ขณะที่นางกำลังจะลงมือ อวี๋โหรวก็ดึงแขนเสื้อของนางไว้ ส่งสัญญาณให้นางหันกลับไปมองลั่วชิงยวนหันกลับไป จึงเห็นว่าบนหลังคาและด้านหลังวิหารมีศีรษะคนโผล่ออกมากำลังจ้องมองพวกนางอย่างดุร้ายลั่วชิงยวนประหลาดใจ ตอนนี้คนของหุบเขามังกรดำมารวมตัวกันแล้วหรือ?นางจึงข่มโทสะไว้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าทำให้สหายของข้ากลายเป็นธูปวิญญาณ!”อวี๋เซียจื่อได้ฟังก็ประหลาดใจเล็กน้อย “สหายของเจ้ารึ? ข้ามิรู้จัก”“ข้า อวี๋เซียจื่อ มิเคยนำคนที่เพิ่งตายมาทำธูปวิญญาณ แต่ครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น มิคาดคิดว่าจะจับสหายของเจ้ามา”“ขออภัยด้วย”ลั่วชิงยวนกำมือแน่น “ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดสังหารนาง! เหตุใดวิญญาณของนางจึงมาอยู่ที่นี่”“ผู้ใดต้องการธูปวิญญาณเหล่านี้?”ลั่วชิงยวนมองธูปวิญญาณที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยอารมณ์ซับซ้อนเมื่อคืนนางได้เห็นสิ่งนี้ อวี๋เซียจื่อก็เกรงว่าตนจะเดือดร้อน จึงบอกตามความจริง “มีคนมาสั่งธูปวิญญาณจำนวนมากกับข้า แต่ข้าเป็นคนตาบอด ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้ใด”“บุรุษหรือสตรีก็ต้องแยกแยะได้!”อวี๋เซียจื่อจึงกล่าว “เป็นสตรี”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว สตรี!นางนึกถึงเวินซินถงในทันที!“เมื่อคืนส
“ลั่วชิงยวน!” อวี๋โหรวร้องเรียกนางรีบพุ่งเข้าไปประคองลั่วชิงยวนที่ล้มลงไอสีดำสายหนึ่งก่อตัวขึ้นที่หว่างคิ้วของลั่วชิงยวน อวี๋โหรวตื่นตระหนก พลิกตัวขึ้นหลังม้าพาลั่วชิงยวนกลับไปยังเมืองหลวงด้วยกันอย่างรวดเร็วยังมิทันถึงเมืองหลวง ลั่วชิงยวนก็ตัวร้อนจัดอวี๋โหรวคาดมิถึงว่าในธูปวิญญาณจะยังมีกับดักลอบทำร้ายลั่วชิงยวนอวี๋โหรวไม่มีเวลากลับวัง จึงได้แต่พาลั่วชิงยวนไปยังจวนของเฉินชีคนในจวนพาลั่วชิงยวนเข้าไปในห้อง ขณะเดียวกันก็มีคนออกไปตามเฉินชีอวี๋โหรวเฝ้าอยู่ข้างเตียง เปิดเปลือกตาของลั่วชิงยวนเพื่อตรวจสอบว่าดวงตาขุ่นมัวหรือไม่ ทั้งจับชีพจร ทั้งสัมผัสลำคอตอนนี้เฉินชีกระโจนเข้ามาในห้องด้วยความร้อนใจ“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ลั่วชิงยวนเป็นกระไร?”อวี๋โหรวมีสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเราไปตามหามู่หยวนหยวน ผลปรากฏว่ามู่หยวนหยวนถูกทำให้กลายเป็นธูปวิญญาณ ในธูปวิญญาณนี้กลับซ่อนกลิ่นอายชั่วร้ายไว้ มันลอบทำร้ายลั่วชิงยวน”“คาดมิถึงว่ากลิ่นอายนี้จะแข็งแกร่งจนร่างกายของลั่วชิงยวนทนมิไหว นางตัวร้อนมาก”“หากมิสามารถขับไล่พลังชั่วร้ายนี้ออกไปได้โดยเร็ว เกรงว่าจะต้องนอนซมอยู่บนเตียงหลายเดือน”“ข้าจะ
นางรินเพิ่มอีกหนึ่งถ้วยแล้วดื่มรวดเดียวก็ยังเหมือนเดิมมิรู้สึกเปลี่ยนแปลงอะไรเมื่อดื่มชาไปถึงสี่ถ้วยติดต่อกัน นางก็เริ่มร้อนใจเมื่อดื่มถ้วยสุดท้ายไปครึ่งถ้วยจึงยกขึ้นมาดู ปรากฏว่าในถ้วยมิใช่ชา แต่เป็นโลหิต...โลหิตสีแดงสดลั่วชิงยวนตัวสั่นสะท้าน ถ้วยในมือร่วงหล่นในทันทีทันใดนั้นเอง ลมก็พัดเปิดประตูห้องอย่างแรงร่างที่กระบี่ปักคาอยู่ตรงหน้าอกปรากฏขึ้นหน้าประตูลมยามราตรีพัดผมสีดำขลับของนาง ใบหน้าที่ซีดเผือดนั้นเปื้อนโลหิตมู่หยวนหยวน!ลั่วชิงยวนใจหายวาบครู่ต่อมา มู่หยวนหยวนก็จับกระบี่ที่ปักอยู่ตรงหน้าอก แล้วค่อย ๆ ดึงออกเลือดสีแดงฉานพรั่งพรูออกมานางดึงกระบี่ออกแล้วกระโจนเข้ามาแทงลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรีบหลบหลีก แต่มิรู้เหตุใดร่างกายกลับอ่อนแอ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะตอบโต้นางพยายามหลบด้วยความตื่นตระหนก รีบวิ่งไปยังประตูห้องแต่ทั่วทั้งหล้ากลับมืดมิด มิว่านางจะวิ่งไปที่ใดก็ล้วนมีแต่ความมืด มีเพียงร่างที่ถือกระบี่ไล่ตามนางด้านหลังเท่านั้นที่ยังคงอยู่......แสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง ขับไล่กลิ่นอายชั่วร้ายที่หว่างคิ้วของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่นขึ้นในทันท
“แน่นอนว่า... ไม่” ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว มิลังเลแม้แต่น้อยเฉินชีก็มิประหลาดใจ เพียงแค่พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอบยิ้ม “มิสำคัญหรอก ข้าจริงใจต่อเจ้าก็เพียงพอแล้ว”“หากเจ้าจริงใจต่อข้าก็ไม่มีความหมาย”“ข้าชอบสิ่งที่มีความท้าทาย”รอยยิ้มของเฉินชีเย็นชาจนทำให้คนเห็นรู้สึกหนาวสันหลัง“เจ้าออกไปเถิด ข้าอยากพักผ่อน” ลั่วชิงยวนเริ่มเวียนหัวขึ้นมาอีกแล้ว มิต้องการเสียเวลาพูดคุยกับเขาเฉินชีจึงออกจากห้องไปครู่ต่อมา ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอีกครั้ง ลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงมิสบอารมณ์ “ข้าบอกว่าต้องการพักผ่อนมิใช่หรือ?”“ข้าเอง” หลานจียืนอยู่ที่หน้าประตู สีหน้าหม่นหมองเล็กน้อยลั่วชิงยวนหันกลับไปมอง “เข้ามาเถิด”หลานจีถือยาเข้ามา แล้วกล่าวว่า “นี่คือยาที่แม่นางอวี๋ให้ข้านำมาให้”ลั่วชิงยวนรับชามยามา เมื่อตรวจสอบแล้วว่ายาไม่มีปัญหาจึงยกขึ้นกินหลังจากกินเสร็จ หลานจีก็รับชามเปล่ามาแล้วหันหลังเดินออกไปโดยมิเอ่ยคำใดลั่วชิงยวนกินยาเสร็จก็หลับสนิทอีกครั้งขณะที่ยังรู้สึกมึนงง ดูเหมือนว่าระหว่างนั้นจะมีคนเข้ามาในห้องแต่ลั่วชิงยวนไม่มีแรงที่จะลืมตาจนกระทั่งฟ้ามืด จู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกร้อนรุ
นางยังคงตื่นตัวและเดินออกจากห้องเฉินชีกำลังสั่งการคนอยู่เมื่อเห็นนางออกมาก็ตกตะลึง “ไยเจ้าจึงออกมา? พิษในร่างกายของเจ้ายังมิถูกถอน รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”ลั่วชิงยวนกลับกล่าวอย่างเย็นชา “ข้ามาก็เพราะเรื่องนี้”“ไปพาหลานจีมา”เฉินชีตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ให้คนไปพาหลานจีมาหลานจีตื่นตระหนกเมื่อมาอยู่ตรงหน้าลั่วชิงยวนและเฉินชี “ท่านแม่ทัพ มิทราบว่ามีเรื่องสำคัญอันใด...”ยังมิทันกล่าวจบเพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างแรงหลานจียกมือขึ้นปิดหน้า ยืนตกตะลึงอยู่กับที่สายตาดุดันของลั่วชิงยวนจ้องมองนาง ทำให้หลานจีใจหายวาบ“ค้นห้องนาง! จะต้องมียาเสน่ห์อยู่แน่นอน”เฉินชีหรี่ตามองหลานจี “เจ้าเป็นคนวางยา”หลานจีมิได้ปฏิเสธ พลันคุกเข่าลงในทันที“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ!”“ข้าถือโอกาสหลังจากลั่วชิงยวนกินยาแล้วหลับไป แอบเข้าไปในห้องนางเพื่อจุดกำยานปลุกกำหนัด”“ข้าทำไปก็เพื่อท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ”“ท่านแม่ทัพเอาใจนางทุกวัน แต่นางกลับมิแยแส ข้าเพียงหวังให้ท่านแม่ทัพสมหวังเจ้าค่ะ!”หลานจีคุกเข่าร่ำไห้อยู่บนพื้น นางตัดสินใจทำเช่นนี้แต่ก็เจ็บปวดใจยิ่งนัก นางเพียงหวังว่าท่านแม่ทัพจะได
ลั่วชิงยวนกวาดสายตามองไปทั่วห้องของนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ห้องของหลายจีเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้านยิ่งนักสิ่งของที่จัดวางหลายอย่างดูเหมือนจะเป็นของใช้ของบุรุษ คิดว่าคงมีไว้ให้เฉินชีช่างเป็นความรักที่ลึกซึ้งจริง ๆลั่วชิงยวนค่อย ๆ เดินเข้าไปนั่งลง “เจ้ายังมิได้ให้ยาถอนพิษข้า”หลานจีจึงรีบไปนำยาถอนพิษมามอบให้แก่นางลั่วชิงยวนดมเพื่อตรวจสอบ แล้วกินยาถอนพิษเข้าไปหลานจีตื่นตระหนกและประหม่า “ข้า... ขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้”“และขอบคุณท่านที่ช่วยพูดให้ข้า”ลั่วชิงยวนหันไปมองหลานจีแล้วยกยิ้มมุมปาก “ขอบคุณด้วยวาจามิได้หรอก”หลานจีอึ้งไปครู่หนึ่ง นางรู้ว่าลั่วชิงยวนจะมิช่วยเหลือนางเปล่า ๆ“เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าทำอันใด?”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ยามนี้ยังมิต้องการให้เจ้าทำอันใด บุญคุณครั้งนี้ติดค้างไว้ก่อน”หลานจีพยักหน้า “เจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนตรงไปตรงมาเช่นนี้ก็ทำให้ในใจของหลานจีสงบลงเล็กน้อยนางกลัวว่าลั่วชิงยวนจะช่วยเหลืออย่างเปิดเผย แต่ลับหลังกลับแค้นเคืองและแก้แค้นนางแต่ลั่วชิงยวนกลับบอกนางตามตรงว่าให้นางติดหนี้บุญคุณครั้งนี้ไปก่อน นั่นก็คือ
“ดี! ข้าหวังว่าแผนการของเจ้าจะสำเร็จ”“แต่ข้ามิต้องการให้เรื่องเยี่ยงเมื่อคืนเกิดขึ้นอีก เพราะมันจะดึงข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”ฉินอี้หวาดกลัวว่าฟู่เฉินหวนจะถูกเปิดโปงต่อหน้าเฉินชีเพราะการที่ฟู่เฉินหวนสามารถหลบหนีการไล่ล่าของเฉินชี และลอบเข้าเมืองหลวงได้ เป็นเพราะมีเพียงองค์ชายใหญ่อย่างเขาช่วยเหลือถึงตอนนั้นเฉินชีจะมิปล่อยเขาไปแน่นอน และแม้กระทั่งความปรองดองเพียงผิวเผินก็ยากจะรักษาไว้ได้ปฏิเสธมิได้ว่าเขามิอาจยั่วยุเฉินชีผู้บ้าคลั่งได้“ข้ารู้แล้ว”ฟู่เฉินหวนกล่าวจบก็ออกจากห้องไปแต่เขาก็มิเสียใจกับการตัดสินใจในคืนนี้จุดประสงค์ของเขาในการมายังแคว้นหลีก็เพื่อช่วยนางถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถที่จะปกป้องนางมิให้ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยแต่ก็จะพยายามอย่างสุดกำลัง นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ค้ำจุนให้เขายังมีชีวิตอยู่จู่ ๆ ก็มีเสียงของไป๋ซูดังขึ้นนอกประตูห้อง “ข้าเห็นว่าท่านมีความคิดเป็นของตนเอง ท่านมิใช่องครักษ์ที่ดี”“พวกเราที่เป็นองครักษ์ลับเพียงต้องฟังคำสั่ง”“ท่านลงมือเช่นนี้จะนำปัญหามาสู่เจ้านาย”ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก้าวเดินจากไปทิ้งท้ายไว้ด้วยน้
ทันใดนั้น ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นในทันที พลันกำมือของเขาไว้เตี่ยฉุยก็ถูกดูดเข้าไปในร่างของนางในทันทีแล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าข้อมือของเซี่ยหลิงไว้ อีกมือหนึ่งต่อยไปที่หน้าอกของเซี่ยหลิงอย่างแรงสีหน้าเซี่ยหลิงเปลี่ยนไปรีบยกเท้าหมายจะหนีออกไปทางประตูลั่วชิงยวนกระโดดขึ้นไปขวางหน้าประตู ขวางทางหนีของเซี่ยหลิงเซี่ยหลิงกัดฟันโต้ตอบในทันที ต่อสู้กับลั่วชิงยวนเป็นพัลวันในตอนแรกเซี่ยหลิงยังคงควบคุมตัวเองได้ จึงมิได้ใช้กำลังทั้งหมดแต่การโจมตีของลั่วชิงยวนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เซี่ยหลิงต้านทานมิไหว สุดท้ายก็จำต้องเปิดเผยความสามารถทั้งหมดของตนดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา หลังจากต้านทานหมัดของเซี่ยหลิงแล้วทั้งสองก็ถอยห่าง“ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย วันนั้นคนผู้นั้นก็คือเจ้า!”“เจ้าถึงกับซ่อนเร้นความสามารถมานานถึงเพียงนี้!” ลั่วชิงยวนตกตะลึงเป็นเรื่องที่รู้กันดีวว่าวรยุทธ์ของเซี่ยหลิงนั้นมิได้แข็งแกร่ง คาดมิถึงว่าเขาจะแกล้งทำด้วยความสามารถที่แท้จริงของเขา เขาสามารถเป็นหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์เกราะเหล็กได้มิยากแต่เขากลับซ่อนเร้นความสามารถมาโดยตลอดเขาซุ่มซ่อนมาหลายปี
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน