ตอนที่39
เราจะไม่กลับบ้าน
“เพื่ออะไร” เธอเอ่ยถามและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างค้นหา
“พี่แค่อยากชดเชยแปดปีที่ผ่านมา และเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป เพราะหลังแต่งงาน พี่คงไม่มีเวลาพาน้องไปเล่นซนกันอีกแล้ว”
“พี่ชาย...” เธออยากปฏิเสธ แต่แววตาคู่นั้นกลับทำให้เธอเปลี่ยนใจและตอบตกลง
“ก็ได้ค่ะ งั้นเราก็กลับบ้านกัน เดี๋ยวหนูจะพาพี่ชายกางเต็นท์ออกค่ายเอง” เธอพูดด้วยแววตาที่ซุกซน พร้อมกับรอยยิ้มแป้นเหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิด
เมธัชส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่ เราจะไม่กลับบ้าน แต่พี่จะพาน้องไปเที่ยวทะเล เราสองคนยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลด้วยกันเลยนะ”
“เที่ยวทะเลแล้วจะไปยังไง หนีไปตอนนี้ไม่ได้หรอกนะคะ เดี๋ยวคุณยายเป็นห่วง แต่ถ้าไปบอกคุณยายตอนนี้ แล้วมาเห็นพี่อยู่กับหนูที่นี่ ก็คงไม่ดีเหมือนกัน” เธอพูดอย่างกังวล ยกมือกอดอกไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็จับปลายคางของตัวเองแล้วเดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิด จนชายหนุ่มต้องจับไหล่บางเอาไว้ ก่อนจะบอกแผนการตามความคิดของเขา
“ฟังนะ พรุ่งนี้พี่จะมารับหน้าปากซอย ให้น้องบอกคุณยายว่าไปเที่ยวกับเพื่อนสองสามวัน โอเคไหม”
วุ้นเย็นยิ้มออกมาจนตาหยี ก่อนพยักหน้ารัว ๆ
“โอเคค่ะ เพื่อนหนูมีหลายคน บางคนคุณยายก็ไม่รู้จัก หนูจะอ้างเพื่อนคนนั้นแล้วกันค่ะ จะว่าไปก็ตื่นเต้นดีเหมือนกันนะคะ ตื่นเต้นเหมือนตอนที่พาพี่ชายหนีคุณอาไปกินหมูกระทะเลย ฮ่า” เธอพูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง จนชายหนุ่มต้องยกปลายนิ้วมือปิดปากของเธอเอาไว้
“ชู่!เบา ๆ เดี๋ยวคุณยายก็มาได้ยินหรอก แผนการก็พังหมดพอดี” เขาดุเบา ๆ
วุ้นเย็นพยักหน้ารับ ก่อนจะดึงมือของเขาออกจากปากของเธอ
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะออกไปส่งพี่นะ จะได้ไม่ต้องปีนรั้ว”
“ได้ เอาร่มไปด้วยนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” เขาพยักหน้า พร้อมกับกำชับอย่างเป็นห่วง
วุ้นเย็นหมุนตัวไปเปิดตู้ไม้ใบเล็ก แล้วหยิบร่มออกมา ก่อนจะพยักหน้าให้เมธัชตามมา
เธอค่อย ๆ แง้มประตูมองซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าทางสะดวก จึงพุ่งไปที่ประตูใหญ่ แล้วเลื่อนเปิดพยายามให้เกิดเสียงเบาที่สุด เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ดึงมือเมธัชออกมา พร้อมกับกางร่มให้เขา รีบเดินแกมวิ่งไปที่ประตูรั้ว เธอรีบไขกุญแจแล้วไปส่งเขาที่รถ ซึ่งจอดห่างจากหน้าบ้านไปประมาณห้าเมตร
“ขับรถดี ๆ นะคะ ถึงที่พักแล้วทักมาด้วย” พูดพร้อมกับโบกมือให้เขา
“เข้าบ้านไปก่อนเร็ว พี่จะได้รีบไป” เขาสั่งเสียงเข้ม วุ้นเย็นจึงหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน พร้อมกับล็อคประตูรั้ว พอถึงหน้าบ้านก็หันกลับไปมอง ก็พบว่าเมธัชเพิ่งจะเคลื่อนรถออกไป
วุ้นเย็นรีบเก็บร่มแล้วแชวนไว้ที่ราวเหล็ก แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนเล่นมือถือ เพื่อรอเมธัชทักมา ยี่สิบนาทีต่อมา เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
[ถึงโรงแรมแล้ว หลับฝันดีนะ พรุ่งนี้เก้าโมงเจอกัน]
เธอยิ้มหวาน ก่อนจะตอบกลับไป
“ค่ะ ฝันดีค่ะพี่ชาย”
เรียบร้อยแล้วก็ปิดมือถือ ก่อนจะหลับตาลงอย่างมีความสุข
...........................................................................
เมธัชเปิดประตูทันที เมื่อเห็นคนตัวเล็กวิ่งมาถึงรถ
หญิงสาวโยนกระเป๋าเข้าไปที่เบาะหลัง ก่อนจะก้าวตเข้าไปนั่ง และหอบหายใจ
“เกือบไม่ได้มาแล้วไงล่ะ” เธอพูดพร้อมกับดึงกระดาษทิชชู่มาซับเหงื่อที่ใบหน้าเบา ๆ
“เหนื่อยมากไหม แล้วเกิดอะไรขึ้น คุณยายไม่ให้มาเหรอ”
เธอส่ายหน้ารัว ๆ จนเส้นผมหน้าม้าสีน้ำตาลเข้มกระจาย
“นิดหน่อยค่ะ ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง แต่คุณยายน่ะสิ ตื่นมาโวยวายแต่เช้า จะแจ้งตำรวจ คิดว่าขโมยขึ้นบ้าน ดีที่หนูตกใจตื่นมาได้ยินเข้าเสียก่อน”
เธอหยุดหอบหายใจนิดหนึ่ง ในตอนนั้นเมธัชก็ยกมือหนาขึ้นวางบนหัวของเธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนเหมือนเดิม
“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ เล่า นั่งให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้ เราสองคนยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งสองวันนะ”
ตึก!
หัวใจของเธอกระตุกแรงขึ้นมาครั้งหนึ่ง รู้สึกเขิน ๆ ที่ได้ยินคำว่า ‘เราสองคน’
‘จริงซิ อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ เราก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองต่อสองจริง ๆ ซินะ แล้วทำไมเราถึงต้องเขินด้วยนะเนี่ย’ เธอคิดในใจ ริมฝีปากอิ่มเล็กแอบอมยิ้มเอาไว้
“หน้าแดงด้วยนี่ ไม่สบายหรือเปล่า เมื่อคืนโดนละอองฝนเข้าไปด้วยสิ” เขาเลื่อนมือลงมาแตะที่หน้าผากและแก้มของเธอ แต่ยังคงทอดสายตามองไปท้องถนน
วุ้นเย็นมองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาคมคายนั้น อย่างเขิน ๆ ก่อนจะจับฝ่ามือหนาของเขาไปวางที่พวงมาลัยรถ
“ขับรถมือเดียว ก็ถือว่าเป็นการประมาทเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ” เธอพูดพร้อมทั้งยิ้มอย่างล้อเลียน ชายหนุ่มจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ครับผม ผมจะไม่ประมาทครับคุณหนูวุ้นเย็น”
เธอหัวเราะคิกออกมาอย่างร่าเริง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของยายวันนา ที่ทำให้เธอเกือบไม่ได้มาวันนี้
ตอนที่40 รอยเท้าของหนูเอง “ตอนเช้าหนูได้ยินเสียงคุณยาย ร้องโวยวายว่าขโมยขึ้นบ้านจึงรีบออกมาดู” เธอเล่าพร้อมกับนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะออกมากับเมธัช.........................................................................สองชั่วโมงก่อนออกจากบ้าน “โอ้ตายแล้ว! ขโมยเข้าบ้าน ๆ” ยายวันนาร้องลั่น เมื่อเห็นรอยรองเท้าที่เปื้อนดิน มาทางประตูห้องของหลานสาว เป็นทางยาวออกไปที่ประตูบ้านวุ้นเย็นที่กำลังหลับอย่างสบายก็สะดุ้งตื่น และรีบเปิดประตูห้อง ร้องถามด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณยาย เสียงดังแต่เช้าเชียวค่ะ”ยายวันนาหันไปที่หลานสาว แล้วจ้ำอ้าวเข้าไปหา พร้อมกับดึงร่างบางมาใกล้ ๆ กวาดตาสำรวจมองไปทั่วร่าง ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก ท่ามกลางความงุนงงของวุ้นเย็น “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า
ตอนที่39 เราจะไม่กลับบ้าน “เพื่ออะไร” เธอเอ่ยถามและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างค้นหา “พี่แค่อยากชดเชยแปดปีที่ผ่านมา และเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป เพราะหลังแต่งงาน พี่คงไม่มีเวลาพาน้องไปเล่นซนกันอีกแล้ว” “พี่ชาย...” เธออยากปฏิเสธ แต่แววตาคู่นั้นกลับทำให้เธอเปลี่ยนใจและตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ งั้นเราก็กลับบ้านกัน เดี๋ยวหนูจะพาพี่ชายกางเต็นท์ออกค่ายเอง” เธอพูดด้วยแววตาที่ซุกซน พร้อมกับรอยยิ้มแป้นเหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิดเมธัชส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ เราจะไม่กลับบ้าน แต่พี่จะพาน้องไปเที่ยวทะเล เราสองคนยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลด้วยกันเลยนะ”&nb
ตอนที่38ปีนรั้วเข้ามาแสงดาวที่พร่างพราวอยู่บนท้องฟ้า ทอแสงระยิบระยับดูสวยงาม ราวกับผืนผ้าแพรสีนิลประดับเพชรเม็ดงามวุ้นเย็นถอนหายใจยาว แม้ตากลมจะทอดมองดูดาวบนท้องฟ้า แต่ในใจกลับเห็นแต่ใบหน้าของใครบางคน เปลือกตาบางหลุบมองมือถือเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน เพราะตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันที่สามแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเมธัชจะทักหรือโทรมาเธอ “เฮ้อ! สงสัยจะยุ่งเรื่องเตรียมงานแต่ง จนลืมน้องแล้วมั้ง”เธอบ่นพึมพำคนเดียว ท่ามกลางแสงดาวที่เริ่มหายไป เมื่อเมฆดำอุ้มฝนเข้ามาแทนที่ สายลมเบา ๆ ในตอนแรกก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่กี่นาทีต่อมา สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก วุ้นเย็นกอดเข่า ก่อนจะวางใบหน้าเล็ก ๆ ลงบนเข่าเนียน นั่งมองสายฝนผ่านหน้าต่างบานกระจก แต่นั่งได้ไม่นาน จู่ ๆ ใบหน้าของเมธัชก็โผล่ขึ้นมาที่หน้าต่าง “พะพี่ชาย!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วยกมือขยี้ตาตัวเองแรง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่
ตอนที่37น้องไม่ได้บอกเมื่อเห็นสีหน้าของเมธัช ยังไม่ดีขึ้น วุ้นเย็นจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง “พี่ชาย ตอนนี้หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องไปตรวจหรอก หนูอยู่กับโรคนี้มานาน จนรู้จักคุ้นเคยกันดีแล้วล่ะ”เมื่อเห็นว่าวุ้นเย็นยืนยันหนักแน่น เมธัชก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “แล้วนี่ยังไม่มีข่าวเรื่องผู้บริจาคหัวใจอีกหรือ”คำถามนี้ทำให้วุ้นเย็นมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มบาง ๆ ออกมา “ยังไม่มีวี่แววเลยค่ะ แต่ช่างเถอะหนูไม่หวังอะไรมาก เพราะการที่เอาหัวใจคนอื่นมาต่อชีวิตเรา นั่นก็หมายถึงเขาจะต้องตายแทน แบบนั้นหนูก็ไม่อยากได้หรอกค่ะ ถึงหนูจะอยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครต้องตายนี่คะ แค่อยู่ได้อุ้มหลาน ก็พอใจแล้ว”น้ำเสียงที่สดใสแต่ปนเศร้านั้นทำให้เมธัชสะเทือนใจเป็นอย่างมาก &
ตอนที่36 อย่าลืมซิคะว่าหนูเป็นโรคอะไร “อ้อ!อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะ พี่ไม่รบกวนแล้ว” เขาพูดพลาง ช่วยประคองหญิงสาวให้นอนลง แต่วุ้นเย็นก็ทำตัวแข็ง ไม่ยอมนอน เมธัชจึงมองอย่างไม่เข้าใจ “ไหนว่าจะนอนไม่ใช่หรือไง” เขาถามสั้น ๆ แต่น้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดออกมาแม้แต่น้อย “ใช่ แต่ยังนอนไม่ได้” วุ้นเย็นพูดไม่ได้มองหน้า “ทำไมถึงยังนอนไม่ได้” “ก็หนูยังไม่ได้กินยาหลังอาหารน่ะซิ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เย็นชาชายหนุ่มจึงเอื้อมไปหยิบยา กับรินน้ำสะอาดส่งให้อย่างใจเย็นหญิงสาวรับยามาโยนเข้าปาก พร้อมกับดื่มน้ำตามเกือบหมดแก้ว แล้วส่งคืนให้เขา ก่อนจะนอนหันหลังให้โดยไม่กล่าวขอบคุณแม้แต่คำเดียวเมธัชไม่ได้สนใจท่าทีที่วุ้นเย็นแสดงออกมา เขาดึงผ้าห่มคลุมให้อย่างอ่อนโยน เพราะแค่วุ้นเย็นไม่ไล่ตะเพ
ตอนที่35 ลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมองวุ้นเย็นได้ยินคำพูดของโสภาแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงดีใจจนน้ำตาไหล แต่หลังจากฟื้นตื่นในครั้งนี้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกยินดีอีกแล้ว “ช่างเถอะค่ะ จะให้อภัยหรือไม่หนูก็ไม่ได้สนใจอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปหนูจะลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมอง ไม่ไปยุ่ง ไม่เข้าใกล้อีกแล้วค่ะ”ตึก!พูดจบหัวใจของเธอก็กระตุกขึ้นมา เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาคมลึกของเมธัชเข้าอย่างจัง “อ้าวคุณธัช มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” โสภาที่มองตามสายตาของลูกสาว ก็หน้าเสียไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเมธัชเข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่รู้ว่าได้ยินที่วุ้นเย็นพูดหรือเปล่า หากได้ยินก็กลัวจะโกรธจนไม่มองหน้ากันอีก “เพิ่งมาถึงครับคุณน้า” เขาตอบโสภาแต่ดวงตายังจับอยู่ที่ใบหน้าเรียวเล็กของวุ้นเย็น พร้อมทั้งค่อย ๆ เดินเข้าไปหา และหยุดยืนอยู่ข้าง