Share

บทที่ 18

Author: ฉินอันอัน
ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!

ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้ว

เขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”

คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนาง

ชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”

นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา

นี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วย

แม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกัน

ชีหยวนมองดูพวกเขา และหันไปคุกเข่าลงตรงหน้าชีเจิ้น

หลังจากนั้นนางก็ยื่นแขนของตนเองให้ชีเจิ้นดู “ท่านพ่อ ข้าเติบโตที่บ้านนอกกับพ่อแม่บุญธรรมตั้งแต่เด็ก พวกผ่าฟืน ตวงน้ำ ดูแลพืชผลข้าล้วนต้องทำทุกอย่าง และช่วงวันส่งท้ายปียังต้องช่วยฆ่าหมูอีก ดังนั้นข้าจึงมีแรงมากกว่าคนปกติเสียเล็กน้อย มันก็สมเหตุสมผลแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ฝ่ามือของนางล้วนเป็นรอยด้าน และสองมือคู่นี้ก็แตกต่างจากชีจิ่นโดยสิ้นเชิง ตรงที่ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยความหรูหราและสะดวกสบาย จนมือไม่เคยสัมผัสกับงานหนักเลย

ชีเจิ้นเมื่อได้เห็นก็พูดอะไรไม่ออก

จริงด้วย นางทำงานหนักตั้งแต่เด็กจนโต ดังนั้นแรงย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเด็กผู้หญิงทั่วไปอยู่แล้ว

แค่อาศัยแค่เรื่องนี้ กลับบอกว่านางต่อสู้เป็นและมีเจตนาแอบแฝงแล้ว มันก็ไม่ค่อยถูกเสียทีเดียว

ชีหยวนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาก็แดงก่ำ “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านพี่ใหญ่ดูถูกข้า แถมน้องรองยังรังเกียจที่ข้ากลับมาแบบนี้อีก เช่นนั้นก็หาที่สักแห่งหนึ่งแล้วส่งข้าไปเถิดเจ้าค่ะ”

นางหวังคัดค้านอย่างตกใจ “จะได้อย่างไรกัน?”

ในเมื่อพากลับมาแล้ว ทั้งยังเคยผ่านสายตาของจิ้นอ๋องกับเสนาบดีหลูอีก หากส่งคนกลับไปตอนนี้ มันจะดูเป็นอย่างไร?

ชีอวิ๋นถิงหน้าอกกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง “เจ้าเสแสร้งให้มันน้อย ๆ หน่อย! ชีหยวน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร? ทางที่ดีเจ้าควรหยุดแสร้งทำตัวน่าสงสารอยู่ตรงนั้นจะดีกว่า เพราะไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าออกมาเอง!”

“ชีอวิ๋นถิง!” ชีเจิ้นผิดหวังกับบุตรชายคนนี้อย่างมาก “เจ้าโวยวายพอหรือยัง?! ไสหัวไป! และไปคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษให้เสีย ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า ก็ไม่อนุญาตให้เจ้าลุกขึ้นมา!”

อากาศหนาวแบบนี้ โดยเฉพาะในศาลบรรพบุรุษก็จะยิ่งหนาวเย็น

และช่วงเวลาที่ทั้งครอบครัวมารวมตัวกัน จะปล่อยให้อวิ๋นถิงคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษอย่างโดดเดี่ยว นางหวังจะทนได้อย่างไร?

นางรีบดึงชีเจิ้นไว้ “แค่เด็กสองคนล้อเล่นกันเท่านั้นเอง แล้วอาหยวนก็เพิ่งกลับมา พวกเด็ก ๆ ยังไม่รู้จักนิสัยของกันและกันดี จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างก็เป็นเรื่องปกตินะเจ้าคะ...”

นางหวังพยายามไกล่เกลี่ยโดยไม่แยกแยะถูกผิด และจ้องชีอวิ๋นถิงเล็กน้อย “เจ้ายังไม่รีบขอโทษท่านพ่อเจ้าอีก?”

ชีเจิ้นโมโหอย่างมาก “จะมาขอโทษอะไรข้า? ไปขอโทษน้องสาวเขาสิ!”

ชีหยวนกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าในครอบครัวนี้ ชีเจิ้นกลับดูเหมือนเป็นคนปกติ

พอชีอวิ๋นถิงได้ยินก็เหมือนกับกินรังแตน “ทำไมข้าต้องขอโทษนางด้วย? นางเป็นแค่ตัวซวย พอกลับมาก็ทำฉากกั้นกระจกของท่านแม่ล้มลงมาแตก แถมข้าเองยังถูกกระจกตำจนได้รับบาดเจ็บอีก...”

ยังต้องการให้เขาขอโทษชีหยวนอีก ฝันไปเสียเถิด!

ชีเจิ้นเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และเตะชีอวิ๋นถิงที่ไม่ทันได้ระวังตัวไปทีหนึ่ง

ชีอวิ๋นถิงถูกเตะจนยืนไม่อยู่ และเกือบจะพุ่งลงไปบนกระจกกองนั้นอีกครั้ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ชีเจิ้นทำร้ายชีอวิ๋นถิงต่อหน้าทุกคน

ชีจิ่นที่เมื่อครู่ยังเติมเชื้อเพลิงลงกองไฟกลับยุติการโจมตี แอบลูบหน้าอกและก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ส่วนนางหวังก็รีบก้าวไปด้านหน้าแล้วโอบชีอวิ๋นถิงไว้ในอ้อมแขน พลางให้ท้ายลูกตนเองด้วยความร้อนรนและโมโห “ท่านโหว! แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง เหตุใดท่านจึงลงมือหนักขนาดนี้ได้เล่าเจ้าคะ?”

ครั้งนี้ชีเจิ้นไม่ได้ทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กอีก และเขาก็ชี้ไปที่ชีอวิ๋นถิง “ขอโทษน้องสาวเจ้าซะ อย่าให้ข้าต้องเอ่ยอีกเป็นครั้งที่สอง!”

ตอนที่เขาโมโหขึ้นมา ไม่มีใครในบ้านที่จะสามารถต่อต้านเขาได้

นางหวังยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และกลัวด้วยว่าชีอวิ๋นถิงจะปะทะกับชีเจิ้นอีก จึงรีบผลักบุตรชาย “ยังไม่รีบขอโทษน้องสาวของเจ้าอีก! เร็วเข้า!”

ชีอวิ๋นถิงเจ็บปวดไปทั้งตัว และแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจที่เด็ดขาดของชีเจิ้น ก็ทำได้เพียงยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น “ขอโทษ! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง!”

นางหวังถอนหายใจ และถามชีหยวนอย่างเย็นชาเล็กน้อย “เป็นอย่างไรเล่า คราวนี้เจ้าจะใจเย็นลงได้แล้วกระมัง?”

ชีหยวนไม่ถ่อมตัวไม่หยิ่งผยอง และไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ เพียงเพราะคำพูดของชีอวิ๋นถิง นางเพียงแค่เอ่ยอย่างราบเรียบ “คำขอโทษคงไม่จำเป็นแล้ว แค่หวังว่าต่อไป ท่านพี่ใหญ่จะไม่เอะอะอะไรก็เอ่ยว่าข้าเป็นลูกนอกคอกจากบ้านนอก ถึงอย่างไร พี่ด่าข้าเช่นนี้ก็ไม่ใช่แค่ด่าข้าเพียงคนเดียว มิใช่หรือ?”

สามคำสุดท้ายนี้เอ่ยเบามาก แต่กลับแฝงไปด้วยความประชดประชัดที่ยากจะอธิบายเล็กน้อย

ชีเจิ้นที่ได้ยินก็ปะทุความโกรธขึ้นมาในใจ

เขาตะคอกใส่ชีอวิ๋นถิง “ยังไม่รีบไสหัวไปที่ศาลบรรพบุรุษอีกหรือ?! และหากไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า ก็ห้ามลุกขึ้นมา!”

นางหวังกลัวว่าหากชีอวิ๋นถิงยังอยู่ที่นี่จะยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น จึงใช้มือดันหลังของเขาพลางขยิบตาให้เขา “เชื่อฟังท่านพ่อของเจ้า! และทบทวนความผิดพลาดของตนเองอย่างเชื่อฟังเสีย...”

ชีจิ่นใช้โอกาสนี้ ตามชีอวิ๋นถิงไปอย่างระมัดระวัง “ข้า ข้าจะไปกับท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ! บนร่างกายเขายังมีบาดแผล ข้าไม่ค่อยวางใจ รอให้ข้าพันแผลให้เขาเสร็จแล้ว ข้าค่อยไปกินข้าว”

สุดท้ายการเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต ก็ยังใกล้ชิดมากกว่าคนที่กลับมากลางคันอยู่ดี

นางหวังถอนหายใจอย่างโล่งอก และพยักหน้าต่อบุตรสาวอย่างปลื้มใจ

เมื่อตอนที่หันหน้ากลับมาอีกครั้ง สีหน้าก็เย็นชาลงในทันที “ยังไม่รีบเก็บกวาดห้องนี้ให้สะอาดอีกหรือ?”

ชีเจิ้นกวักมือไปทางชีหยวน สำรวจนางอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้น “อีกประเดี๋ยวครอบครัวลุงรองและลุงสามของเจ้าจะมา เจ้าก็อย่าเอ่ยถึงเรื่องที่เจ้าอยู่บ้านนอกขึ้นมาอีกเล่า เข้าใจหรือไม่?”

ชีหยวนตอบรับด้วยการพยักหน้า

ช่วงที่ออกไป นางสังเกตเห็นแม่นมสวีที่อยู่ข้างกายนางหวังมีสีหน้าเย็นชา ยืนอยู่ด้านนอกผ้าม่านและจ้องมองตนเองด้วยใบหน้าที่เย็นยะเยือก

ราวกับตนเองทำเรื่องก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นอย่างไรอย่างนั้น

แม่นมจางก็ก้มหน้าลงและแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น

ชีหยวนไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน นางตามหลังชีเจิ้นออกไปยังโถงดอกไม้ที่จัดงานเลี้ยงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ศาลบรรพบุรุษมืดมนและทั้งหนาวเย็น น้ำตาของชีจิ่นก็ราวกับไข่มุกที่สายขาด กระทบลงบนมือของชีอวิ๋นถิงไม่หยุด “ท่านพี่ เหตุใดท่านพี่โง่เขลาเช่นนี้เล่าเ? เพราะข้าแล้ว ถึงกับต้องไปทะเลาะกับนางให้จงได้ ข้าคู่ควรหรือเจ้าคะ?”

เมื่อสาวงามหลั่งน้ำตา ใครเห็นก็อดสงสารไม่ได้ ชีอวิ๋นถิงตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “อาจิ่น เจ้าพูดอะไรน่ะ? เจ้าเป็นน้องสาวของข้า หรือว่าข้าจะมองดูนางรังแกเจ้าโดยไม่สนใจได้อย่างนั้นหรือ?”

ชีจิ่นร้องไห้หนักขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ “ท่านพี่ ข้ากลัวว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีที่สำหรับข้าอีกแล้วเจ้าค่ะ! นางน่ากลัวมากจริง ๆ ทุกคำพูดและทุกประโยคทิ่มแทงข้าจนไม่เหลือที่ยืน ท่านพ่อเองก็คงเกลียดข้าไปแล้วแน่ ๆ ...”

“เจ้าพูดจาเพ้อเจ้ออะไร?” สีหน้าของชีอวิ๋นถิงดำทะมึนลง “ตราบใดที่มีข้าอยู่ ก็จะคอยปกป้องเจ้าในบ้านหลังนี้ และใครก็อย่าคิดจะเปรียบเทียบ หรือคิดจะเบียดเจ้าออกไป! เจ้าคอยดูเอาเถิด ไม่ช้าก็เร็วข้าจะทำให้นางไสหัวออกไปด้วยความสิ้นหวังเอง!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 614

    ส่วนจะเป็นใคร อีกไม่นานก็ได้รู้กันแล้ว ชีหยวนปรายสายตาเย็นชามองบุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นซึ่งถูกยึดกริชไปแล้ว และบัดนี้กำลังจ้องมองตนเองอย่างตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มอย่างเย้ยหยันใส่เขาไปที บุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นเพิ่งรู้สึกตัว และหวนกลับมาได้สติในที่สุด “ท่านใต้เท้า นางโกหก! นางชั้นต่ำคนนี้โกหก นางจับมือข้าสังหารคน นางเป็นคนจับมือข้าสังหารคนขอรับ!” ทว่าคนของหน่วยปราบปรามกลับมองว่าเขากำลังพูดจาเพ้อพก คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้งามพริ้งนุ่มนวลเช่นนี้ หากบอกว่ารู้จักควบอาชาหรือเป็นวิชาหมัดมวยพื้นฐานพวกเขายังพอเชื่อถือบ้าง แต่จะให้เชื่อว่านางจับมือบุรุษฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่แบบนี้สังหารคนเนี่ยนะ? เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังกุมตัวบุรุษผู้นั้นไว้รีบง้างหมัดกระแทกอัดศีรษะเขาไปเต็มแรง “ไอ้สวะคนนี้หัดสำรวมหน่อยสิวะ ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ?!” เขาไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย หมัดเดียวกระแทกอัดเข้าไป ทำบุรุษฉกรรจ์คนนั้นแผดเสียงร้องโอดครวญลั่น ศีรษะปูดขึ้นเป็นก้อนใหญ่ และในตอนนี้เอง ชุนหลินก็นำทางโหวผู้เฒ่าชีเข้ามา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นองครักษ์เสื้อแพร และยังเป็นคนสนิทของไล่เฉิงหลง ดังนั้นแม้ตนเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 613  

    ราวกับผีสางเทวดาบันดาลให้กระทำเช่นนี้ไป เขายกข้อมือของตนเองขึ้น กลับเห็นว่ากริชที่เปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตเล่มนั้นอยู่ในมือของตนเอง และในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุเกิดถึงชีวิตคน ดังนั้นคนในหอสุราจึงไม่กล้านิ่งเฉยไม่สนใจได้อีกต่อไป พวกเขารีบรุดออกไปที่ถนนเพื่อเรียกคนของหน่วยปราบปรามมาทันที คนของหน่วยปราบปรามมาถึง ก็กรูกันขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่รอช้า ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเหล่านั้นล้วนแต่อึ้งงัน มองสหายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น สถานการณ์เมื่อครู่โกลาหลเกินไปจริง ๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากริชเล่มนั้นแทงเข้าที่ท้องของสหายคนนั้นได้อย่างไร ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด นั้นก็คือมือสังหารคือสหายของพวกเขาเอง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าเจือความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น คนกลุ่มนี้มาถึงก็หาเรื่องซุ่นจื่อทันที ทำให้ขาของซุ่นจื่อหัก ปากอ้างว่าของถูกขโมย ทว่าท่าทางกลับดูไม่คล้ายว่าอยากได้ของคืนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางประกาศชื่อแซ่ของตนเองออกไปพวกมันยังค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 612  

    และด้านข้างของเขา มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยักษ์หลายคน แต่ละคนล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวดแววตาเย็นชาใบหน้าเต็มด้วยหนังกร้าวกร้าน มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วย ซุ่นจื่อตะโกนด้วยความร้อนรน “คุณหนูใหญ่รีบเข้าไปด้านในก่อนขอรับ คนพวกนี้เป็นพวกอันธพาลท้องถิ่น กล่าวหาว่าในกลุ่มของพวกข้ามีใครบางคนไปขโมยครั่นคร้ามพวกมัน…” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบซุ่นจื่ออย่างรุนแรง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็คว้าแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมา และเขวี้ยงใส่ชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างไม่รอช้า แจกันบุปผาร่วงหล่นกระแทกพื้น เสียงแตกดังสนั่น เศษกระเบื้องพลันกระจายว่อน ซุ่นจื่อกลิ้งไปด้านข้างด้วยความร้อนรน หลบจากฝ่าเท้าของบุรุษฉกรรจ์คนนั้นได้เฉียดฉิว ชีหยวนขมวดคิ้วพลางมองเสี่ยวเอ้อร์ที่กล้าเพียงแค่ชะโงกศีรษะออกมาจากช่องบันได “ไปแจ้งทางการให้พวกข้าที บอกว่าที่แห่งนี้มีคนเจตนาชั่วช้ากำลังทำร้ายคน จงใจหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ก่อความไม่สงบสร้างความวุ่นวาย!” เสี่ยวเอ้อร์เสียขวัญเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย ครั้นได้ยินชีหยวนพูดจบ คนเหล่านั้นก็หันมองมายังตนเองทันที ไม่

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 611  

    หลังจากเซียวอวิ๋นถิงออกคำสั่งเรียบร้อย ครั้นกลับถึงเมืองหลวงก็รีบจัดการธุระสำคัญต่อทันที จนเข้าตาฮ่องเต้หย่งชาง ต่อมายังถึงขั้นกดข่มอ๋องฉีไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสังหารผู่อู๋ย่งและการกวาดล้างลัทธิปทุมพิสุทธิ์ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หย่งชางพอพระทัยกับหลานชายคนนี้อย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่อ๋องฉีร้องสั่งโจมตีร้องสั่งกำจัดวังบูรพา พวกเขาสามารถให้เซียวอวิ๋นถิงออกหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจของอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้จริง ทว่าบัดนี้ อ๋องฉีล้มลงแล้ว หากเขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้ายได้อีก ทุกคนก็จะมองเห็นเพียงแค่เซียวอวิ๋นถิงคนเดียวแล้ว ซ่งเหลียงตี้จ้องมองบุตรชายนิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “ฝ่าบาทยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะรีบร้อนไปไยกัน?” องค์รัชทายาทเดิมมิโปรดปรานชายารัชทายาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ชอบเซียวอวิ๋นถิงเข้าไปใหญ่ มีเพียงนางผู้เดียวที่ลึก ๆ แล้วเข้าใจอุปนิสัยใจคอของรัชทายาทคนนี้มากที่สุด ภายนอกเขาดูอ่อนแอขี้โรคไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับเป็นคนลึกซึ้งเจ้าเล่ห์ จิตใจคับแคบเป็นที่สุด เมื่อก่อนเขาโกรธแค้นอ๋องฉี และเคียดแค้นเสี่ยวห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 610

    เหตุใดยามกลับมาแรกเริ่มนางจึงคิดแต่จะสร้างกระแสก่อน?นางควรจะคิดหาวิธีอื่นตั้งนานแล้ว“มิใช่หรอก” จวิ้นอ๋องหนานอันมองนาง “องค์พี่ของข้าได้กราบทูลฝ่าบาทว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลชีอาจมิเห็นเขาอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงยังพยายามอยู่ ที่เขาออกจากวังบ่อยครั้ง ก็ขอให้ฝ่าบาทอย่าได้ถือโทษ”เฝิงไฉ่เวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆทว่าภายในอกกลับเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกนางเข้าใจดีว่าเซียวอวิ๋นถิงทำเช่นนี้เพื่ออะไรชอบจึงกล้าทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกรงใจ แต่หากเป็นรักแล้วเล่า กลับต้องรู้จักห้ามใจเขาชอบชีหยวน ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ว่า ชีหยวนยังมิได้ชอบเขาแต่ตนเล่า?นางพยายามถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนางสักครั้งเดียวอยู่ดี ๆ ความสนใจของนางก็เหือดแห้ง “เช่นนั้น จวิ้นอ๋องบอกเรื่องพวกนี้กับข้าน้อย เพื่ออะไรกัน? มันเกี่ยวอะไรกับข้าน้อยด้วยหรือเจ้าคะ?”จวิ้นอ๋องหนานอันหัวเราะอย่างมีนัย “ยาพิษสำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นน้ำผึ้งสำหรับอีกผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้มีเจตนาอันใด เพียงอยากให้คุณหนูเฝิงรู้ไว้ว่า เลือกคนให้ถูกนั้นสำคัญ เลือกทางให้ถูกนั้นยิ่งสำคัญ หากเลือกผิด ก้า

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 609

    เฝิงไฉ่เวยค่อย ๆ หลับตาลงนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่แท้การจะได้ครอบครองหัวใจของใครสักคนหนึ่ง จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นถึงเพียงนี้แต่เหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนี้?ทั้งที่ยามนางอยู่ที่ยูนนาน ไม่ว่าเพียงจะกวักมือเรียกใคร คนผู้นั้นก็แทบจะยอมควักหัวใจถวายให้นางทั้งดวงทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่แม้แต่จะใส่ใจว่านางคิดเช่นไร รอจนหมอหลวงหูมาถึง จัดยาให้กับฮองเฮาเฝิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวว่า “คุณหนูเฝิงบอกว่านางมีวิธีรักษาอาการปวดศีรษะจากลมชั่ว หมอหูลองฟังดูว่าวิธีนี้ใช้ได้หรือไม่”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นกล่าวลากับฮองเฮาเฝิงฮองเฮาเฝิงเม้มริมฝีปาก พลางนวดหว่างคิ้วเบา ๆ แล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้ากลับไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ เราจะให้ไฉ่เวยอยู่อีกสักครู่ แล้วค่อยให้นางกลับ”เซียวอวิ๋นถิงขานรับ แล้วก็ออกจากตำหนักไปทันทีในหูของเฝิงไฉ่เวยดังอื้อ ๆ ไปหมด ทั้งคนเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีบางอย่างกระจ่างขึ้นที่สับสนคือเพราะเหตุใดความพยายามทั้งหมดจึงไร้ผล?แต่นางก็รับรู้ได้อย่างกระจ่าง ว่าเหตุผลที่ไร้ผลนั้น ก็เพราะเซียวอวิ๋นถิงมีท่าทีต่อชีหยวนแตกต่างจากผู้ใดทั้งสิ้นต่อผู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status