Share

บทที่ 1426

Author: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานย่อตัวลงมา ยื่นมือไปปลดหน้ากากบนหน้าเขาออก

ส่วนเฟิงเหยียน ก็ใช้ฝักกระบี่ของกระบี่ประจำตระกูล จัดการดึงฝักมีดสั้นที่หลังของคนคนนี้ออกมา

สายตาของเฟิงเหยียนขรึมลง สายตาจับจ้องฝักมีดสั้นของเขาเป็นระยะ

จากนั้นก็เอียงตามองหาร่องรอยของมีดสั้นสองเล่มนั้น

จั๋วซือหรานปลดหน้ากากของเขาออกอย่างราบรื่น เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ค่อนข้างหล่อเหลา

ว่ายังไงดีล่ะ ถ้าหากเป็นใบหน้าแบบนี้ ใครมาเห็นเข้าก็คงรู้สึกว่าน่าจะเป็นพวกบัณฑิตที่จะไปสอบข้าราชการแน่

ไม่ควรจะเป็นนักฆ่าที่จับมีดคอยไล่สังหารคนในยามราตรีแบบนี้

สายตาจั๋วซือหรานเฉียบคมมาก มองเห็นรอยประทับที่ข้างคอเขาอย่างรวดเร็ว

"อื๋อ?" จั๋วซือหรานหรี่ตาลง มองตราประทับนั่นที่ข้างคอเขา

ดูแล้วเหมือนถูกประทับตราลงไป แล้วก็ยังดูเหมือนหลังถูกประทับตราแล้วค่อยสักสีลงไปด้วย

จั๋วซือหรานแหงนตามองเฟิงเหยียน ถามขึ้นเสียงต่ำว่า "ท่านมาดูนี่สิ ท่านรู้จักตราประทับนี้ไหม?"

เฟิงเหยียนหามีดสั้นสองเล่มที่กระเด็นออกไประหว่างต่อสู้เจอแล้ว หยิบไว้ในมือเดินตรงเข้ามา

พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน จึงก้มลงเหลือบมองตราประทับที่อยู่ข้างคอคนผู้นี้ผาดหนึ่ง

เขาพยักห
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1429

    สือหลินถูกบีบให้อยู่ในจวนเจ้าเมืองแบบนี้ต่อไปเขาพบว่า เจ้าแมลงตัวยักษ์นั่นเข้าไปอยู่ในร่างกายเขาแล้วแต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยราวกับว่ามันไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีเขาเข้าใจแบบนี้ แต่พอเขามีความคิดที่จะออกจากจวนแห่งนี้หรือมีความตั้งใจที่จะโจมตีคนเหล่านี้ ต่อให้เป็นแค่คนรับใช้คนหนึ่งที่เดินผ่านทันทีที่เขามีเจตนาจะโจมตี เขาก็จะถูกความเจ็บปวดเสียดแทงจนล้มลงไปกองกับพื้นทันทีเขาเป็นคนที่ฝึกฝนมาในตำหนักเซินหลัว มีความอดทนมากที่สุดแต่ก็แทบจะทนกับความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว ที่อดทนไม่กรีดร้องออกมาได้ ก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้วแต่ขอแค่เขาทำจิตใจให้สงบ ไม่มีเจตนาจะโจมตีใคร อยู่ในจวนอย่างสงบเสงี่ยมคลื่นลมก็จะสงบนิ่ง เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสือหลินร้อนรนหน่อยๆ แต่ก็จำใจต้องอยู่ต่อไปอย่างสงบเสงี่ยมเดิมทีเขายังระแวดระวังมาก แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ด้วยเพราะดูจากรายละเอียดของตำหนักเซินหลัวที่เฟิงเหยียนพูดออกมาวันนั้น เขาก็เหมือนมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับสภาผู้อาวุโสอย่างเห็นได้ชัดยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่พวกเขาออกไปจากห้องนั้นสือหลินยังได้ยินอย่างชัดเจนว่า ชายคน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1428

    แต่ด้วยวิธีการของตำหนักเซินหลัว จะทรยศขึ้นมาในรอบที่เท่าไรก็ไม่น่าแปลกอะไรถ้างั้นก็เดาได้ไม่ยากแล้ว คนผู้นี้คงจะทำเพื่อหลบหนีหูตาของสภาผู้อาวุโสและตำหนักเซินหลัว เพื่อสามารถตั้งรกรากใช้ชีวิตอย่างสงบที่เมืองซื่อหนานนี่เอง...จั๋วซือหรานมองเฟิงเหยียน ในใจก็คิดว่าเฟิงเหยียนรู้เรื่องของตำหนักเซินหลัวชัดเจนจริงๆแต่นางยังไม่ทันถามเฟิงเหยียนก็สบตากับนาง จากนั้นจึงพูดว่า "คนนั้นของพวกเราครั้งนี้ คือผู้โดดเด่นที่มาจากตำหนักเซินหลัวเลย ข้าเองก็เคยได้ยินปันอวิ๋นเอ่ยถึงบ้าง ดังนั้นจึงเข้าใจนิดหน่อย"จั๋วซือหรานตกตะลึงเดิมทียังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถังฉือจึงเป็นผู้โดดเด่นแห่งตำหนักเซินหลัวได้ต่อมาพอลองคิด ก็ต้องคนอย่างถังฉือนี่ล่ะ จึงจะเป็นผู้โดดเด่นได้นางเคยได้ยินเฟิงเหยียนกับปันอวิ๋นบอกว่า ถังฉือไม่มีญาติพี่น้องนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนที่นิสัยค่อนข้างเฉยเมยอีกด้วยสิ่งเดียวที่สนใจ ก็น่าจะเป็นพี่น้องร่วมอาจารย์พวกนี้และพี่น้องร่วมอาจารย์เหล่านี้ ไม่ใช่คนที่สภาผู้อาวุโสและตำหนักเซินหลัวจะให้เขามากำจัดทิ้งเพื่อทดสอบอย่างแน่นอนเช่นนั้นไม่สภาผู้อาวุโสหรือตำหนักเซินหลัว การจะให้เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1427

    จากคำพูดของเฟิงเหยียน ไม่นานก็รวบรวมสถานการณ์รวมของตำหนักเซินหลัวแห่งสภาผู้อาวุโสได้แล้วมีน้อยคนนัก ที่จะไม่มีญาติพี่น้องเลยอย่างแท้จริง คนที่อาภัพไร้ญาติมิตรแบบนั้น มีอยู่ไม่มากแน่นอนต่อให้ไม่มีพ่อแม่แล้ว บางครั้งก็ยังมีญาติสายข้างบางส่วนอยู่ลุงป้าน้าอาอะไรแบบนี้ ก็น่าจะยังมีอยู่บ้างคนของตำหนักเซินหลัว ตราบใดที่ยังมีญาติพี่น้องอยู่ ญาติพี่น้องเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับทดสอบคนของตำหนักเซินหลัว"สังหารพวกเขาจนหมด" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "ตำหนักเซินหลัวจะให้พวกเขา สังหารญาติเหล่านั้นจนหมด ถ้าแต่เดิมเป็นญาติที่ไม่ได้ผูกพันอะไรกันนัก หรือเป็นญาติที่ไม่ดีกับพวกเขาอยู่แล้ว กัดฟันทำไปก็ยังพอไหว""แต่ถ้ามีญาติพี่น้องที่ดีกับพวกเขาปรากฏขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เด็กเข้าไปยังตำหนักเซินหลัว ก็ล้วนจำความกันได้แล้ว แน่นอนว่าต้องจำญาติเหล่านี้ได้""คงจะไม่คิดไม่คาดฝันแน่นอน ว่าญาติพี่น้องเหล่านี้จะต้องกลายมาเป็นหินลับมีดให้กับตนเอง..."ตอนที่พูดคำเหล่านี้ เฟิงเหยียนกดเสียงลงต่ำมาตลอดฟังออกไม่ยากว่าเขารังเกียจสิ่งเหล่านี้อย่างที่สุดจั๋วซือหรานฟังแล้วก็ขมวดคิ้วแน่นเฟิงเหยียนไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1426

    จั๋วซือหรานย่อตัวลงมา ยื่นมือไปปลดหน้ากากบนหน้าเขาออกส่วนเฟิงเหยียน ก็ใช้ฝักกระบี่ของกระบี่ประจำตระกูล จัดการดึงฝักมีดสั้นที่หลังของคนคนนี้ออกมาสายตาของเฟิงเหยียนขรึมลง สายตาจับจ้องฝักมีดสั้นของเขาเป็นระยะจากนั้นก็เอียงตามองหาร่องรอยของมีดสั้นสองเล่มนั้นจั๋วซือหรานปลดหน้ากากของเขาออกอย่างราบรื่น เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ค่อนข้างหล่อเหลาว่ายังไงดีล่ะ ถ้าหากเป็นใบหน้าแบบนี้ ใครมาเห็นเข้าก็คงรู้สึกว่าน่าจะเป็นพวกบัณฑิตที่จะไปสอบข้าราชการแน่ไม่ควรจะเป็นนักฆ่าที่จับมีดคอยไล่สังหารคนในยามราตรีแบบนี้สายตาจั๋วซือหรานเฉียบคมมาก มองเห็นรอยประทับที่ข้างคอเขาอย่างรวดเร็ว"อื๋อ?" จั๋วซือหรานหรี่ตาลง มองตราประทับนั่นที่ข้างคอเขาดูแล้วเหมือนถูกประทับตราลงไป แล้วก็ยังดูเหมือนหลังถูกประทับตราแล้วค่อยสักสีลงไปด้วยจั๋วซือหรานแหงนตามองเฟิงเหยียน ถามขึ้นเสียงต่ำว่า "ท่านมาดูนี่สิ ท่านรู้จักตราประทับนี้ไหม?"เฟิงเหยียนหามีดสั้นสองเล่มที่กระเด็นออกไประหว่างต่อสู้เจอแล้ว หยิบไว้ในมือเดินตรงเข้ามาพอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน จึงก้มลงเหลือบมองตราประทับที่อยู่ข้างคอคนผู้นี้ผาดหนึ่งเขาพยักห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1425

    พริบตานี้เอง สือหลินก็ตระหนักได้ว่าติดกับเข้าแล้วแต่เขากลับไม่มีทางถอย คนบนเตียงไม้ลุกขึ้นมาแล้วร่างนั้นใช่หญิงสาวเสียที่ไหน!สือหลินถอยหลังอย่างรวดเร็ว เขาถนัดลอบสังหาร วิชาร่างก็โดดเด่นมาแต่ไหนแต่ไรแต่ถอยได้ไม่มากนัก ก็สัมผัสได้ถึงแรงต้านที่มองไม่เห็นขวางทางถอยหนีของเขาเอาไว้"นี่มัน..." เขาถลึงตาโตขึ้นทันควันสือหลินเองก็พบแล้ว ว่าการโจมตีของชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ ไม่ได้มีทักษะที่สลับซับซ้อนอะไรเลยในมือเขากำดาบยาวสีดำเล่มหนึ่ง มีเพียงคมดาบเท่านั้นที่เป็นประกายขาวเจิดจ้าราวหิมะพอเห็นก็รู้ว่าเป็นอาวุธวิเศษที่หาได้ยากยิ่ง ทว่าพอเขาถือไว้ในมือกลับเหมือนกำลังถือมีดทำครัวอยู่อย่างไรอย่างนั้นไม่มีทักษะอะไร แค่ฟันเข้ามาหาเขาอย่างสะเปะสะปะกระทั่งเหมือนเด็กน้อยจับมีดเลยด้วยแต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกตึงมือ เพราะว่า...ทางถอยหนีถูกพลังที่มองไม่เห็นสกัดเอาไว้เหมือนแมลงวันไร้หัวที่ถูกขังอยู่ในมิติเล็กๆ ไม่ว่าจะหมุนยังไง ก็เจอเข้ากับกำแพง เจอแต่กับกำแพงอยู่ตลอดถ้างั้น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ต่อให้เป็นแค่เด็กน้อยที่ถืออาวุธฟันสะเปะสะปะไปมาการเคลื่อนไหวที่ดูไร้เดียงสาในเวลาปกติ ซึ่ง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1424

    พอเสียงเขาขาดลง ก็เห็นจั๋วซือหรานทำเสียงชู่วขึ้นมา จากนั้นนางก็เชิดคางไปด้านหน้าบอกว่า "มากันแล้ว"ความสนใจของเฟิงเหยียนล้วนอยู่บนตัวนาง พอได้ยินนางเตือนมา จึงหันไปมองยังเรือนของชิ่งหมิงและเป็นไปตามคาด เงาดำเงาหนึ่งแอบบุกเข้าไปในเรือนของชิ่งหมิงจั๋วซือหรานเห็นว่าเงาดำนั่น ไม่ได้คิดจะลอบโจมตีอะไร แต่กลับ..ผลักเปิดบานประตูเข้าไปตรงๆ เสียอย่างนั้นจั๋วซือหรานจุ๊ปาก "นี่เรียกว่าลอบสังหารได้ด้วยหรือ? นี่มันเชิญชวนเข้าสู่กับดักชัดๆ? แล้วด้วยพลังป้องกันของชิ่งหมิง..."นั่นเป็นเตาสามขาใบหนึ่งเชียวนะพลังป้องกันของเตาสามขาใบหนึ่ง!เอาจริงๆ ต่อให้เป็นจั๋วซือหราน ก็ยังไม่อยากจะเผชิญหน้ากับชิ่งหมิงในฐานะคู่ต่อสู้เลยความรู้สึกนั่นก็เหมือนกับหลักการที่นางไม่อยากจะสู้กับอสูรกลืนแมลงนั่นล่ะไม่ใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้ แต่มันต้องสู้กันจนเหนื่อยใจถ้าพรรณนาให้แม่นยำหน่อย...ก็เหมือนทำกัวซานั่นล่ะ สู้แทบตายแต่อีกฝ่ายเลือดลดแค่นิดเดียวนี่ถ้าเป็นการโจมตีระยะไกลก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าต้องสู้แบบเผชิญหน้ากันล่ะก็ ไม่ใช่แค่กัวซาที่เจ็บแค่ผิวเผินนะ แต่ยังเสี่ยงถูกโต้กลับได้ด้วยแล้วก็ตามคาด ในห้องก็ไม่มี

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status