Share

บทที่ 1350

Auteur: หว่านชิงอิ๋น
เมื่อเห็นร่างของเวินซินถงเดินจากไปอย่างมิลังเล เซี่ยหลิงก็เจ็บปวดรวดร้าว เขากำมือแน่น เล็บจิกฝ่ามือจนเลือดออก

“ข้ากลายเป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้า...” เซี่ยหลิงกัดฟันแน่น ในดวงตาเต็มไปด้วยความมิพอใจ

เขาซ่อนเร้นความสามารถมาหลายปี ปล่อยให้คนนอกเยาะเย้ยเขาทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าเป็นคนไร้ประโยชน์

เขาทำเพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เพื่อให้นางได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนักบวชระดับสูง

ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อปกป้องนาง เพื่อรักษาสถานะนักบวชระดับสูงของนาง

แต่สุดท้ายเมื่อวรยุทธ์ของเขาถูกทำลาย นางกลับทอดทิ้งเขา

ช่างเด็ดขาด ไม่มีแม้แต่ความลังเล!

ในดวงตาของเซี่ยหลิงลุกโชนด้วยความเคียดแค้น

เขามิยินยอม!

เหตุใดสวรรค์จึงต้องกระทำต่อเขาเช่นนี้!

ไม่มีผู้ใดขัดขวางมิให้เขาได้สิ่งที่เขาต้องการได้!

ตอนนี้เวินซินถงเดินออกจากห้อง แล้วเรียกคนมาสั่งการ “ดูแลเซี่ยหลิงให้ดี”

จากนั้นดวงตาของเวินซินถงก็เปี่ยมด้วยกลิ่นอายสังหาร ขณะออกจากวังไป

กล้าทำร้ายคนของนาง นางจะให้ลั่วชิงยวนต้องชดใช้!

......

ลั่วชิงยวนถือเข็มทิศอาณัติสวรรค์ นั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรตลอดทั้งคืนเพื่อดูดซับพลังจากสุริยันจันทรา จึงทำให้สีหน้าของนางดูดีขึ้น

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé
Commentaires (1)
goodnovel comment avatar
Thitiphan Braxton
อัปลงทีละหลายตอนหน่อยค่ะ
VOIR TOUS LES COMMENTAIRES

Related chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1351

    โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นลั่วชิงยวนก็รีบไปเตรียมของบางอย่างจนกระทั่งฟ้ามืดคณะเดินทางก็เริ่มออกเดินทางทุกคนรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะในเมื่อเชื่อมั่นในตัวลั่วชิงยวนแล้วก็จะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อนางเพื่อตนเองและเพื่อญาติมิตรในหุบเขาทาสทุกคนคณะเดินทางควบม้าออกเดินทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยมิหยุดพักสามวันต่อมาก็มาถึงเชิงเขาเมืองแห่งภูตผีหลายคนลงจากม้า มองป่าเขาที่ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกที่ดูลึกลับราวกับมิเคยมีผู้ใดเหยียบย่างเข้าไปแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวที่มิอาจหยั่งรู้ลั่วชิงยวนเดินทางมาหลายวัน ใบหน้าของนางซีดเซียวเล็กน้อย โฉวสือชีช่วยประคองนางลงจากม้า“คืนนี้พักผ่อนที่เชิงเขาหนึ่งราตรี วันพรุ่งค่อยขึ้นเขา พักผ่อนให้เต็มที่”“ได้”ทุกคนก่อกองไฟพักผ่อนกันอยู่ตรงนั้น แล้วนำอาหารออกมาแบ่งกันกินหงไห่หัวเราะ แล้วกล่าวว่า “หลายปีมานี้ข้าไปมาแล้วทุกที่ กระทั่งค่ายทาสก็เคยเข้าไปมากกว่าหนึ่งครั้ง”“ก็มีแต่เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ที่ยังมิเคยเยือน พอดีคราวนี้ได้บุกเข้ามา มิว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็จะได้จารึกชื่อสิบมหาโจรของพวกเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1352

    จู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกหนาวเย็นลงไปถึงกระดูกสันหลัง และคิดว่าตัวเองยังคงฝันอยู่นางหยิกตนเองหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่านี่มิใช่ความฝันทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านางคือความจริง!และยามนี้ทุกคนหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงนางผู้เดียว!พวกเขาอยู่ที่ใด?กองไฟดับไปนานแล้ว กระทั่งบนพื้นก็ไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ มองมิเห็นอะไรทั้งสิ้นลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืน พบว่าบนร่างของนางมีเสื้อคลุมของโฉวสือชีคลุมไว้“โฉวสือชี!”“หงไห่!”ลั่วชิงยวนมองหาพวกเขารอบด้าน สิ่งที่ตอบกลับนางกลับมีเพียงความเงียบสงัดพวกเขาจะมิหนีไปเพราะกลัวตายแน่นอน ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่!แต่เหตุใดนางจึงมิเป็นอะไร?นางรออยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง รอจนแสงแห่งรุ่งอรุณปรากฏ โฉวสือชีและคนอื่น ๆ ก็ยังมิกลับมาลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืน มองไปยังภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบเมืองแห่งภูตผีคิดว่าตอนนี้เท้าของพวกเขาคงเหยียบอยู่บนแผ่นดินของเมืองแห่งภูตผีแล้วดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับสิบมหาโจรลั่วชิงยวนก็ออกเดินทางขึ้นเขาในทันทีถึงแม้จะเป็นการไปเพียงลำพังก็ตามขณะขึ้นเขา ลั่วชิงยวนก็กลืนยาหนึ่งเม็ดเพื่อให้ตนเองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1353

    “เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่? การเดินขึ้นภูเขามิใช่เรื่องง่ายสำหรับสตรี การมีใครสักคนไปด้วยจะปลอดภัยกว่า”สิบกว่าคนหรือ?คนเหล่านี้อยู่รวมกันหมดเลยหรือ?หรือว่าทุกคนมารวมตัวกันอยู่ในหมู่บ้านนี้?พวกโฉวสือชีจะอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนก็ตอบตกลง “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า ถือโอกาสส่งเจ้ากลับด้วย”ดูจากท้องของซูเซียงแล้ว อย่างน้อยก็เจ็ดแปดเดือน มิใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะขึ้นภูเขามาด้วยท้องใหญ่ถึงเพียงนี้เดิมทีลั่วชิงยวนคิดจะเกลี้ยกล่อมว่าบนภูเขานี้มิใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะมาได้แต่เมื่อคิดอีกทีเหตุผลที่เมืองแห่งภูตผีถูกเรียกว่าเมืองแห่งภูตผี ก็เพราะเมื่อขึ้นเขาแล้วจะมิสามารถบอกได้เลยว่าทุกคนที่พบนั้นเป็นมนุษย์หรือภูตผีกอปรกับเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัวแต่หลายปีมานี้ ผู้คนมิรู้ว่าบนภูเขาเมืองแห่งภูตผีมีอะไร ดังนั้นยังคงมีผู้คนจำนวนมากขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้บางคนก็เพื่อยา บางคนก็เพื่อทรัพย์สมบัติแต่ละคนต่างมีสิ่งที่ต้องการลั่วชิงยวนนำสมุนไพรออกมามอบให้ซูเซียง ให้นางกลับไปต้มดื่มเพื่อช่วยบำรุงครรภ์ซูเซียงก็รู้สึกขอบคุณมา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1354

    ซูเซียงพูดด้วยรอยยิ้ม “มัวอึ้งอะไรอยู่ รีบกินเถิด”“ที่นี่ขาดแคลนอาหาร อย่าได้สิ้นเปลืองเลย”ลั่วชิงยวนพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ยามนี้ข้ายังมิค่อยหิว เดี๋ยวหิวแล้วข้าค่อยกินแล้วกัน จะได้ประหยัดด้วย”ซูเซียงมิได้สังเกตเห็นความระแวดระวังของลั่วชิงยวนในยามนี้ เพียงแค่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ได้สิ เพียงแต่ยามค่ำคืนก็จงเข้านอนแต่หัววัน”“อย่าได้ออกจากหมู่บ้านในยามาราตรีเด็ดขาด!”ซูเซียงขยับเข้ามาใกล้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังลั่วชิงยวนตกตะลึง “เหตุใด?”“อย่าถามเลย อย่างไรก็ฟังข้าเถิด ยามค่ำคืนอย่าออกไปข้างนอกและอย่าออกจากหมู่บ้านเด็ดขาด! มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น!”กล่าวจบ ซูเซียงก็มองแสงจันทร์นอกหน้าต่าง ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่ายามนี้ค่ำแล้ว จึงรีบบอกลา แล้วลุกขึ้นเดินออกไปลั่วชิงยวนยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองซูเซียงรีบเดินกลับไปยังเรือนของตนอย่างรวดเร็วภายใต้แสงจันทร์นั้นเห็นได้ชัดว่านางมีเงาแสดงว่านางเป็นมนุษย์แล้วเหตุใดบนกระดาษแผ่นนั้นจึงบอกว่านางมิใช่มนุษย์?หรือว่าเนื้อหาบนกระดาษแผ่นนั้นมีความหมายอื่นซ่อนอยู่?นางกลับไปยังโต๊ะ แล้วตรวจสอบอาหารอีกครั้งทันใดนั้นเอง บน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1355

    ถึงแม้จะมีปัญหาก็ตาม นางก็อยากจะดูว่าซูเซียงต้องการทำอะไรแท้จริงแล้วหมู่บ้านนี้คืออะไรกันแน่เมื่อเทียบกับการกินอาหารเหล่านี้ การออกจากหมู่บ้านโดยพลการอาจจะมีอันตรายมากกว่าหลังจากกินอาหารเสร็จ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อยนางฟุบหน้าลงบนโต๊ะ แล้วหลับไปแต่เพราะฤทธิ์ยาไม่มีผลต่อนางมากนักจึงมิได้หมดสติไปราว ๆ ยามจื่อ เสียงอุทานตกใจจากด้านนอกดังขึ้น ปลุกให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่นนางรีบลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างแล้วแง้มออกเพียงเล็กน้อยเพื่อมองออกไปหมู่บ้านที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด แม้แต่เสียงลมยังฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะที่ลานด้านหน้ามีชายเตี้ยรูปร่างผอมคนหนึ่ง ดวงตาโบ๋ลึกราวกับโครงกระดูก ขอบตาดำคล้ำ ทำให้ดวงตาคู่นั้นดูใหญ่เป็นพิเศษบนใบหน้าที่ซูบผอมนั้นดูประหลาดคนที่ล้มลงบนพื้นตรงหน้าเขาคือซูเซียงชายผู้นั้นเพิ่งตบหน้าซูเซียงซูเซียงรีบเอ่ยปาก “ท่านมีฉีเสวี่ยเวยแล้วมิใช่หรือ”ชายผอมเตี้ยคนนั้นมองซูเซียงด้วยสายตาหื่นกระหาย “วันนี้ข้าอยากจะลิ้มลองของใหม่”เขากล่าวพลางเลียริมฝีปาก แล้วคว้าตัวซูเซียง ฉีกคอเสื้อของนางอย่างแรงซูเซียงตื่นตระหนก “อย่า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1356

    ลั่วชิงยวนกำมือแน่นด้วยความวิตกกังวลในขณะที่นางกำลังจะลงมือโจมตีอย่างรุนแรงทันใดนั้น เงาร่างสีดำก็เหาะลงมากระชากตัวฝูเหมิ่งออกไปแล้วยืนขวางอยู่ตรงหน้าลั่วชิงยวนใต้แสงจันทร์ แสงที่สะท้อนจากหน้ากากนั้นทำให้ลั่วชิงยวนใจหายวาบเขานั่นเอง!เขาถึงกับมาเมืองแห่งภูตผี!การต่อสู้ของลั่วชิงยวนและฝูเหมิ่งดึงดูดให้ผู้คนออกมาดูมากมายยามนี้ผู้คนที่มามุงดูก็ยิ่งมากขึ้นในดวงตาของฝูเหมิ่งเต็มไปด้วยเจตนามุ่งสังหาร “กำลังคิดว่าคนมามากขึ้นเรื่อย ๆ อาหารน้อยลงทุกที ในเมื่อเจ้าเอาชีวิตมาส่งถึงที่ ข้าก็จะสนองให้!”ยามนี้ฉีเสวี่ยเวยเอนตัวพิงขอบประตู กอดอกแล้วตะโกนว่า “คนใบ้ผู้นั้น อย่าได้ยุ่งเรื่องชาวบ้าน”“ถึงแม้แม่นางผู้นั้นจะงดงาม แต่ก็ต้องผลัดเปลี่ยนกันมิใช่หรือ?”สายตาเย็นชาของฉีเสวี่ยเวยมองลั่วชิงยวน ในดวงตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เหตุใดฉีเสวี่ยเวยจึงมีความเป็นศัตรูกับนางมากมายถึงเพียงนี้ชายสวมหน้ากากตรงหน้ากลับมิถอยหนีแม้แต่ก้าวเดียวร่างของเขาผอมบาง ดูมิค่อยแข็งแรง แต่ในบัดนี้เขากลับดูน่าเกรงขามนัก และมิยอมถอยแม้แต่น้อยลั่วชิงยวนรู้สึกสงสัยว่าชายผู้นี้เป็นใคร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1357

    “ขอบคุณ”มือของชายสวมหน้ากากค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลดมือลงซูเซียงรีบเข้ามาดึงลั่วชิงยวนเข้าไปในเรือนลั่วชิงยวนหันกลับไปมองบุรุษผู้นั้นบุรุษผู้นั้นทำท่าทางชี้ไปยังพื้นดินใต้ฝ่าเท้า เป็นเชิงบอกว่าเช้าวันพรุ่งจะมารอที่นี่ลั่วชิงยวนพยักหน้าเมื่อกลับเข้าเรือนแล้วซูเซียงก็รีบปิดประตูทันทีที่นั่งลง นางก็ยกมือกุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวดลั่วชิงยวนรีบจับชีพจรให้นาง “เป็นกระไร?”ซูเซียงส่ายหน้า “มิเป็นอะไร เพียงแต่ตื่นตระหนกเกินไปจึงเจ็บเล็กน้อย มิเป็นอะไรร้ายแรง”ลั่วชิงยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ “เจ้าตั้งครรภ์ มิควรขึ้นเขามาเลย ที่นี่อันตรายเกินไป”ซูเซียงกลับยังมีรอยยิ้ม “แล้วเจ้าเล่า สตรีที่อ่อนแอเช่นเจ้าขึ้นเขามาทำกระไร?”ลั่วชิงยวนนิ่งเงียบอันที่จริงนางมีสหายอีกแปดคน แต่ยามนี้มิรู้ว่าพวกเขาไปอยู่ที่ใด“เราทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายของตัวเอง และผู้คนในที่นี้ก็เช่นกัน”“ไม่มีผู้ใดยอมแพ้ง่าย ๆ แต่พวกเราถูกกักขังอยู่ที่นี่ มิสามารถขึ้นเขาไปได้อีก อาหารก็เหลือน้อยลงทุกที”ลั่วชิงยวนได้รู้ว่าอาหารของพวกเขานั้นนอกจากผักป่าแล้วส่วนใหญ่ได้มาจากการล่าสัตว์แต่พวกเขาถูกกักขัง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1358

    จากนั้นฉีเสวี่ยเวยก็ออกจากห้องไปลั่วชิงยวนนั่งลงบนเตียงและดึงอาภรณ์ออกเผยให้เห็นบาดแผลที่หัวไหล่ นางหยิบสมุนไพรที่เก็บมาทาลงบนบาดแผลเพื่อห้ามเลือดอย่างง่าย ๆ โชคดีที่บาดแผลมิลึกทันใดนั้นเอง ลั่วชิงยวนก็รู้สึกได้ถึงสายตาเย็นชานางเงยหน้าขึ้นมองในทันทีจึงเห็นว่าหน้าต่างถูกเปิดออกตั้งแต่เมื่อใดมิรู้ และมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองนางผ่านรอยแยกของหน้าต่างลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว รีบดึงคอเสื้อขึ้นแล้วมองไปที่หน้าต่างด้วยความระแวดระวังคนผู้นั้นคือฝูเหมิ่ง!เมื่อเป้าหมายรู้ตัวแล้ว ฝูเหมิ่งก็มิได้หลบ กลับเปิดหน้าต่างออกอย่างมิเกรงกลัวเขาอมยิ้มอย่างหยาบคาย ใช้สายตาลามกจ้องมองนางสายตาดุดันของลั่วชิงยวนจ้องมองเขาฝูเหมิ่งจ้องมองนางเช่นนี้อยู่ครู่หนึ่ง มิได้เอ่ยคำใด แต่สายตาและรอยยิ้มนั้นก็บ่งบอกทุกสิ่งเขาจะต้องทำให้ลั่วชิงยวนเป็นเหยื่อของเขาให้ได้!หลังจากฝูเหมิ่งจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเดินไปปิดหน้าต่างให้สนิทลั่วชิงยวนนอนลงบนเตียงก็มิอาจหลับลงได้ มักจะอดมิได้ที่จะมองไปยังประตูและหน้าต่างเมื่อนึกถึงฝูเหมิ่งที่แอบจ้องมองนางก็รู้สึกขยะแขยงนางจึงลุกขึ้นจัดเตรียมสมุนไพรที่เก็บม

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1422

    ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1421

    ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status