนัก มีบ้านเรือนอยู่ราว ๆ ห้าสิบหลัง แบ่งแยกเป็นซอยทั้งหมดสิบซอย บ้านของทอฝันอยู่ซอยที่ห้า ส่วนร้านบะหมี่เกี๊ยวขายอยู่ที่ริมฟุตปาธหน้าทางเข้าหมู่บ้าน กว่าจะเดินไปถึงก็ใช้เวลาพอสมควร ยิ่งขาเจ็บอย่างนี้ ยิ่งเป็นอุปสรรค แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอถอดใจ
“บะหมี่เกี๊ยวถุงนึงจ้ะ ลุงพร”
“อ้าว โดนเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอเนี่ย ฝันเอ๊ย!”
ลุงพรที่กำลังลวกบะหมี่ใส่ชามให้ลูกค้า หันมาเห็นใบหน้าที่บวมเป่งก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ และนั่นทำให้ป้าอรกับลูกสาวหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“ตายจริง เลือดซิบเลย” ป้าอรทำหน้าตกใจ
“มานี่ก่อนมาฝัน พี่จะทำแผลให้” พลอยใสลูกสาวเจ้าของร้านบะหมี่กวักมือเรียก
“ฝันไม่เป็นไรจ้ะพี่พลอย...”
“ต้องรอคิวบะหมี่อีกสองคิวอยู่ดีน่า มานี่เถอะ อย่าพูดยากนักสิ” ประโยคนี้ทำให้ทอฝันปฏิเสธไม่ได้อีก เธอเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่พลอยใสเลื่อนออกมารอ ปล่อยให้หญิงสาวผู้พี่บรรจงเช็ดแผลด้วยน้ำเกลือ จากนั้นก็ใส่ยาให้จนเสร็จสรรพ
“ดีนะที่พกยามาด้วย ช่วงนี้ต้องทำแผลทุกวัน แก้วบาดมือเย็บไปตั้งสี่เข็มแน่ะ” มาถึงตอนนี้เองที่ทอฝันสังเกตเห็นมือข้างซ้ายของพลอยใสมีผ้าพันแผลปิดอยู่
“เจ็บไหมจ๊ะ”
“เจ็บ แต่ก็คงน้อยกว่าฝัน” พลอยใสมองสบตาเศร้าสร้อย “อยากหนีไปให้ไกล ๆ บ้างไหมฝัน เคยคิดบ้างไหมว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อ”
“เคยสิพี่ อยากหนี แต่ก็แค่อยาก ฝันคงไม่ทำหรอก ไม่ใช่เพราะรักแม่นะ แต่ฝันไม่มีที่คุ้มหัวที่ไหน แล้วฝันก็คิดว่าการหนีคือวิธีของคนขี้ขลาดด้วย พุ่งเข้าชนเลยดีกว่า ตายเป็นตาย แม่ทำให้ฝันเกิดได้ แม่ก็เอาชีวิตฝันคืนไปได้เหมือนกัน ฝันไม่กลัวตายหรอกจ้ะ ส่วนเรื่องอนาคต ฝันปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของโชคชะตามานานแล้ว”
ทอฝันเติบโตมาด้วยตัวเอง มีเพียงตาที่เสียไปและคนรอบตัวคอยบอกสอนชี้ทางที่ถูกที่ควร จึงไม่แปลกที่จะมีความคิดลึกซึ้งเกินตัวอย่างนี้
“ถ้ามีอะไรให้ป้าช่วย บอกได้นะลูก” ป้าอรยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ ป้าอร” เธอยกมือไหว้นอบน้อม
“เอ้า ได้แล้วฝัน ลุงทำให้สองห่อเลยนะ พิเศษเลย”
“แต่ฝันมีเงินพอจ่ายแค่...”
“ลุงให้หลาน มันจะเป็นไรไป คิดมากเกินไปแล้วลูก รับไปเถอะน่า ตัวผอมจนแทบจะปลิวไปตามลมได้แล้วนะ ต้องกินให้เยอะ ๆ นะฝัน” ลุงพรเดินมายื่นถุงบะหมี่ให้จนถึงมือ ทอฝันลังเล แต่มีเวลาไม่มากแล้วจึงตัดสินใจยกมือไหว้แล้วรับถุงบะหมี่มาถือไว้
“รีบไปเถอะ ยืมจักรยานพี่ไปก่อนไหม”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฝันวิ่งเอาก็ได้”
“ไม่น่าไหว แค่เดินยังกะเผลก ข้อเท้าบวมแดงแบบนี้ยังจะทำเก่งอีก เอาไปเถอะน่า เอาไว้ใช้หลาย ๆ วัน ไว้ข้อเท้าดีขึ้นค่อยเอามาคืน พี่ไม่ได้ใช้หรอก”
พลอยใสพูดไปอย่างนั้นเอง ปกติแล้วจะใช้รถจักรยานคันนี้ไปจ่ายตลาดให้แม่ทุกเช้า แต่เธอมีมอเตอร์ไซค์ไว้ใช้ ไม่เดือดร้อนอะไร จึงอยากให้ทอฝันเอารถจักยานไปไว้ทุ่นแรงตัวเอง
“งั้น...ฝันขอยืมนะจ๊ะ” ยังมิวายทำหน้าตาเกรงใจ
“จ้า เอาไปเถอะ ใช้เบื่อค่อยเอามาคืน” พลอยใสตอบ
ทอฝันยิ้มน้อย ๆ ด้วยความซึ้งใจ ในช่วงเวลาที่เลวร้าย โชคดีแค่ไหนแล้วที่ยังมีคนดี ๆ คอยช่วยเหลือ ให้ความเห็นอกเห็นใจอย่างนี้ เมื่อวางบะหมี่ลงในตะกร้าหน้ารถจักรยานเรียบร้อย ทอฝันก็ก้าวขาคร่อมนั่งแล้วเริ่มปั่นไปตามทาง นิ่วหน้านิด ๆ เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าขึ้นมา แต่ถ้าเทียบกับการเดิน เท่านี้ถือว่าเล็กน้อยมากทีเดียว
เจ้าของร่างบางปั่นจักรยานผ่านความมืดไปเรื่อย ๆ สายลมผะแผ่วยามค่ำคืนทำให้หัวใจที่แห้งผากเริ่มมีชีวิตชีวา แม้มันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่มันก็ทำให้มีความสุขไม่น้อย ทอฝันไม่เคยมองชีวิตตัวเองว่าตกต่ำ ไม่เคยโทษโชคชะตาฟ้าดินที่ต้องมีสภาพเช่นนี้ เธอใช้เวลาดื่มด่ำความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการอ่านหนังสือนวนิยายเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ก่อนเข้านอน และการออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองด้วยความภูมิใจ
อีกซอยเดียวก็จะถึงบ้านแล้ว แต่ทอฝันกลับต้องกำเบรกรถจักรยานกะทันหัน เพราะเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ริมถนน แรกทีเดียวก็กลัวว่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่พอใกล้เข้ามาอีก ไฟริมทางก็ทำให้เธอเห็นชัดเจนว่ามีเลือดอาบเต็มใบหน้าของเขา
ทอฝันเบิกตากว้าง ยกมือขึ้นทาบอก ใจหนึ่งบอกว่าให้รีบปั่นจักรยานกลับบ้าน แต่อีกใจแย้งทันควันว่าไม่ควรใจดำต่อเพื่อนมนุษย์
“หามันให้เจอ!”
เสียงโหวกเหวกดังมาจากอีกด้าน สมองใช้เวลาในการประมวลเหตุการณ์ไม่นานก็รู้ทันทีว่าภัยอีกระลอกกำลังจะมาถึงตัวชายหนุ่มผู้นี้ ไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง ทอฝันเตะขาตั้งรถจักรยานให้มั่นคง แล้วรีบรุดไปประคองคนเจ็บให้ลุกขึ้นนั่ง
เขาหอบหายใจแรง มองสบตากับสาวน้อยตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาสีดำสนิทประสานกันราวกับตกอยู่ในภวังค์ ทอฝันพบว่าแม้ใบหน้าจะฉาบทาไปด้วยเลือด แต่ก็ยังมีเค้าความหล่อเหลาให้เห็นอยู่ไม่น้อย
“หนีไป...”
“มีคนกำลังมา คุณต้องหลบไปทางโน้น” เธอบอก
“เธอไปให้พ้น ไม่งั้นจะเดือดร้อนเอาได้นะ!”
“เดี๋ยวฝันช่วยคุณเอง ลุกขึ้น”
“นี่เธอ...”
“ลุกขึ้น!” คนตัวเล็กสอดแขนไปประคองเอว ยกมืออีกข้างของเขาขึ้นพาดไว้บนไหล่ แล้วรวบรวมแรงทั้งหมดในการประคองให้คนตัวโตขยับลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มย่นคิ้วนิ่วหน้า มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ สาวน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายปะปนอยู่ด้วยนั้น เลือกที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือคนแปลกหน้าอย่างเขาได้อย่างไรกัน
เธอไม่รู้จักเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนดีหรือคนเลว...
ทอฝันช่วยชายหนุ่มให้ไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ แตะนิ้วที่ปากตัวเองห้ามไม่ให้เขาส่งเสียง ก่อนจะรีบพรวดพราดกลับออกไปรับหน้าคนอีกกลุ่ม เธอยืนอยู่ข้าง ๆ จักรยาน ในตอนที่เหล่าชายฉกรรจ์สี่คนเดินตรงเข้ามาหา
“น้อง! เห็นใครผ่านมาทางนี้บ้างไหม” หนึ่งในนั้นถาม
“ไม่มีใครนะคะพี่ หนูจอดรถจักรยานอยู่ตรงนี้มาได้พักนึงแล้ว โซ่มันหลุดน่ะค่ะ เพิ่งจะทำได้เมื่อกี้นี้เอง” เธอเสมองไปที่สายโซ่ หลบตาไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็นความตื่นตระหนกในแววตาคู่สวย
“แน่ใจนะว่าไม่มี ตัวสูง ๆ ขาว ๆ หน้าตาคล้าย ๆ ดารา แต่มีเลือดอาบเต็มหน้า น้องไม่เห็นจริง ๆ น่ะเหรอ”
“เลือด...ทำไมคนที่พวกพี่ตามหาถึงต้องมีเลือดด้วยล่ะจ๊ะ!” ทอฝันทำหน้าตื่นอย่างแนบเนียน
“มันเป็นคู่อริพี่น่ะ มีเรื่องขัดใจกันนิดหน่อย”
“แต่หมู่บ้านนี้มีตำรวจอยู่เกือบทุกซอยเลยนะพี่ ถ้าไม่ตำรวจก็พวกครู ข้าราชการอื่น ๆ หนูว่ามามีเรื่องกันแถวนี้มันไม่โอเคเลยนะ เดี๋ยวถ้าใครออกมาเห็นแล้วแจ้งตำรวจเข้านี่แย่เลย” ข้อนี้หญิงสาวพูดความจริง ทำเอาทั้งสี่คนมองหน้ากันเลิกลั่ก
“ถ้าไม่เห็นก็แล้วไป น้องน่ะรีบกลับเถอะ ดึกดื่นแบบนี้ยังออกมาปั่นจักรยานตะลอน ๆ อีก เดี๋ยวก็เจอพวกชีกอลากไปข่มขืนเอาหรอก หน้าตายิ่งสะสวยเสียด้วย”
หนึ่งในนั้นเตือน ถึงพวกเขาจะเป็นอันธพาล ชอบจี้ปล้นยกพวกตีกัน แต่ก็ไม่เคยมีความคิดจะข่มขืนกระทำชำเราผู้หญิง โดยเฉพาะเด็กสาวที่มีดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์อย่างคนตรงหน้า
“จ้ะ หนูจะรีบกลับ พวกพี่ก็ไปเถอะ ถ้าลุงยามออกตรวจแล้วเห็นเข้า เดี๋ยวจะโดนซักยาว ยังไงก็ขอให้พวกพี่ตามหาคน ๆ นั้นเจอไว ๆ นะ”
“ขอบใจน้อง”
พวกนั้นโบกมืออย่างเป็นมิตร ผิดกับรูปร่างหน้าตาที่โหดเถื่อนน่ากลัวจนทอฝันขาสั่น เมื่อรอจนมั่นใจว่าเหล่าชายฉกรรจ์ออกไปจนพ้นสายตาแล้ว เธอก็รีบเดินไปหลังพุ่มไม้ทันที แต่กลับมีเพียงความว่างเปล่า
ไม่พบเขาคนนั้นเลยแม้แต่เงา...
เมื่อกลับถึงบ้านแล้วทอฝันก็สูดลมหายใจลึกพร้อมเกร็งตัวรอ มัวแต่ไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นจนมาช้าแบบนี้ เธอต้องโดนตบตีอีกแน่ เด็กสาวเม้มปากแน่น ยอมรับชะตากรรม แต่ผิดคาดไปมาก เพราะผู้เป็นแม่นอนหลับหมดสภาพอยู่บนโซฟา ดูท่าคงจะไม่ไหวจริง ๆ ต่างจากทุกครั้งที่ต้องได้กินอะไรก่อนปล่อยให้ตัวเองหลับทอฝันถอนหายใจ นำบะหมี่ไปไว้ในตู้เย็นโดยไม่คิดจะแตะต้อง เธอต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินไปแล้ว กินน้อยจนชิน ตอนนี้จึงยังอิ่มอยู่ เอาไว้ค่อยอุ่นกินพรุ่งนี้ก็แล้วกันเจ้าของร่างบางเดินกลับมาหามารดา ดวงตาเย็นชาทอดมองอย่างไร้ความรู้สึกอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะเดินแยกขึ้นข้างบนเพื่ออาบน้ำทำแผลใหม่อีกสักรอบ วันนี้ใช้เวลาในห้องน้ำนานกว่าทุกวัน ฟอกสบู่ถูตัวจนหอมกรุ่น สระผมสองรอบจนสะอาดแล้วจึงล้างเนื้อล้างตัวเมื่อเช็ดตัวและผมเผ้าจนเกือบแห้งดีแล้ว เธอก็สวมชุดนอนลายเป็ดเหลืองที่เก่าจนคอยืดย้วย เตรียมตัวคลานขึ้นเตียงนอน ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตรงหน้าต่างห้องเสียก่อน เสียงนั้นคล้ายกับว่าใครคนหนึ่งกำลังปาก้อนหินก้อนเล็ก ๆ มากระทบที่ประตูระเบียง ทอฝันย่นคิ้ว แต่ก็รีบลุกพรวดออกไปดูทันทีผู้ชายคนนั้น!...คนที่ถูกพว
ความคุ้นเคยที่ไม่มีวันคุ้นชิน...เมื่อมารดากลับมาถึงบ้านในสภาพเมามายและเสื้อผ้าหลุดลุ่ย สิ่งที่ทอฝันต้องทำเป็นอย่างแรกคือเตรียมน้ำสะอาดใส่ในกะละมังใบย่อมพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก แล้วยกไปวางบนโต๊ะรับแขก ปล่อยให้ราณีจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวเอง เพราะคนเป็นแม่ไม่ต้องการให้ลูกสาววัยสิบแปดปีถูกเนื้อต้องตัวนักอย่าว่าแต่ดื่มนมจากอกในตอนแบเบาะเลย ทอฝันไม่เคยได้รับอ้อมกอดจากแม่ด้วยซ้ำ การเกิดมาโดยที่แม่ไม่รักไม่ต้องการมันก็อดสูอย่างนี้เองแรก ๆ ก็ทุกข์ใจ ระทมในอกจนสุดจะบรรยาย แต่พอเวลาผ่านไป จิตใจของทอฝันก็แกร่งขึ้น รับความจริงได้มากขึ้น และมองว่ามันเป็นเวรกรรม...แม้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนกำหนดมันขึ้นมาก็ตาม“อีฝัน!” ราณีจิกหัวเรียกหยาบคาย“เอาอะไรเพิ่มเหรอจ๊ะแม่”เจ้าของร่างผอมบางที่กำลังล้างถ้วยชามรีบล้างมือ แล้วปรี่เดินมาถามในห้องรับแขก บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น มีเครื่องเรือนครบครัน ดูภายนอกเหมือนคนมีฐานะ แต่จริง ๆ แล้วได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากคุณตาของเธอเอง ท่านเพิ่งจากไปได้ราว ๆ ห้าปี นั่นทำให้ชีวิตของทอฝันยิ่งเลวร้ายลงไปทุกวัน“ไปต้มบะหมี่มาหน่อย กูหิว!”“บะหมี่ซองหมดแล้วแม่ แบบถ้วยก็หมด”แน่ล่ะ ท