นางคือภรรยาที่เขาไม่ต้องการ ถูกแม่สามีรังเกียจ ถูกสตรีอื่นแย่งชิงสามี และถูกผลักไสออกจากจวนถูกราวกับของไร้ค่า...สามปีให้หลังนางกลับมาอีกครั้งพร้อมความแค้นที่จะสะสางและทวงคืนอย่างสาสม!
view moreวันนี้ตลอดทั้งวันท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดสาดส่องไปทั่วบริเวณจนร้อนอบอ้าวแต่เพียงชั่วพริบตาเมื่อยามพลบค่ำ เมฆฝนเริ่มตั้งเค้า ท้องฟ้ามืดมิดสนิทราวกับพายุกำลังจะพัดพาฝนห่าใหญ่มาสาดกระหน่ำ
สายลมแรงพัดกระหน่ำจนทุกสิ่งจนปลิวว่อน เสียงลากล้อรถม้าค่อยๆ ลากตามพื้นมาดัง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ อย่างน่าหวาดกลัวจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูจวนสกุลโม่ สาวใช้พลางเร่งรีบลงจากลงม้าก่อนจะยื่นมือออกไปประคองผู้เป็นนายหญิงอย่างรวดเร็ว เซินลี่ฮวาในชุดผ้าไหมสีครามเข้มประดับด้วยลวดลายดอกเหมย นางก้าวลงจากเกี้ยวอย่างเชื่องช้าและระมัดระวังโดยมีสาวใช้คอยประคองเอาไว้ สตรีที่ถูกสามีทอดทิ้ง ไฉนคิดว่าจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก ใบหน้าของนางเรียบเฉยไร้อารมณ์ฉายออกมาแต่ดวงตาคู่งามกลับสื่อความรู้สึกลึกซึ้งถึงอดีตที่ปวดร้าวและความโกรธที่รอวันสะสางเอาคืน หึ! สามีที่ดีไหนเลยจะทอดทิ้งภรรยาแล้วยกย่องสตรีอื่น ทันทีที่ได้เห็น คนงานชายเฝ้าหน้าประตูพลางเบิกตาโพลงกว้างทันที ท่าทางประหนึ่งว่ากำลังเห็นผีก็ไม่ปาน “นั่นคือฮูหยิน...ภรรยาของแม่ทัพโม่ใช่หรือไม่” เมื่อสาวใช้ของเซินลี่ฮวาได้ฟังแล้ว ผิงอันพลางหันขวับไปมองอีกฝ่ายตาขวางทันที นางส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะกล่าวออกมาเสียงแข็ง “ใช่! ฮูหยินคือภรรยาเอกของท่านแม่ทัพโม่…ไฉนเห็นแล้วยังไม่รีบทำความเคารพอีก” ผิงอันไหนเลยจะยอมรับได้ หากมีผู้มาเหยียบย้ำนายหญิงของตนเองเช่นนี้…ไม่ว่าจะเมื่อสามปีก่อนหรือตอนนี้ นางก็ไม่มีทางยอมให้ฮูหยินถูกรังแกเอาเปรียบอีกแล้ว! “ช่างเถอะผิงอัน” เซินลี่ฮวาเหลียวมองเล็กน้อยก่อนจะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ นางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไม้สลักขณะใหญ่ที่ห้อยอยู่หน้าจวน ‘จวนแม่ทัพโม่’ หึ! ท่านคิดว่าทอดทิ้งข้าเอาไว้แล้วจะลืมเลือนไปได้เช่นกันอย่างงั้นหรือ…!? ริมฝีปากของเซินลี่ฮวาค่อยๆ โค้งเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน นางปรายตาไปมองคนเฝ้าประตูอีกครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงแข็ง “เปิดประตูให้ข้า…” ท่าทางของสตรีตรงหน้าในยามนี้…ดูเย็นชา เย็นยะเยือกมิต่างจากก้อนน้ำแข็งเลยแม้แต่น้อย เหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีก่อนเล่า! คนเฝ้าพลางประตูกลืนน้ำลายอึดหนึ่งอย่างอยากลำบาก เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจเปิดประตูจวนตามคำสั่งของอีกฝ่ายทันที สายตากดดันเช่นนั้น…เกรงว่าเขาคงขาดอากาศหายใจพอดี “เชิญขอ…เชิญขอรับฮูหยิน!” เซินลี่ฮวาหาได้กล่าวอันใดมากความ นางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในจวนทันทีโดยไม่รีรอ ใบหน้าคนงามยังราบเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ฉายออกมาทว่าแววตากลับแข็งกร้าว “ไปกันเถอะ…มารดาเหนื่อยไม่น้อยอยากพักผ่อนยิ่งนัก” “เจ้าค่ะฮูหยิน!” ผิงอันกระแทกตอบเสียงดัง นางพลางเชิดหน้าให้แก่คนเฝ้าประตูจากนั้นจึงเดินตามหลังฮูหยินไปทันที “…” เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ใบหน้าของคนเฝ้าประตูพลันซีดเผือดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว เรื่องนี้มีผู้ใดไม่รู้บ้าง…ว่าเมื่อสามปีก่อนนั้นเกิดอันใดขึ้น เกรงว่ายามนี้…หากจวนสกุลโม่ไม่แตกก็คงประสบเคราะห์คราวใหญ่แล้วกระมัง เขาเพียงแค่สบตากับฮูหยินแวบเดียวเท่านั้น…ก็รู้สึกชาวาบและขนลุกไปทั่วทั้งร่างอย่างไรสาเหตุ ไม่ว่างจะสายตา ท่าทางหรือแม้แต่น้ำเสียงพลันเปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีก่อน ไม่มีความอ่อนแอหรือหวาดกลัวปรากฏออกมาให้เห็นทั้งสิ้น บรรยากาศภายในจวนสกุลโม่เงียบสงบร่มรื่นย์เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณที่ปลูกไปรอบทั่วทั้งจวน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม…เว้นเพียงแต่นางและบุรุษผู้นั้น เซินลี่ฮวาเดินตามทางเข้ามาข้างในจวนอย่างคุ้นชิน ทุกย่างก้าวของนางล้วนเต็มไปด้วยความมั่นใจหาได้รู้สึกหวาดกลัวสิ่งใดทั้งอีกแล้ว ยามนั้นนางอ่อนแอและโง่เขลาเกินไปจึงถูกเอาเปรียบอยู่มาก ยามนี้นางกลับมาแล้ว…ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นของนาง นางย่อมต้องท้วงคืน !!! “ตายแล้วสวรรค์!” น้ำเสียงร้องตกใจของแม่บ้านดังลั่นไปทั่วทั้งจวน พลันทำเอาเหล่าสาวใช้ต่างหันขวับไปมองทันที “นี่มันกระไรกัน…!” “เพ่ย! ข้าตาฝาดหรือ” “แย่แล้ว!” เหล่าสาวใช้ที่หรี่ตาลงและชะโงกมองดูเมื่อเห็นเซินลี่ฮวาแล้ว…ต่างพากันยกมือทาบอกร้องตกใจออกมาทันทีราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ก็ไม่ปาน เหตุใดฮูหยินถึงกลับมาที่จวนอีก…? มิใช่ว่าเมื่อสามปีก่อนนั้นทำนายท่านโกรธและโมโหอยู่มากจนถึงขับไล่ออกจากจวนส่งขึ้นเกี้ยวไปอยู่ที่อื่นมิใช่หรือ!? เสียงซุบซิบค่อยๆ ดังขึ้นจนมาเข้าหูนาง ผิงอันขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ นางพลางปรายสายตาเหลียวมองพวกคนเหล่านั้นตาขวางอย่างข่มขู่ทันที “เหอะ! ฮูหยินของข้าแค่กลับจวนเท่านั้น พวกเจ้าแปลกใจอันใดกัน” นางกัดฟันกรอดกร้าวออกมา โกรธเคืองแทนผู้เป็นนาย เซินลี่ฮวาเดินนำหน้าอยู่ นางได้ยินแล้วพลันหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างขบขับ ฝีเท้าของนางชะงักก่อนจะหมุนตัวหันไปมองสาวใช้ข้างกาย “เกรงว่าข้าในยามนี่ข้าคงงดงามขึ้นกระมัง” “ฮูหยินเจ้าค่ะ!” ผิงอันกล่าว เหตุใดนายหญิงของนางถึงได้กล่าวเป็นเรื่องล้อเล่นไปได้ เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนนางยังจำได้ไม่ลืมจริงๆ ว่าคนเหล่านี้ทำอย่างไรไว้บ้าง เซินลี่ฮวาแค่นเสียงในลำคอ นางพูดออกมาอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก “ช่างเถอะ…คนเป็นร้อยจะห้ามคำพูดหมดทุกคนจะเป็นไปได้อย่าง” “ทว่าคนพวกนั้นเคยกระทำกับฮูหยินไว้นะเจ้าค่ะ” “ความแค้นของข้าจะให้ไปสะสางที่ปลายเหตุได้อย่างไร” นางกล่าวออกมาเสียงเรียบทว่ากลับเต็มไปด้วยเย็นชา “บุรุษผู้นั้นต่างหากที่ข้าสมควรสะสางความแค้นด้วย” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาเรียวราวเมล็ดซิ่งของนางพลันแข็งกร้าวขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างปิดไม่มิด ในตอนนั้น...นางไม่เคยต้องการแต่งงานกับโม่เหยียนซวี่เลยแม้แต่น้อย หากย้อนเวลากลับไปได้ นางคงไม่แม้แต่จะอยากร่วมหายใจอยู่ใกล้เขาด้วยซ้ำ บุรุษเห็นแก่ตัวเช่นเขา...ทอดทิ้งภรรยาผู้เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมา แล้วหันไปแต่งสตรีอื่นได้ลงคอเช่นนั้นหรือ หึ! หากข้าไม่ตายอย่าหวังว่าท่านจะได้มีความสุข แม้แต่ผิงอันเป็นสาวใช้ข้างกายของอีกฝ่ายมาหลายปีทว่ากลับยังรู้สึกไม่คุ้นชินเสียที ทั่วทั้งร่างของนางพลันขนลุกซู่เมื่อได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ ฮูหยินในยามนี้น่ากลัวจริงๆ นับตั้งแต่เกิดเรื่องในคราวนั้น ฮูหยินก็พลันจมอยู่ในความโศกเศร้าเนิ่นนานจนกินเวลาร่วมปีทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ วันหนึ่งกลับสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเอ่ยปากกล่าวว่า ต้องการกลับไปสะสางความแค้นกลับท่านแม่ทัพโม่! ผิงอันเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น หากผู้เป็นนายว่าอย่างไรนางก็เห็นด้วยพร้อมเคียงข้างทั้งสิ้น นางเฝ้ารอแล้วรอเล่าว่าฮูหยินจะกลับจวนเมื่อใด...จากหนึ่งปีกลายเป็นสองปี กระทั่งล่วงเข้าสู่ปีที่สาม และในช่วงเวลานั้นเอง นางได้ยินข่าวแผ่วเบามาว่า ภรรยาอีกคนของท่านแม่ทัพโม่ตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว ทว่าด้วยความไม่ทันระวัง จึงสูญเสียบุตรในครรภ์ไปอย่างน่าเศร้า ทันใดนั้นเอง...นายหญิงของนางก็พลันเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด ว่าจะต้องกลับไปยังจวนสกุลโม่ในวันนี้! ผิงอันได้แต่พยักหน้าและจัดเตรียมทุกอย่างกลับมาสกุลโม่อีกครั้งหลังจากสามปี… เซินลี่ฮวาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา นางปรายสายตามองทั่วทั้งจวนพลันเห็นเหล่าสาวใช้ที่หลบซ่อนอยู่มุมต่างๆ กระซิบกระซาบ “สงสัยอันใดก็มาถามข้าเถอะ…ยามนี้มารดากลับมาแล้ว”ยามเฉิน (เวลา 07.00 – 09.00 น.)บรรยากาศภายในจวนเริ่มตึงเครียดจนสัมผัสได้ เหล่าบ่าวรับใช้พากันหวาดหวั่นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงคนผู้หนึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ใจร้อนดั่งเปลวเพลิง เย็นชาเหมือนสายน้ำเอาแน่เอานอนไม่ได้และแปรปรวนยิ่งกว่าสภาพอากาศช่วงเปลี่ยนฤดู…ส่วนอีกคนก็หาได้ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย ดูแข็งกร้าวราว เกรงว่าต่อให้มีคมดาบจ่อคอก็ไม่คิดจะถอยกระมังพวกบ่าวได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากอย่างหวาดหวั่น คาดว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ต่างจึงรีบพากันตรงดิ่งไปยังเรือนหลัก หวังว่าภรรยาอีกคนของนายท่านจะช่วยห้ามทัพได้บ้าง!ทว่าตอนเช้าเช่นนี้ ไหนเลยไป๋หรูอี๋จะลืมตาตื่นได้หากยังไม่มีแสงอาทิตย์สาดลงกลางหัวเสียก่อน…นางกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงแต่กลับต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ไม่หยุด ราวกับว่าหากไม่ตื่นขึ้นมาเปิด…เสียงเคาะนั่นก็คงไม่เลิกราไปง่ายๆไป๋หรูอี๋ลืมตาขึ้นอย่างหงุดหงิดแท้จริงแล้วไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนักหนา แต่ในความคิดของนาง…หากไม่มีใครตายก็คงไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะปลุกนางให้ตื่นในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ได้แน่!ไป๋หรูอี๋สะบัดผ้าห่มลุกขึ้นด้วย
แม้ว่า เซินลี่ฮวาจะได้รับพระราชทานสมรสจากฝ่าบาทให้แต่งกับโม่เหยียนซวี่…ทว่าก็มิใช่ว่านางจะต่ำต้อยหรือไร้ศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ว่ากันตามตรงแล้ว เซินลี่ฮวานับเป็นบุตรสาวของขุนนางผู้มีฐานะสูงส่งอีกทั้งยังเพียบพร้อมในทุกด้านนางหาใช่สตรีสามัญธรรมดาไม่…แต่กลับเป็นคุณหนูแห่งตระกูลสูงศักดิ์โดยแท้มิหนำซ้ำด้วยสถานะของเซินลี่ฮวา ไม่เพียงแค่เป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่ในราชสำนัก..นางยังเป็นหลานสาวของพระสนมในวังหลวงอีกด้วยยังจะมีผู้ใดกล้าหมิ่นเกียรติได้ง่ายๆเพียงเพราะโม่เหยียนซวี่หาได้มีใจรักใคร่ต่อนางอย่างลึกล้ำ เขาจึงหันไปคว้าสตรีต่ำต้อยจากหอนางโลมข้ามหน้าข้ามตานางไป ไม่สนใจไยดีและไม่แม้แต่จะเห็นความไม่ยุติธรรมที่นางได้รับหึ! ยามนี้มารดากลับมาสะสางความแค้นแล้วหากเขาคิดจะผลักไสนางเช่นนี้…ก็อย่าได้หวังว่านางจะยอมหลีกทางให้อีกต่อไป!“คิดจะทิ้งนางเพื่อไปยกย่องสตรีใดก็เชิญเถิด...แต่อย่าได้หวังว่าจะได้ครอบครองความสงบสุขไปตลอด”ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มอย่างเยือกเย็นแฝงความเจ้าเล่ห์ฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด แม้แต่เถ้าแก่โรงไม้มองเห็นแล้วยังต้องสะดุ้งและกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบากเหตุใดเพียงแค่มองแวบเดียว
วันนี้เพียงแค่ฮูหยินใหญ่กลับมาถึงจวนได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ทว่าทุกสิ่งภายในจวนสกุลโม่กลับแปรเปลี่ยนไปราวกับผ่านไปนานนับสิบปีโม่เหยียนซวี่ค่อยๆ ประคองร่างของไป๋หรูอี๋วางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาก้มตัวถอดรองเท้าให้นางด้วยมือของตนเองก่อนจะจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงยกผ้าห่มขึ้นคลุมกายให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีทะนุถนอมราวกับกลัวว่านางเจ็บระบมไป๋หรูอี๋ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าแขนเขาไว้ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่หม่นแสงเงยขึ้นสบสายตาบุรุษตรงหน้าอย่างสงสาร“เป็นความผิดของข้าเอง…” น้ำเสียงเอ่ยแผ่วเบา ราวกับว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่ภายในใจ“หึ! นี่หาใช่ความผิดของเจ้า” เขากัดฟันกรอดตอบออกมายามนี้ภายในใจของโม่เหยียนซวี่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่ปะทุขึ้นรุนแรงราวจะเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้ สตรีผู้นั้น…นางกล้าดียิ่งนักไม่เพียงแต่ย่างเท้ากลับมาจวนหน้าตาเฉย ยังบังอาจอวดดีแสดงอำนาจเหนือผู้ใดในฐานะภรรยาพระราชทานนางคิดหรือว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้งั้นรึ!?สายตาคมกริบแข็งกร้าวฉายแววกราดเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน เสมือนกับพร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งในพริบตาเดียว“…”ไป๋หรูอี๋มองสามีตาปริบๆ พอเห็นท่าที
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ…ความอึดอัดแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วบริเวณเซินลี่ฮวาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างหยิ่งทะนง ดวงตาคู่งามหลุบมองสตรีผู้นั้นเพียงครู่ก่อนจะหันกลับมาสบตากับบุรุษตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมาไม่คิดหลบเลี่ยงนางเอ่ยเสียงหวาน “วันนี้ข้าเดินทางไกลนัก…ยามนี้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยรีบจัดเตรียมเรือนนอนให้มารดาพักผ่อนเสีย”โม่เหยียนซวี่แค่นเสียงในลำคออย่างดูแคลน ดวงตาคมกริบเพ่งมองนางตรงหน้าอย่างแข็งกร้าว “หึ! รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน…เซินลี่ฮวา”ไฉนเลยเข้าจะรู้…ว่าสตรีผู้นี้กลับมาเพราะเหตุใด แล้วยังมีหน้ามาก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้อีก!“กลับไป…ข้าควรกลับไปที่ใดหรือสามี” นางเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ ใบหน้าคนงามเรียบเฉยไร้ความเกรงกลัวใดๆ“เซินลี่ฮวา! เจ้ามิสิทธิ์กลับมาเหยียบที่นี่อีก ตั้งแต่วันนั้น…เมื่อสามปีก่อน!” น้ำเสียงทุ้มตะคอกก้องดังลั่นไปทั่วด้วยความไม่พอใจที่พลุ่งพล่านอยู่คะบอกจนยากเกินจะควบคุมเซินลี่ฮวาได้ยินแล้วพลางหัวเราะเบา ๆเหอะ!...บุรุษผู้นี้โง่เขลาถึงเพียงนี้เชียวหรือ“ข้าเป็นภรรยาที่ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้…มิอาจหย่าขาดได้ตามใจ” นางกล่
หากเป็นเมื่อสามปีก่อน เซินลี่ฮวาคงมิได้มีความกล้าเท่านี้ เพียงแค่อีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่...หยาดน้ำตาใสก็พลันไหลรินอาบแก้มทันทีเซินลี่ฮวาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างไร้ความเกรงกลัว นางก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่ง พร้อมกับในอกที่รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ทว่าหาใช่เพราะความหวาดกลัว...แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาดต่างหากหลังจากที่โม่เหยียนซวี่ไล่นางออกจากจวนไปแล้ว เขาจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสตรีผู้นั้นอย่างมีความสุข...โดยไม่รู้สึกผิดใดเลยเชียวหรือ!?หึ...นางอยากเห็นนักว่าเขาจะทำหน้าเช่นไร เมื่อภรรยาที่เคยขับไล่ราวกับสิ่งไร้ค่ากลับมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง!พอนึกแล้ว…เซินลี่ฮวาหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์“รีบไปกันเถอะผิงอัน…ข้าคิดถึงสามียิ่งนัก”เดิมทีบรรยากาศยามนี้ก็มืดครึ้มด้วยหมอกเมฆตั้งเค้าราวกับพายุใหญ่กำลังจะกระหน่ำลงมา ทว่าดูเหมือนว่า...จวนสกุลโม่คงเผชิญเข้ากับพายุลูกใหญ่เข้าให้จริงๆ แล้วเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณหน้าจวน ต่างจับจ้องแผ่นหลังของฮูหยินใหญ่ที่กำลังย่างเท้าเข้าไปด้านใน…บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากด้วยความตึงเครียด แล้วรีบแซงหน้าอีกฝ่ายไปอย่างร้อนรนอย่
วันนี้ตลอดทั้งวันท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดสาดส่องไปทั่วบริเวณจนร้อนอบอ้าวแต่เพียงชั่วพริบตาเมื่อยามพลบค่ำ เมฆฝนเริ่มตั้งเค้า ท้องฟ้ามืดมิดสนิทราวกับพายุกำลังจะพัดพาฝนห่าใหญ่มาสาดกระหน่ำสายลมแรงพัดกระหน่ำจนทุกสิ่งจนปลิวว่อน เสียงลากล้อรถม้าค่อยๆ ลากตามพื้นมาดัง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ อย่างน่าหวาดกลัวจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูจวนสกุลโม่สาวใช้พลางเร่งรีบลงจากลงม้าก่อนจะยื่นมือออกไปประคองผู้เป็นนายหญิงอย่างรวดเร็วเซินลี่ฮวาในชุดผ้าไหมสีครามเข้มประดับด้วยลวดลายดอกเหมย นางก้าวลงจากเกี้ยวอย่างเชื่องช้าและระมัดระวังโดยมีสาวใช้คอยประคองเอาไว้สตรีที่ถูกสามีทอดทิ้ง ไฉนคิดว่าจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกใบหน้าของนางเรียบเฉยไร้อารมณ์ฉายออกมาแต่ดวงตาคู่งามกลับสื่อความรู้สึกลึกซึ้งถึงอดีตที่ปวดร้าวและความโกรธที่รอวันสะสางเอาคืนหึ! สามีที่ดีไหนเลยจะทอดทิ้งภรรยาแล้วยกย่องสตรีอื่นทันทีที่ได้เห็น คนงานชายเฝ้าหน้าประตูพลางเบิกตาโพลงกว้างทันที ท่าทางประหนึ่งว่ากำลังเห็นผีก็ไม่ปาน“นั่นคือฮูหยิน...ภรรยาของแม่ทัพโม่ใช่หรือไม่”เมื่อสาวใช้ของเซินลี่ฮวาได้ฟังแล้ว ผิงอันพลางหันขวับไปมองอีกฝ่ายตาขวางทันที นางส่งเสียงฮึดฮ
Mga Comments