รู้สึกเหมือนถูกสัตว์ร้ายจับจ้องอยู่อย่างไรอย่างนั้น พอบวกกับ ที่จมูกตอนนี้ยังได้กลิ่นเลือดสดที่ทะลักออกมาจากคอของคุณชายฉินจนมีกลิ่นคาวเลือดจางๆและยังได้ยินเสียงอ่อคๆ ในคอของคุณชายฉินอีก ขนาดที่ความน่าเกรงขามที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แข็งแกร่งจนราวกับจะจับต้องมันได้ขึ้นมา!ดังนั้นพวกเขาที่เดิมทียังคิดจะบุกเข้าไป จึงยืนนิ่งตัวแข็งกันอยู่ที่เดิมพอเห็นท่าทางแข็งทื่อไปกะทันหันของพวกเขา จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ยกมุมปากเอ่ยขึ้นว่า "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"รอบๆ ไม่รู้ว่าใครที่ตะโกนขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! ใยหุ่นเชิด...มากมายเต็มไปหมด!""ให้ตาย! เยอะมากจริงๆ! นางเองก็เป็นปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนหรือ?!"พอได้ยินเสียงแบบนี้ขึ้นมารอบๆ พวกสำนักเมฆาวารีก็สังเกตเห็นขึ้นมา ว่าระว่างนางกับพวกเขา มีใยละเอียดอยู่มากมายจริงๆ...เพียงแต่มันโปร่งใสอยู่ตลอด ดังนั้น ถ้าหากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็จะมองไม่เห็นและมีใยหุ่นเชิดในนี้ ที่ย้อมเลือดอยู่ด้วยไม่รู้ว่านางปล่อยใยหุ่นเชิดมากมายขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไรคิดดูแล้วเมื่อครู่นี้คุณชายฉินน่าจะถูกปาดคอไปตอนที่นางใช้นิ้วปาดวาด ก็คงพราะเจ้าใยหุ่นเชิดพวกนี้สินะพลัง
นางไม่กลัวเลยจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้น ประทัดที่ว่ามันคืออะไร!คนสำนักเมฆาวารีมีปฏิกิริยาขึ้นมา สิ่งที่นางพูดน่าจะหมายถึงกระบอกเสียงของพวกเขาเมื่อครู่นี้ประทัดอะไรกันเล่า? ฟังแล้วดูตลกเสียจริงสีหน้าพวกเขาปั้นยากขึ้นมาแต่ว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาใดกับคำพูดยโสของนาง เพราะว่า...ผู้อาวุโสยังไม่มาหญิงสาวคนนี้ลึกล้ำเกินหยั่งจริงๆนิ่งกันแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็ได้ยินเสียงนางที่เหมือนจะหมดความอดทน "หรือว่า ข้าต้องปาดคอพวกเจ้าทิ้งด้วย ผู้อาวุโสของพวกเจ้าถึงจะรู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญแล้วยอมเข้ามา?"พวกเข้าหน้าเขียวปี๋ สายตาพรั่นพรึงขึ้นมา"เอาเถอะ" สองมือที่กอดอกอยู่ของจั๋วซือหราน ยื่นออกมาข้างหนึ่งเหมือนกับที่จัดการคุณชายฉินเมื่อครู่ ชูนิ้วหนึ่งขึ้นมาสายตาคนสำนักเมฆาวารีถลึงตาโต พวกเขารู้จักท่านี้ของนง ดังนั้น พอเห็นท่าทางนี้ ก็เลยตึงเครียดกันขึ้นมาพวกเขาจ้องไปที่นิ้วเรียวขาวของนางอย่างตึงเครียด และเห็นว่านิ้วของนางกระดิกเบาๆ ขึ้นมาทันที!ตอนนี้เอง พวกเขาในที่สุดก็ได้ยินเสียงจากไกลๆ พุ่งเข้ามาเป็นเสียงกระดิ่ง กริ๊งๆๆ...!พวกเขาแทบน้ำตาคลอเบ้า! เพราะพวกเขารู้จัก
พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดบ้าง และล้วนรู้ว่า เพื่อหุ่นเชิดหนึ่งตัว ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดธรรมดาหรือหุ่นเชิดความมืด ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งในการหลอมสกัดจึงจะนำมาใช้งานได้เหมือนกับนางแบบนี้เสียที่ไหน?! คิดจะใช้ก็เอามาใช้เลย?ยิ่งไปกว่านั้น! คุณชายฉินก็ยังไม่ตายด้วย!พวกเขาเห็นว่าเขายังหายใจอยู่!คนสำนักเมฆาวารีพวกนั้น ก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมากกับฉากที่เห็นตรงหน้า!ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกตกตะลึงกับการแสดงออกของจั๋วซือหราน พวกเขาในตอนนี้คืองงเป็นไก่ตาแตกไปแล้วไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ที่พวกเขารู้ กระทั่งเจ้าสำนักก็ยังไม่มีความสามารถแบบนี้!และตอนนีเ้อง คนสำนักเมฆาวารีก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น เย็นๆ ใสๆ เส้นเสียงทั้งที่น่าฟัง แต่ตอนนี้ในหูพวกเขา กลับราวกับเป็นเสียงที่ลอดมาจากขุมนรก"พวกเจ้า ลองหลบดูอีกสักครั้งไหม?"คนเหล่านี้รู้สึกเหมือน หัวใจจะหยุดเต้นไปแล้วในพริบตาอวัยวะสัมผัสหลายจุดแจ่มชัดขึ้นเป็นพิเศษในพริบตานี้ อย่างเช่นว่า พวกเขาสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ว่านิ้วมือของนางขยับอย่างไรภาพการกระดิกนิ้วเบาๆ นั่น...กลับสร้างความตกตะลึงได้ยิ่งกว่าโบกแกว่
"เจ้า...!" บนหน้าผอมแห้งของหวงเจี้ยนถัง ดวงตาเบิกโพลงฉับพลัน!ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากผอมเกินไป เดิมทีดวงตาที่โตอยู่แล้ว ตอนนี้พอถลึงตา ก็ยิ่งโตขึ้นจนแทบจะร่วงลงมาอย่างไรอย่างนั้นในดวงตาเขาตกตะลึงจนยากจะปิดบัง เพราะเนื่องจากตกใจมากเกินไป กระทั่งปากก็ยังอ้าค้าง มุมปากสั่นเล็กน้อย ราวกับได้รับผลกระทบมหาศาล"นี่...นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน..." เขางึมงำขึ้นคำหนึ่งในน้ำเสียงฟังแล้ว ก็เหมือนไม่มีความเย็นชาดุดันแบบก่อนหน้าแล้วหวงเจี้ยนถังเป็นปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนมาแล้วหลายปี เข้าใจว่าวิชาหุ่นเชิดของตนเองไม่ธรรมดายิ่งไปกว่านั้นการค้นคว้าต่อวิชาเหยี่ยน ระดับการหลอมวัตถุของเขาเองก็ไม่ได้ต่ำเลยนี่เป็นพื้นฐานและความภาคภูมิใจของเขามาโดยตลอดโดยเฉพาะหุ่นเชิดความมืด กระทั่งในสำนักเมฆาวารี มีหุ่นเชิดความมืดไม่น้อยที่หลอมสกัดออกมาจากมือเขา อย่างหุ่นเชิดความมืดของผู้ดูแลชุยก่อนหน้านั้น อันที่จริงก็หลอมมาจากมือของหวงเจี้ยนถังกระทั่งเจ้าสำนักก็ยังมีหุ่นเชิดความมืดบางส่วน ที่หวงเจี้ยนถังหลอมสกัดออกมาให้อีกด้วย ถึงอย่างไรการหลอมสกัดหุ่นเชิดก็เป็นงานละเอียดอ่อน เปลืองทั้งเวลาเปลืองทั้งแรง ไม่ใช่อะไ
ยังคงอยู่ในท่าทางป้องกันเช่นเดียว ขวางอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานคอของพวกเขากระทั่งเลือดหยุดไหลไปแล้ว และถ้าหากมองอย่างละเอียดจะพบว่า แผลบนคอคุณชายฉินก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่เลือดหยุดไหล กระทั่งว่า!กระทั่งมันเริ่มรักษาแล้ว!หวงเจี้ยนถังเองก็มองสิ่งเหล่านี้ออก ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาใช้ชีวิตมาแล้วตั้งหลายปี จะมายอมรับและเผชิญหน้ากับความไม่รู้และความล้มเหลวของตนเองง่ายๆ ได้อย่างไร?หวงเจี้ยนถังยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเองมากขึ้นไปอีก"นี่ถ้าไม่ใช่วิชาชั่วร้าย แล้วจะเป็นอะไรไปได้?! ศิษย์สำนักข้าล้วนถูกเจ้าควบคุมไปหมด!" หวงเจี้ยนถังเอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้น "เจ้ามัน...ปีศาจสาวชัดๆ! ได้ยินว่าเจ้าสร้างความวุ่นวายในเมืองหลวงน่าดู น่าจะใช้วิชาชั่วร้ายแบบนี้สินะ! วันนี้ข้าจะจัดการแทนสวรรค์..."เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่ามุมปากหญิงสาวคนนี้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ไม่มีความอบอุ่น แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่าเสียงของนางเรียบใสเย็น "คิดให้ดีแล้วค่อยพูด แทนสวรรค์รึ? วิญญาณนับไม่ถ้วนที่มือเจ้า เต็มไปด้วยกรรมชั่ว แล้วยังคิดจะแทนสวรรค์? เจ้าทำได้หรือไงกัน?""อ๊ะ ใช่แล้ว" นางเห
แต่ตรงหน้าเหล่านี้ ล้วนยังมีชีวิตกันอยู่นางสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างสบาย ตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่!"นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน...เป็นไปได้อย่างไร..." หวงเจี้ยนถังราวกับถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง รู้สึกเริ่มสับสนหมดหวังขึ้นมาแล้วเขาพูดงึมงำซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด "นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน เป็นไปได้อย่างไร...นี่มันเป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด...""ถ้าหากแบบนี้ เช่นนั้นข้า...มันคืออะไรล่ะ? แล้วข้า...จะเป็นอะไรไปได้?" หวงเจี้ยนถังพูด ในสีหน้าก็เหมือนจะเสียสติคุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วรางๆแต่ก็ยังไม่ถือว่ารุนแรงนัก และตอนนี้เอง ด้านนอกประตูก็มีคนในชุดสำนักเมฆาวารีคนหนึ่ง เข้ามาพูดอะไรข้างหูหวงเจี้ยนถังสีหน้าหวงเจี้ยนถังยิ่งปั้นยากขึ้นไปอีก ราวกับไม่มีลมหายใจเหลืออยู่อีกแล้วจั๋วซือหรานมองคนสำนักเมฆาวารีที่รีบเข้ามาจากด้านนอก เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเขา ก็พอจะเดาได้ว่าเขาพูดอะไรเพราะจั๋วซือหรานจำคนสำนักเมฆาวารีคนนี้ได้ ถ้าหากจำไม่ผิด เหมือนจะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งที่โรงเตี๊ยมดังนั้นที่เขารีบเข้ามาตอนนี้ สีหน้ายังดูเหมือนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแบบนี้จั๋วซือหรานก็นึกไปถึงหนึ่งความเป็นไปได้...บาง
จ้องจั๋วซือหรานเขม็ง"มีสิทธิ์อะไร...มีสิทธิ์อะไร....หึ หึๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆ!"เขาหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สายตาจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ "มีสิทธิ์อะไร...ข้าทุ่มเทมาหลายสิบปี! แต่หญิงสาวคนเดียวก็ยังสู้ไม่ได้เหรอ! มีสิทธิ์อะไร?! ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อ! สวรรค์ทอดทิ้งข้า!"หลังจากนั้น ในมือเขาก็มีเสียงวูม! มีตลับหุ่นเชิดโผล่มาอีกหลายตลับ!ยิ่งไปกว่านั้นอักขระคำสาปประหลาดบนนั้น จั๋วซือหรานใช้ความเข้าใจต่อการคัดลอกอักขระคำสาปของตลับหุ่นเชิดในช่วงหลายวันนี้มาทำการประเมินตลับหุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนเป็นหุ่นเชิดความมืดทั้งหมด!ดังนั้น ตอนที่หวงเจี้ยนถังเอาตลับหุ่นเชิดออกมามากมายนั้นคนสำนักเมฆาวารีที่เข้ามารายงานนั่น กับคนที่มาดูมหรสพอีกมากมาย เดิมทียังคิดว่า จั๋วซือหรานน่าจะมีความหวาดกลัว...หรือไม่ก็สายตาที่ระแวดระวังขึ้นมาบ้าง?แต่ว่าไม่มีเลยไม่มีเลยสักนิดถ้าแค่ไม่มีก็ว่าไปอย่าง ถึงอย่างไรพวกเขาก็แทบจะไม่เคยเห็นสีหน้าหวาดกลัวใดๆ บนหน้าหญิงสาวที่เผชิญหน้ากับอันตรายคนนี้เลยแต่ ไม่ใช่แค่ไม่มีความหวาดกลัวพวกเขายังเห็นว่า...ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นด้วยซ้ำ!ตาของนาง...เปล่งประกายขึ้น
หวงเจี้ยนถังรู้สึกว่า ที่พึ่งตอนนี้ของจั๋วซือหรานคือคนสำนักเมฆาวารีและคุณชายฉินที่ถูกนางควบคุมอยู่เหล่านี้คนเหล่านี้จะทำอะไรได้ อย่าว่าแต่เจ็ดคนนี้เลย ต่อให้มาอีกสักสิบคน ก็ไม่ใช่คู่มือหุ่นเชิดความมืดของเขาสำหรับเรื่องนี้ หวงเจี้ยนถังมีความมั่นใจอยู่แม้จะบอกว่าเขาถูกจั๋วซือหรานทำให้เสียความมั่นใจในด้านวิชาหุ่นเชิดแต่ในด้านการหลอมสกัดหุ่นเชิด ด้านคุณสมบัติหุ่นเชิด หวงเจี้ยนถังก็ไม่ประหม่าเท่าไรนักความหยิ่งผยองในตอนนี้ ถือว่ามีรากฐานที่แข็งแกร่งอยู่จั๋วซือหรานไม่ตอบสนองอะไรต่อสายตาและคำพูดยิ้มเยาะของหวงเจี้ยนถังเลยแค่มองดูสถานการณ์ตรงหน้าเงียบๆด้วยความโกรธแค้นและชิงชังต่อนางของหวงเจี้ยนถัง จึงไม่มีการถ่วงเวลาอะไรทั้งสิ้น การต่อสู้เริ่มขึ้นทันทีหุ่นเชิดความมืดพวกนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและมิน่าที่หวงเจี้ยนถังมั่นใจขนาดนั้น หุ่นเชิดความมืดเหล่านี้ล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น!จั๋วซือหรานจะมีแค่ตาเดียวก็ยังพิจารณาได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดพวกนี้ไม่ใช่ของธรรมดาอย่างน้อยก็ดีกว่าหุ่นเชิดความมืดที่ได้มาจากผู้เฒ่าเหอ รวมถึงหุ่นเชิดความมืดที่ได้จากผู้ดูแลชุยต่อมาด้วยมองผาดเดียวก็ม
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย