สภาพแวดล้อมของสนามทดสอบนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อก่อนนางเคยสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับกฎที่ว่าไม่สามารถใช้พลังวิเศษในสนามแข่งได้ แต่ตอนนี้นางตระหนักได้ว่า สนามแข่งนั้นเต็มไปด้วยความอดกลั้นตอนที่นางอยู่ในห้องชั้นใน นางไม่มีความรู้สึกเช่นนี้เลยทันทีที่นางเดินออกจากห้องด้านใน ดูเหมือนว่าพลังวิเศษจะถูกปิดกั้นไปบ้าง...จั๋วซือหรานมองใกล้ ๆ และตระหนักว่าพื้นของสนามประลองนี้ทำจากวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หินต้องห้ามนั้นหาได้ยากมาก แต่หินชนิดนี้สามารถปิดกั้นพลังวิเศษของผู้คนได้จริง ๆสำหรับผู้ที่มีพลังวิเศษอยู่ในระดับไม่สูง เท่ากับว่าไม่มีพลังวิเศษใด ๆ ที่สามารถใช้ได้ในสนามแข่งนี้และหากระดับของพลังวิเศษสูงพอ แม้แต่หินต้องห้ามก็ไม่สามารถห้ามได้...ใครในระดับนั้นจะมาแข่งในสนามทดลองมี่มีระดับต่ำเช่นนี้ล่ะแม้ว่าจั๋วซือหรานไม่ตั้งใจฟังเสียงที่ดังรอบตัวนาง แต่นางก็ยังได้ยินอยู่หลังจากวางกรงที่ขังเฮยหลิงถูกยกขึ้นบนบริเวณแข่ง เสียงรอบตัวนางก็ดังขึ้นสองสามเท่ายิ่งไปกว่านั้น ทุกคนสังเกตเห็นอัตราการต่อรองการเดิมพันที่ไม่ธรรมดาบนกระดานของสนามทันที...“เขียนผิดหรือเปล่า”“อัตรา
ภายใต้สายตาของผู้ชมทุกคนไม่ได้ปรากฏฉากที่จั๋วซือหรานถูกฉีกเป็นชิ้น ๆทุกคนเห็นเพียงชายหนุ่มตัวน้อยคนนี้เคลื่อนไหวไป ๆ มา ๆ บนบริเวณแข่ง หนุ่มผู้นี้กระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ ร่างกายของเขาว่องไวราวกับนกที่กำลังบินบนท้องไฟ้าหรือปลาที่กำลังว่ายในน้ำฝูงชนเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกเขาเริ่มตะโกน“ฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ ฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ เลย”“ไอ้สารเลว เจ้าเป็นหนูหรือ มีแต่หลบแล้วหลบหรือ”"หากเจ้าเก่ง อย่าหนีสิ ไปสู้กับเฮยหลิงตัวต่อตัวสิ”......จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะที่นางได้ยินเสียงที่มาจากรอบตัวนาง แต่นางไม่สนใจเสียงเหล่านั้น“ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดในใต้หล้านี้แขงแกร่งอย่างมาก มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่สามารถรับมือได้ พวกเจ้าไม่รู้อะไรเลย…” จั๋วซือหรานพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงเกียจคร้านนางชำเลืองมองไปรอบ ๆ ตัวนาง นางชะลอความเร็วลงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว หรือก้าวเดินโซเซราวกับว่านางกำลังจะถูกจับมีแม้กระทั่งช่วงเวลาหนึ่ง จั๋วซือหรานทำตัวทรงตัวไม่อยู่และล้มลงกับพื้น เฮยหลิงรีบกระโจนเข้าหานางโดยห่างจากนางเพียงครึ่งก้าวจั๋วซือหรานเตะเท้าของนางบนพื้นเพื่อให้ตัวเองห่างกับเฮยหลิงหน่อย จ
เดิมทีทุกคนต่างรู้สึกเหนื่อยล้าในการมองเฮยหลิงวิ่งไล่จับจั๋วซือหราน ทันใดนั้นพวกเขาจ้องตาโต ๆภายใต้สายตาของพวกเขา ชายร่างเล็กก็กลิ้งตัวเพื่อหลบงหมัดอันน่าตกใจของเฮยหลิง ในความคาดหวังของพวกเขา ชายร่างเล็กควรจะหวาดกลัวมากและวิ่งหนี...เขาไม่ได้วิ่งหนี และไม่หลบด้วยแต่เขากลับเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายและพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งในสายตาของทุกคนไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรพวกเขาเพียงเห็นชายร่างเล็กคนนั้น แม้ว่าเขาจะตัวเล็ก แต่ก็ยังมองเห็นขาที่มีสัดส่วนและเส้นที่สมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย...จั๋วซือหรานเคลื่อนที่อย่างว่องไวจากนั้นนางก็เดินบนไหล่ของเฮยหลิง ในขณะนี้ นางดูเหมือนนางกำลังถูก เฮยหลิงจับขึ้นและนั่งอยู่บนไหล่ของเขาดูเหมือนมือสีขาวเรียบ ๆ ของนางกำลังสัมผัสกะโหลกศีรษะของเฮยหลิงเบา ๆแต่เฮยหลิงกลับสั่นตัว เขาส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด และยื่นมือไปตบคนที่อยู่บนไหล่ของเขาอย่างรุนแรงแต่นางก็หลบมันได้อย่างช่ำชอง และร่อนลงมาข้างหลังเขาพร้อมกับตีลังกากลับหลังจากไหล่ของเขา...และในขณะที่เขากำลังตกจากด้านหลังเขาด้วยการตีลังกากลับหลังนี้มือขาวเล็ก ๆ ของนางราวกับฟ้า
“เฮยหลิง ฆ่ามัน ฆ่ามันเลย ฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ ”“เฮยหลิง เฮยหลิง เฮยหลิง”สนามแข่งเริ่มเสียงดังขึ้น และดวงตาของนักพนันล้วนแดงก่ำพวกเขากรีดร้องและคำรามอย่างโกรธพวกเขาอยากลงสนามไปฉีกจั๋วซือหรานเป็นชิ้น ๆ ด้วยตัวเองในขณะนี้ นักพนันเหล่านี้ดูบ้าคลั่งกว่าเฮยหลิงที่อยู่ในสนามเสียอีกพวกเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฮยหลิง ราชาผู้ไร้พ่ายแห่งสนามแข่งนี้คือความหวังสุดท้ายของพวกเขาในขณะนี้ มีร่างมืดปรากฏขึ้นบนอับริเวณรับชม คนผู้นี้สวมหน้ากากทั่วไปที่ใช้ในตลาดมืด เพื่อซ่อนตัวตนของเขาเขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ ซึ่งดูเรียบง่ายมาก แทบไม่มีอะไรบนร่างกายที่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้มุมเสื้อของเขามีเพียงลายปักที่ไม่ค่อยโดดเด่น นั่นเป็นลายปักรุปพระจันทร์เสี้ยวสีเงิน ดูเหมือนว่าจะใช้วัสดุพิเศษในการทำด้ายปัก ดังนั้นสีเงินนี้จึงดูสวยงามเช่นนี้ในเมืองหลวง มีตราสัญลักษณ์เพียงอันเดียวที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีเงิน และเป็นหนึ่งในสามกองกำลังหลักในตลาดมืด - หอเงินจันทร์ดวงตาของชายคนนั้นเย็นชา เขามองดูสถานการณ์ในสนามคนรับใช้ยืนอยู่ข้างกายเขา คนรับใช้ผู้นี้ถามด้วยความเคารพว่า "ท่านขอรับ ท่านคิดว่าอย่า
“ไอ้เจ้าหนูตัวน้อย หากเจ้ากล้าชนะ วันหลังเจ้าไปไหนมาไหน ระวังละกัน อย่าให้กูเจอมึงละกัน”“หากเจ้ากล้าชนะ กูต้องให้มึงตายแน่ ๆ กูจะฆ่ามึง ได้ยินไหม กูจะฆ่ามึง”“แม่ง กูจะควักลำไส้มึงออกจากด้านล่างมึง แล้วยัดกลับเข้าปากมึงเลย”คำพูดอันข่มขู่และคำหยาบทุกชนิดส่งเข้าหูของจั๋วซือหรานอย่างไม่จบสิ้นแต่จั๋วซือหราน นางกำลังยืนอยู่ที่สนามประลอง แม้จะอยู่ไม่ไกลจากขอบกรง คนเหล่านี้ก็รีบไปที่ขอบกรง ราวกับว่าพวกเขาสามารถจับนางได้ตราบใดที่พวกเขายื่นมือออกมาจั๋วซือหรานมองเห็นความบ้าคลั่งและความโกรธในดวงตาของพวกเขาได้อย่างชัดเจนพวกเขาพูดทุกหยาบคายและพยายามคุกคามทั้งหมดที่พวกเขาทำ โดยหวังว่าพวกเขาจะไม่แพ้เพียงแต่อำนาจในการตัดสินใจนี้ไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้น แต่อยู่ในมือของชายร่างเล็กในสายตาของพวกเขา หนูตัวน้อยในสายตาของพวกเขาจั๋วซือหรานยืนอยู่บนสนามประลองต่อหน้าพวกเขา นางยืนนิ่งและมองผู้คนที่อยู่ด้านล่างแม้ว่านางจะเป็นหนูตัวเล็กในสายตาของนักพนันเหล่านี้ แต่ในเวลานี้ นางอยู่บนสนามประลองและนางยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วย ซึ่งพอที่จะทำให้นางดูเป็นคนที่มีรูปร่างขนาดใหญ่และข้างหลัง
ขณะที่เฮยหลิงล้มลงบนพื้น ทุกคนในสนามส่งเสียงดัง ทันใดนั้น สนามวุ่นวายเล็กน้อยเดิมทีจั๋วซือหรานวางแผนที่จะลากเฮยหลิงสนามประลองและจัดการกับพิษกู่ร้อยไหมที่อยู่ในร่างกายของเขา เพราะตอนนี้นางเพียงยับยั้งพลังกู่ของหนอนพิษกู่ร้อยไหมไว้ชั่วคราวเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น นางไม่อยากฟังเสียงด่าของพวกนักพนันแต่ทันใดนั้น นางกลับไม่ทันระวังตัวทันใดนั้นก็มีของบางอย่างพุ่งเข้ามาหานางจากบริเวณของผู้ชมของชิ้นนั้นมุ่งมาที่จั๋วซือหราน และมันมาจากมุมที่อันตรายอย่างมากฟุด(เสียงของบินผ่านอากาศ)ฟุด(เสียงของบินผ่านอากาศ)สองอันด้วย หูของของจั๋วซือหรานขยับเล็กน้อย และนางจับการเคลื่อนไหวอันละเอียดอ่อนนี้ได้อย่างแม่นยำในท่ามกลางเสียงรบกวนจั๋วซือหรานขมวดคิ้ว แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพียงแต่การลอบโจมตีทั้งสองครั้งนี้พออยู่ในมุมที่พอดีเหลือเกินทันใดนั้นจั๋วซือหรานบิดร่างของนาง เพื่อหลบอาวุธลอบสังหารสองชิ้นนี้ ในที่สุดนางไม่ได้ถูกอาวุธลอบสังหารสองชิ้นนี้ทำลายแต่......“แคร็ก…” ขอบหน้ากากของนางถูกอาวุธลอบสังหารเฉียดผ่านพอดี หน้ากากของนางแตกทันที“ซิ้ว”(เสียง) ที่คาดผมของนางถูกอาวุธลอบสังหารอีกชิ้นหน
เขาขมวดคิ้วและจ้องมองจั๋วซือหรานแต่จั๋วซือหรานกำลังจ้องมองเขาด้วยความเย็ชาและความไม่กลัว "เอาล่ะ เจ้ากล้าดีจริง ๆ ข้าจำเจ้าไว้"คนรับใช้ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาสึกหวาดกลัวมาก แม้ว่าการโจมตีครั้งก่อนของจั๋วซือหรานไม่ได้ตงถึงร่างกายของเจ้านายของเขา แต่นักพนันที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็เคลื่อนตัวไปทางด้านหน้าของสนามประลองดังนั้นจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงเขาในฐานะคนรับใช้ของเจ้านาบเท่านั้นที่ไม่สามารถออกไปได้ ดังนั้นเขาจึงได้รับบาดเจ็บจากกระสุนที่กระจายทั่วแม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างมาก นี่เป็นการโจมตีประเภทใดการโจมตีนี้มีความเร็วเท่าใดนางจะตีแขนโดยตรงโดยไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ จากนางในระยะไกลขนาดนั้นได้อย่างไร มันเป็นเพียงการบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ...เช่นนั้นหรือ“ท่านขอรับ…” คนรับใช้เพิ่งอยากพูดอะไรกับนายท่านที่ยืนอยู่ข้างกายของเขาเขาเห็นใบหน้าของเจ้านายบูดบึ้งและพูดว่า "ไปกันเถิด หากไม่รีบไปจากนี้ เดี๋ยวเจี่ยงเทียนซิงจะตามมาหาเรื่อง"คนรับใช้อดไม่ได้ที่ต้องพูดว่า "แต่ แต่คนเมื่อครู่นี้..."“หน้าตานั้น หาได้ง่าย” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงต่ำ แล้วหันตัวและเดินไป
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน จั๋วซือหรานลากผู้ชนะเลิศหลายสนมตัวสูงและล่ำสัน ซึ่งชื่อเฮยหลิง ออกจากสนามประลองและเดินเข้าไปในห้องด้านในหลังจากประตูห้องด้านในปิดลง ความเงียบในก่อนหน้านี้บนบริเวณของผู้ชมที่ด้านนอกก็พังทลายลงทันใดนั้นเสียงดังไปทั่วผู้คนมักจะรังแกผู้อ่อนแอและหลีกเลี่ยงผู้แข็งแกร่ง เดิมทีพวกเขาคิดว่าจั๋วซือหรานเป็นเพียงคนตัวเล็กที่ถูกรังแกได้ง่าย แต่นางเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์พอดี และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็เหมาะสมที่รักษาอาการบ้าคลั่งของเฮยหลิง ณ ปัจจุบันนั่นเป็นเหตุผลที่นางฉวยโอกาสได้ดี ดังนั้นจึงไม่มีใครเอาจริงเอาจังกับนาง แถมนางยังเป็นผู้หญิงอยู่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในโลกใดก็ตาม ผู้หญิงมักจะถูกดูถูกด้วยเหตุผลบางอย่างเสมอยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนางต่อสู้กับเฮยหลิง กระบวนการทั้งหมดนั้นก็ดูง่ายเกินไปซึ่งทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกว่านางมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอเท่าไร นางทำได้เพียงเพราะร่างกายของนางเบาเท่านั้นกล่าวโดยสรุป ทุกคนไม่ได้จริงจังกับนาง และพวกเขาเลยกล้าพูดจาหยาบคายกับนางเช่นนั้นในก่อนหน้านี้จนกระทั่งถึงเมื่อครู่นี้ เมื่อนางแสดงความสา
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย