Share

บทที่ 19

Author: ฉินอันอัน
ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็น

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้ว

แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนัก

ตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้น

สีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อย

นางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้

แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชา

ทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

แถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีก

ชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีก

นางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนัก

กลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

เมื่อครู่ชีเจิ้นบอกเรื่องที่ชีหยวนเปลี่ยนชื่อไปแล้ว

ชีหยวนลดสายตาลง คารวะด้วยท่าทางที่สบาย ๆ และเป็นธรรมชาติ “น้าสะใภ้รอง น้าสะใภ้สาม”

พวกนางล้วนเป็นคนคุ้นเคยที่เคยเจอเมื่อชาติที่แล้ว จึงย่อมไม่รู้สึกแปลกใหม่อะไร

แต่คนอื่นกลับมองนางแตกต่างออกไป

เดิมมาพร้อมกับความคิดที่จะมาดูเรื่องสนุก คิดว่าบุตรสาวที่ชอบด้วยกฎหมายที่ก่อนหน้านี้เรือนใหญ่ทุ่มเทเลี้ยงดูมากมายขนาดนั้น สุดท้ายแล้วกลับเป็นตัวปลอม

กลับกันบุตรสาวที่แท้จริงเกรงว่าจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างหยาบกระด้างจนรับไม่ได้เสียแล้ว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชีหยวนจะได้รูปร่างหน้าตาที่รับข้อดีของชีเจิ้นกับนางหวังมา แถมกิริยามารยาทก็ดีมากอีกด้วย

ความคิดที่พวกนางจะมาดูเรื่องสนุกก็ลดลงไปบ้าง และมีเพียงรอยยิ้มกับคำชมเล็กน้อยเท่านั้น

ฮูหยินรองมอบของขวัญพบหน้า[footnoteRef:1]ก่อนคนอื่น “ต่อไปล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นอย่างไร ตอนนี้กลับมาบ้านแล้วก็เป็นคนกันเอง หากมีเรื่องอันใด เพียงแค่เอ่ยออกมาเป็นพอ” [1: คือธรรมเนียมการให้ของขวัญเมื่อพบหน้ากันครั้งแรก]

ฮูหยินสามเห็นดังนั้นย่อมไม่ยอมน้อยหน้า ถอดกำไลออกจากข้อมือเช่นกัน “ก่อนหน้านี้รีบร้อน จึงไม่ได้เตรียมอะไรมา กำไลข้อมือนี่ เจ้าเอาไว้ใส่เล่นเถอะนะ”

ชีหยวนไม่ได้รับมาทันที แต่มองไปทางนางหวังเล็กน้อย

นางหวังตกใจ ชีหยวนรู้จักกาละเทศะเช่นนี้ นางกลับยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีก

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณว่าชีหยวนสามารถรับมันมาได้

ชีหยวนรับมาอย่างนอบน้อม เอ่ยขอบคุณและคารวะอย่างหาที่จับผิดมิได้

นางพูดน้อยแถมยังรู้จักกาละเทศะเช่นนี้อีก มันจึงทำให้ฮูหยินรองและฮูหยินสามรู้สึกว่าน่าสนใจเล็กน้อย

เพียงแต่งานเลี้ยงในครั้งนี้ จัดเพื่อปรึกษากันเรื่องของการคืนสู่ตระกูล ด้านฮูหยินใหญ่เรียกพวกนางแล้ว ฮูหยินรองและฮู หยินสามจึงส่งยิ้มไปให้ชีหยวน “เจ้าไปเล่นกับน้องชายน้องสาวของเจ้าที่อยู่ตรงโต๊ะด้านนั้นเถอะ”

ชีหยวนหมุนกายกลับไปแล้ว

ฮูหยินรองจึงมองไปทางนางหวัง “พี่สะใภ้ใหญ่ แสดงความยินดีด้วยจริง ๆ นะเจ้าคะ!”

นางหวังกังวลเรื่องชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่น เลยใจลอยเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดนี้จึงถามขึ้น “แสดงความยินดีอะไรหรือ?”

“แม้เด็กจะพเนจรอยู่ด้านนอก แต่ข้ามองดูนางกลับไม่รู้สึกแตกต่างจากบุตรสาวตระกูลใหญ่ทั่วไปเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

ฮูหยินรองยิ้ม “นี่ยังไม่ควรค่าแก่การแสดงความยินดีอีกหรือเจ้าคะ?”

นางหวังบอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร

ความจริงแล้วนางไม่ค่อยดีใจเท่าใดนัก

เมื่อก่อนระหว่างนางกับลูก ๆ สนิทสนมกันมาก และไม่เคยมีช่องว่างอะไรกันเลย

แต่พอชีหยวนเข้ามา นางก็มักจะรู้สึกว่าความสมดุลถูกทำลายลงแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ชีหยวนไม่ได้ใกล้ชิดกับนางที่เป็นมารดาคนนี้มากนัก และยิ่งไม่สนใจชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นอีกด้วย

ไม่กังวลว่าจะขาดแคลน แต่กังวลว่าจะไม่เท่าเทียม เพราะถึงอย่างไรอาจิ่นก็เติบโตมาด้วยกันกับนาง ในจวนให้ทรัพยากรและการศึกษาที่ดีที่สุดแก่อาจิ่น และทำให้นางกลายเป็นไข่มุกของเมืองหลวง

อนาคตของอาจิ่นนับจากนี้จะต้องไร้ขีดจำกัด

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ชีหยวนจะต้องด้อยกว่ามากอย่างแน่นอน

เด็กคนนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น จิตใจก็คับแคบอีก ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีความโกรธแค้นหรือไม่

ขณะที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น นางก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับน้องชายทั้งสอง “น้องรอง น้องสาม พวกเจ้ากลับไปก็ร่างรายชื่อแขกของตระกูลภรรยาพวกเจ้าเสียหน่อย พอถึงเวลาข้าจะได้เชิญมาพร้อมกัน”

ข้อกำหนดนี้ ดูเหมือนจะเป็นข้อกำหนดในการยอมรับบุตรสาวอย่างเป็นทางการแล้ว

ชีซงกับชีป่ายมองหน้ากัน

น้องรองชีซงถามก่อน “พี่ใหญ่ เช่นนั้นอาจิ่น...”

คนในครอบครัวเดียวกัน ก็ควรต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยกระมัง?

ชีเจิ้นเอ่ยด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “ก็บอกไปว่าปีนั้นให้กำเนิดพี่น้องฝาแฝด เพียงแต่พี่สาวหายตัวไป”

ชีป่ายพยักหน้าเล็กน้อย “แล้วบิดามารดาของอาจิ่นที่อยู่ทางนั้น...”

“เสียชีวิตแล้ว” ชีเจิ้นสีหน้าเย็นชา “เรื่องนี้ก็ไม่ต้องเอ่ยขึ้นมาอีก”

ชีป่ายกับชีซงทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันอีกครั้ง

ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็สีหน้าเปลี่ยนไปทั้งคู่

พวกเขายังคิดว่าชีเจิ้นฆ่าคนปิดปาก เพื่อเก็บชีหยวนไว้ในตระกูล

ชีเจิ้นไม่ได้สังเกตท่าทางของพวกเขา เพียงแค่มอบหมายกับชีซง “น้องรอง เจ้าแวะไปเมืองเป่าติ้ง และบอกท่านพ่อกับท่านแม่เสียหน่อย จากนั้นก็เชิญพวกเขากลับมาด้วย”

ท่านโหวผู้เฒ่าพาฮูหยินผู้เฒ่าไปบ้านนอกเพื่อรักษาอาการป่วยเมื่อไม่นานมานี้

เรื่องสำคัญอย่างคนในครอบครัวพาบุตรสาวคนโตที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกกลับมา แน่นอนว่าจะต้องเชิญพวกเขากลับมาด้วย

ชีซงส่งเสียงอ้อครั้งหนึ่ง “คืนสู่ตระกูลไวเช่นนี้ ไม่สั่งสอนเรื่องมารยาทก่อนหรือ? เมื่อถึงเวลาแขกมารวมตัวกัน แค่กลัวว่านางจะรับมือไม่ไหวเอานะขอรับ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ชีเจิ้นก็สั่งนางหวังอีกครั้ง “เจ้าให้เหล่าอาจารย์เขียนบัตรเชิญเพิ่มอีกหนึ่งใบ ข้าจะส่งไปให้จิ้นอ๋องด้วยตนเอง”

เซียวอวิ๋นถิง?

นางหวังไม่แน่ใจเล็กน้อย “ท่านโหว จิ้นอ๋องจะมาหรือเจ้าคะ?”

“ไม่ว่าจะมาได้หรือไม่ ในเมื่อเขาทราบเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องส่งบัตรเชิญไป”

พอเอ่ยถึงจิ้นอ๋อง พี่น้องทั้งหลายก็มีหัวข้อที่พูดคุยกันไม่รู้จบแล้ว

ชีป่ายเริ่มเอ่ยปากก่อน “ท่านอ๋องได้รับคำสั่งให้กำกับดูแลการกวาดล้างเรื่องทุจริตขนส่งข้าว ช่วงนี้ก็สังหารคนไปไม่น้อย ท่านอ๋องผู้นี้ ตอนนี้ถือว่าใครเห็นต่างก็เกรงกลัวกันจริง ๆ ขอรับ”

คดีทุจริตการขนส่งข้าว เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่จำนวนมากในเมืองเจียงหนาน

ทุกคนต่างคิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจัดการกับเรื่องนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน

รัชทายาทอ่อนแอ สามารถสวรรคตได้ทุกเมื่อ เหล่าขุนนางและอ๋องคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องเขาตาเป็นมัน

เซียวอวิ๋นถิงจะมีอะไรได้? เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น

จะเอาชนะผู้อาสุโสที่มีประสบการณ์โชกโชนเหล่านั้นได้อย่างไร?

แต่ใครจะรู้ ทันทีที่เซียวอวิ๋นถิงไปถึงเมืองเจียงหนาน ก็จับกุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้จำนวนมาก และประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูงถึงเจ็ดสิบคนติดต่อกันอย่างไม่เกรงกลัว

ระหว่างที่ข่าวถูกส่งกลับมายังราชสำนัก ก็ได้สร้างความตกตะลึงทั้งในราชสำนักและในหมู่ราษฎรแล้ว

ชีเจิ้นส่งเสียงจิ๊ครั้งหนึ่ง “ใครเห็นก็ต้องกลัวหรือ? แล้วอย่างไรเล่า? ครั้งนี้เขาทำผลงานใหญ่ได้ และเขาจะต้องได้รับความนิยมอย่างมากทันทีที่กลับมาถึง!”

ชีหยวนยืนฟังที่โต๊ะด้านข้างอยู่เงียบ ๆ

พวกลูกพี่ลูกน้องล้วนไม่สนิทกับนาง และนางก็ไม่คิดจะสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาด้วย

เพียงแค่แอบคิดขึ้นมาก็เท่านั้น ว่าหลังคดีขนส่งข้าวเสร็จสิ้น องค์รัชทายาทก็คงสวรรคตแล้ว

ทันทีที่องค์รัชทายาทสวรรคต บรรดาลุงพวกนั้นของเขาก็คงกรูกันเข้ามา ใช้สารพัดวิธีของตนเอง และไม่นานเขาก็ถูกเบียดจนไม่มีที่ยืน

ดังนั้นภายหลังเซียวอวิ๋นถิงถึงได้ฝึกฝนหน่วยกล้าตายจำนวนมาก เพื่อเสริมสร้างอำนาจของตนเองมากมายขนาดนั้น

ต่อมาชีจิ่นได้แต่งงานกับฉีอ๋อง นั่นก็คือองค์รัชทายาทและฮ่องเต้ในอนาคต

หากอยากจะขัดขวางเส้นทางปีนบันใดสู่สวรรค์ของชีจิ่น นางก็ควรต้องคิดหาวิธีร่วมมือกับเซียวอวิ๋นถิงอีกครั้งหรือไม่นะ?

เพราะถึงอย่างไร ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร มิใช่หรือ?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 709

    ชีหยวนลงมือทั้งรวดเร็วและรุนแรง มีเพียงเซียวจิ่งจาวเท่านั้นที่เห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่ที่นางลงมือไปจนถึงการอ่านการเคลื่อนไหวของเถียนเป่าซื่อนั้นเด็ดขาดเพียงใดหญิงสาวผู้นี้ นางถึงกับไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ!เซียวจิ่งจาวกดเสียงต่ำ “เถียนเป่าซื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่”เถียนเป่าซื่อนั้นตั้งแต่เด็กก็เติบโตในวัง ต่อมาได้เป็นสหายร่ำเรียนมากับเหล่าองค์ชาย แม้แต่อ๋องฉียังเคยพยายามดึงตัวเขาไปอยู่ฝ่ายเดียวด้วยดังนั้นเซียวจิ่งจาวย่อมรู้ดีว่าเถียนเป่าซื่อมีฝีมือมากน้อยเพียงใดเมื่อครู่นี้ตอนที่ชีหยวนจับข้อเท้าเถียนเป่าซื่อไว้ เขากลับขยับไม่ได้เลย นั่นก็เพียงพอจะบอกถึงฝีมือของชีหยวนได้แล้วแต่กระนั้น เซียวจิ่งจาวก็อดตกใจไม่ได้ “นางไปเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใด?”ในบรรดาบุตรีตระกูลขุนนางในเมืองหลวง ก็ใช่ว่าจะไม่มีเด็กสาวชื่นชอบดาบทวนหอกกระบี่ แต่ส่วนมากก็เรียนเพียงท่วงท่าเอาไว้ขู่คนได้บ้าง แต่พอถึงเวลาสู้จริงกลับสู้ศัตรูไม่ได้เลยชีหยวนนั้นก็เป็นคนที่เพิ่งถูกรับกลับตระกูลในภายหลัง นางสามารถฝึกจนมีฝีมือถึงเพียงนี้ในเวลาอันสั้นจริงหรือ?!เฝิงไฉ่เวยไม่ชอบเวลามีคนกล่าวชื่นชมชีหยวนใบหน้านางเย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 708

    โอหังเกินไปแล้ว!โอหังเกินไปจริง ๆ!ตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็เบียดกันเป็นชั้น ๆ และต่างก็อดวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ได้“หมาจะมาเทียบกับคนได้ยังไง?”“เจ้าดูหมาไม่ดีเอง มันถึงได้พุ่งไปกัดน้องชายเขาก่อน คนเขาถึงได้เตะหมากลับ!”“ถึงจะเป็นหลานชายไทเฮาแล้วอย่างไรเล่า? ทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ได้หรือ?”แต่ก็มีบางคนรีบดึงสหายไว้ “เรื่องของพวกจวนขุนนาง เกี่ยวอะไรกับเรา? อีกฝ่ายก็เป็นคุณชายของจวนโหวเหมือนกันนะ!”ดูพวกเขาทะเลาะกันเองก็พอแล้วชีอวิ๋นจื่อเชิดคอถมน้ำลายปนเลือดออกมาแล้วจ้องเถียนเป่าซื่อด้วยสายตาเย็นชา “หมาของเจ้ากัดน้องข้าไม่ปล่อยก่อน ข้าถึงได้เตะมันออกไป ข้าไม่ผิด!”ไม่ผิด ก็ไม่ต้องขอโทษ!พี่หญิงเคยบอกไว้ว่า ถ้าทำผิดก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าไม่ได้ผิด ก็ห้ามยอมจำนน!เถียนเป่าซื่อโกรธจนหัวเราะออกมา “งั้นหรือ?”เขาปล่อยคอเสื้อชีอวิ๋นจื่อทันที ก่อนฟาดหน้าชีอวิ๋นจื่อหนึ่งฉาด แล้วเงื้อเท้าจะเตะอย่างแรงแต่ในจังหวะนั้น ขาของเขากลับถูกใครบางคนขวางเอาไว้ถึงเขาจะตัวใหญ่กำยำ แต่กลับไม่สามารถเตะลงไปได้ และยังดึงเท้ากลับมาไม่ได้อีกด้วย จึงเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีหลิวผิงอันถึงกับน้ำตาคล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 707

    ความป่าเถื่อนของเถียนเป่าซื่อนั้น เฝิงไฉ่เวยรู้ดีตั้งแต่แรกตลอดหลายปีมานี้ นางไม่ได้เรียนแค่การชมดอกไม้ ดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพเท่านั้น แต่ใช้เวลามากกว่านั้นไปกับการท่องจำลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลเฝิงสั่งให้นางเรียนใครเป็นคนของตระกูลไหน นิสัยใจคออย่างไร ในตระกูลมีบุคคลโดดเด่นคนใดบ้าง และมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลใดนางทุ่มเทพลังใจอย่างมหาศาลกับสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อว่าวันหนึ่งหากได้เป็นชายาพระนัดดา จะสามารถช่วยเหลือเซียวอวิ๋นถิงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเขาดึงพวกคนที่ควรดึงมาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้แต่ตอนนี้ เซียวอวิ๋นถิงไม่มีวาสนาจะได้รับสิ่งเหล่านี้อีกแล้วเขาไม่เห็นค่านาง นั่นคือความสูญเสียของเขาสิ่งที่เขาเห็นคือเฝิงไฉ่เวยผู้ถูกบีบจนไร้หนทาง ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแต่เขาไม่รู้เลยว่า เขายังไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักนางจริง ๆ ด้วยซ้ำถึงกระนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว นางจะทำให้เขารู้เอง ว่านางเก่งกว่าชีหยวนเป็นร้อยเท่า!การฆ่าคนมันจะมีอะไรน่าภาคภูมิใจนักหรือ?นางอยากดูเสียจริง ว่าถ้าชีหยวนต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเถียนและจวนอ๋องโจว จะย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 706

    บัดซบเอ๊ย เบื่อชีวิตแล้วหรืออย่างไร? ถึงมาทำร้ายคุณชายของพวกเขา?!เถียนเป่าซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่หลิวผิงอันไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะจ้องเขายังไง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ด่าออกไปทันที “เจ้าก็ตัวโตป่านนี้แล้ว กล้ารังแกเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่อายบ้างหรืออย่างไร?!”เสิ่นเจียหล่างตกใจจนแทบเสียขวัญ เด็กที่เคยถูกฝังทั้งเป็นในโลงแล้วยังทนไม่ร้องไห้ออกมา กลับร้องสะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ทันเพียงเพราะเห็นชีอวิ๋นจื่อที่คอยปกป้องตนเองถูกตบชีอวิ๋นจื่อแม้จะเจ็บปวดมาก แต่ยังฝืนลูบศีรษะเขาแล้วปลอบเสียงเบา “ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก”ตอนนั้นเอง เด็กรับใช้ของชีอวิ๋นจื่อก็ดึงแขนเสื้อหลิวผิงอันอย่างกลัว ๆ พลางกระซิบเตือน “พี่ผิงอัน นี่ นี่มันคือคุณชายหกแห่งจวนเฉิงเอินกง...”หลิวผิงอันไม่เคยได้ยินคุณชายหกอะไรนั่น แต่ชื่อจวนเฉิงเอินกงเขารู้จักดี จึงชะงักไปเล็กน้อยทว่าก็แค่ชะงักเท่านั้นเขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนขวางอยู่หน้าชีอวิ๋นจื่อกับเสิ่นเจียหล่างอย่างมั่นคง “ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะมาทำร้ายคนอื่นได้ตามใจชอบ!”เขาจะกลัวอะไร?คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วนี่มากสุดก็แค่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูคุณหนูใหญ่ ใครกลัวใครก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 705

    ในฐานะที่เป็นเชื้อพระวงศ์ เซียวจิ่งจาวย่อมจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครนั่นก็คือเถียนเป่าซื่อ หลานชายของไทเฮาเถียน!และยังเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลของเฉิงเอินกง ผู้เคยกดจวนฉู่กั๋วกงไว้แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าตระกูลเถียนรักและทะนุถนอมลูกชายคนเล็กคนนี้เพียงใดไม่รู้เป็นเพราะฮวงจุ้ยไม่ดีหรืออย่างไร ลูกหลานรุ่นนี้ของตระกูลเถียนสายตรงหลายคนล้วนตายตั้งแต่ยังเล็ก มีชีวิตไม่เกินเจ็ดแปดขวบ ดังนั้นตั้งแต่เถียนเป่าซื่อเกิดมาก็เป็นที่รักอย่างมากว่าไปแล้ว ไทเฮาเถียนยังตั้งชื่อของเขาด้วยตัวเองอีกด้วย ยิ่งเห็นได้ชัดถึงความเอ็นดูที่ไทเฮาเถียนมีต่อเขายิ่งไปกว่านั้น คู่หมั้นขององค์หญิงลั่วชวนแห่งจวนอ๋องโจวก็คือเถียนเป่าซื่อนี่เองเซียวจิ่งจาวหันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”ไม่ว่าอย่างไร ไทเฮาเถียนก็มีความชอบในการช่วยฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้ขึ้นครองราชย์เพราะเหตุนี้ ฮ่องเต้หย่งชางเพื่อแสดงถึงความชอบธรรมของตน จึงยกย่องไทเฮาเถียนเป็นพระมารดา และตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เคารพรักไทเฮาเถียนเป็นอย่างยิ่งและปฏิบัติต่อตระกูลเถียนอย่างดีมาโดยตลอดพูดได้ว่า แม้เซียวจิ่งจาวพบเถียนเป่าซื่อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 704

    จนกระทั่งเซียวจิ่งจาวปล่อยมือออก เฝิงไฉ่เวยจึงไออย่างหนักแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่ถอยสักก้าวจะกลัวอะไร?นางไม่อยากทนถูกรังแกอีกแล้วสิ่งที่ชีหยวนทำได้ นางก็ทำได้เช่นกันแต่นางยังไม่ทันที่จะเอ่ยวาจาเชือดเฉือนใส่เซียวจิ่งจาวออกมาอีก ประตูก็ถูกเคาะเบา ๆ สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเรียกนางเสียงแผ่วเฝิงไฉ่เวยมองเซียวจิ่งจาวแวบหนึ่ง พลางลูบลำคอของตนเองก่อนตะโกนตอบเสียงดัง “เข้ามา!”ซิ่วอี๋ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าคล่องแคล่ว ยืนอย่างเคารพในระยะไม่ไกลจากทั้งคู่แล้วพูดเสียงเบา “คุณหนู พวกเขาสองคนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”พวกเขาสองคนหรือ?แววตาเซียวจิ่งจาววูบไหวด้วยความสงสัย ในใจสงสัยใคร่รู้ว่าเฝิงไฉ่เวยกำลังทำอะไรอยู่กันแน่เฝิงไฉ่เวยผลักหน้าต่างออก จากชั้นสองสามารถมองเห็นผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงชั้นล่างได้แต่สายตาของนางมิได้หยุดที่คนในห้องโถง หากแต่จ้องไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดด้วยแววตาเย็นชาเมื่อมองตามสายตานาง เซียวจิ่งจาวก็เห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจูงเด็กเล็กอายุสี่ห้าขวบขึ้นบันไดมาในทันทีเฝิงไฉ่เวยละสายตากลับมามองเซียวจิ่งจาวที่อยู่ตรงหน้า “ท่านอ๋องไม่ต้องสงสัยหรอก พวกเขาคือน้องชาย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status