ชีเจิ้นรู้สึกซับซ้อนในใจของเขา รู้สึกว่าชีหยวนเป็นดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ ที่น่าสงสารและต้องการความช่วยเหลือมาโดยตลอด เขาก็คิดมาตลอดด้วยว่าเป็นชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นรังแกชีหยวนที่เพิ่งจะมาบ้าน และชีหยวนเพียงแค่ถูกคิดร้ายโดยเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้นแต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนี้เลยชีอวิ๋นถิงกับชีจิ่นลงมืออย่างโหดร้ายอำมหิตก็จริง แต่ชีหยวนกลับไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อยตุ๊กตาสาปแช่งของแม่นมจางนั้น ชีหยวนก็เป็นคนทำลายชีหยวนยังส่งคนไปยุยงเสวี่ยซงอยู่ตรงหน้าเสวี่ยซง ทำให้ชีอวิ๋นคิดว่าชีจิ่นต้องถูกส่งไปที่อื่นและจะไม่กลับมาอีก เขาจึงตามไปถึงเรือนพักนอกเมืองแม้กระทั่ง ชีเจิ้นสงสัยเซี่ยงหรงกับเซี่ยงเจี้ยจึงแวะไปเรือนพักนอกเมืองโดยเฉพาะ ก็เป็นเพราะชีหยวนส่งข่าวไปบอกช่างใจกล้า และช่างเป็นกลอุบายกับเล่ห์เหลี่ยมที่น่ากลัวยิ่งนัก!เขายิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขาบอกกับชีหยวนว่า ชีจิ่นจะไม่กลับมาอีกคำพูดนั้นสุดท้ายชีหยวนกลับถามเขาว่า ท่านแม่ทำใจได้จริง ๆ หรือ?เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ จึงส่งหลิวจงออกไปตัดรากถอนโคนทิ้งเสียตอนนี้คิดดู แค่เกรงว่านางหวังจะยอมปล่อยชิจิ่น ซึ่งก็อยู่ในการคาด
หากชาติที่แล้วตนเองสามารถอดทนจนยืนอยู่ต่อหน้าท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าได้ ผลลัพธ์ยังจะเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?นางหลับตา หยุดตนเองจากการนึกถึงเรื่องเหล่านี้ และโขกศีรษะต่อท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าสามครั้งเบาๆ “ขอบคุณท่านปู่ท่านย่าเจ้าค่ะ” ท่านโหวผู้เฒ่าโบกมือให้นางถอยไปก่อน และเรียกนางไว้อีกครั้ง “ในงานเลี้ยงรับญาติ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้บุตรสาวของจวนโหวพวกเราต้องเสียหน้า ทำได้หรือไม่?”ชีหยวนตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ข้าจะต้องทำอย่างเต็มที่แน่นอนเจ้าค่ะ”ท่านโหวผู้เฒ่าส่งเสียงอืมคำหนึ่ง และโบกมืออย่างพึงพอใจเล็กน้อยเมื่อรอให้นางจากไปแล้ว ชีเจิ้นทนไม่ไหวจึงอธิบายกับท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะมีความคิดที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ขอรับ...”“หากความคิดไม่ลึกซึ้ง ล้วนไม่สามารถกลับมาที่จวนโหวได้” ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเย็น “สะใภ้ของเจ้านางนั้น ก็แค่สมองเลอะเลือน! ตอนนั้นข้าเคยบอกแล้วว่า ในเมื่อรู้ว่าอุ้มผิดคน ก็ควรต่างคนต่างกลับไปอยู่ในสถานะของตนเอง แต่นางดันตัดใจไม่ได้ หากตัดใจไม่ได้ก็ช่างเถอะ กลับยังแสดงออกอย่างชัดเจน และบุ
ท่านโหวผู้เฒ่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก็เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “บางทีอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้?”ฮูหยินผู้เฒ่าคัดค้านอย่างคาดไม่ถึง “นี่จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ? ท่านโหวผู้เฒ่าท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่า องค์หญิงใหญ่กับฝ่าบาททะเลาะกันจนตึงเครียดแค่ไหน! หลายปีมานี้นางใช้ชีวิตที่เงียบสงบตามเส้นทางพระพุทธและไม่เคยลงมาจากภูเขา จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้ข้อยกเว้นแก่เด็กสาวคนหนึ่ง?”เอ่ยตามจริง นางก็ไม่รู้สึกว่าชีหยวนมีอะไรที่คู่ควรให้องค์หญิงใหญ่ต้องย่อตัวและก้มศีรษะได้เลยจริง ๆ ท่านโหวผู้เฒ่ายกมือขึ้น “ใช่หรือไม่ใช่ มาคาดเดากันตรงนี้ยังจะมีประโยชน์อันใดอีก? ในเมื่อนางกล้าเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ลองฟัง ๆ ไปก่อนก็ได้ ถึงอย่างไรก็เหลือเวลาเพียงไม่กี่วันแล้ว ไม่ใช่หรือ?”จุดสำคัญนี้ความอดทนก็ต้องมีอยู่เสมอฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่เอ่ยอะไรมากอีกแล้วภายในหอหมิงเยว่เงียบอย่างมาก เมื่อรู้ว่าชีหยวนไปพบท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่า คนที่รอคอยล้วนตึงเครียดกันไปหมดทุกคนอยู่ในจวนโหว ต่างก็รู้นิสัยที่เข้มงวดของท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าดี จึงเกรงว่าชีหยวนจะทำให้ท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบผล
นี่ทำให้ชีหยวนหัวใจสั่นไหวนางให้ป๋ายจื่อพาหานเยว่เอ๋อไปที่โถงบุบฝาที่อยู่ด้านข้าง ส่วนตัวเองก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหานเยว่เอ๋อยืนอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อเห็นนางมา ก็รีบก้าวไปข้างหน้าย่อตัวทำความเคารพ และเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “พี่หญิงใหญ่ อย่าถือสาที่ดึกขนาดนี้ข้ายังมารบกวนเลยนะเจ้าคะ”หานเยว่เอ๋อหน้าตาจิ้มลิ้ม หว่างคิ้วสะอาดสะอ้าน ช่วงที่มองชีหยวนในเวลานี้ ก็จริงใจอย่างมาก “ความจริงข้าอยากจะมาขอพบพี่สาวนานแล้ว เพียงแค่ไม่มีโอกาสอยู่ตลอดเท่านั้นเจ้าค่ะ”ชีหยวนยิ้มพลางส่ายหน้า “ข้าเพิ่งกลับมาถึงจวน ญาติยังรู้จักไม่หมด น้องเยว่เอ๋อก็ไม่อย่าถือสาเลย”“จะได้อย่างไรกันเจ้าคะ?” หานเยว่เอ๋อถอนหายใจอย่างเศร้าใจ “พี่สาวอยู่บ้านนอกคงทุกข์ทรมานมากแล้ว ไม่ง่ายที่จะกลับมา แล้วยังมาประสบกับเรื่องมากมายเช่นนี้อีก ข้าแค่ยืนมองอยู่ด้านข้าง ก็รู้สึกว่าพี่สาวยากลำบากแล้ว”ชีหยวนสีหน้ายังคงสงบนิ่ง และคิดอย่างรวดเร็วถึงจุดประสงค์ของหานเยว่เอ๋อในใจหานเยว่เอ๋อมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอ๋องฉี ชาติก่อนยังพยายามอย่างเต็มที่ในเรื่องการแต่งงานของอ๋องฉีกับชีจิ่นจนสำเร็จ สุดท้ายตัวนางเองก็แต่งให้กับอ๋องฉีและเป็นพ
รอยยิ้มที่อยู่บนในหน้าของหานเยว่เอ๋อยังคงรักษาไว้จนกระทั่งกลับมาถึงห้องของตนเองจึงจะหายไปอย่างสิ้นเชิงเหลียนเอ๋อร์สาวใช้ของนางเห็นสีหน้านางดูเรียบเฉย ก็ถามนางเสียงเบาว่า คุณหนู ตอนนี้คุณหนูรองเกิดเรื่องแล้ว มันจะกระทบเรื่องของท่านอ๋องหรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ หานเยว่เอ๋อจึงนวดหว่างคิ้วของตนเอง และเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่มีชีจิ่นแล้ว ชีหยวนก็เป็นคุณหนูใหญ่ที่มีสถานะสูงส่งเพียงหนึ่งเดียวของจวนนี้ ถึงนางจะแต่งงานกับท่านอ๋อง ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”เหลียนเอ๋อร์เห็นนางไปนั่งด้านหลังโต๊ะตำรา ก็รีบตามไปและคลี่กระดาษออกให้นาง แถมยังฝนหมึกให้นางด้วยเอ่ยอย่างค่อนข้างเป็นกังวลว่า “แต่ความรู้สึกของนางกับคนของตระกูลชีสุดท้ายก็ยังคงไม่ลึกซึ้ง และคนของตระกูลชีกับชีอวิ๋นถิงเกรงว่าจะไม่ยอมเข้าข้างท่านอ๋องเพราะนางนะเจ้าคะ”การแต่งงานกับชีจิ่น นั่นก็เป็นเพราะชีจิ่นคือไข่มุกที่อยู่บนมือของตระกูลชี และตระกูลชีก็คาดหวังกับนางสูงมากชีจิ่นแต่งงานให้กับอ๋องฉี นั่นคือการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล และเพื่อให้ทั้งสองตระกูลช่วยเหลือเกื้อกูลกันแถมอ๋องฉียังสามารถได้รับสิ่งของสำคัญที่อยู่ในมือ
ในสายตาของอ๋องฉีคนนี้มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น เขาแต่งงานกับชีจิ่นก็เป็นเพราะตอนนั้นชีจิ่นเป็นสมบัติของตระกูลชี และก็เป็นเพราะชีเจิ้นด้วยนางกำจัดชีจิ่นก่อนล่วงหน้า เหตุใดอ๋องฉีถึงรีบร้อนให้หานเยว่เอ๋อมาใกล้ชิดตนเองเช่นนี้?ถึงอย่างไรในความคิดของคนนอก เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับนางเลยตรงกันข้ามชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงกลับก่อเรื่องขึ้นโดยไม่ชัดเจน แถมเพราะเรื่องนี้ยังได้รับการลงโทษจากในบ้านอีกตอนนี้อ๋องฉีควรจะรังเกียจตระกูลชีถึงขีดสุด และเกลียดจนแทบอยากจะทำลายตระกูลชีทิ้งจึงจะถูกเขาคนนี้หากไม่ได้อะไรก็มักจะทำลายทิ้งเสมอแต่เขาให้หานเยว่เอ๋อเข้ามาใกล้ชิดกับตนเอง เป็นเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้วเช่นนั้นหรือ?เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ในใจของชีหยวนก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าค่ำคืนนี้ นางฝันร้ายอยู่เรื่องหนึ่งในความฝันนางได้รับการช่วยชีวิตจากเซียวอวิ๋นถิง หลังจากนั้นก็ได้กลายมาเป็นทหารลับที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเซียวอวิ๋น ถิงชาติก่อนนางใช้ชีวิตราวกับเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ ทุกคนล้วนพิจารณาว่านางมีประโยชน์หรือไม่ มูลค่าของนางพอหรือไม่ หลังจากนั้นค่อยชั่งน้ำหนักว่าต้องรับนางไว้หรื
เวลานี้ชีเจิ้นรู้สึกหงุดหงิดจะตายอยู่แล้วเขาเตะหลิวจงอย่างรุนแรงไปทีหนึ่ง และถามด้วยความโมโหว่า “เจ้าทำงานอย่างไร? ไอ้คนโง่เขลา! ข้าบอกเจ้าว่าให้ตายต้องเห็นศพ ถ้าหายไปต้องเห็นตัว เจ้าแกล้งทำเป็นหูทวนลมใช่หรือไม่!?”หวิงจงถูกเตะอย่างแรงจนแทบจะอาเจียนออกมา เมื่อได้ยินก็ร้องไห้คร่ำครวญและรีบส่ายหน้าว่า “ท่านโหว ข้ากล้าเสียที่ใดกันขอรับ? เรื่องที่ท่านสั่ง ข้าตั้งใจทำทุกเรื่อง แต่ตอนที่ข้าไป มันก็ไม่พบอะไรแล้วจริง ๆ ขอรับ!”ตอนที่เขาไป คนของนางหวังได้ปล่อยชีจิ่นไปแล้วหลิวจงไม่กล้ารอช้า จึงรีบออกมาสอบถามในทันที และรู้ว่าชีจิ่นจะไปเมืองเจียงซี ตอนนั้นก็ตามไปแล้วใครจะรู้ระหว่างทางกลับสืบหาร่องรอยของชีจิ่นไม่พบเลยตัวเขาเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติ ถึงได้รีบกลับมารายงาน“นางจะไปที่ใดได้?!” ตอนนี้ชีเจิ้นปวดศีรษะแล้ว ชีหยวนคนหนึ่งไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็นภายนอกเช่นนั้น ความจริงแล้วเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตบุตรสาวอีกคนที่เห็นตั้งแต่เด็กจนโตคิดไม่ถึงว่าก็จะเป็นคนที่เก็บความสามารถเอาไว้และไม่เปิดเผยไม่ต้องพูดถึงความโหดเหี้ยมและไร้ความรู้สึก ครั้งนี้ยังสามารถหายตัวไปจากใต้สายตาข
เขาทำท่าทางหนึ่ง และมองชีเจิ้นอย่างเย็นชา “เข้าใจหรือไม่?”ชีเจิ้นแข็งทื่อไปทั้งตัว และตอบรับอย่างหนักแน่นค่ำคืนที่มืดมนและลมแรง ชีจิ่นชุกตัวอยู่มุมห้อง เหมือนกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่สิ้นหวังตัวหนึ่งด้านข้างนาง เป็นอวิ๋นเยี่ยนกับสาวใช้อีกหลายที่คนนอนอยู่ เวลานี้ล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว ร่างกายแข็งทื่อ และใบหน้าเริ่มมีรอยช้ำไต่ขึ้นไปแล้ว ลมพัดมาทีหนึ่ง เปลวเทียนก็ถูกพัดจนสั่นไหว ต้นไม้ที่อยู่นอกหน้าต่างพัดตีหน้าต่างเสียงดังปัง และเงาต้นไม้ที่แปลกประหลาดเหล่านั้นก็สะท้อนอยู่บนหน้าต่าง เล่นเอานางตกใจจนแทบขวัญหนีดีฝ่อนางทนไม่ไหวจจึงกอดห่อผ้าและร้องไห้เสียงดังสิ่งเลวร้ายที่สุดที่นางทำในชีวิตนี้ มีเพียงแค่คิดจะทำลายความบริสุทธิ์ของชีหยวน และยุยงให้ชีอวิ๋นถิงจัดการกับชีหยวนเท่านั้น แต่ไม่เคยฆ่าคนด้วยมือตนเองเลยทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้มันเกินขอบเขตความสามารถที่นางจะรับมือได้แล้วประตูถูกถีบจนเกิดเสียงดังปัง จากนั้นก็มีคนถือคบเพลิงบุกเข้ามาทันใดนั้นภายในห้องก็ส่องสว่างราวกับกลางวันแสก ๆ ชีจิ่นตกใจมากจนเด้งตัวลุกขึ้นยืน และมองไปทางผู้ที่มาด้วยความหวาดกลัวภายใต้แสงไฟสาดส่อง
เขาก้าวเท้าไปด้วยรอยยิ้ม “อมิตา...”ยังไม่ทันกล่าวคำสวดจบ ชีหยวนก็เหยียบต้นไม้ส่งตัวเองลอยขึ้นไป แล้วฟาดเท้าเข้าใส่อกของฉือซานอย่างจัง ฉือซานกระเด็นลงไปกองกับพื้น กระอักเลือดออกมาเต็มปากจากนั้นก็ไม่หยุดการเคลื่อนแม้แต่น้อย นางพุ่งเข้าหาฉือซาน มีดสั้นในแขนเสื้อก็เผยออกมา จ่อเข้าที่อกของเขาฉือซานถึงกับมึนงงไปกับการเคลื่อนไหวนี้ไหนบอกว่าเป็นหญิงสาวที่ไร้หนทาง ไร้ที่พึ่ง ถูกบีบบังคับให้มาขอบุตรไงเล่า?นี่มันคืออะไรกันแน่?!ชีหยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา สายตานั้นไม่เหมือนกับมองคน แต่เหมือนมองดูหินก้อนหนึ่ง หรือไม่ก็ต้นไม้ต้นหนึ่ง เหมือนมองสิ่งที่ไร้ชีวิตนางไม่พูดพร่ำเพรื่อ ถามขึ้นตรง ๆ “หญิงสาวที่พวกเจ้าลักพาตัวมาจากเรือนพักนอกเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเจ้าพาไปซ่อนไว้ที่ใด?”ฉือซานเบิกตากว้างในทันที ริมฝีปากสั่นระริกปลายมีดของชีหยวนแทงอกของเขาลึกหนึ่งชุ่นโดยไม่รั้งรอ เลือดไหลพรวดออกจากแผลทันทีจากนั้นนางก็ถาม “ผู่อู๋ย่งเป็นลุงแท้ ๆ ของเจ้าใช่หรือไม่? เห็นได้ยากจริง ๆ หลานของไอ้หมาขันที เขาบอกเจ้าว่าให้เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ไปพักหนึ่ง รออีกไม่นานจะให้เจ้าไปเป็นขุนนางที่สำนักพระพุทธศาส
ชีหยวนควบม้าเร็วออกจากเมือง โดยไม่พาคนติดตามไปแม้แต่คนเดียว ลมพัดแรงจนเสื้อคลุมสีแดงสดของนางปลิวสะบัด แต่นางกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย แม้หมวกคลุมศีรษะจะเปิดออก นางก็ไม่คิดจะดึงกลับมาสวมอีกนางรู้ดีบนโลกนี้ไม่มีแม่ทัพไร้พ่ายตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เว้นแต่จ้าวจื่อหลงผู้เป็นดั่งปาฏิหาริย์ ผู้อื่นแม้เป็นแม่ทัพที่เก่งกล้าสักเพียงใด ก็ล้วนเคยลิ้มรสความพ่ายแพ้แต่สำหรับนาง ไม่มีทาง!โดยเฉพาะคนที่ฆ่านาง ทั้งยังทำให้คนที่นางพามาด้วยต้องเติบโตขึ้นโดยไม่มีแม่ ก็ยิ่งสมควรตาย!ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่นางไม่เคยเข้าใจก็คือเหตุใดหลี่ซิ่วเหนียงถึงไม่เหมือนแม่คนอื่นสิ่งที่นางอิจฉามากที่สุดก็คือเด็กคนอื่น ๆบัดนี้มีเด็กอีกคนหนึ่งที่ต้องกลายเป็นกำพร้าเพราะนาง ชีหยวนรู้สึกว่าตัวเองช่างบาปหนานักแน่นอนว่าความผิดของนางมีอยู่จริง แต่มันก็ยังมีบางคนที่สมควรจะลงนรกสิบแปดขุม!นางควบม้าเร็วเร่งรุดมาถึงวัดว่านอันที่ชานเมืองหลวง เอียงศีรษะเล็กน้อย จ้องคำว่าวัดว่านอันสามคำนั้นอย่างเย็นชา บนใบหน้าฉายแววเย็นเยียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนออกจากเมืองหลวงมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาค่ำแล้วยามดึกดื่นเช่นนี้ หญิงสาววัยแรกแย
ก็ต้องมี ‘คืนของขวัญ’ กลับไปบ้างกระมัง?ชีเจิ้นก็พลันเข้าใจ เพียงแค่เป้าหมายไม่ใช่ผู่อู๋ย่ง แต่ก็ยังเป็นการไปสังหารคนอยู่ดีเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกำชับว่า “เช่นนั้นก็ ระวังตัวด้วยแล้วกันนะ”ชีหยวนก็เดินตรงดิ่งออกจากประตูไปชีเจิ้นจึงหันกลับมามองท่านโหวผู้เฒ่าชีกับฮูหยินผู้เฒ่าชี “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้านึกขึ้นได้แล้ว วันปีใหม่วันนั้น แม่หนูหยวนบอกว่านอกจากจะแวะไปที่เรือนนอกเมืองแล้ว ยังมีธุระที่ต้องทำ มันเป็นธุระอะไรกันแน่?”ทั้งยังเป็น ‘การคืนของขวัญ’ ให้ผู่อู๋ย่งอีกด้วย?ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร โดนขังมาหลายวันแล้วเจ้ายังไม่เหนื่อยหรือไง? ทำตัวดี ๆ รีบไปอาบน้ำแล้วนอนพักเสีย ตอนเย็นค่อยไปกินข้าวที่เรือนใหญ่!”ชีเจิ้นอยากรู้จนใจแทบขาด แต่ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าชีหยวนกำลังทำเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับผู่อู๋ย่ง และยังจะบอกว่าเป็น ‘การคืนของขวัญ’ ให้อีกฝ่ายอีกต่างหากแต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง “ท่านพ่อ! ผู้บัญชาการไล่จะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?!”ไล่เฉิงหลงช่วยพวกเขาไว้มาก ที่ไม่โดนลงโทษก็เพราะอีกฝ่ายช่วยไกล่เกลี่ยแล้วไอ้หมาขันทีอ
ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เห็นทั้งสองคนกลับมาดูครบสามสิบสอง ดูก็รู้ว่าไม่ได้ถูกลงโทษ ก็รู้ทันทีว่าเป็นไล่เฉิงหลงที่ช่วยไว้นางหลุบตาลงแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่เพราะข้าหรอกเจ้าค่ะ เรื่องนี้เดิมทีก็เกิดขึ้นเพราะข้า เป็นข้าที่ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมา พวกท่านต้องลำบากก็เพราะข้า”ความรู้สึกของท่านโหวผู้เฒ่าชีซับซ้อนอย่างยิ่งชีเจิ้นก็เช่นกันชีหยวนก็ถือว่าเข้าใจฐานะของตนเองดีนัก และไม่ทำตัวเกรงใจเกินจำเป็น พูดสิ่งที่ควรพูด ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะมีใครตอบรับได้หรือไม่แต่ว่านางพูดตรงได้ ทว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นย่อมไม่อาจตอบกลับตรง ๆ เช่นนั้น ท่านโหวผู้เฒ่าชีจึงกล่าวว่า “พูดอย่างนั้นก็ไม่ได้หรอก ตำแหน่งนี้ของเขา ทำมาก็หลายปี อยู่กึ่งกลาง หากทำงานของฝ่าบาทได้สำเร็จ เช่นนั้นสักวันก็ต้องเกิดเหตุเช่นนี้”ถ้าหากทำไม่สำเร็จ ต้องสืบหากันไปเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น ฮ่องเต้หย่งชางก็ย่อมต้องเริ่มสงสัยในความสามารถของชีเจิ้น และหมดความอดทนต่อเขาฉะนั้นว่ากันตามจริงแล้ว เคราะห์นี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ยังดีที่มีชีหยวนอยู่ จึงสามารถคลี่คลายเรื่องราวได้รวดเร็วขนาดนี้ท่านโหวผู้เฒ่าก็โล่งอก เมื่อเห็นเหล่าลูก
ฮ่องเต้หย่งชางกวาดพระเนตรมองโดยรอบ ตวาดเสียงเกรี้ยว “อ่างน้ำมงคลเล่า? ไยถึงได้มาช่วยดับไฟกันช้านัก?!”แล้วก็รีบร้อนหันไปถามไล่เฉิงหลง ซึ่งรับหน้าที่เฝ้าตำหนักเฟิ่งเจ่าในวันนี้ “ร่างของกุ้ยเฟยเล่า?”ไล่เฉิงหลงเหงื่อไหลท่วมทั้งร่าง คุกเข่าลงแล้วคารวะ “กระหม่อมกับนายพันลู่ช่วยกันหามร่างของกุ้ยเฟยออกมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่...”พวกเขาก็รู้ดีว่าเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยมีตำแหน่งเช่นไรในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชาง ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้ร่างของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยถูกเผาจนมอดไหม้?หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าพวกตนก็คงต้องลงไปอยู่กับบรรพบุรุษแล้วแต่ถึงจะช่วยออกมาได้ ทว่าร่างของกุ้ยเฟยก็ยังคงดูเวทนานักอย่างน้อยเส้นผมของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วครึ่งหนึ่งใบหน้าก็ถูกควันรมจนดำไปหมดฮ่องเต้หย่งชางปิดดวงเนตรลง เอื้อมพระหัตถ์ไปลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย สั่งการด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไล่เฉิงหลง ลู่อี้เฟิง ดูแลไม่ดีจนตำหนักเฟิ่งเจ่าเกิดเพลิงไหม้ ให้ไปรับการลงโทษโบยสามสิบไม้ที่กรมวัง!”จากนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ “เหตุใดอ่างน้ำมงคลถึงกลายเป็นน้ำแข็ง?”ในวังหลวง ตามถนนสาย
ฮ่องเต้หย่งชางเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุดหลายวันมานี้ ทุกค่ำคืนเขามักจะฝันถึงเรื่องราวในอดีตตัวเขากับพระชายาหลิ่วสมัยยังอยู่ในดินแดนศักดินาในช่วงนั้น ยามใดที่คลื่นลมในทะเลพัดแรง ไม่รู้ว่าหลังคาบ้านของราษฎรกี่หลังจะปลิวว่อนทุก ๆ ปีล้วนมีคนต้องสังเวยชีวิตเพราะเหตุนี้ไม่น้อยแค่นั้นยังพอทนได้ แต่ภูมิอากาศก็ยังเย็นชื้น ทำให้ข้อกระดูกของเขาเจ็บเรื้อรังพระชายาหลิ่วจึงมักช่วยทำการรมยาเฉพาะจุดให้เขา อยู่เคียงข้างช่วยเหลือราษฎร คิดหาหนทาง ร่วมมือกับขุนนางท้องถิ่น แบ่งเขตพื้นที่ แล้วสอนชาวบ้านสร้างบ้านจากหินที่แข็งแรงมั่นคงในบริเวณที่ปลอดภัยกว่ายังได้ขอร้องอดีตฮ่องเต้ให้ส่งช่างจากกรมโยธามาช่วยสอนการเปิดเตาเผาและเผาอิฐพวกเขาค่อย ๆ แก้ไข นำพาเมืองจางโจวจากดินแดนยากไร้กลายเป็นเมืองมั่งคั่ง แม้แต่เมืองใกล้เคียงอย่างเฉวียนโจวก็ยังได้สร้างท่าเรือบางคราก็ฝันถึงเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยแรกเริ่มเดิมที เขาก็ไม่ได้คิดจะให้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าวังเลยด้วยซ้ำเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยอายุน้อยกว่าเขามากเกินไป ห่างกันถึงสิบสองปีเขามองนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่งมาตลอดแต่เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านไป เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเ
ปิดไม่มิดแล้วเขาไม่มีทางบ้าเลือดถึงขั้นลากผู่อู๋ย่งลงไปด้วยหรอก อย่างน้อยแบบนี้ผู่อู๋ย่งก็ยังอาจเห็นแก่ที่เขาเชื่อฟัง แล้วช่วยดูแลคนในตระกูลของเขาบ้างมิเช่นนั้น เกรงว่าตระกูลสวีคงไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเซี่ยกงกงเชิญไล่เฉิงหลงเข้ามา ไล่เฉิงหลงก็นำเอกสารคำรับสารภาพพร้อมลายนิ้วมือของคนเหล่านั้นมาขึ้นถวายฮ่องเต้หย่งชางเพียงแค่เหลือบตามอง ก่อนจะเหวี่ยงเอกสารลงตรงหน้าสวีฮว่าน “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก? คดีลักลอบค้าของเมื่อปลายปีก่อนก็เริ่มสอบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เจ้าคงคิดหาแพะรับบาปไว้ตั้งแต่นั้นกระมัง? ถึงได้ยุยงปลุกปั่นพวกครัวเรือนทหารที่มีเอี่ยว ให้เชื่อว่าตระกูลชีหักหลังพวกเขา ให้พวกเขารับผิดแทน!”สวีฮว่านฟุบหน้าลงกับพื้น สั่นเทาไปทั้งร่าง เอ่ยปากวิงวอนไม่หยุด “ฝ่าบาทโปรดเมตตา ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หย่งชางแค่นเสียงเย็น แล้วกวาดดวงเนตรมองเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ “เมื่อครู่พวกเจ้าล้วนโกรธแค้นลุกฮือกันขึ้นมา กล่าวว่านี่คือการสมคบคิดศัตรู ขายชาติ ทรยศหักหลัง เป็นความผิดฐานคิดกบฏ พวกเจ้าพูดถูกแล้ว”สิ้นคำ ก็เรียกผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เติ้งเหรินกู้ “คดีนี้ให้ศาลต้าหลี่เป็นผู้สื
แน่นอนว่าผู่อู๋ย่งไม่มีพ่อ พ่อของเขาตายไปนานแล้ว มิเช่นนั้นจะเข้ามาเป็นขันทีในวังได้อย่างไรกันเล่า?!แต่ตอนนี้ ความรู้สึกในใจเขามันไม่ต่างอะไรกับพ่อเพิ่งตายไปจริง ๆ เลยบัดซบเอ๊ย!เหลวไหลสิ้นดี!ที่ไหนมีขันที ที่นั่นก็ต้องมีคนของเขาแฝงอยู่รัชทายาทวังบูรพาโง่เง่าอย่างกับหมู ทั้งยังอ่อนแอขี้โรค ร่างกายก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ ไปทั้งตัวต่อให้เซียวอวิ๋นถิงฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาเขาไปได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นแค่คน ไม่ใช่เทพเซียน!เขาเตรียมตัวไว้แล้วว่าส่งขันทีไปขัดขวางเซียวอวิ๋นถิง แล้วก็ให้องครักษ์เสื้อแพรไปทำเลยหลักฐานทั้ง ๆ ที่เขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างไม่มีที่ติแต่สุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับวางแผนเหนือกว่า ส่งของไปถึงฮ่องเต้หย่งชางก่อนเสียได้แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?!ไอ้บ้าสองตัวนั่น!คนหนึ่งเจ้าเล่ห์ อีกคนเหี้ยมโหด ราวกับสุนัขจิ้งจอกกับอสรพิษรวมหัวกัน ใครหน้าไหนเข้าใกล้ก็ต้องถูกพวกเขากัดเข้าให้สักแผลเขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วรีบสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วเขาเบือนหน้าหนีอย่างเย็นชา ไม่มองทางสวีฮว่านอีกเขาไม่เคยกังวลเลยว่าเรื่องนี้จะพัวพัน
ก็ใช่ว่าจะเคราะห์ร้ายเสียทีเดียว ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนมาสนใจเขานัก ล้วนแต่ยุ่งกับการจัดการจวนฉู่กั๋วกงกันทั้งนั้น ต่อมาเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ตายไปอีก เรื่องราวเยอะเกินไป ไม่มีใครจะนึกถึงเขาหรอก ทว่าเขาเองก็กลัวมาก! น้องหญิงคนนั้นของเขา มิใช่คนที่จะสะสางหนี้แค้นด้วยคุณธรรมมาตั้งแต่ตอนเยาว์วัยแล้ว หลังจากนี้จะต้องหาโอกาสมาจัดการเขาแน่! พูดให้ถึงที่สุด เรื่องทั้งหมดนี้ต้องโทษสกุลชีอย่างเดียว หากว่าสกุลชีไม่พาตัวพระชายาหลิ่วกลับมา เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นแล้วในตอนนี้อุตส่าห์หาโอกาสได้แล้วทั้งที เข้าย่อมต้องเหยียบย่ำสกุลชีให้เต็มที่แน่นอน ผู่อู๋ย่งยิ่งรู้สึกขบขันเต็มที พอเห็นว่าสวีฮว่านเหลือบสายตามองตนเองด้วยความเคร่งเครียดแล้ว ก็เบนสายตาออกเชิงว่าตักเตือนทันที สวีฮว่านรีบก้มศีรษะลง บัดนี้ลำคอของเขายังเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย ไหนจะตรงช่วงท้องอีก ดูเอาเถิดว่านางเด็กชีหยวนคนนี้ดุร้ายโหดเหี้ยมมากขนาดไหน หัวใจของเขาเต้นระส่ำว้าวุ่นไม่เป็นสุข จนถึงตอนนี้ ทั่วท้องพระโรงทั้งฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นล้วนพุ่งเป้าโจมตีจุดอ่อนของสกุลชี ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับยังคงไม่ปรากฏตัว