หลังจากวันนั้นเผยเซียวก็ไม่ได้เอ่ยถามถึงเรื่องนี้เลยตลอดหนึ่งเดือน เธอก็คิดว่าคงจบลงแล้ว!ตอนนี้รู้สึกว่าเรื่องนี้นับวันยิ่งยุ่งยากขึ้นเรื่อย ๆกู้อิ๋นจะพยักหน้าในตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่อง ไม่พยักหน้าก็ไม่ได้อีก!เมื่อเผยเซียวเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร ก็จ้องเธออย่างเย็นชา “ทำไม? คุณไม่อยากไปเหรอ?”ไม่อยากไปจริง ๆ นั่นแหละ......!แต่ภายใต้ความน่าเกรงขามของเผยเซียว กู้อิ๋นก็ไม่กล้าที่จะพูดว่า 'ไม่' แม้แต่น้อยไม่รอให้เธอได้พูด เผยเซียวก็เอ่ยต่อ “ด้วยความสามารถในตอนนี้ของคุณ ตำแหน่งของผู้ช่วยอันดับหนึ่งคงต้องเลื่อนขั้นให้แล้วล่ะ”กู้อิ๋นเงยหน้าขึ้นฉับพลัน สายตาเต็มไปด้วยความตกใจเพราะงั้นจึงให้เธอไปเรียนรู้งานกับลั่วเหยียน จริง ๆ แล้วประธานเผยอยากจะเลื่อนตำแหน่งให้เธองั้นเหรอ?เงินเดือนในตอนนั้นก็อาจเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าของตอนนี้น่ะสิ เมื่อคิดถึงเงินกู้บ้านที่ตนเองแบกรับ เรื่องนี้สำหรับกู้อิ๋นแล้วเป็นสิ่งล่อตาล่อใจอย่างไม่ต้องสงสัยแต่แล้วเธอก็ก้มศีรษะต่ำลง “มีหัวหน้าลั่วอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”“ช่วงสิ้นปีนี้ลั่วเหยียนก็จะลาออกแล้ว กลับไปสืบทอดกิจการของตระกูลลั่ว!”กู้อิ๋นหายใจเร็วขึ้น
กู้อิ๋นส่ายหัว “ยังหรอก!”เธอสวมจี้นั่นอยู่ตลอด คนที่เห็นในหน้าร้อนก็คงมีไม่น้อยเธอกลัวว่าลั่วเหยียนจะไปสืบภายในบริษัทน่ะสิเหยียนฉู่ “ให้ไม่ได้เด็ดขาด!”“แต่หัวหน้าลั่วมีท่าทีมุ่งมั่นมากนะ” กู้อิ๋นคิดถึงท่าทีที่ลั่วเหยียนต้องการของสิ่งนั้นเหยียนฉู่ใกล้จะบ้าแล้วคำพูดที่ว่า 'ให้ไม่ได้เด็ดขาด' เธอก็ต้องการบอกว่าด้วยความสามารถของลั่วเหยียน ทุกคนในบริษัทต่างเห็นประจักษ์ชัดแจ้งเมื่อใดที่ประธานเผยต้องการสืบอะไร ล้วนขอให้ลั่วเหยียนไปจัดการให้และเขาก็ไม่เคยทำให้ประธานเผยผิดหวังเลยตอนนี้ถ้าไม่เอาของนี่ให้กับลั่วเหยียนล่ะก็ จะต้องสร้างความสงสัยให้กับลั่วเหยียนแน่นอนแต่ถ้าเอาให้ไป......“ช่างน่าหงุดหงิดจริง ๆ เลย!” ในตอนนี้เหยียนฉู่รู้สึกหงุดหงิดใจจะขาดในตอนนี้กู้อิ๋นก็ปวดหัวเช่นกัน อยากที่จะย้อนเวลาถอยหลังแล้วจัดการเรื่องในคืนนั้นให้สิ้นซากเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของเหยียนฉู่ กู้อิ๋นเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “งั้นฉันควรจะให้หรือไม่ให้ดีล่ะเนี่ย?”“ตอนนี้ทำได้เพียงต้องให้เท่านั้น!” ถ้าเกิดไม่ให้ ลั่วเหยียนจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน และเมื่อลั่วเหยียนเริ่มสงสัย เรื่องปวดหัวก็จะให
เสียงทุ้มต่ำของเผยเซียวลอยมาจากโทรศัพท์ที่โทรจากอีกฝาก “ไปเอาเอกสารที่คอนโดซ่างเหอหย่วนมาให้ผมที แล้วถือโอกาสเอาเนคไทสีม่วงในตู้เสื้อผ้าเส้นนั้นมาให้ด้วยนะ” “ได้ค่ะ” กู้อิ๋นตอบรับด้วยความนอบน้อม ขณะกดลิฟต์ไปยังชั้นที่ใกล้ที่สุดพอวางสาย ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี เอ่ยกับเหยียนฉู่ว่า “ขอยืมกุญแจรถหน่อย ฉันจะไปคอนโดซ่างเหอหย่วน!”“ประธานเผยนี่ก็จริง ๆ เลย ไม่ว่าตอนไหน ๆ ก็ชอบให้เธอไปคอนโดซ่างเหอหย่วน แล้วก็ไม่ให้รถเธอด้วย!”บ่นก็บ่น แต่เหยียนฉู่ก็ยังค้นกุญแจรถในกระเป๋าส่งให้กู้อิ๋นกู้อิ๋นรับกุญแจมา “แค่ไปเอาของเท่านั้นเอง จะกลับไปเบิกเงินค่ารถคืนให้เธอทั้งหมด!” “ค่าน้ำมันรถกับค่ารถไฟใต้ดิน ราคาสองอย่างนี้มันต่างกัน” เหยียนฉู่บ่นพึมพำก็แค่ไม่พอใจกับระบบเบิกเงินของบริษัทเผยเซียว เลยเอาคำพูดของเธอมาใช้ ง่าย ๆ ก็คือขี้งกพอสมควร!กู้อิ๋นยิ้มรับ “เดี๋ยวฉันชดเชยให้?” “เงินกู้บ้านในแต่ละเดือนของเธอก็เกือบแสนบาทแล้ว จะเอาที่ไหนมาชดเชยให้ฉันได้?”กู้อิ๋น “แล้วเธอจะบ่นทำไมล่ะ”“บ่นนิดบ่นหน่อยไม่ได้เหรอไง?” เหยียนฉู่ว่าต่อกู้อิ๋นรู้สึกปวดหัวคุณหนูบ้านรวยคนนี้ ตั้งแต่เข้ามาในบริษัทก็
สายตาของลั่วเหยียนเฉียบคมเมื่อนึกถึงเรื่องที่พวกเขาต้องร่วมมือกันในตอนนี้ จิตใจของกู้อิ๋นก็ไม่สามารถสงบลงได้เลยตัวเท่าลูกแมว แถมยังลดความรู้สึกการมีตัวตนของตัวเองลงอย่างสุดกำลัง ลั่วเหยียนกุมหน้าผาก "ไปทำงานเถอะ!” “ค่ะ หัวหน้าลั่ว!”พอได้ยินที่ลั่วเหยียนเอ่ย กู้อิ๋นก็รู้สึกราวกับได้รับการให้อภัย รีบกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเองทันทีลั่วเหยียนเหลือบมองดูเธออย่างละเอียด และไม่พูดอะไรอีก เดินตรงเข้าไปในห้องทำงานของเผยเซียวกู้อิ๋นพยายามเข้าสู่โหมดทำงาน แต่ทว่าในสมองก็ยังปรากฏภาพในห้องพักคืนนั้นขึ้นมาดูท่า ต่อไปเธอคงต้องไม่ทำอะไรโดยพลการแล้วอีกล่ะ ไม่งั้นจะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้......!ไม่รู้ว่าลั่วเหยียนและเผยเซียว ทั้งสองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่ในห้องทำงาน คุยกันไปคุยกันมาก็หนึ่งชั่วโมงเต็ม ลั่วเหยียนถึงได้ออกมาเขาเพิ่งจะออกไป โทรศัพท์บริษัทบนโต๊ะทำงานของกู้อิ๋นก็ดังขึ้น มองไปที่ห้องทำงานของประธานบริษัทตามจิตใต้สำนึกทะลุผ่านทางหน้าต่าง เธอก็สบเข้ากับสายตาที่เย็นชาและอึมครึมของเผยเซียว!กู้อิ๋นก้มศีรษะด้วยความตกใจ แล้วรับโทรศัพท์ “ค่ะ” “เข้ามา!”เสียงทุ้มต่ำและอึมครึมลอยมาจ
แต่พอสบกับสายตาที่เฉียบคมของลั่วเหยียน เธอก็สั่นไปทั้งตัว ความคิดที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาก็ลืมสิ้นด้วยความตกใจ! “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เมื่อเห็นว่าเธอไม่เคลื่อนไหวใด ๆ น้ำเสียงของลั่วเหยียนก็เฉียบคมขึ้น สติของกู้อิ๋นกลับคืนในพริบตา “ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ!”รีบก้าวขึ้นไปอยู่หน้าโต๊ะทำงานของลั่วเหยียน ลั่วเหยียนหันแล็ปท็อปมาทางเธอ แล้วภาพในนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เธอประคองเผยเซียวพอดูเวลา เป็นช่วงที่เธอส่งเผยเซียวกลับไปสมองกู้อิ๋นว่างเปล่า! เกือบจะสูญเสียการตอบสนองไปแล้วแต่ยังดีที่ หลังจากวิดีโอเล่นผ่านไปห้าวินาที ก็มีอาการติด ๆ ขัด ๆ ขึ้นมาดื้อ ๆเห็นได้ชัดว่าถูกทำลายในตอนที่เห็นภาพนี้ กู้อิ๋นก็ถอนหายใจโล่งอกในทันทีพยักหน้าให้ลั่วเหยียน “วิดีโอส่วนนี้ ฉันกับเหยียนฉู่ดูกันจนถึงช่วงตอนเช้า ก็ไม่เห็นมีใครเข้าไปอีก”เพราะเธออยู่ในห้องทั้งคืนไงเล่า จะมีคนอื่นเข้ามาอีกไหม เธอรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น!แต่วิดีโอถูกทำลายไปแล้วนี่นา แค่เธอไม่พูดถึงเรื่องนี้ เหยียนฉู่ไม่พูด แล้วก็เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ติดสินบนไว้ไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้แล้วในตอนที่กู้อิ๋นรู้สึกดีใจลั่วเหยียนกลับเอาแต่มองไ
วางสายโทรศัพท์กู้อิ๋นร้องไห้อยู่สักพักถึงได้เช็ดน้ำตาให้แห้ง ในตอนที่ออกมาจากทางเดินฉุกเฉิน เบ้าตายังคงแดงอยู่ชูหรัน แผนกเลขานุการเห็นเธอเข้า เลยถามอย่างเป็นห่วงว่า “ผู้ช่วยกู้ คุณร้องไห้มาเหรอ?”“เปล่า เปล่าค่ะ!”กู้อิ๋นส่ายหัว ใบหน้าเล็กๆทำเคร่งขรึมและจริงจังชูหรันพยักหน้า ตบไหล่ของเธอแล้วเอ่ยว่า “ถ้ารู้สึกเครียดเกินไป ขอลากิจ ลายาวสักหน่อยก็ดีนะ!”ทุกคนทั้งเผยซื่อต่างรู้ ว่าการใช้ชีวิตภายใต้การปกครองของเผยเซียวไม่ใช่เรื่องง่ายถึงแม้ว่าเงินเดือนจะสูงกว่าที่อื่นถึงสองเท่า แต่ในขณะเดียวกันความกดดันที่ได้รับ ถ้าไม่เป็นซึมเศร้าก็นับว่าเป็นคนจิตใจเข้มแข็งพอสมควรเลยกู้อิ๋นมอง ชูหรันด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะ ฉันกำลังจะไปขอลาเลยค่ะ”ถ้าไม่ลาหยุด เธอคงจะได้ตายจริง ๆ แล้วล่ะ ช็อกตาย!ชูหรันพยักหน้า แล้วก็ปลอบใจเธออีกสองสามคำก่อนกลับไปทำงานกู้อิ๋นกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนและเขียนจดหมายลาหนึ่งฉบับ เดินไปห้องทำงานของลั่วเหยียนไม่รู้ว่าการกู้คืนวิดีโอเป็นยังไงบ้าง แต่ด่านแรกที่เธอต้องขอลาก่อน ก็คือไปให้ลั่วเหยียนอนุมัติเสียก่อนจากนั้นก็ไปแจ้งให้ประธานเผยทราบ เธอถึงจะไปได้ขณะ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ หัวใจของกู้อิ๋นก็ได้รับการกระตุ้นอย่างถึงขีดสุด ในหัวมีแต่เสียง ‘หึ่งๆ’ ตลอดเวลา!เธอรู้สึกว่าตัวเองทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ!ทว่าเผยเซียว ต่อให้ลั่วเหยียนบอกว่าหาคนที่เก่งที่สุดเจอแล้ว ความเครียดที่เผยออกมาทางคิ้วก็ยังไม่หายไปไหนได้ยินเพียงเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ไม่ทันแล้ว!”ประโยคที่ว่าไม่ทันแล้ว เมื่อกู้อิ๋นได้ฟังก็ไม่เข้าใจ ทว่าลั่วเหยียนกลับเข้าใจดีว่านี่หมายความว่าอะไรพวกเขาไปจากเมืองหนานเฉิงหลายเดือนแล้ว!ท้องของผู้หญิงคนนั้น... เหมือนกับว่าจะมีความเปลี่ยนแปลง และหากคนคนนั้นได้ผลที่ต้องการตามแผนถ้าอย่างงั้นเมื่อผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว ถึงเวลานั้นก็คงมีผลอะไรออกมาให้เห็นบ้าง สำหรับเผยเซียวแล้วนั่นมันแย่มากๆเลยลั่วเหยียน “งั้นตอนนี้ทำยังไงดีครับ?”เผยเซียวไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่เลี้ยงจัดหามาให้เด็ดขาด!ทำยังไงน่ะเหรอ? เผยเซียวยิ้มอย่างเฉยชา “เธอใช้แผนการทั้งหมดไป ก็เพื่อรอเวลานี้ไม่ใช่เหรอ? งั้นก็พังแผนของเธอซะก็สิ้นเรื่องแล้ว!”ผู้หญิงคนนั้นอยากให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เธอจัดหาให้มาตลอด แล้วถ้าเขาแต่งงานแล้วล่ะ?กู้อิ๋นฟังแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใ
เมื่อนึกถึงความบังเอิญที่กล้องวงจรปิดตัวนั้นพัง ลั่วเหยียนก็มองไปที่เผยเซียวด้วยความสงสัย “ผู้ช่วยกู้ จะเป็นคนของคุณหญิงหรือเปล่าครับ?”ถึงยังไงกล้องวงจรปิดตัวนั้นก็พังไปแล้ว แถมยังพังในคืนนั้นพอดีอีก มิหนำซ้ำกู้อิ๋นยังเคยดูกล้องวงจรปิดทั้งหมดอีกด้วย...!สถานการณ์แบบนี้ ควรค่าให้คนสงสัยทั้งนั้นหลังลั่วเหยียนเอ่ยข้อสงสัยที่มีต่อกู้อิ๋นออกมา เผยเซียวก็เอ่ยเย้ยหยันขึ้น “เธอไม่กล้าหรอก”ลั่วเหยียนพยักหน้า ก็จริง!ปกติกู้อิ๋นเห็นเผยเซียวก็กลัวจะตายอยู่แล้ว คุณหญิงฉลาดขนาดนั้น จะเลือกที่ไว้ใจคนแบบนี้ก็ไม่น่าใช่“งั้นผมจะไปบอกผู้ช่วยกู้เลยนะครับ”“เก็บเรื่องนี้เป็นความลับเป็นการภายในเอาไว้ก่อน!”ลั่วเหยียนพยักหน้า “ทราบแล้วครับ!”ถึงยังไงก็เป็นการแต่งงานที่ผูกสัมพันธ์ด้านอำนาจ ย่อมต้องปกปิดเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องประโคมข่าวให้ทั้งโลกรู้ต่อไปเมื่อจบเรื่อง ด้านประธานเผยก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่กู้อิ๋นจะไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วยอีกเลยในด้านนี้ ลั่วเหยียนอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกดีกับบอสของตัวเองเพิ่มขึ้นมาแม้ต้องหลอกใช้กู้อิ๋นชั่วคราว ทว่าหลังแต่งงานก็คิดเผื่อเธอไว้รอบด้านแล้วไม่ง่ายเลยกว่ากู้อิ๋น