Share

บทที่ 17

Penulis: ฉินอันอัน
ภายในห้องเงียบลง และทุกคนต่างก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงศีรษะของตนเอง

จู่ ๆ ชีหยวนก็รู้สึกว่าน่าตลกดี นางจึงถามเสียงเบา “ท่านแม่ แค่นี้น้องรองก็หวาดกลัวแล้วหรือเจ้าคะ?”

นางหวังตะลึงงันเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

คงเป็นเพราะว่าช่างน่าตลกเหลือเกิน ชีหยวนจึงทนไม่ไหวและขำออกมา

นางเงยหน้ามองนางหวังช้า ๆ “น้องรองเพียงแค่ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หวาดกลัวจนต้องร้องไห้ แต่ข้า ในคืนนั้นได้เห็นการตายของคนขายเนื้อสวี่ด้วยตาตนเอง แถมยังถูกแม่บุญธรรมคุกคามอีก ท่านแม่ ท่านคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าเคยใช้ชีวิตแบบใดมาเจ้าคะ?”

นางหวังถูกถามเสียแล้ว

ความจริงวันที่แม่นมจางกลับมา ก็เล่าเรื่องพ่อแม่บุญธรรมของชีหยวนให้ฟังแล้ว

แต่ตอนนั้น สิ่งที่นางหวังตกใจยิ่งกว่าคือแม่นมฮวาเสียชีวิตแล้ว แถมชีหยวนยังต้องการไปฟ้องร้องที่ศาลอีก

กลับลืมเรื่องนี้ไปเลย

ต่อมาถึงจะนึกออก แต่สิ่งที่คิดมากยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีหยวนอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ เกรงว่าอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมแบบใดก็จะเป็นแบบนั้น นิสัยก็อาจจะไม่ได้ดีมากนัก

ส่วนชีหยวนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ข้างกายสามีภรรยาคู่นั้น

นางไม่เคยคิดถึงเลยจริง ๆ

เวลานี้ชีหยวนเอ่ยขึ้นมาอย่างง่ายดายขนาดนี้ นางถึงกับพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

ขณะเดียวกันความรู้สึกผิดก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ก็จริง แค่อาจิ่นได้ยินก็หวาดกลัวจนเป็นแบบนี้แล้ว เช่นนั้นชีหยวน...

นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “อาหยวน ข้าไม่รู้...”

ใช่สิ ไม่รู้

และก็ไม่มีใครอยากจะรู้ด้วย

หากนางไม่ฆ่าแม่นมฮวา และฟ้องศาลจนดึงดูดความสนใจจากเสนาบดีหลู แม้แต่ประตูของตระกูลนี้นางคงไม่มีคุณสมบัติจะก้าวเข้ามาได้ด้วยซ้ำ

ความจริงชีหยวนไม่รู้สึกเสียใจเลย อาจเป็นเพราะชาติก่อนถูกทำร้ายมาหลายครั้งเกินไป จนชินชาไปตั้งนานแล้ว

ในเวลานี้ ชีจิ่นรีบลุกขึ้นมาจากเตียงยาวของนางหวังอย่างลุกลี้ลุกลน ร้องไห้พลางจับมือของชีหยวน และคุกเข่ากับพื้น “พี่หญิง ท่านอย่าโทษท่านแม่เลย ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะ!”

นางร้องไห้เสียงต่ำ ราวกับน้อยใจจนถึงขีดสุดแล้ว “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง เป็นข้าที่เอ่ยเรื่องนี้และทำให้ท่านเสียใจ พี่หญิงไม่ควรใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแบบนั้น ความทุกข์ของพี่หญิงล้วนรับแทนข้า”

เดิมทีความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เพิ่งเกิดขึ้นของนางหวัง พลันมลายหายไปจนหมดสิ้นในทันที

นางลุกขึ้นยืน และออกคำสั่งด้วยเสียงที่เคร่งขรึมทั้งซ้ายขวา “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูรองให้ลุกขึ้นอีก!”

จากนั้นก็มองชีหยวนอย่างเย็นชา และกำลังจะตำหนิ

ทันใดนั้นผ้าม่านกลับถูกเปิดออก ชีอวิ๋นถิงถือกล่องเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นชีจิ่นคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชีหยวน ก็สาวเท้าเข้ามาทันที

เขาหิ้วชีจิ่นให้ลุกขึ้นยืนด้วยมือข้างเดียว และดึงมาไว้ด้านหลังของตนเอง พลางมองชีหยวนอย่างดุร้าย “เจ้าต้องการจะทำอะไร?! เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงตาเจ้ามาสั่งสอนอาจิ่นในจวนนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”

นิ้วมือของเขาแทบจะจิ้มไปบนใบหน้าของชีหยวนอยู่แล้ว

ชีจิ่นด้านหนึ่งยิ้มหยันในใจ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ดึงแขนเสื้อของชีอวิ๋นถิงอย่างน่าสงสาร “ท่านพี่ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำให้พี่หญิงเสียใจเพราะข้าเลย...”

ชีหยวนรู้สึกเอือมระอาอย่างมากในใจ

ชีอวิ๋นถิงกลับโกรธมากจนเป็นบ้า คว้ามือของชีหยวนไว้แน่น และถึงกับเงื้อมฝ่ามือขึ้นมา คิดอยากจะตบนาง

เมื่อเห็นชีอวิ๋นถิงยกมือ นางหวังก็ตกใจ และรีบห้าม “อวิ๋นถิง!”

ชีอวิ๋นถิงฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก หากฝ่ามือนี้ตบลงไป นั่นคงไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่นแล้ว ไม่แน่ว่าหูของชีหยวนอาจจะหนวกเลยก็ได้

แม้นางหวังจะไม่ค่อยชอบบุตรสาวที่นิสัยเย็นชาคนนี้ แต่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาขึ้นมา

ชีจิ่นดูเหมือนอยากจะไปดึงเอาไว้ แต่กลับไม่ได้ลงมือเลย

มาไม้นี้อีกแล้ว ชีหยวนหลบไปด้านข้างด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ขณะเดียวกันก็ดึงแขนของชีอวิ๋นถิงไว้ด้วยมือข้างเดียว และผลักไปด้านหน้าอย่างแรง

ชีอวิ๋นถิงสูญเสียการทรงัว และพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างแรง กระแทกฉากกั้นจนล้มลงไปเสียงดังปัง จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นไปพร้อมกับฉากกั้น

นางหวังชื่นชอบความหรูหรา ฉากกั้นที่ตั้งอยู่ภายในห้องนางยังคงเป็นสินเดิมของนางด้วย ฐานทำจากไม้จื่อถานที่หายาก แกะสลักเป็นลวดลายแปดเซียนข้ามทะเล และฝังด้วยกระจกบานใหญ่

เวลานี้ฉากกั้นล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง และแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ ชีอวิ๋นถิงที่ล้มลงกับพื้นพร้อมฉากกั้นก็โดนเศษกระจกที่กระเด็นบาดจนเป็นแผลเล็ก ๆ หลายจุดทั้งบนใบหน้าและบนมือ

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันหมด

ด้วยทักษะของชีอวิ๋นถิง พวกนางต่างก็คิดว่าชีหยวนคงจะต้องเจอความลำบากไม่น้อย

ใครจะรู้ว่าคุณชายใหญ่ไม่ได้ทำร้ายใคร ตรงกับข้ามกลับทำตนเองล้มลงไปอย่างน่าอนาจเช่นนี้เสียเอง

ชีจิ่นตะโกนร้องเสียงแหลมยิ่งขึ้น “ท่านพี่เจ้าคะ!”

นี่จึงทำให้เหล่าคนใช้ได้สติกลับมา และพยุงชีอวิ๋นถิงให้ลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน

นางหวังสาวเท้าไปไม่กี่ก้าวก็ถึงข้างกายชีอวิ๋นถิงแล้ว นางสำรวจตั้งแต่บนลงล่าง ก็สงสารจนทนไม่ไหว “รีบไปตามหมอหลวงเข้ามาเร็วเข้า!”

บนมือของชีอวิ๋นถิงมีเศษกระจกที่ยังไม่ได้ถูกดึงออกมาด้วย

เวลานี้บนใบหน้าและลำคอของเขาล้วนเต็มไปด้วยรอยเลือด ดูน่ากลัวยิ่งนัก

นางหวังตกใจจนอกสั่นขวัญหายไปหมด

ชีจิ่นยิ่งทนไม่ไหวจนร้องให้ออกมา “พี่หญิง ทำไมท่านถึงปล่อยให้ท่านพี่ล้มลงไปได้เล่าเจ้าคะ?”

ในห้องวุ่นวายเหมือนอยู่ในสงคราม จนแม้แต่ตอนที่ชีเจิ้นเข้ามาก็ยังตกใจ

เขาเหลือบมองชีจิ่นที่ร้องไห้อย่างร้อนรน แถมยังมีชีอวิ๋นถิงที่กลายเป็นมนุษย์เลือดไปเสียแล้วอีก

จากนั้นค่อยมองไปชีหยวนที่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองและยืนอยู่ด้านข้าง

ทันใดนั้นก็ปวดศีรษะจนขมวดคิ้ว “นี่โวยวายอะไรกันหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ชีจิ่นพุ่งเข้าใส่ชีเจิ้น “ท่านพ่อ! พี่หญิงทะเลาะกับพี่ใหญ่ และทำร้ายจนพี่ใหญ่ได้รับบาดเจ็บหนักเจ้าค่ะ!”

มีเศษกระจกอยู่เต็มพื้น ชีเจิ้นรีบรับนางไว้ และหันไปมองทางชีหยวน

ชีหยวนรู้สึกถึงสายตาของชีเจิ้น ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ “น้องรอง เหตุใดเจ้าถึงโกหกตาใสเช่นนี้เล่า?”

นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ได้หาเรื่องเขา แต่เขากลับคิดจะตบข้า ข้าไม่อยากโดนตบจึงหลบก็แค่นั้นเอง เหตุใดปากของเจ้าถึงพูดเหมือนกับว่า ผู้หญิงบอบบางอ่อนแอไร้เรียวแรงอย่างข้าคนนี้เป็นคนทำร้ายเขาอย่างนั้นเล่า?”

น้ำเสียงของนางไม่ค่อยดีนัก และเอ่ยเสียงขรึม “ข้าแค่เพิ่งกลับมาบ้าน ต่อให้พวกเจ้าไม่ชอบข้า ก็ไม่ควรใส่ร้ายข้าแบบนี้กระมัง?”

ชีจิ่นตกใจจริง ๆ นางคิดไม่ถึงเลยว่าชีหยวนจะเป็นคนที่ยากจะรับมือแบบนี้!

ชีเจิ้นกลับรู้นิสัยของบุตรชายตนเองดี

เดิมทีเขาก็ไม่ชอบชีหยวน แถมยังเป็นคนอารมณ์ร้อนอีก เมื่อครู่นี้คงตั้งใจที่จะหาเรื่องชีหยวนอย่างแน่นอน

แต่ชีหยวนหลบหลีกได้ จึงไม่อาจพูดได้ว่าเป็นความผิดของชีหยวน

คงไม่อาจยืนอยู่ที่เดิมรอให้ถูกตีหรอกกระมัง?

เขาสีหน้าถมึงทึงและตำหนิชีอวิ๋นถิง “คำพูดของข้า เจ้าไม่เก็บมาใส่ใจสักนิดเลยใช่หรือไม่?!”

นางหวังเหลือบมองชีหยวนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน และส่งสัญญาณให้ชีหยวนเอ่ยออกมาเพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์

ทั้งครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งจนคล้ายกับเป็นศัตรูกันเช่นนี้ ใช้ได้เสียที่ไหน?

ชีหยวนแค่ทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น

นางไม่ได้โง่เขลาขนาดที่จะไปเอาอกเอาใจคนที่ไม่สนใจตนเอง

ชีอวิ๋นถิงน้อยใจจนอยากจะตาย “ท่านพ่อ นางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงที่ใดกัน? ตอนที่นางดึงข้า แรงเยอะมากเลยนะขอรับ!”

เขาถูกชีหยวนดึงจนล้มลงไปต่างหากเล่า!

“หุบปาก!” ชีเจิ้นอึดอัดใจ “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
สะใจ แรงมาก็แรงไปจ้า
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 614

    ส่วนจะเป็นใคร อีกไม่นานก็ได้รู้กันแล้ว ชีหยวนปรายสายตาเย็นชามองบุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นซึ่งถูกยึดกริชไปแล้ว และบัดนี้กำลังจ้องมองตนเองอย่างตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มอย่างเย้ยหยันใส่เขาไปที บุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นเพิ่งรู้สึกตัว และหวนกลับมาได้สติในที่สุด “ท่านใต้เท้า นางโกหก! นางชั้นต่ำคนนี้โกหก นางจับมือข้าสังหารคน นางเป็นคนจับมือข้าสังหารคนขอรับ!” ทว่าคนของหน่วยปราบปรามกลับมองว่าเขากำลังพูดจาเพ้อพก คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้งามพริ้งนุ่มนวลเช่นนี้ หากบอกว่ารู้จักควบอาชาหรือเป็นวิชาหมัดมวยพื้นฐานพวกเขายังพอเชื่อถือบ้าง แต่จะให้เชื่อว่านางจับมือบุรุษฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่แบบนี้สังหารคนเนี่ยนะ? เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังกุมตัวบุรุษผู้นั้นไว้รีบง้างหมัดกระแทกอัดศีรษะเขาไปเต็มแรง “ไอ้สวะคนนี้หัดสำรวมหน่อยสิวะ ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ?!” เขาไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย หมัดเดียวกระแทกอัดเข้าไป ทำบุรุษฉกรรจ์คนนั้นแผดเสียงร้องโอดครวญลั่น ศีรษะปูดขึ้นเป็นก้อนใหญ่ และในตอนนี้เอง ชุนหลินก็นำทางโหวผู้เฒ่าชีเข้ามา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นองครักษ์เสื้อแพร และยังเป็นคนสนิทของไล่เฉิงหลง ดังนั้นแม้ตนเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 613  

    ราวกับผีสางเทวดาบันดาลให้กระทำเช่นนี้ไป เขายกข้อมือของตนเองขึ้น กลับเห็นว่ากริชที่เปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตเล่มนั้นอยู่ในมือของตนเอง และในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุเกิดถึงชีวิตคน ดังนั้นคนในหอสุราจึงไม่กล้านิ่งเฉยไม่สนใจได้อีกต่อไป พวกเขารีบรุดออกไปที่ถนนเพื่อเรียกคนของหน่วยปราบปรามมาทันที คนของหน่วยปราบปรามมาถึง ก็กรูกันขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่รอช้า ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเหล่านั้นล้วนแต่อึ้งงัน มองสหายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น สถานการณ์เมื่อครู่โกลาหลเกินไปจริง ๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากริชเล่มนั้นแทงเข้าที่ท้องของสหายคนนั้นได้อย่างไร ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด นั้นก็คือมือสังหารคือสหายของพวกเขาเอง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าเจือความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น คนกลุ่มนี้มาถึงก็หาเรื่องซุ่นจื่อทันที ทำให้ขาของซุ่นจื่อหัก ปากอ้างว่าของถูกขโมย ทว่าท่าทางกลับดูไม่คล้ายว่าอยากได้ของคืนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางประกาศชื่อแซ่ของตนเองออกไปพวกมันยังค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 612  

    และด้านข้างของเขา มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยักษ์หลายคน แต่ละคนล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวดแววตาเย็นชาใบหน้าเต็มด้วยหนังกร้าวกร้าน มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วย ซุ่นจื่อตะโกนด้วยความร้อนรน “คุณหนูใหญ่รีบเข้าไปด้านในก่อนขอรับ คนพวกนี้เป็นพวกอันธพาลท้องถิ่น กล่าวหาว่าในกลุ่มของพวกข้ามีใครบางคนไปขโมยครั่นคร้ามพวกมัน…” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบซุ่นจื่ออย่างรุนแรง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็คว้าแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมา และเขวี้ยงใส่ชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างไม่รอช้า แจกันบุปผาร่วงหล่นกระแทกพื้น เสียงแตกดังสนั่น เศษกระเบื้องพลันกระจายว่อน ซุ่นจื่อกลิ้งไปด้านข้างด้วยความร้อนรน หลบจากฝ่าเท้าของบุรุษฉกรรจ์คนนั้นได้เฉียดฉิว ชีหยวนขมวดคิ้วพลางมองเสี่ยวเอ้อร์ที่กล้าเพียงแค่ชะโงกศีรษะออกมาจากช่องบันได “ไปแจ้งทางการให้พวกข้าที บอกว่าที่แห่งนี้มีคนเจตนาชั่วช้ากำลังทำร้ายคน จงใจหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ก่อความไม่สงบสร้างความวุ่นวาย!” เสี่ยวเอ้อร์เสียขวัญเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย ครั้นได้ยินชีหยวนพูดจบ คนเหล่านั้นก็หันมองมายังตนเองทันที ไม่

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 611  

    หลังจากเซียวอวิ๋นถิงออกคำสั่งเรียบร้อย ครั้นกลับถึงเมืองหลวงก็รีบจัดการธุระสำคัญต่อทันที จนเข้าตาฮ่องเต้หย่งชาง ต่อมายังถึงขั้นกดข่มอ๋องฉีไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสังหารผู่อู๋ย่งและการกวาดล้างลัทธิปทุมพิสุทธิ์ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หย่งชางพอพระทัยกับหลานชายคนนี้อย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่อ๋องฉีร้องสั่งโจมตีร้องสั่งกำจัดวังบูรพา พวกเขาสามารถให้เซียวอวิ๋นถิงออกหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจของอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้จริง ทว่าบัดนี้ อ๋องฉีล้มลงแล้ว หากเขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้ายได้อีก ทุกคนก็จะมองเห็นเพียงแค่เซียวอวิ๋นถิงคนเดียวแล้ว ซ่งเหลียงตี้จ้องมองบุตรชายนิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “ฝ่าบาทยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะรีบร้อนไปไยกัน?” องค์รัชทายาทเดิมมิโปรดปรานชายารัชทายาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ชอบเซียวอวิ๋นถิงเข้าไปใหญ่ มีเพียงนางผู้เดียวที่ลึก ๆ แล้วเข้าใจอุปนิสัยใจคอของรัชทายาทคนนี้มากที่สุด ภายนอกเขาดูอ่อนแอขี้โรคไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับเป็นคนลึกซึ้งเจ้าเล่ห์ จิตใจคับแคบเป็นที่สุด เมื่อก่อนเขาโกรธแค้นอ๋องฉี และเคียดแค้นเสี่ยวห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 610

    เหตุใดยามกลับมาแรกเริ่มนางจึงคิดแต่จะสร้างกระแสก่อน?นางควรจะคิดหาวิธีอื่นตั้งนานแล้ว“มิใช่หรอก” จวิ้นอ๋องหนานอันมองนาง “องค์พี่ของข้าได้กราบทูลฝ่าบาทว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลชีอาจมิเห็นเขาอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงยังพยายามอยู่ ที่เขาออกจากวังบ่อยครั้ง ก็ขอให้ฝ่าบาทอย่าได้ถือโทษ”เฝิงไฉ่เวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆทว่าภายในอกกลับเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกนางเข้าใจดีว่าเซียวอวิ๋นถิงทำเช่นนี้เพื่ออะไรชอบจึงกล้าทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกรงใจ แต่หากเป็นรักแล้วเล่า กลับต้องรู้จักห้ามใจเขาชอบชีหยวน ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ว่า ชีหยวนยังมิได้ชอบเขาแต่ตนเล่า?นางพยายามถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนางสักครั้งเดียวอยู่ดี ๆ ความสนใจของนางก็เหือดแห้ง “เช่นนั้น จวิ้นอ๋องบอกเรื่องพวกนี้กับข้าน้อย เพื่ออะไรกัน? มันเกี่ยวอะไรกับข้าน้อยด้วยหรือเจ้าคะ?”จวิ้นอ๋องหนานอันหัวเราะอย่างมีนัย “ยาพิษสำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นน้ำผึ้งสำหรับอีกผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้มีเจตนาอันใด เพียงอยากให้คุณหนูเฝิงรู้ไว้ว่า เลือกคนให้ถูกนั้นสำคัญ เลือกทางให้ถูกนั้นยิ่งสำคัญ หากเลือกผิด ก้า

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 609

    เฝิงไฉ่เวยค่อย ๆ หลับตาลงนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่แท้การจะได้ครอบครองหัวใจของใครสักคนหนึ่ง จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นถึงเพียงนี้แต่เหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนี้?ทั้งที่ยามนางอยู่ที่ยูนนาน ไม่ว่าเพียงจะกวักมือเรียกใคร คนผู้นั้นก็แทบจะยอมควักหัวใจถวายให้นางทั้งดวงทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่แม้แต่จะใส่ใจว่านางคิดเช่นไร รอจนหมอหลวงหูมาถึง จัดยาให้กับฮองเฮาเฝิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวว่า “คุณหนูเฝิงบอกว่านางมีวิธีรักษาอาการปวดศีรษะจากลมชั่ว หมอหูลองฟังดูว่าวิธีนี้ใช้ได้หรือไม่”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นกล่าวลากับฮองเฮาเฝิงฮองเฮาเฝิงเม้มริมฝีปาก พลางนวดหว่างคิ้วเบา ๆ แล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้ากลับไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ เราจะให้ไฉ่เวยอยู่อีกสักครู่ แล้วค่อยให้นางกลับ”เซียวอวิ๋นถิงขานรับ แล้วก็ออกจากตำหนักไปทันทีในหูของเฝิงไฉ่เวยดังอื้อ ๆ ไปหมด ทั้งคนเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีบางอย่างกระจ่างขึ้นที่สับสนคือเพราะเหตุใดความพยายามทั้งหมดจึงไร้ผล?แต่นางก็รับรู้ได้อย่างกระจ่าง ว่าเหตุผลที่ไร้ผลนั้น ก็เพราะเซียวอวิ๋นถิงมีท่าทีต่อชีหยวนแตกต่างจากผู้ใดทั้งสิ้นต่อผู้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status