แชร์

บทที่ 1469

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
หลังจากได้สนทนากันในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็แน่นแฟ้นขึ้น

โหยวหัวหนิงปฏิบัติต่อนางด้วยความเอื้อเฟื้อยิ่งนัก

หลังจากจบมื้อกลางวัน โหยวหัวหนิงก็พานางออกไปเดินชมตลาด

โฉวสือชีและคนใบ้ก็ติดตามไปด้วยเพื่อความปลอดภัย

โหยวหัวหนิงกล่าวแนะนำนางว่า “ท่านดูเถิด ที่นี่เมื่อยามราตรีมาเยือนก็คือตลาดมืด ครั้นยามกลางวันก็เป็นเพียงเมืองธรรมดา”

“สิ่งที่ขายอยู่ในยามนี้ล้วนเป็นสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน”

“เมื่อถึงยามมืดมิด ร้านค้าของพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลงไป”

ร้านรวงบนถนนหนทางในขณะนี้ดูเป็นปกติยิ่งนัก

มิแตกต่างจากเมืองทั่วไปแม้แต่น้อย

โฉวสือชีพลันเตือนว่า “ที่นั่นมีร้านโอสถ พวกเราไปดูกันเถิด”

ลั่วชิงยวนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวกับโหยวหัวหนิงว่า “พวกเราไปร้านโอสถกัน ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่?”

โหยวหัวหนิงส่ายหน้า “ค่ำนี้ข้าอยากจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านพี่อวี๋ ข้าต้องไปตลาดสด หากไปช้าแล้วของจะหมด”

“พวกท่านไปร้านโอสถเสร็จแล้วค่อยมาหาข้าที่ตลาดสดก็ได้”

“ได้เลย”

ทั้งสองจึงแยกทางกันตรงนี้

ลั่วชิงยวนและอีกสองคนเข้าไปในร้านโอสถ โฉวสือชีรีบสอบถามว่า “ท่านเจ้าของร้าน ท่านมีบัวถวายหรือไม่?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1474

    อวี๋หงเดินนำหน้า สีหน้าดูโกรธเคืองยิ่งนักเมื่อประตูห้องเปิดออก อวี๋หงก็เดินเข้ามา“ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน คิดดีแล้วหรือยัง” อวี๋หงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงไว้ด้วยความข่มขู่“ยังมิยอมบอกใช่หรือไม่? ได้!”จากนั้นอวี๋หงก็โบกมือ ผู้คุ้มกันหลายคนถือถังเข้ามาเมื่อเปิดออก ด้านในมีทั้งงูพิษและแมงป่องพิษอวี๋หงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ของพวกนี้เพียงพอที่จะทรมานพวกเจ้าให้ตายทั้งเป็น!”“ในเมื่อเจ้ามิคิดจะกล่าวสิ่งใดก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายแล้วกัน”หลังจากพูดเช่นนั้น อวี๋หงก็ออกคำสั่งทันที “ใครก็ได้!”“ให้พวกมันสองคนลิ้มรสก่อน!”อวี๋หงชี้ไปยังคนใบ้และโฉวสือชีเขามองไปยังลั่วชิงยวน “เจ้ายังมีเวลาอีกเล็กน้อย ลองคิดดูอีกทีเถอะ”จากนั้นผู้คุ้มกันก็ก้าวเข้ามาจับตัวโฉวสือชีและคนใบ้ จับเท้าของพวกเขาแล้วถอดรองเท้าออกจากนั้นก็จับงูพิษตัวหนึ่งหมายจะเอามากัดฝ่าเท้าของพวกเขาลั่วชิงยวนใจหายวาบรีบกล่าวเสียงดัง “หยุดนะ!”“ข้าจะบอก!”“ท่านให้พวกเขาทั้งสองหยุดก่อน!”อวี๋หงจึงห้ามผู้คุ้มกัน กล่าวเสียงเย็น “บอกมา”“หากเจ้ากล้าหลอกลวงข้า พวกเจ้าทั้งสามก็ต้องตาย”ลั่วชิงยวนมองไปยังคนอื่น ๆ ในห้อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1473

    คนใบ้ชะงักไปลั่วชิงยวนเองก็ชะงักไปเช่นกัน“เจ้าแกะเชือกอย่างนี้ได้หรือ?” ลั่วชิงยวนสงสัยโฉวสือชียกยิ้ม “อย่าลืมว่าข้าหาเลี้ยงชีพด้วยงานอะไร”คนใบ้จึงพยายามขยับตัวสุดกำลัง พยายามให้เชือกที่อยู่ด้านหลังเผยออกมาให้โฉวสือชีเห็นหลังจากที่โฉวสือชีเกี่ยวปมเชือกได้แล้วก็เริ่มออกแรงนิ้วเท้าลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขากำลังค่อย ๆ ใช้เท้าแกะเชือกออกลั่วชิงยวนเองก็เพิ่งเคยเห็นเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เห็นคนใช้นิ้วเท้าคล่องแคล่วถึงเพียงนี้ สามารถใช้แทนนิ้วมือได้เลยทีเดียวทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็จับเสียงฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วนางรีบสั่งให้โฉวสือชีหยุด“มีคนมาแล้ว ซ่อนรองเท้าถุงเท้าให้ดี!”โฉวสือชีรีบดึงเท้ากลับ เก็บรองเท้าถุงเท้าไว้ข้าง ๆ แล้วนั่งขัดสมาธิทับไว้ครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออกเปิดอย่างเงียบเชียบเมื่อเห็นคนที่เข้ามา ลั่วชิงยวนก็ตกใจปรากฏว่าเป็นท่านพ่ออวี๋ท่านพ่ออวี๋ค่อย ๆ เดินเข้ามาย่อตัวลงข้างลั่วชิงยวน แล้วถามว่า “เด็กน้อย เจ้าจงบอกความจริงแก่ข้า การตายของอวี๋ตันเฟิ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่น “หามิได้! มิเกี่ยวข้องกับข้าแม้แต่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1472

    มิได้พูดพร่ำทำเพลงก็เข้ามาจับตัวลั่วชิงยวนดึงขึ้นมาเชือกหนังวัวถูกนำมามัดไว้รอบตัวลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนดิ้นรน สายตามองไปยังอวี๋หงในลานบ้าน “ท่านเจ้าเมือง นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”อวี๋หงยืนไพล่หลังด้วยสีหน้าเย็นชา จ้องมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ“เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือ?”“ในเมื่อกล้าลักพาตัวภรรยาข้าไป เจ้าก็มิควรกลับมาอีก เจ้าคิดว่าไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่เจ้าทำรึ!”คำพูดนี้ทำให้ลั่วชิงยวนงุนงง“ท่านเจ้าเมือง โปรดกล่าวให้ชัดเจน ข้าทำสิ่งใด? เหตุใดจึงเป็นข้าที่ลักพาตัวฮูหยิน?”“หรือว่าฮูหยินบอกเช่นนั้น?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วอวี๋หงมิได้ตอบจากนั้นก็เห็นคนใบ้และโฉวสือชีถูกจับมัดแล้วลากตัวออกมาด้วย“จับพวกมันทั้งสามไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน! เฝ้าดูอย่างเข้มงวด!”จากนั้นพวกลั่วชิงยวนก็ถูกลากเข้าไปในห้องเก็บฟืนทั้งสามถูกจับมัดวางไว้คนละมุมมิอาจเข้าใกล้กันได้จากนั้นอวี๋หงก็ค่อย ๆ เดินเข้ามามองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเย็นชา“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จงตอบมาโดยดีว่าเจ้าสังหารน้องสาวข้าอย่างไร”“มิเช่นนั้นข้าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ เสียเดี๋ยวนี้”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1471

    “ต้องหาตัวนางมาให้ข้าให้ได้!”กองทหารรีบรุดออกไปค้นหาในทันทีพวกลั่วชิงยวนก็เข้าร่วมด้วย พาอวี๋หงไปยังสถานที่ที่พวกนางเคยเดินผ่านในวันนี้ และเพิ่มกำลังค้นหาในบริเวณนั้นตรอกซอยเล็ก ๆ ใกล้เคียงถูกตรวจสอบซ้ำหลายครั้ง ร้านค้าและบ้านเรือนโดยรอบก็ถูกค้นทีละแห่งการจับตัวคนในเวลากลางวันแสก ๆ ย่อมมิอาจหลบหนีไปไกลได้ ดังนั้นจึงต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้พวกลั่วชิงยวนก็ช่วยกันค้นหาในบริเวณใกล้เคียงด้วยค้นหาอยู่เป็นเวลานานในที่สุดลั่วชิงยวนก็พบกระสอบใบหนึ่งลั่วชิงยวนตกใจโฉวสือชีรีบค้นหาโดยรอบ แต่กลับมิพบเบาะแสอื่นใด“นี่คือที่ที่ฮูหยินถูกจับตัวไปหรือ? แต่เหตุใดจึงเหลือเพียงกระสอบ แล้วนางหายไปที่ใด?”ลั่วชิงยวนรีบเรียกผู้คุ้มกันมาตรวจค้นเรือนแห่งนี้อย่างละเอียดทุกคนต่างตามหาโหยวหัวหนิงด้วยความกระวนกระวายใจลั่วชิงยวนครุ่นคิด “มีคนจับโหยวหัวหนิงไปเรียกค่าไถ่ในยามนี้ถือว่าบังเอิญเกินไปแล้ว”“ต้องมุ่งเป้ามาที่ข้าแน่นอน”“เพียงแต่มิรู้ว่าเป็นฝีมือของเกาเหมียวเหมี่ยวหรือเวินซินถงกันแน่”ศัตรูที่ติดตามมายังตลาดมืดแห่งนี้มีเพียงพวกนางสองคนเฉินชีคงโกรธและไปจากตลาดมืดแล้วแต่เกาเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1470

    เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวหัวหนิงก็ขมวดคิ้วแน่น มองนางอย่างระแวดระวัง “ข้ามิเข้าใจว่าท่านหมายความว่าเช่นไร”กล่าวจบนางก็หันหลังเดินจากไปเวินซินถงกล่าวเสียงเย็น “ลั่วชิงยวน!”“นางเข้าใกล้พวกท่านย่อมเป็นเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง!”“ข้ามิหลอกลวงท่าน ข้าคือนักบวชระดับสูง”เวินซินถงกล่าวอย่างหนักแน่นฝีเท้าของโหยวหัวหนิงหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำว่านักบวชระดับสูงก็ตกตะลึงจากนั้นจึงสงบลงแล้วกล่าวว่า “นางจะมีจุดประสงค์อะไร ท่านเจ้าเมืองย่อมวินิจฉัยได้”“พวกเรามิเคยมีเรื่องบาดหมางกับท่านนักบวชระดับสูง ขอท่านนักบวชระดับสูงโปรดเมตตาด้วย”กล่าวจบ โหยวหัวหนิงก็เตรียมจะเดินจากไป“ช่างดื้อรั้นยิ่งนัก!” เวินซินถงกล่าวด้วยน้ำเสียงมิพอใจจากนั้นก็ก้าวเข้าไปใช้ฝ่ามือสับโหยวหัวหนิงจนสลบไปทันทีนางหยิบกระสอบออกมา และย่อตัวลงยัดโหยวหัวหนิงเข้าไป“หากเจ้าหายตัวไป ข้าจะดูว่าลั่วชิงยวนจะอธิบายเช่นไร!”หลังจากยัดลงกระสอบแล้ว เวินซินถงก็แบกโหยวหัวหนิงขึ้นอย่างทุลักทุเลแล้วรีบหายไปในตรอกซอยอย่างรวดเร็วนางพาโหยวหัวหนิงไปซ่อนไว้ในเรือนเล็กอันเงียบสงัดแห่งหนึ่งจากนั้นก็เขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้คนส่งไปยั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1469

    หลังจากได้สนทนากันในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็แน่นแฟ้นขึ้นโหยวหัวหนิงปฏิบัติต่อนางด้วยความเอื้อเฟื้อยิ่งนักหลังจากจบมื้อกลางวัน โหยวหัวหนิงก็พานางออกไปเดินชมตลาดโฉวสือชีและคนใบ้ก็ติดตามไปด้วยเพื่อความปลอดภัย โหยวหัวหนิงกล่าวแนะนำนางว่า “ท่านดูเถิด ที่นี่เมื่อยามราตรีมาเยือนก็คือตลาดมืด ครั้นยามกลางวันก็เป็นเพียงเมืองธรรมดา”“สิ่งที่ขายอยู่ในยามนี้ล้วนเป็นสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน”“เมื่อถึงยามมืดมิด ร้านค้าของพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลงไป”ร้านรวงบนถนนหนทางในขณะนี้ดูเป็นปกติยิ่งนักมิแตกต่างจากเมืองทั่วไปแม้แต่น้อยโฉวสือชีพลันเตือนว่า “ที่นั่นมีร้านโอสถ พวกเราไปดูกันเถิด”ลั่วชิงยวนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวกับโหยวหัวหนิงว่า “พวกเราไปร้านโอสถกัน ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่?”โหยวหัวหนิงส่ายหน้า “ค่ำนี้ข้าอยากจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านพี่อวี๋ ข้าต้องไปตลาดสด หากไปช้าแล้วของจะหมด”“พวกท่านไปร้านโอสถเสร็จแล้วค่อยมาหาข้าที่ตลาดสดก็ได้”“ได้เลย”ทั้งสองจึงแยกทางกันตรงนี้ลั่วชิงยวนและอีกสองคนเข้าไปในร้านโอสถ โฉวสือชีรีบสอบถามว่า “ท่านเจ้าของร้าน ท่านมีบัวถวายหรือไม่?”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status