Share

บทที่ 19

Author: ฉินอันอัน
ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็น

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้ว

แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนัก

ตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้น

สีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อย

นางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้

แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชา

ทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

แถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีก

ชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีก

นางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนัก

กลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

เมื่อครู่ชีเจิ้นบอกเรื่องที่ชีหยวนเปลี่ยนชื่อไปแล้ว

ชีหยวนลดสายตาลง คารวะด้วยท่าทางที่สบาย ๆ และเป็นธรรมชาติ “น้าสะใภ้รอง น้าสะใภ้สาม”

พวกนางล้วนเป็นคนคุ้นเคยที่เคยเจอเมื่อชาติที่แล้ว จึงย่อมไม่รู้สึกแปลกใหม่อะไร

แต่คนอื่นกลับมองนางแตกต่างออกไป

เดิมมาพร้อมกับความคิดที่จะมาดูเรื่องสนุก คิดว่าบุตรสาวที่ชอบด้วยกฎหมายที่ก่อนหน้านี้เรือนใหญ่ทุ่มเทเลี้ยงดูมากมายขนาดนั้น สุดท้ายแล้วกลับเป็นตัวปลอม

กลับกันบุตรสาวที่แท้จริงเกรงว่าจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างหยาบกระด้างจนรับไม่ได้เสียแล้ว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชีหยวนจะได้รูปร่างหน้าตาที่รับข้อดีของชีเจิ้นกับนางหวังมา แถมกิริยามารยาทก็ดีมากอีกด้วย

ความคิดที่พวกนางจะมาดูเรื่องสนุกก็ลดลงไปบ้าง และมีเพียงรอยยิ้มกับคำชมเล็กน้อยเท่านั้น

ฮูหยินรองมอบของขวัญพบหน้า[footnoteRef:1]ก่อนคนอื่น “ต่อไปล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นอย่างไร ตอนนี้กลับมาบ้านแล้วก็เป็นคนกันเอง หากมีเรื่องอันใด เพียงแค่เอ่ยออกมาเป็นพอ” [1: คือธรรมเนียมการให้ของขวัญเมื่อพบหน้ากันครั้งแรก]

ฮูหยินสามเห็นดังนั้นย่อมไม่ยอมน้อยหน้า ถอดกำไลออกจากข้อมือเช่นกัน “ก่อนหน้านี้รีบร้อน จึงไม่ได้เตรียมอะไรมา กำไลข้อมือนี่ เจ้าเอาไว้ใส่เล่นเถอะนะ”

ชีหยวนไม่ได้รับมาทันที แต่มองไปทางนางหวังเล็กน้อย

นางหวังตกใจ ชีหยวนรู้จักกาละเทศะเช่นนี้ นางกลับยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีก

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณว่าชีหยวนสามารถรับมันมาได้

ชีหยวนรับมาอย่างนอบน้อม เอ่ยขอบคุณและคารวะอย่างหาที่จับผิดมิได้

นางพูดน้อยแถมยังรู้จักกาละเทศะเช่นนี้อีก มันจึงทำให้ฮูหยินรองและฮูหยินสามรู้สึกว่าน่าสนใจเล็กน้อย

เพียงแต่งานเลี้ยงในครั้งนี้ จัดเพื่อปรึกษากันเรื่องของการคืนสู่ตระกูล ด้านฮูหยินใหญ่เรียกพวกนางแล้ว ฮูหยินรองและฮู หยินสามจึงส่งยิ้มไปให้ชีหยวน “เจ้าไปเล่นกับน้องชายน้องสาวของเจ้าที่อยู่ตรงโต๊ะด้านนั้นเถอะ”

ชีหยวนหมุนกายกลับไปแล้ว

ฮูหยินรองจึงมองไปทางนางหวัง “พี่สะใภ้ใหญ่ แสดงความยินดีด้วยจริง ๆ นะเจ้าคะ!”

นางหวังกังวลเรื่องชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่น เลยใจลอยเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดนี้จึงถามขึ้น “แสดงความยินดีอะไรหรือ?”

“แม้เด็กจะพเนจรอยู่ด้านนอก แต่ข้ามองดูนางกลับไม่รู้สึกแตกต่างจากบุตรสาวตระกูลใหญ่ทั่วไปเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

ฮูหยินรองยิ้ม “นี่ยังไม่ควรค่าแก่การแสดงความยินดีอีกหรือเจ้าคะ?”

นางหวังบอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร

ความจริงแล้วนางไม่ค่อยดีใจเท่าใดนัก

เมื่อก่อนระหว่างนางกับลูก ๆ สนิทสนมกันมาก และไม่เคยมีช่องว่างอะไรกันเลย

แต่พอชีหยวนเข้ามา นางก็มักจะรู้สึกว่าความสมดุลถูกทำลายลงแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ชีหยวนไม่ได้ใกล้ชิดกับนางที่เป็นมารดาคนนี้มากนัก และยิ่งไม่สนใจชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นอีกด้วย

ไม่กังวลว่าจะขาดแคลน แต่กังวลว่าจะไม่เท่าเทียม เพราะถึงอย่างไรอาจิ่นก็เติบโตมาด้วยกันกับนาง ในจวนให้ทรัพยากรและการศึกษาที่ดีที่สุดแก่อาจิ่น และทำให้นางกลายเป็นไข่มุกของเมืองหลวง

อนาคตของอาจิ่นนับจากนี้จะต้องไร้ขีดจำกัด

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ชีหยวนจะต้องด้อยกว่ามากอย่างแน่นอน

เด็กคนนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น จิตใจก็คับแคบอีก ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีความโกรธแค้นหรือไม่

ขณะที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น นางก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับน้องชายทั้งสอง “น้องรอง น้องสาม พวกเจ้ากลับไปก็ร่างรายชื่อแขกของตระกูลภรรยาพวกเจ้าเสียหน่อย พอถึงเวลาข้าจะได้เชิญมาพร้อมกัน”

ข้อกำหนดนี้ ดูเหมือนจะเป็นข้อกำหนดในการยอมรับบุตรสาวอย่างเป็นทางการแล้ว

ชีซงกับชีป่ายมองหน้ากัน

น้องรองชีซงถามก่อน “พี่ใหญ่ เช่นนั้นอาจิ่น...”

คนในครอบครัวเดียวกัน ก็ควรต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยกระมัง?

ชีเจิ้นเอ่ยด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “ก็บอกไปว่าปีนั้นให้กำเนิดพี่น้องฝาแฝด เพียงแต่พี่สาวหายตัวไป”

ชีป่ายพยักหน้าเล็กน้อย “แล้วบิดามารดาของอาจิ่นที่อยู่ทางนั้น...”

“เสียชีวิตแล้ว” ชีเจิ้นสีหน้าเย็นชา “เรื่องนี้ก็ไม่ต้องเอ่ยขึ้นมาอีก”

ชีป่ายกับชีซงทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันอีกครั้ง

ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็สีหน้าเปลี่ยนไปทั้งคู่

พวกเขายังคิดว่าชีเจิ้นฆ่าคนปิดปาก เพื่อเก็บชีหยวนไว้ในตระกูล

ชีเจิ้นไม่ได้สังเกตท่าทางของพวกเขา เพียงแค่มอบหมายกับชีซง “น้องรอง เจ้าแวะไปเมืองเป่าติ้ง และบอกท่านพ่อกับท่านแม่เสียหน่อย จากนั้นก็เชิญพวกเขากลับมาด้วย”

ท่านโหวผู้เฒ่าพาฮูหยินผู้เฒ่าไปบ้านนอกเพื่อรักษาอาการป่วยเมื่อไม่นานมานี้

เรื่องสำคัญอย่างคนในครอบครัวพาบุตรสาวคนโตที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกกลับมา แน่นอนว่าจะต้องเชิญพวกเขากลับมาด้วย

ชีซงส่งเสียงอ้อครั้งหนึ่ง “คืนสู่ตระกูลไวเช่นนี้ ไม่สั่งสอนเรื่องมารยาทก่อนหรือ? เมื่อถึงเวลาแขกมารวมตัวกัน แค่กลัวว่านางจะรับมือไม่ไหวเอานะขอรับ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ชีเจิ้นก็สั่งนางหวังอีกครั้ง “เจ้าให้เหล่าอาจารย์เขียนบัตรเชิญเพิ่มอีกหนึ่งใบ ข้าจะส่งไปให้จิ้นอ๋องด้วยตนเอง”

เซียวอวิ๋นถิง?

นางหวังไม่แน่ใจเล็กน้อย “ท่านโหว จิ้นอ๋องจะมาหรือเจ้าคะ?”

“ไม่ว่าจะมาได้หรือไม่ ในเมื่อเขาทราบเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องส่งบัตรเชิญไป”

พอเอ่ยถึงจิ้นอ๋อง พี่น้องทั้งหลายก็มีหัวข้อที่พูดคุยกันไม่รู้จบแล้ว

ชีป่ายเริ่มเอ่ยปากก่อน “ท่านอ๋องได้รับคำสั่งให้กำกับดูแลการกวาดล้างเรื่องทุจริตขนส่งข้าว ช่วงนี้ก็สังหารคนไปไม่น้อย ท่านอ๋องผู้นี้ ตอนนี้ถือว่าใครเห็นต่างก็เกรงกลัวกันจริง ๆ ขอรับ”

คดีทุจริตการขนส่งข้าว เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่จำนวนมากในเมืองเจียงหนาน

ทุกคนต่างคิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจัดการกับเรื่องนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน

รัชทายาทอ่อนแอ สามารถสวรรคตได้ทุกเมื่อ เหล่าขุนนางและอ๋องคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องเขาตาเป็นมัน

เซียวอวิ๋นถิงจะมีอะไรได้? เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น

จะเอาชนะผู้อาสุโสที่มีประสบการณ์โชกโชนเหล่านั้นได้อย่างไร?

แต่ใครจะรู้ ทันทีที่เซียวอวิ๋นถิงไปถึงเมืองเจียงหนาน ก็จับกุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้จำนวนมาก และประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูงถึงเจ็ดสิบคนติดต่อกันอย่างไม่เกรงกลัว

ระหว่างที่ข่าวถูกส่งกลับมายังราชสำนัก ก็ได้สร้างความตกตะลึงทั้งในราชสำนักและในหมู่ราษฎรแล้ว

ชีเจิ้นส่งเสียงจิ๊ครั้งหนึ่ง “ใครเห็นก็ต้องกลัวหรือ? แล้วอย่างไรเล่า? ครั้งนี้เขาทำผลงานใหญ่ได้ และเขาจะต้องได้รับความนิยมอย่างมากทันทีที่กลับมาถึง!”

ชีหยวนยืนฟังที่โต๊ะด้านข้างอยู่เงียบ ๆ

พวกลูกพี่ลูกน้องล้วนไม่สนิทกับนาง และนางก็ไม่คิดจะสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาด้วย

เพียงแค่แอบคิดขึ้นมาก็เท่านั้น ว่าหลังคดีขนส่งข้าวเสร็จสิ้น องค์รัชทายาทก็คงสวรรคตแล้ว

ทันทีที่องค์รัชทายาทสวรรคต บรรดาลุงพวกนั้นของเขาก็คงกรูกันเข้ามา ใช้สารพัดวิธีของตนเอง และไม่นานเขาก็ถูกเบียดจนไม่มีที่ยืน

ดังนั้นภายหลังเซียวอวิ๋นถิงถึงได้ฝึกฝนหน่วยกล้าตายจำนวนมาก เพื่อเสริมสร้างอำนาจของตนเองมากมายขนาดนั้น

ต่อมาชีจิ่นได้แต่งงานกับฉีอ๋อง นั่นก็คือองค์รัชทายาทและฮ่องเต้ในอนาคต

หากอยากจะขัดขวางเส้นทางปีนบันใดสู่สวรรค์ของชีจิ่น นางก็ควรต้องคิดหาวิธีร่วมมือกับเซียวอวิ๋นถิงอีกครั้งหรือไม่นะ?

เพราะถึงอย่างไร ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร มิใช่หรือ?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 805

    ชีหยวนรับรู้ได้นางขมวดคิ้ว ถอนมือกลับมา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย มิใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกไม่กี่วันก็คงหายเอง”แท้จริงนางคิดเช่นนี้เอง ไม่ว่าบาดแผลจะหนักหนาเพียงใด นางกลับเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกไม่กี่วันก็คงหายไล่เฉิงหลงพลันโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทว่าเขาย่อมรู้ดีว่าโทสะนี้หาใช่มีเหตุผลอันใดไม่คุณหนูใหญ่ชีเป็นอะไรกับเขากัน?หากจะนับให้ชัด ก็เพียงสหายร่วมงาน เป็นผู้มีพระคุณแต่ทว่า หัวใจเขากลับมิยอมเชื่อฟังคำสั่งตนเองตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่เขาเริ่มมีใจต่อคุณหนูใหญ่ชี?ไล่เฉิงหลงครุ่นคิดเนิ่นนาน แต่ก็หานึกไม่ออกว่าคือเวลาใดแน่ชัดทว่า มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่เขาจำได้อย่างชัดแจ้งคืนที่ชีหยวนออกไปสังหารองค์หญิงเป่าหรงทั้ง ๆ ที่เขาสะสางเรื่องของชินอ๋องหวยเหลียงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังเจตนาอ้อมไปยังหน้าผา ทอดมองผนังภูเขาสูงชัน และไม้เลื้อยกับต้นเถาวัลย์เหล่านั้น แล้วก็ยืนเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานชั่วขณะนั้น ทั้งที่เขามองไม่เห็นแม้เพียงเงาร่างของชีหยวน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีหยวนปีนขึ้นไปแล้วหรือไม่แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเพียงยืนรออยู่เบื้องล่าง คอยรออยู่ชั่วขณะ ก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 804

    สวี่เฟิ่งเชี่ยวอยู่ด้านล่างโกรธจนกระทืบเท้า จะไล่ตามไปโดยสัญชาตญาณทว่าพอเพิ่งจะลงมาถึงข้างล่าง ชีหยวนก็หันกายกลับพลันพุ่งตัวโถมลงมาอย่างแรง กดทับสวี่เฟิ่งเชี่ยวล้มกระแทกลงกับพื้น ตัวนางกดร่างของสวี่เฟิ่งเชี่ยวไว้แน่นหนาสวี่เฟิ่งเชี่ยวถึงกับตะลึงงันไป เผลอหลุดคำด่าออกมา “เจ้าคนชั่ว! เจ้าคนหลอกลวง! เจ้านี่เหมือนที่ท่านอ๋องกล่าวไว้ไม่มีผิด ปากไม่เคยพูดความจริงเลยสักคำ!”ครั้งนี้ชีหยวนไม่ตอบโต้สักคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลงฟาดฝ่ามือลงไปฉาดใหญ่ทันที จนหูของสวี่เฟิ่งเชี่ยวอื้ออึงขึ้นมาในบัดดลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชีหยวนฟาดฝ่ามือที่สองลงไปอีกจากนั้น ไม่รอให้สวี่เฟิ่งเชี่ยวได้ตั้งตัวเปล่งเสียงด่าออกมา ก็ตามติดด้วยฉาดที่สาม และต่อด้วยฉาดที่สี่……ตบไม่หยุดจนสองแก้มของสวี่เฟิ่งเชี่ยวบวมพองประหนึ่งหัวหมู พูดเป็นประโยคเต็ม ๆ สักคำก็มิอาจเปล่งออกมาได้ชีหยวนจึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าชิงชังผู้อื่นมาตบหน้าข้าเป็นที่สุด”ครั้งหนึ่งในอดีต ตอนที่นางอยู่ในค่ายฝึกหน่วยกล้าตาย รุ่นพี่ที่สอนนางในตอนนั้น มักจะชอบตบหน้าผู้อื่นทำท่าท่าไม่คล่องแคล่ว ปฏิบัติภารกิจพลาด ก็ต้องถูกตบหน้าตอนนั้นนางไม่เคยแม้แต่จะคิด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 803

    แส้ของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลม ครั้นเมื่อชีหยวนเอื้อมมือคว้าจับ ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงพุ่งแล่นเข้ามาโดยปกติแล้ว นางเป็นผู้ที่มีอดทนต่อความเจ็บปวดได้เป็นพิเศษ ทว่าครั้งนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังเกือบกลั้นไม่อยู่เฉียดจะอุทานร้องออกมาทว่านางก็ยังกัดฟันข่มทนไว้ได้ ผลักสวี่เฟิ่งเชี่ยวกระแทกเข้ากับผนังเขาอย่างแรงชีฉางถิงก็พลันคลานออกไปได้สำเร็จในที่สุดชีหยวนจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ยังไม่ทันจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ สวี่เฟิ่งเชี่ยวก็หัวเราะเย็นอย่างเหี้ยมเกรียมใส่ชีหยวน “คำร่ำลือในยุทธภพ ต่างพูดกันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชี เป็นผู้ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ว่าต่อผู้ใดก็เย็นชาเฉยเมยไปเสียหมด บัดนี้ดูไปแล้ว คำร่ำลือนั้นก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมดนะ?”นางพลิกมือกลับบิดข้อศอกของชีหยวน พลันออกแรง ผลักกลับอย่างฉับพลัน พลันทำให้ชีหยวนถูกกดเข้ากับผนังหน้าผาแทน จ้องมองเลือดในฝ่ามือของชีหยวนแล้วหรี่ตาลง “จุ๊ ๆ ๆ เพียงเพื่อน้องชาย เจ้ากลับยอมสละได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านอ๋องถึงเอ่ยว่าเจ้านั้นไร้หัวใจไร้ธรรมเล่า?”“ท่านอ๋อง?”ชีหยวนแค่นหัวเราะออกมา “ใช่แล้วสิ เหตุใดท่านอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 802

    ความสามารถทั้งปวงของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้น ล้วนเรียนติดมาจากสวี่ไห่และตงอิ๋งเรียกได้ว่า นางเติบโตขึ้นท่ามกลางกองซากศพตั้งแต่เยาว์วัยด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้ให้เกียรติแก่ชีวิตใด ๆ เลย มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงช่างเป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาจริงๆชีหยวนเคยปะทะกับนางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นองค์หญิงเป่าหรงถูกกักขังแล้ว สวี่เฟิ่งเชี่ยวกับองค์หญิงเป่าหรงสนิทชิดใกล้ นางจึงมาหาเรื่องชีหยวนเพื่อองค์หญิงเป่าหรงนางกดบ่าของชีหยวน แล้วผลักนางลงมาจากหอคอยสูงเจ็ดชั้นโชคดีที่ชีหยวนตอบสนองรวดเร็ว ยึดกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณที่ข้าง ๆ ได้ทัน จึงพอชะลอแรงตกลงมาได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงสิ้นไปแล้วหากว่ากันตามจริง ความสามารถของสวี่เฟิ่งเชี่ยวหาได้ด้อยกว่านางไม่เลยแต่ชีหยวนกลับมิได้กังวล เพียงเอ่ยอุทานเอะใจ “เหตุใดฮองเฮาแห่งท้องทะเลเช่นเจ้า ถึงได้มาที่เมืองหลวงได้ แล้วยังปลอมปนเข้ามาเป็นสตรีในตระกูลเฝิง กลายเป็นคุณหนูเฝิงไปเสียได้?”สายตาที่สวี่เฟิ่งเชี่ยวมองชีหยวนนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกก็ผิดแปลกไปแล้วสตรีผู้นี้กลับรู้จักตนและดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนอย่างถ่องแท้นางวางมือไว้ตรงเอวราวไม่ใส่ใจ พลา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 801

    ชีฉางถิงถึงกับตะลึงงันเขามั่นใจคิดไปเองว่า วันนี้เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ออกมาดูตัว ออกมาพบหญิงสาวที่อาจเป็นภรรยาในอนาคตของตนแต่ไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ต้อนรับเขา กลับไม่ใช่ท่าทีความอ่อนโยนหรือความเอียงอายของหญิงสาว หากแต่เป็นคมดาบอันวาววับเย็นเยียบเขาอย่างไรเสียก็เป็นคนเกิดในตระกูลแม่ทัพ ขณะที่ตนเองแม้ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อเตรียมสอบบัณฑิต แต่ทักษะการฝึกกายให้แข็งแรงก็ยังได้ฝึกมาอยู่บ้าง ทันใดนั้นจึงง้างขาเตะออกไปเต็มแรงช่องทางแคบเพียงเส้นเดียวนี้ เกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ถนัดจริง ๆชีฉางถิงถอยร่นไม่หยุด เท้ายกเตะถีบต่อเนื่องไม่ขาด เฝิงไฉ่อินตัวปลอมกลับไม่อาจลงมือได้ในทันใด จึงโกรธเกรี้ยวตวาดว่า “เจ้าหาเรื่องตายงั้นหรือ!”เอ่ยพลางควักเอาลูกดอกจากเอว กระโจนขว้างไปยังชีฉางถิงอย่างแรงที่ตรงนั้นคับแคบยิ่งนัก ชีฉางถิงไม่มีทางหลบพ้น ลูกดอกปักเข้าที่บ่าของเขาเต็ม ๆ เจ็บจนร้องลั่นออกมาเสียงหนึ่ง ล้มตัวลงนั่งกองกับพื้น“เตะสิ ทำไมไม่เตะต่อเล่า?” ‘เฝิงไฉ่อิน’ สีหน้าเย็นเยียบ เอียงศีรษะย่อตัวลง คว้าจับปกเสื้อชีฉางถิง แล้วชกหมัดหนึ่งเข้าที่จมูกของชีฉางถิงชีฉางถิงเลือดกำเดาทะลักออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 800

    จะมีหนทางใดในการล้างแค้นตระกูลชีเล่า ทำให้การแต่งงานครั้งนี้ล้มไม่เป็นท่าหรือ?ชีหยวนคือนักฆ่า ดังนั้นนางจึงพิจารณาปัญหาจากมุมของนักฆ่า แล้วก็พลันเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เร่งฝีเท้าไปยังหลังเขาเฝิงอวี้จางก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับนายท่านรองชีเขาเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ใครจะคิดเล่า ว่าตระกูลเราจะได้มาดองกันเช่นนี้? นี่ช่างเป็นวาสนาแท้ ๆ!”แต่นายท่านรองชีกลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่ลึก ๆ เพราะยังมิได้ตกลงกันแท้จริง จะกล้าพูดว่าเป็นดองแล้วได้อย่างไร?เขาส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “สุดท้ายก็ยังต้องดูว่าเด็ก ๆ จะชอบพอกันหรือไม่ เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต หาใช่เรื่องจะสะเพร่าได้”เวลานี้คนตระกูลชีกล่าวว่าอย่างไรก็ย่อมเป็นไปตามนั้นเฝิงอวี้จางย่อมไม่โต้เถียง เพียงยิ้มรับคำ แต่ในใจกลับวางใจลงไปมากต่างกับไฉ่เวย ไฉ่อินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่ไม่เหมือนใครจริง ๆนางชอบอ่านตำรา และยังชอบทำความดีช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่เล็ก ๆ เห็นน้องชายหรือน้องสาวถูกรังแก ก็มักออกหน้าปกป้องพวกเขาเสมอเด็กสาวเช่นนี้ เขามั่นใจว่าชีฉางถิงต้องชอบเป็นแน่ขณะนั้นเอง ชีฉางถิงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะวางมือไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status