Share

บทที่ 10

หลังจากวันนั้นเผยเซียวก็ไม่ได้เอ่ยถามถึงเรื่องนี้เลยตลอดหนึ่งเดือน เธอก็คิดว่าคงจบลงแล้ว!

ตอนนี้รู้สึกว่าเรื่องนี้นับวันยิ่งยุ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ

กู้อิ๋นจะพยักหน้าในตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่อง ไม่พยักหน้าก็ไม่ได้อีก!

เมื่อเผยเซียวเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร ก็จ้องเธออย่างเย็นชา “ทำไม? คุณไม่อยากไปเหรอ?”

ไม่อยากไปจริง ๆ นั่นแหละ......!

แต่ภายใต้ความน่าเกรงขามของเผยเซียว กู้อิ๋นก็ไม่กล้าที่จะพูดว่า 'ไม่' แม้แต่น้อย

ไม่รอให้เธอได้พูด เผยเซียวก็เอ่ยต่อ “ด้วยความสามารถในตอนนี้ของคุณ ตำแหน่งของผู้ช่วยอันดับหนึ่งคงต้องเลื่อนขั้นให้แล้วล่ะ”

กู้อิ๋นเงยหน้าขึ้นฉับพลัน สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ

เพราะงั้นจึงให้เธอไปเรียนรู้งานกับลั่วเหยียน จริง ๆ แล้วประธานเผยอยากจะเลื่อนตำแหน่งให้เธองั้นเหรอ?

เงินเดือนในตอนนั้นก็อาจเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าของตอนนี้น่ะสิ เมื่อคิดถึงเงินกู้บ้านที่ตนเองแบกรับ เรื่องนี้สำหรับกู้อิ๋นแล้วเป็นสิ่งล่อตาล่อใจอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่แล้วเธอก็ก้มศีรษะต่ำลง “มีหัวหน้าลั่วอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”

“ช่วงสิ้นปีนี้ลั่วเหยียนก็จะลาออกแล้ว กลับไปสืบทอดกิจการของตระกูลลั่ว!”

กู้อิ๋นหายใจเร็วขึ้น

เขาเป็นทายาทรุ่นที่สองจริงเหรอเนี่ย? ก่อนหน้านั้นคิดว่าหัวหน้าลั่วก็ดูเหมือนทายาทรุ่นที่สองอยู่ด้วย คิดไม่ถึงว่าสายตาของตนเองจะแม่นมาก

ทำไมทุกคนมีตระกูลให้ไปสืบทอดต่อ แต่เธอไม่มี!

พอคิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าต้องทำงานหนักขึ้นอีกเท่าตัวก็เท่านั้น

“โอเคค่ะ ฉันจะตั้งใจเรียนรู้ให้ดี!” กู้อิ๋นโพล่งพูดออกมา

อย่างไรก็ตาม พอคิดถึงเรื่องแรกที่ต้องให้ความร่วมมือในการเรียนรู้ สีหน้าของกู้อิ๋นจึงตึงขึ้นมาทันที

เธอและหัวหน้าลั่วต้องมาสืบหาว่าทำไมตนเองถึงได้มาค้างคืนในห้องของประธานเผยงั้นเหรอ?

แต่ถ้าเกิดพูดออกไป ก็เหมือนสาดโคลนใส่ตัวเอง จะเก็บคืนกลับมาก็ไม่ได้แล้ว

เผยเซียวไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงแสดงท่าทีเป็นคนเห็นแก่เงินขึ้นมา แต่ทว่าเมื่อเห็นว่าเธอตอบตกลงอย่างเร็ว คิ้วที่ขมวดของเขาก็คลายลง

“ออกไปได้”

“ค่ะ ประธานเผย!” อารมณ์ที่พุ่งพรวดของกู้อิ๋นหายไปแล้ว

ตอนนี้ก็ทำท่าเหมือนห่อเหี่ยวอย่างกับมะเขือยาวน้ำค้างเกาะ

เมื่อเห็นอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ รุนแรงของเธอ เผยเซียวก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง มองแผ่นหลังของเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร

เวลาของมื้อกลางวัน

กู้อิ๋นช่วยเตรียมมื้อกลางวันให้กับเผยเซียวไว้ก่อนแล้ว จึงไปทานข้าวกับเหยียนฉู่ได้

เดิมทีทั้งสองคนจะทานข้าวที่โรงอาหาร เป็นเพราะข้อความเมื่อเช้านี้ ทำให้ทั้งสองไปร้านอาหารที่ไปเป็นประจำ

หาที่นั่งเปลี่ยว ๆ หลบมุมนั่ง เหยียนฉู่ก็เริ่มถาม “เกิดอะไรขึ้น? ที่เธอส่งข้อความนั่นมาหมายความว่าไง?”

“ประธานเผยยังสืบหาผู้หญิงในคืนนั้นอยู่”

“เรื่องนี้ฉันรู้!”

“แล้วยังให้ฉันกับลั่วเหยียนไปสืบด้วยกันอีก”

เหยียนฉู่ตกใจค้าง

ตอนนี้มันเกิดเหตุการณ์ซับซ้อนอะไรกันเนี่ย? วันนั้นขอให้ไปตามหาคน วันนี้ก็ขอให้เธอไปหาคนด้วยกันอีก นี่มัน......จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

“แล้วเธอไม่ได้มีพิรุธใช่ไหม?” เหยียนฉู่ถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

ภายในใจของเธอ กู้อิ๋นก็เป็นแค่เด็กขี้กลัว แล้วไม่รู้ว่าทำไมประธานเผยถึงชอบเธอในตอนนั้นกันแน่

แถมยังย้ายเธอไปเป็นผู้ช่วยใกล้ ๆ ตัวอีก

กู้อิ๋นสูดหายใจแล้วสูดหายใจอีก “เปล่า ฉันเหยียบไว้แล้ว!"

คำว่า 'เหยียบไว้แล้ว! แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเหยียบไว้ไม่ได้อีกในตอนไหน

เหยียนฉู่ประคองหน้าผากขึ้น “หากเป็นแบบนี้ต่อไป มันดูไม่ใช่ทางเลือกเลยนะ”

“ลั่วเหยียนขอให้ฉันเอาจี้ปีกนางฟ้าไปให้เขา”

“จี้ปีกนางฟ้า? สร้อยที่เธอใส่ติดตัวเส้นนั้นน่ะเหรอ?” เหยียนฉู่มองไปที่คออันเปลือยเปล่าของเธอ

ในเวลานี้ถึงได้รู้ว่า เธอไม่รู้ว่าไปทำมันหล่นไว้ตอนไหน

กู้อิ๋น “คืนนั้นฉันทำหล่นไว้ในห้อง”

แบบนี้เหยียนฉู่อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ เลย ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินกู้อิ๋นพูดถึง แต่เมื่อได้ยินตรงนี้ เธอก็รู้สึกหวาดกลัว

มิน่าล่ะ ที่กู้อิ๋นบอกว่าจบเห่ก่อนหน้านั้น ก็คงเป็นเพราะสถานการณ์ใกล้จะถูกจับได้แล้วงั้นเหรอ?

หายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยถามว่า “ประธานเผย ไม่เห็นเธอสวมจี้นั่นใช่ไหม?”

“ฉันก็ไม่รู้สิ!” สมองกู้อิ๋นขาวโพลน

ตอนนี้เหยียนฉู่ก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ในหน้าร้อนจะสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น เพราะงั้นคนที่รู้ว่ากู้อิ๋นมีจี้รูปนางฟ้าจึงมีไม่น้อย

เผยเซียวในฐานะประธานบริษัท ไม่สามารถมองพนักงานอย่างละเอียดได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ช่างน่าหวั่นใจเหลือเกิน

ตอนนี้เหยียนฉู่มองไปที่กู้อิ๋นอย่างโมโห “เธอเอาไปให้ลั่วเหยียนแล้วงั้นเหรอ?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status