แชร์

บทที่ 758

ผู้เขียน: ฉินอันอัน
ขณะที่ราชเลขาธิการฉู่ป๋อกำลังนำขุนนางสำนักขุนนางหลวงปรึกษาว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีอยู่นั้น ขันทีเซี่ยก็เหลือบเห็นว่ามีขันทีน้อยแอบชะโงกศีรษะอยู่ด้านนอก จึงรีบย่องออกไป ครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมสีหน้าอึดอัดใจ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ฝ่าบาท ไทเฮาเสด็จมาพะยะค่ะ”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางพลันมืดครึ้มลงทันที

ผู้ตรวจการเถี่ยก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา “ไทเฮาจะต้องเสด็จมาเพื่อทูลขอความเมตตาแน่นอน! แต่เรื่องนี้เลวร้ายเกินไปนัก หากตระกูลเถียนรอดพ้นโทษไปได้โดยง่าย เช่นนั้นแล้วแผ่นดินนี้ยังจะมีความยุติธรรมเหลืออยู่อีกหรือ?! ราษฎรจะยังศรัทธาต่อขุนนางและราชสำนักได้อีกหรือไม่?!”

เขากล่าวอย่างร้อนรนว่า “กระหม่อมจักไปทูลต่อไทเฮาด้วยตัวเอง!”

ทันใดนั้นเอง ขันทีใหญ่อีกคนชื่อจงจินสุ่ยก็รีบก้าวเข้ามา กราบทูลรายงานต่อฮ่องเต้หย่งชางด้วยเสียงเร่งร้อนว่า “ฝ่าบาท! ไทเฮาทรงฉลองเพียงชุดขาวไว้ทุกข์ เสด็จมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระตำหนักไท่จี๋ด้วยเท้าเปล่าพ่ะย่ะค่ะ!”

อะไรนะ?!

เหล่าขุนนางทั้งหลายถึงกับอึ้งไปถ้วนหน้า

ฮ่องเต้หย่งชางก็ขมวดพระขนงแน่น

ที่จริง พระองค์หาใช่พระโอรสโดยสายเลือดของไทเฮาไม่ เมื่อตอนเ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 761

    เดิมทีสิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือเถียนไทเฮาจะออกมาขัดขวาง แต่ไม่คาดคิดว่านางกลับสนับสนุน เช่นนั้นแล้วยังจะมีสิ่งใดต้องกล่าวอีก?ฮ่องเต้หย่งชางจึงให้ฉู่ป๋อเป็นผู้นำ ให้เขาเป็นผู้พิจารณาคดีหลัก แล้วให้สามศาลยุติธรรมร่วมกันพิจารณาคดีนี้และครานี้ ฮ่องเต้หย่งชางก็โกรธถึงที่สุด ทรงมีพระบัญชาโดยตรง ให้ฉู่ป๋อไต่สวนคดีให้ดี ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องถึงผู้ใด หรือผู้ใดที่คอยให้การปกป้องปิดบังเรื่องนี้ ก็ต้องลากตัวออกมาให้หมด!เมื่อครั้งอดีตฮ่องเต้หย่งชางประทับอยู่ที่เมืองจางโจว ก็เคยกินอยู่ร่วมกับราษฎรเพราะไม่มีทางเลือก เมืองจางโจวในเวลานั้นสภาพเลวร้ายเกินไปเกิดพายุไต้ฝุ่นวันเว้นวันไม่พอ ยังมีโจรสลัดและโจรตงอิ๋งยกพลขึ้นบกปล้นสะดมอยู่เนือง ๆราษฎรต่างพากันอพยพหนีออกไปไม่มีวิธีอื่น ฮ่องเต้หย่งชางกับพระชายาหลิ่วจึงสอนราษฎรให้สร้างเรือนในพื้นที่ที่มีชัยภูมิที่ดี ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังลงแรงทำด้วยตนเอง และอยู่ร่วมกับราษฎรจนกระทั่งจัดการให้ราษฎรตั้งหลักแหล่งเรียบร้อย พอได้รับความไว้วางใจจากราษฎรแล้ว จึงไปพำนักชั่วคราวที่จวนผู้ว่าการเขตฮ่องเต้หย่งชางมีความผูกพันต่อราษฎรมากนักเหตุการ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 760

    เดิมทียังคิดว่าจะสามารถอาศัยเหตุครั้งนี้ กำจัดตระกูลเถียนให้สิ้นซากถึงแม้ไทเฮาเถียน ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็แค่ถูกกักให้อยู่สันโดษในวิหารพระ ชั่วชีวิตมิอาจได้ออกมาได้อีกมากที่สุดก็เพียงแค่ในวาระวันเทศกาลใหญ่ หรือเมื่อมีงานมงคลใหญ่ในราชสำนัก จำต้องให้พระนางปรากฏกายเพื่อเป็นเพียงภาพลักษณ์เท่านั้นทว่าไม่คาดคิดเลยว่า เรื่องราวกลับมิได้ดำเนินไปเช่นนั้นเลย!ไทเฮาเถียนคิดอ่านลึกซึ้งร้ายกาจถึงเพียงนี้!แม้แต่ฮ่องเต้หย่งชางเองก็หาได้คาดถึงว่าไทเฮาเถียนจะทรงตรัสคำเยี่ยงนี้ออกมา ทรงรีบเอื้อมพระหัตถ์ไปประคองไทเฮาเถียนให้ลุกขึ้นแต่ไทเฮากลับส่ายพระพักตร์พลางทำหน้าขรึมเย็นชา “ฮ่องเต้ อายเจียอาศัยอยู่ในวังหลวงอันลึกเร้น สิ่งใดที่ได้ยินได้รู้ ก็เป็นสิ่งที่สกุลเถียนตั้งใจให้อายเจียรู้มาตลอด ด้วยเหตุนี้อายเจียจึงหลงเชื่อมาตลอดว่าเถียนเป่าซื่อเป็นเพียงเด็กว่านอนสอนง่ายที่ร่างกายไม่แข็งแรง และก็ตลอดมาคิดว่า สกุลเถียนเป็นตระกูลที่ซื่อสัตย์ทำงานให้ฮ่องเต้อย่างสุจริตจริงใจ”พระพักตร์ของพระนางเต็มไปด้วยโทสะ “ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขากลับเป็นคนเลวทรามถึงเพียงนี้! กระทำการอันชั่วช้าเช่นนี้ ช่างสมควรตายยิ่งนัก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 759

    ไทเฮาเถียนทอดถอนพระทัยหนักหน่วง “ฝ่าบาท พระองค์ก็ทราบอยู่แล้วว่า ตระกูลเถียนนั้นสายสกุลสืบต่อยากนัก ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ จำนวนผู้สืบสายตรงตามสายหลักยิ่งนับวันยิ่งลดน้อยถอยลง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาปฏิบัติต่อเป่าซื่อผู้ที่เติบโตมีชีวิตรอดมาได้อย่างยากลำบากนั้น ก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะผ่อนปรนปล่อยปละเกินไปบ้าง”ผู้ตรวจการเถี่ยกลับฮึดฮัดขึ้นมาทันทีโดยไม่ลังเล “ปล่อยปละไปบ้างงั้นหรือ? นี่มันไร้มนุษยธรรมโดยสิ้นเชิงต่างหาก! หากเห็นว่าเขาเป็นของล้ำค่าจริง ก็ควรสอนให้เขารู้จักหลักแห่งการเป็นคน มิใช่ปล่อยปละละเลยเช่นนี้ในทุกเรื่อง ปล่อยให้เสเพลไปทุกทาง!”เด็กเล็กนั้น แท้จริงแล้วก็คือเงาสะท้อนของผู้ใหญ่หาได้เข้าใจสิ่งใดไม่ สอนเขาอะไร เขาก็เรียนรู้เช่นนั้น บัดนี้ที่ไทเฮาตรัสว่าปล่อยปละไปบ้าง ผู้ตรวจการเถี่ยถึงขั้นไม่สามารถเห็นด้วยได้เขากล่าวหนักแน่นราวกับตอกลงบนหินผา “ไทเฮา พระองค์กล้าเสด็จออกไปสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? เสด็จไปทอดพระเนตรลานสุนัขชานเมืองหลวงสักหน่อยไหม? ไปดูบิดามารดาที่สูญเสียบุตรหลาน ไปดูราษฎรที่สูญเสียญาติพี่น้อง!”ไทเฮาเถียนพลันหรี่พระเนตรลง เสียงสั่นเครือพลางทอดพระเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 758

    ขณะที่ราชเลขาธิการฉู่ป๋อกำลังนำขุนนางสำนักขุนนางหลวงปรึกษาว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีอยู่นั้น ขันทีเซี่ยก็เหลือบเห็นว่ามีขันทีน้อยแอบชะโงกศีรษะอยู่ด้านนอก จึงรีบย่องออกไป ครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมสีหน้าอึดอัดใจ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ฝ่าบาท ไทเฮาเสด็จมาพะยะค่ะ”สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางพลันมืดครึ้มลงทันทีผู้ตรวจการเถี่ยก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา “ไทเฮาจะต้องเสด็จมาเพื่อทูลขอความเมตตาแน่นอน! แต่เรื่องนี้เลวร้ายเกินไปนัก หากตระกูลเถียนรอดพ้นโทษไปได้โดยง่าย เช่นนั้นแล้วแผ่นดินนี้ยังจะมีความยุติธรรมเหลืออยู่อีกหรือ?! ราษฎรจะยังศรัทธาต่อขุนนางและราชสำนักได้อีกหรือไม่?!”เขากล่าวอย่างร้อนรนว่า “กระหม่อมจักไปทูลต่อไทเฮาด้วยตัวเอง!”ทันใดนั้นเอง ขันทีใหญ่อีกคนชื่อจงจินสุ่ยก็รีบก้าวเข้ามา กราบทูลรายงานต่อฮ่องเต้หย่งชางด้วยเสียงเร่งร้อนว่า “ฝ่าบาท! ไทเฮาทรงฉลองเพียงชุดขาวไว้ทุกข์ เสด็จมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระตำหนักไท่จี๋ด้วยเท้าเปล่าพ่ะย่ะค่ะ!”อะไรนะ?!เหล่าขุนนางทั้งหลายถึงกับอึ้งไปถ้วนหน้าฮ่องเต้หย่งชางก็ขมวดพระขนงแน่นที่จริง พระองค์หาใช่พระโอรสโดยสายเลือดของไทเฮาไม่ เมื่อตอนเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 757

    ผู้ตรวจการเถี่ยยังคงสวมชุดขาวไว้ทุกข์ปล่อยผมสยาย คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าววาจาด้วยความชอบธรรมว่า “ฝ่าบาทคือฮ่องเต้ผู้ทรงปรีชา ตลอดหลายปีมานี้ ทรงสังหารขุนนางกังฉิน ลอกหนังพวกมันเป็นอุทาหรณ์ ทรงตั้งกฎหมายด้วยพระองค์เอง เปิดโรงเรียนให้ราษฎรได้อ่านเขียนหนังสือ……”“แต่ต่อให้พระองค์ทรงทำดีเพียงใด ราษฎรกลับไม่มีใครล่วงรู้!” เขาพูดพลางหอบหายใจแรงด้วยความโกรธจัด “สาเหตุนั้นอยู่ที่ใด? ก็อยู่ที่บรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางกินตำแหน่งเปล่าเหล่านี้! แต่ละคนด้านหนึ่งเสวยผลประโยชน์จากบรรดาศักดิ์ที่ตนมีอยู่ ด้านหนึ่งก็ยังละโมบไม่รู้จักพอ!”ฉู่ป๋อถอนหายใจเบา ๆผู้ตรวจการเถี่ยคือขุนนางที่ดีจริงแท้เขาเติบโตมาอย่างยากแค้น บิดาตายตั้งแต่ยังเล็ก มารดาก็แต่งงานใหม่ พาเขาไปอยู่กับครอบครัวใหม่เหมือนเป็นตัวเกะกะติดปลายมือ แต่ผู้ตรวจการเถี่ยกลับไม่เคยลืมกำพืด ทุกปีเมื่อถึงวันครบรอบวันตายของบิดา เขาจะลอบซื้อกระดาษเงินกระดาษทองไปเซ่นไหว้เสมอจนครั้งหนึ่งถูกพ่อเลี้ยงพบเข้า จึงถูกขับไล่ออกจากบ้านเด็กเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง ต้องอาศัยเลี้ยงชีพด้วยการต้อนวัว ซักผ้า ช่วยเลี้ยงเด็กในหมู่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมใฝ่เร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 756

    เจ้าเหล่าเถี่ยนี่เขาจะวิ่งพุ่งไปโขกเสาแล้วจริง ๆ หรือ!ฮ่องเต้หย่งชางพลันปวดหัวขึ้นมาทันที รีบตะโกนเรียกลู่อี้เฟิงว่า “เร็ว ๆ ๆ! ขวางเขาไว้! ขวางเขาไว้!”ผู้ตรวจการเถี่ยเอ่ยอย่างองอาจผึ่งผายว่า “เจ้าเถียนเป่าซื่อผู้นี้ ไม่เคยเห็นค่าชีวิตคนเลย ตั้งแต่หลายปีก่อนก็ทำให้มีผู้ตายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับถูกตระกูลเถียนใช้สารพัดวิธีปกปิดเอาไว้หมด!” “อย่างเมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังเพราะสุนัขตัวหนึ่ง ถึงกับคิดจะฟาดตีเอาชีวิตคุณชายสองคนแห่งจวนหย่งผิงโหว ในสายตาของเขา มนุษย์ยังต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขเสียด้วยซ้ำ!”“บ้านเมืองเรามีขุนนางตระกูลใหญ่เช่นนี้ ผู้ที่ตีมิได้แตะต้องมิได้ ได้เพียงลืมตาดูเขาสำราญอหังการไปทั่วโดยไม่มีใครห้าม!”“แล้วพวกเจ้าด้วย!”เขาหันกาย พลางถ่มน้ำลายใส่เหล่าขุนนางทั้งหลาย “ล้วนเป็นพวกไร้ค่าที่กินแรงบ้านเมืองไม่ต่างจากศพเน่า! เป็นพวกประจบสอพลอหาผลประโยชน์! พวกเจ้าที่ร่ำเรียนตำราของนักปราชญ์มาก็เสียเปล่า พวกเจ้าคือความอับอายของตำแหน่งขุนนางผู้ปกครองราษฎร!”“ลานสุนัขที่ทงโจว! มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายไม่รู้กี่ชีวิต ใช้คนเป็นอาหารสุนัขมากี่ปีแล้ว! ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีใครล่ว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status