Share

บทที่ 19

Author: ฉินอันอัน
ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็น

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้ว

แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนัก

ตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้น

สีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อย

นางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้

แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชา

ทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

แถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีก

ชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีก

นางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนัก

กลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

เมื่อครู่ชีเจิ้นบอกเรื่องที่ชีหยวนเปลี่ยนชื่อไปแล้ว

ชีหยวนลดสายตาลง คารวะด้วยท่าทางที่สบาย ๆ และเป็นธรรมชาติ “น้าสะใภ้รอง น้าสะใภ้สาม”

พวกนางล้วนเป็นคนคุ้นเคยที่เคยเจอเมื่อชาติที่แล้ว จึงย่อมไม่รู้สึกแปลกใหม่อะไร

แต่คนอื่นกลับมองนางแตกต่างออกไป

เดิมมาพร้อมกับความคิดที่จะมาดูเรื่องสนุก คิดว่าบุตรสาวที่ชอบด้วยกฎหมายที่ก่อนหน้านี้เรือนใหญ่ทุ่มเทเลี้ยงดูมากมายขนาดนั้น สุดท้ายแล้วกลับเป็นตัวปลอม

กลับกันบุตรสาวที่แท้จริงเกรงว่าจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างหยาบกระด้างจนรับไม่ได้เสียแล้ว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชีหยวนจะได้รูปร่างหน้าตาที่รับข้อดีของชีเจิ้นกับนางหวังมา แถมกิริยามารยาทก็ดีมากอีกด้วย

ความคิดที่พวกนางจะมาดูเรื่องสนุกก็ลดลงไปบ้าง และมีเพียงรอยยิ้มกับคำชมเล็กน้อยเท่านั้น

ฮูหยินรองมอบของขวัญพบหน้า[footnoteRef:1]ก่อนคนอื่น “ต่อไปล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นอย่างไร ตอนนี้กลับมาบ้านแล้วก็เป็นคนกันเอง หากมีเรื่องอันใด เพียงแค่เอ่ยออกมาเป็นพอ” [1: คือธรรมเนียมการให้ของขวัญเมื่อพบหน้ากันครั้งแรก]

ฮูหยินสามเห็นดังนั้นย่อมไม่ยอมน้อยหน้า ถอดกำไลออกจากข้อมือเช่นกัน “ก่อนหน้านี้รีบร้อน จึงไม่ได้เตรียมอะไรมา กำไลข้อมือนี่ เจ้าเอาไว้ใส่เล่นเถอะนะ”

ชีหยวนไม่ได้รับมาทันที แต่มองไปทางนางหวังเล็กน้อย

นางหวังตกใจ ชีหยวนรู้จักกาละเทศะเช่นนี้ นางกลับยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีก

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณว่าชีหยวนสามารถรับมันมาได้

ชีหยวนรับมาอย่างนอบน้อม เอ่ยขอบคุณและคารวะอย่างหาที่จับผิดมิได้

นางพูดน้อยแถมยังรู้จักกาละเทศะเช่นนี้อีก มันจึงทำให้ฮูหยินรองและฮูหยินสามรู้สึกว่าน่าสนใจเล็กน้อย

เพียงแต่งานเลี้ยงในครั้งนี้ จัดเพื่อปรึกษากันเรื่องของการคืนสู่ตระกูล ด้านฮูหยินใหญ่เรียกพวกนางแล้ว ฮูหยินรองและฮู หยินสามจึงส่งยิ้มไปให้ชีหยวน “เจ้าไปเล่นกับน้องชายน้องสาวของเจ้าที่อยู่ตรงโต๊ะด้านนั้นเถอะ”

ชีหยวนหมุนกายกลับไปแล้ว

ฮูหยินรองจึงมองไปทางนางหวัง “พี่สะใภ้ใหญ่ แสดงความยินดีด้วยจริง ๆ นะเจ้าคะ!”

นางหวังกังวลเรื่องชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่น เลยใจลอยเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดนี้จึงถามขึ้น “แสดงความยินดีอะไรหรือ?”

“แม้เด็กจะพเนจรอยู่ด้านนอก แต่ข้ามองดูนางกลับไม่รู้สึกแตกต่างจากบุตรสาวตระกูลใหญ่ทั่วไปเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

ฮูหยินรองยิ้ม “นี่ยังไม่ควรค่าแก่การแสดงความยินดีอีกหรือเจ้าคะ?”

นางหวังบอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร

ความจริงแล้วนางไม่ค่อยดีใจเท่าใดนัก

เมื่อก่อนระหว่างนางกับลูก ๆ สนิทสนมกันมาก และไม่เคยมีช่องว่างอะไรกันเลย

แต่พอชีหยวนเข้ามา นางก็มักจะรู้สึกว่าความสมดุลถูกทำลายลงแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ชีหยวนไม่ได้ใกล้ชิดกับนางที่เป็นมารดาคนนี้มากนัก และยิ่งไม่สนใจชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นอีกด้วย

ไม่กังวลว่าจะขาดแคลน แต่กังวลว่าจะไม่เท่าเทียม เพราะถึงอย่างไรอาจิ่นก็เติบโตมาด้วยกันกับนาง ในจวนให้ทรัพยากรและการศึกษาที่ดีที่สุดแก่อาจิ่น และทำให้นางกลายเป็นไข่มุกของเมืองหลวง

อนาคตของอาจิ่นนับจากนี้จะต้องไร้ขีดจำกัด

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ชีหยวนจะต้องด้อยกว่ามากอย่างแน่นอน

เด็กคนนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น จิตใจก็คับแคบอีก ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีความโกรธแค้นหรือไม่

ขณะที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น นางก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับน้องชายทั้งสอง “น้องรอง น้องสาม พวกเจ้ากลับไปก็ร่างรายชื่อแขกของตระกูลภรรยาพวกเจ้าเสียหน่อย พอถึงเวลาข้าจะได้เชิญมาพร้อมกัน”

ข้อกำหนดนี้ ดูเหมือนจะเป็นข้อกำหนดในการยอมรับบุตรสาวอย่างเป็นทางการแล้ว

ชีซงกับชีป่ายมองหน้ากัน

น้องรองชีซงถามก่อน “พี่ใหญ่ เช่นนั้นอาจิ่น...”

คนในครอบครัวเดียวกัน ก็ควรต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยกระมัง?

ชีเจิ้นเอ่ยด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “ก็บอกไปว่าปีนั้นให้กำเนิดพี่น้องฝาแฝด เพียงแต่พี่สาวหายตัวไป”

ชีป่ายพยักหน้าเล็กน้อย “แล้วบิดามารดาของอาจิ่นที่อยู่ทางนั้น...”

“เสียชีวิตแล้ว” ชีเจิ้นสีหน้าเย็นชา “เรื่องนี้ก็ไม่ต้องเอ่ยขึ้นมาอีก”

ชีป่ายกับชีซงทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันอีกครั้ง

ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็สีหน้าเปลี่ยนไปทั้งคู่

พวกเขายังคิดว่าชีเจิ้นฆ่าคนปิดปาก เพื่อเก็บชีหยวนไว้ในตระกูล

ชีเจิ้นไม่ได้สังเกตท่าทางของพวกเขา เพียงแค่มอบหมายกับชีซง “น้องรอง เจ้าแวะไปเมืองเป่าติ้ง และบอกท่านพ่อกับท่านแม่เสียหน่อย จากนั้นก็เชิญพวกเขากลับมาด้วย”

ท่านโหวผู้เฒ่าพาฮูหยินผู้เฒ่าไปบ้านนอกเพื่อรักษาอาการป่วยเมื่อไม่นานมานี้

เรื่องสำคัญอย่างคนในครอบครัวพาบุตรสาวคนโตที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกกลับมา แน่นอนว่าจะต้องเชิญพวกเขากลับมาด้วย

ชีซงส่งเสียงอ้อครั้งหนึ่ง “คืนสู่ตระกูลไวเช่นนี้ ไม่สั่งสอนเรื่องมารยาทก่อนหรือ? เมื่อถึงเวลาแขกมารวมตัวกัน แค่กลัวว่านางจะรับมือไม่ไหวเอานะขอรับ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ชีเจิ้นก็สั่งนางหวังอีกครั้ง “เจ้าให้เหล่าอาจารย์เขียนบัตรเชิญเพิ่มอีกหนึ่งใบ ข้าจะส่งไปให้จิ้นอ๋องด้วยตนเอง”

เซียวอวิ๋นถิง?

นางหวังไม่แน่ใจเล็กน้อย “ท่านโหว จิ้นอ๋องจะมาหรือเจ้าคะ?”

“ไม่ว่าจะมาได้หรือไม่ ในเมื่อเขาทราบเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องส่งบัตรเชิญไป”

พอเอ่ยถึงจิ้นอ๋อง พี่น้องทั้งหลายก็มีหัวข้อที่พูดคุยกันไม่รู้จบแล้ว

ชีป่ายเริ่มเอ่ยปากก่อน “ท่านอ๋องได้รับคำสั่งให้กำกับดูแลการกวาดล้างเรื่องทุจริตขนส่งข้าว ช่วงนี้ก็สังหารคนไปไม่น้อย ท่านอ๋องผู้นี้ ตอนนี้ถือว่าใครเห็นต่างก็เกรงกลัวกันจริง ๆ ขอรับ”

คดีทุจริตการขนส่งข้าว เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่จำนวนมากในเมืองเจียงหนาน

ทุกคนต่างคิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจัดการกับเรื่องนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน

รัชทายาทอ่อนแอ สามารถสวรรคตได้ทุกเมื่อ เหล่าขุนนางและอ๋องคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องเขาตาเป็นมัน

เซียวอวิ๋นถิงจะมีอะไรได้? เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น

จะเอาชนะผู้อาสุโสที่มีประสบการณ์โชกโชนเหล่านั้นได้อย่างไร?

แต่ใครจะรู้ ทันทีที่เซียวอวิ๋นถิงไปถึงเมืองเจียงหนาน ก็จับกุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้จำนวนมาก และประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูงถึงเจ็ดสิบคนติดต่อกันอย่างไม่เกรงกลัว

ระหว่างที่ข่าวถูกส่งกลับมายังราชสำนัก ก็ได้สร้างความตกตะลึงทั้งในราชสำนักและในหมู่ราษฎรแล้ว

ชีเจิ้นส่งเสียงจิ๊ครั้งหนึ่ง “ใครเห็นก็ต้องกลัวหรือ? แล้วอย่างไรเล่า? ครั้งนี้เขาทำผลงานใหญ่ได้ และเขาจะต้องได้รับความนิยมอย่างมากทันทีที่กลับมาถึง!”

ชีหยวนยืนฟังที่โต๊ะด้านข้างอยู่เงียบ ๆ

พวกลูกพี่ลูกน้องล้วนไม่สนิทกับนาง และนางก็ไม่คิดจะสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาด้วย

เพียงแค่แอบคิดขึ้นมาก็เท่านั้น ว่าหลังคดีขนส่งข้าวเสร็จสิ้น องค์รัชทายาทก็คงสวรรคตแล้ว

ทันทีที่องค์รัชทายาทสวรรคต บรรดาลุงพวกนั้นของเขาก็คงกรูกันเข้ามา ใช้สารพัดวิธีของตนเอง และไม่นานเขาก็ถูกเบียดจนไม่มีที่ยืน

ดังนั้นภายหลังเซียวอวิ๋นถิงถึงได้ฝึกฝนหน่วยกล้าตายจำนวนมาก เพื่อเสริมสร้างอำนาจของตนเองมากมายขนาดนั้น

ต่อมาชีจิ่นได้แต่งงานกับฉีอ๋อง นั่นก็คือองค์รัชทายาทและฮ่องเต้ในอนาคต

หากอยากจะขัดขวางเส้นทางปีนบันใดสู่สวรรค์ของชีจิ่น นางก็ควรต้องคิดหาวิธีร่วมมือกับเซียวอวิ๋นถิงอีกครั้งหรือไม่นะ?

เพราะถึงอย่างไร ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร มิใช่หรือ?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 614

    ส่วนจะเป็นใคร อีกไม่นานก็ได้รู้กันแล้ว ชีหยวนปรายสายตาเย็นชามองบุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นซึ่งถูกยึดกริชไปแล้ว และบัดนี้กำลังจ้องมองตนเองอย่างตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มอย่างเย้ยหยันใส่เขาไปที บุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นเพิ่งรู้สึกตัว และหวนกลับมาได้สติในที่สุด “ท่านใต้เท้า นางโกหก! นางชั้นต่ำคนนี้โกหก นางจับมือข้าสังหารคน นางเป็นคนจับมือข้าสังหารคนขอรับ!” ทว่าคนของหน่วยปราบปรามกลับมองว่าเขากำลังพูดจาเพ้อพก คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้งามพริ้งนุ่มนวลเช่นนี้ หากบอกว่ารู้จักควบอาชาหรือเป็นวิชาหมัดมวยพื้นฐานพวกเขายังพอเชื่อถือบ้าง แต่จะให้เชื่อว่านางจับมือบุรุษฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่แบบนี้สังหารคนเนี่ยนะ? เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังกุมตัวบุรุษผู้นั้นไว้รีบง้างหมัดกระแทกอัดศีรษะเขาไปเต็มแรง “ไอ้สวะคนนี้หัดสำรวมหน่อยสิวะ ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ?!” เขาไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย หมัดเดียวกระแทกอัดเข้าไป ทำบุรุษฉกรรจ์คนนั้นแผดเสียงร้องโอดครวญลั่น ศีรษะปูดขึ้นเป็นก้อนใหญ่ และในตอนนี้เอง ชุนหลินก็นำทางโหวผู้เฒ่าชีเข้ามา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นองครักษ์เสื้อแพร และยังเป็นคนสนิทของไล่เฉิงหลง ดังนั้นแม้ตนเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 613  

    ราวกับผีสางเทวดาบันดาลให้กระทำเช่นนี้ไป เขายกข้อมือของตนเองขึ้น กลับเห็นว่ากริชที่เปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตเล่มนั้นอยู่ในมือของตนเอง และในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุเกิดถึงชีวิตคน ดังนั้นคนในหอสุราจึงไม่กล้านิ่งเฉยไม่สนใจได้อีกต่อไป พวกเขารีบรุดออกไปที่ถนนเพื่อเรียกคนของหน่วยปราบปรามมาทันที คนของหน่วยปราบปรามมาถึง ก็กรูกันขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่รอช้า ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเหล่านั้นล้วนแต่อึ้งงัน มองสหายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น สถานการณ์เมื่อครู่โกลาหลเกินไปจริง ๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากริชเล่มนั้นแทงเข้าที่ท้องของสหายคนนั้นได้อย่างไร ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด นั้นก็คือมือสังหารคือสหายของพวกเขาเอง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าเจือความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น คนกลุ่มนี้มาถึงก็หาเรื่องซุ่นจื่อทันที ทำให้ขาของซุ่นจื่อหัก ปากอ้างว่าของถูกขโมย ทว่าท่าทางกลับดูไม่คล้ายว่าอยากได้ของคืนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางประกาศชื่อแซ่ของตนเองออกไปพวกมันยังค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 612  

    และด้านข้างของเขา มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยักษ์หลายคน แต่ละคนล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวดแววตาเย็นชาใบหน้าเต็มด้วยหนังกร้าวกร้าน มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วย ซุ่นจื่อตะโกนด้วยความร้อนรน “คุณหนูใหญ่รีบเข้าไปด้านในก่อนขอรับ คนพวกนี้เป็นพวกอันธพาลท้องถิ่น กล่าวหาว่าในกลุ่มของพวกข้ามีใครบางคนไปขโมยครั่นคร้ามพวกมัน…” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบซุ่นจื่ออย่างรุนแรง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็คว้าแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมา และเขวี้ยงใส่ชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างไม่รอช้า แจกันบุปผาร่วงหล่นกระแทกพื้น เสียงแตกดังสนั่น เศษกระเบื้องพลันกระจายว่อน ซุ่นจื่อกลิ้งไปด้านข้างด้วยความร้อนรน หลบจากฝ่าเท้าของบุรุษฉกรรจ์คนนั้นได้เฉียดฉิว ชีหยวนขมวดคิ้วพลางมองเสี่ยวเอ้อร์ที่กล้าเพียงแค่ชะโงกศีรษะออกมาจากช่องบันได “ไปแจ้งทางการให้พวกข้าที บอกว่าที่แห่งนี้มีคนเจตนาชั่วช้ากำลังทำร้ายคน จงใจหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ก่อความไม่สงบสร้างความวุ่นวาย!” เสี่ยวเอ้อร์เสียขวัญเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย ครั้นได้ยินชีหยวนพูดจบ คนเหล่านั้นก็หันมองมายังตนเองทันที ไม่

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 611  

    หลังจากเซียวอวิ๋นถิงออกคำสั่งเรียบร้อย ครั้นกลับถึงเมืองหลวงก็รีบจัดการธุระสำคัญต่อทันที จนเข้าตาฮ่องเต้หย่งชาง ต่อมายังถึงขั้นกดข่มอ๋องฉีไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสังหารผู่อู๋ย่งและการกวาดล้างลัทธิปทุมพิสุทธิ์ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หย่งชางพอพระทัยกับหลานชายคนนี้อย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่อ๋องฉีร้องสั่งโจมตีร้องสั่งกำจัดวังบูรพา พวกเขาสามารถให้เซียวอวิ๋นถิงออกหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจของอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้จริง ทว่าบัดนี้ อ๋องฉีล้มลงแล้ว หากเขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้ายได้อีก ทุกคนก็จะมองเห็นเพียงแค่เซียวอวิ๋นถิงคนเดียวแล้ว ซ่งเหลียงตี้จ้องมองบุตรชายนิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “ฝ่าบาทยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะรีบร้อนไปไยกัน?” องค์รัชทายาทเดิมมิโปรดปรานชายารัชทายาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ชอบเซียวอวิ๋นถิงเข้าไปใหญ่ มีเพียงนางผู้เดียวที่ลึก ๆ แล้วเข้าใจอุปนิสัยใจคอของรัชทายาทคนนี้มากที่สุด ภายนอกเขาดูอ่อนแอขี้โรคไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับเป็นคนลึกซึ้งเจ้าเล่ห์ จิตใจคับแคบเป็นที่สุด เมื่อก่อนเขาโกรธแค้นอ๋องฉี และเคียดแค้นเสี่ยวห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 610

    เหตุใดยามกลับมาแรกเริ่มนางจึงคิดแต่จะสร้างกระแสก่อน?นางควรจะคิดหาวิธีอื่นตั้งนานแล้ว“มิใช่หรอก” จวิ้นอ๋องหนานอันมองนาง “องค์พี่ของข้าได้กราบทูลฝ่าบาทว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลชีอาจมิเห็นเขาอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงยังพยายามอยู่ ที่เขาออกจากวังบ่อยครั้ง ก็ขอให้ฝ่าบาทอย่าได้ถือโทษ”เฝิงไฉ่เวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆทว่าภายในอกกลับเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกนางเข้าใจดีว่าเซียวอวิ๋นถิงทำเช่นนี้เพื่ออะไรชอบจึงกล้าทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกรงใจ แต่หากเป็นรักแล้วเล่า กลับต้องรู้จักห้ามใจเขาชอบชีหยวน ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ว่า ชีหยวนยังมิได้ชอบเขาแต่ตนเล่า?นางพยายามถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนางสักครั้งเดียวอยู่ดี ๆ ความสนใจของนางก็เหือดแห้ง “เช่นนั้น จวิ้นอ๋องบอกเรื่องพวกนี้กับข้าน้อย เพื่ออะไรกัน? มันเกี่ยวอะไรกับข้าน้อยด้วยหรือเจ้าคะ?”จวิ้นอ๋องหนานอันหัวเราะอย่างมีนัย “ยาพิษสำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นน้ำผึ้งสำหรับอีกผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้มีเจตนาอันใด เพียงอยากให้คุณหนูเฝิงรู้ไว้ว่า เลือกคนให้ถูกนั้นสำคัญ เลือกทางให้ถูกนั้นยิ่งสำคัญ หากเลือกผิด ก้า

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 609

    เฝิงไฉ่เวยค่อย ๆ หลับตาลงนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่แท้การจะได้ครอบครองหัวใจของใครสักคนหนึ่ง จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นถึงเพียงนี้แต่เหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนี้?ทั้งที่ยามนางอยู่ที่ยูนนาน ไม่ว่าเพียงจะกวักมือเรียกใคร คนผู้นั้นก็แทบจะยอมควักหัวใจถวายให้นางทั้งดวงทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่แม้แต่จะใส่ใจว่านางคิดเช่นไร รอจนหมอหลวงหูมาถึง จัดยาให้กับฮองเฮาเฝิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวว่า “คุณหนูเฝิงบอกว่านางมีวิธีรักษาอาการปวดศีรษะจากลมชั่ว หมอหูลองฟังดูว่าวิธีนี้ใช้ได้หรือไม่”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นกล่าวลากับฮองเฮาเฝิงฮองเฮาเฝิงเม้มริมฝีปาก พลางนวดหว่างคิ้วเบา ๆ แล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้ากลับไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ เราจะให้ไฉ่เวยอยู่อีกสักครู่ แล้วค่อยให้นางกลับ”เซียวอวิ๋นถิงขานรับ แล้วก็ออกจากตำหนักไปทันทีในหูของเฝิงไฉ่เวยดังอื้อ ๆ ไปหมด ทั้งคนเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีบางอย่างกระจ่างขึ้นที่สับสนคือเพราะเหตุใดความพยายามทั้งหมดจึงไร้ผล?แต่นางก็รับรู้ได้อย่างกระจ่าง ว่าเหตุผลที่ไร้ผลนั้น ก็เพราะเซียวอวิ๋นถิงมีท่าทีต่อชีหยวนแตกต่างจากผู้ใดทั้งสิ้นต่อผู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status