ตอนที่40
รอยเท้าของหนูเอง
“ตอนเช้าหนูได้ยินเสียงคุณยาย ร้องโวยวายว่าขโมยขึ้นบ้านจึงรีบออกมาดู” เธอเล่าพร้อมกับนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะออกมากับเมธัช
.........................................................................
สองชั่วโมงก่อนออกจากบ้าน
“โอ้ตายแล้ว! ขโมยเข้าบ้าน ๆ” ยายวันนาร้องลั่น เมื่อเห็นรอยรองเท้าที่เปื้อนดิน มาทางประตูห้องของหลานสาว เป็นทางยาวออกไปที่ประตูบ้าน
วุ้นเย็นที่กำลังหลับอย่างสบายก็สะดุ้งตื่น และรีบเปิดประตูห้อง ร้องถามด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณยาย เสียงดังแต่เช้าเชียวค่ะ”
ยายวันนาหันไปที่หลานสาว แล้วจ้ำอ้าวเข้าไปหา พร้อมกับดึงร่างบางมาใกล้ ๆ กวาดตาสำรวจมองไปทั่วร่าง ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก ท่ามกลางความงุนงงของวุ้นเย็น
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า รอยเท้ามาจากทางห้องของหนูเลยนะ บอกยายมาเร็ว ๆ ว่าไอ้โจรชั่วมันได้ทำอะไรหนูหรือเปล่า”
วุ้นเย็นยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เพราะยังไม่ทันได้สังเกตุว่ามีรอยรองเท้าอยู่ที่พื้น
“ฮ้า! โจร? โจรที่ไหนกันคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรเลยนะคุณยาย”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถาอย่างนั้นก็ถอยออกมายายจะโทรหาตำรวจ ฮึ! ไอ้โจรกระจอก มาขโมยของบ้านของคนอื่น ก็ยังทิ้งรอยเท้าไว้ให้เป็นหลังฐาน”
วุ้นเย็นได้ยินดังนั้นก็ก้มลงดูที่พื้น เมื่อเห็นว่ามีรอยรองเท้าผ้าใบของเมธัชก็ใจหายวาบ ตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นว่ายายวันนากำลังกดมือถือแจ้งตำรวจ เธอก็รีบแย่งมือถือมากดวางสายอย่างรวดเร็ว
“เดี๊ยวเดี๋ยวก่อนค่าคุณยายขา” เธอร้องบอกเสียงดัง
ยายวันนามองหน้าหลานสาว พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ในตอนนั้นน้าชายทั้งสองคนก็เปิดประตูห้องออกมาสมทบ
“อะไรกันแม่ วันนี้วันหยุดกะจะนอนตื่นสายสักหน่อย เมื่อคืนก็ดื่มหนักเสียด้วยซิ” น้าสิงห์บ่นพึมพำ ยามพูดก็หอบเอากลิ่นละมุดลอยมาด้วย จนวุ้นเย็นกับยายวันนา ต้องยกมือขึ้นปิดจมูกกันแทบไม่ทัน
“เฮ้อะ! เพราะเมาละสิ เลยหลับจนไม่รู้เรื่องว่ามีโจรเข้าบ้าน ดูรอยเท้านี่ซิเต็มบ้านไปหมด เฮ้อ! แม่คงต้องหาหมามาเลี้ยงละ พึ่งพาคนไม่ได้เลย ฮึ”
น้าชายทั้งสองคนหน้าเสีย เมื่อโดนยายวันนาหาว่าหมายังดีกว่าพวกเขา แต่เมื่อเห็นรอยเท้าก็ตื่นตกใจเช่นกัน
“เดี๋ยวนะคะ รอยเท้านี่ไม่ได้เป็นของโจรที่ไหนหรอกค่ะ แต่เป็นรอยเท้าของหนูเอง แฮ่” วุ้นเย็นคิดแก้ไขสถานการณ์ได้ จึงพูดออกมา พร้อมกับยิ้มแหย ๆ
“หา! เป็นรอยเท้าของหนูอย่างนั้นรึ” ทั้งยายวันนาและน้าชายทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน
“ไม่จริง! เท้าของหลานยายเล็กแค่นี้จะใส่รองเท้าใหญ่ขนนาดนี้ได้ยังไง นี่มันรอยรองเท้าผู้ชายชัด ๆ”
“ใช่ ๆ” ยายวันนาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ โดยมีน้าชายทั้งสองสนับสนุน
วุ้นเย็นมองหน้าทุกคนสลับกันครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวหายกลับเข้าไปในห้อง ไม่นานก็กลับมาพร้อมรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง ดวงตาใสมองรอยเท้านิ่ง ก่อนจะตัดสินใจวางรองเท้าที่ถือมาลงบนรอยที่พื้น แล้วก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอยืนขึ้น แล้วผายมือไปที่รองเท้า ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นและมั่นใจ
“นี่อย่างไรล่ะคะ เข้ากันได้พอดีเป้ะ เอ่อ..คือร้องเท้าคู่นี้เป็นของคุณพ่อน่ะค่ะ จู่ ๆ ก็คิดถึงคุณพ่อเลยเอามาใส่เล่น”
ยายวันนากับน้าชายทั้งสอง จึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งใจ วุ้นเย็นก็แอบถอนหายใจด้วยเช่นกัน แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบอีกครั้ง เมื่อศักดิ์หยิบรองเท้าขึ้นมา แล้วพูดด้วยความสงสัย
“แล้วทำไมรองเท้าคู่นี้ถึงไม่มีรอยเปื้อนเลยล่ะ”ศักดิ์พูดพร้อมกับมองไปที่หลานสาวอย่างจับผิด
วุ้นเย็นต้องคิดหาคำตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยยิ้มออกมาได้
“ก็ตอนที่หนูสวมรองเท้าคุณพ่ออยู่ ได้ยินเสียงแมวดำร้องอยู่ที่ข้างหน้าต่าง หนูเลยปีนหน้าต่างลงไปอุ้มมันขึ้นมา โดยลืมไปว่าสวมรองเท้าของคุณพ่ออยู่ รองเท้าก็เลยเปื้อนดิน จากนั้นก็รีบปีนกลับเข้า แล้วเปิดประตูบ้านเอาแมวไปใส่ไว้ในกรงเหมือนเดิม เพราะกลัวมันหนาวหนูก็เลยรีบจนลืมถอดรองเท้าน่ะค่ะ เสร็จแล้วหนูก็ทำความสะอาดแล้วปั่นแห้ง เอาดรายเป่าผม ไปเป่าอีกครั้ง รองเท้าของคุณพ่อจึงสะอาดเอี่ยมเหมือนเดิมอย่างที่เห็น อ้อ!แล้วก็โน่นค่ะหลักฐานว่าหนูเอาแมวไปเก็บในกรงจริง ๆ” เธอพูดพร้อมกับชี้ไปที่ร่มที่เธอแชวนไว้เมื่อคืน
“อ้อ!งั้นก็แล้วไป แล้วอีดำหลุดออกมาได้ไง ตอนยายจับมันใส่กรงก็ปิดดีแล้วนี่หนา เอ๊ะหรือว่าลืมปิด แต่ก็ไม่น่าจะลืม” ยายวันนาลังเล เพราะด้วยความที่อายุมากแล้ว จึงหลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้าง วุ้นเย็นได้ทีจึงเสริมไป
“ตอยที่หนูเอาไปส่ง กรงเปิดอ้าเลยค่ะ คุณยายลืมปิดแน่ ๆ ดำมันคงเห็นหนูยังไม่นอน จึงมาร้องเรียกแหละค่ะ”
“น่าจะจริง” ยายวันนาแน่ใจแล้วว่าตัวเองลืม
“โถ่แม่ แล้วร้องเสียดัง ดีนะไม่โทรแจ้งตำรวจมาจับหลานตัวเองน่ะ” สิ่งบ่นพึมพำ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
ตอนที่41เจ้าดำช่วยชีวิต “ฮ่า ๆ เกือบไปแล้วไหม”เสียงหัวเราะที่ดังออกมาจากเมธัช ทำให้วุ้นเย็นหยุดเล่าแล้วหัวเราะออกมาด้วย “ตอนนี้ขำได้นะ แต่ตอนที่หนูอยู่ในเหตุการณ์น่ะ บอกตรง ๆ ว่าขำไม่ออก คิดทางรอดจนสมองแทบไหล หัวใจจะวายเสียให้ได้ สุดท้ายได้เจ้าดำช่วยชีวิต แต่พอคิดย้อนไป ก็ตลกจริง ๆ ฮ่า ๆ”หญิงสาวหัวเราะจนหน้าแดงปลั่ง ดวงตาเป็นประกายพร่างพราวราวกับดวงดาวนับล้าน เมธัชมองภาพนั้นแล้วบันทึกไว้ในส่วนลึกของหัวใจ “สุดท้ายหนูก็ต้องทำความสะอาดพื้น แล้วก็ขอยายออกมานี่แหละ อ้อ!บอกก่อนนะว่า ถึงหนูจะโตขนาดนี้แล้วก็ตาม แต่การขออนุญาตคุณยายไปเที่ยวค้างคืนนี่ไม่ง่ายเลย จนหนูต้องโทรไปหาคุณแม่ขอให้คุณแม่ช่วยคุยกับยายเลยนะคะ เอ้อ!จริงซิ แล้วพี่รู้ที่อยู่บ้านคุณยายได้ยังไงคะ คุณแม่บอกเหรอ”ประโยคท้ายเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ จริง ๆ อยากถามก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ลืมพูดเรื่องอื
ตอนที่40 รอยเท้าของหนูเอง “ตอนเช้าหนูได้ยินเสียงคุณยาย ร้องโวยวายว่าขโมยขึ้นบ้านจึงรีบออกมาดู” เธอเล่าพร้อมกับนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะออกมากับเมธัช.........................................................................สองชั่วโมงก่อนออกจากบ้าน “โอ้ตายแล้ว! ขโมยเข้าบ้าน ๆ” ยายวันนาร้องลั่น เมื่อเห็นรอยรองเท้าที่เปื้อนดิน มาทางประตูห้องของหลานสาว เป็นทางยาวออกไปที่ประตูบ้านวุ้นเย็นที่กำลังหลับอย่างสบายก็สะดุ้งตื่น และรีบเปิดประตูห้อง ร้องถามด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณยาย เสียงดังแต่เช้าเชียวค่ะ”ยายวันนาหันไปที่หลานสาว แล้วจ้ำอ้าวเข้าไปหา พร้อมกับดึงร่างบางมาใกล้ ๆ กวาดตาสำรวจมองไปทั่วร่าง ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก ท่ามกลางความงุนงงของวุ้นเย็น “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า
ตอนที่39 เราจะไม่กลับบ้าน “เพื่ออะไร” เธอเอ่ยถามและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างค้นหา “พี่แค่อยากชดเชยแปดปีที่ผ่านมา และเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป เพราะหลังแต่งงาน พี่คงไม่มีเวลาพาน้องไปเล่นซนกันอีกแล้ว” “พี่ชาย...” เธออยากปฏิเสธ แต่แววตาคู่นั้นกลับทำให้เธอเปลี่ยนใจและตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ งั้นเราก็กลับบ้านกัน เดี๋ยวหนูจะพาพี่ชายกางเต็นท์ออกค่ายเอง” เธอพูดด้วยแววตาที่ซุกซน พร้อมกับรอยยิ้มแป้นเหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิดเมธัชส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ เราจะไม่กลับบ้าน แต่พี่จะพาน้องไปเที่ยวทะเล เราสองคนยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลด้วยกันเลยนะ”&nb
ตอนที่38ปีนรั้วเข้ามาแสงดาวที่พร่างพราวอยู่บนท้องฟ้า ทอแสงระยิบระยับดูสวยงาม ราวกับผืนผ้าแพรสีนิลประดับเพชรเม็ดงามวุ้นเย็นถอนหายใจยาว แม้ตากลมจะทอดมองดูดาวบนท้องฟ้า แต่ในใจกลับเห็นแต่ใบหน้าของใครบางคน เปลือกตาบางหลุบมองมือถือเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน เพราะตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันที่สามแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเมธัชจะทักหรือโทรมาเธอ “เฮ้อ! สงสัยจะยุ่งเรื่องเตรียมงานแต่ง จนลืมน้องแล้วมั้ง”เธอบ่นพึมพำคนเดียว ท่ามกลางแสงดาวที่เริ่มหายไป เมื่อเมฆดำอุ้มฝนเข้ามาแทนที่ สายลมเบา ๆ ในตอนแรกก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่กี่นาทีต่อมา สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก วุ้นเย็นกอดเข่า ก่อนจะวางใบหน้าเล็ก ๆ ลงบนเข่าเนียน นั่งมองสายฝนผ่านหน้าต่างบานกระจก แต่นั่งได้ไม่นาน จู่ ๆ ใบหน้าของเมธัชก็โผล่ขึ้นมาที่หน้าต่าง “พะพี่ชาย!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วยกมือขยี้ตาตัวเองแรง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่
ตอนที่37น้องไม่ได้บอกเมื่อเห็นสีหน้าของเมธัช ยังไม่ดีขึ้น วุ้นเย็นจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง “พี่ชาย ตอนนี้หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องไปตรวจหรอก หนูอยู่กับโรคนี้มานาน จนรู้จักคุ้นเคยกันดีแล้วล่ะ”เมื่อเห็นว่าวุ้นเย็นยืนยันหนักแน่น เมธัชก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “แล้วนี่ยังไม่มีข่าวเรื่องผู้บริจาคหัวใจอีกหรือ”คำถามนี้ทำให้วุ้นเย็นมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มบาง ๆ ออกมา “ยังไม่มีวี่แววเลยค่ะ แต่ช่างเถอะหนูไม่หวังอะไรมาก เพราะการที่เอาหัวใจคนอื่นมาต่อชีวิตเรา นั่นก็หมายถึงเขาจะต้องตายแทน แบบนั้นหนูก็ไม่อยากได้หรอกค่ะ ถึงหนูจะอยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครต้องตายนี่คะ แค่อยู่ได้อุ้มหลาน ก็พอใจแล้ว”น้ำเสียงที่สดใสแต่ปนเศร้านั้นทำให้เมธัชสะเทือนใจเป็นอย่างมาก &
ตอนที่36 อย่าลืมซิคะว่าหนูเป็นโรคอะไร “อ้อ!อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะ พี่ไม่รบกวนแล้ว” เขาพูดพลาง ช่วยประคองหญิงสาวให้นอนลง แต่วุ้นเย็นก็ทำตัวแข็ง ไม่ยอมนอน เมธัชจึงมองอย่างไม่เข้าใจ “ไหนว่าจะนอนไม่ใช่หรือไง” เขาถามสั้น ๆ แต่น้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดออกมาแม้แต่น้อย “ใช่ แต่ยังนอนไม่ได้” วุ้นเย็นพูดไม่ได้มองหน้า “ทำไมถึงยังนอนไม่ได้” “ก็หนูยังไม่ได้กินยาหลังอาหารน่ะซิ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เย็นชาชายหนุ่มจึงเอื้อมไปหยิบยา กับรินน้ำสะอาดส่งให้อย่างใจเย็นหญิงสาวรับยามาโยนเข้าปาก พร้อมกับดื่มน้ำตามเกือบหมดแก้ว แล้วส่งคืนให้เขา ก่อนจะนอนหันหลังให้โดยไม่กล่าวขอบคุณแม้แต่คำเดียวเมธัชไม่ได้สนใจท่าทีที่วุ้นเย็นแสดงออกมา เขาดึงผ้าห่มคลุมให้อย่างอ่อนโยน เพราะแค่วุ้นเย็นไม่ไล่ตะเพ