เผยอวี้จะกลับแล้ว หลิงหว่านจึงส่งเขากลับแต่เมื่อหลิงหว่านนึกถึงเรื่องฉินรั่วซือ ก็ดึงเผยอวี้ให้หยุดก่อน“ท่านพี่เผย มีบางเรื่องที่ข้ารู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย มิรู้ว่าควรจะบอกท่านอ๋องอี้ดีหรือไม่ ท่านแนะนำข้าที!”“เรื่องอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามไปอย่างสบาย ๆ“ตอนที่พวกท่านยังมิมา ฉินรั่วซือมาเยี่ยมท่านพี่หลิงหลิง นางบอกว่าองค์ชายเย่มีโสมโลหิตที่เป็นยาศักดิ์สิทธิ์ช่วยบำรุงโลหิต ท่านอ๋องอี้จึงไปขอยา!”แล้วหลิงหว่านก็เอ่ยด้วยความโกรธ “แต่ท่านอ๋องอี้ไปเสียเที่ยว มิได้ยามาเจ้าค่ะ!”เผยอวี้เลิกคิ้วอย่างสงสัย “เรื่องนี้มีอะไรแปลกหรือ? บางทีนางอาจจะได้ยินมาผิดก็เป็นได้!”“หว่านเอ๋อร์ เจ้าโกรธนางเพราะฮองเฮาเว่ยต้องการจะประทานงานแต่งงานให้ฉินรั่วซือกับท่านอ๋องอี้หรือ?”หลิงหว่านเบิกตากลมโตจ้องมองเผยอวี้อย่างโกรธเคืองทันที “ท่านหมายความว่าเยี่ยงไร? ท่านจะบอกว่าข้าใจแคบหรือ? หากฉินรั่วซือมีจิตใจดีจริง ๆ ข้าก็มีแต่จะขอบคุณนางก็เท่านั้น!”“แต่ท่านมิรู้เรื่องราวภายในเลย ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าว่าข้าโกรธนาง! ข้าเป็นคนใจแคบเช่นนี้หรือ?”“หึ หากรู้ว่าท่านจะคิดเช่นนี้ ข้าก็มิพูดแล้ว!”เมื่อเผยอว
เผยอวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการกระทำของฉินรั่วซือมีเจตนาแอบแฝง เขาจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะไปคุยกับท่านอ๋อง!”เผยอวี้หันกลับไปอีกครั้งแล้วเรียกเซียวหลินเทียนออกมาทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในห้องตำรา เผยอวี้ก็เอ่ยถามอย่างกังวล“อาเทียน ข้าได้ยินหว่านเอ๋อร์บอกว่า เจ้าไปขอยาที่ตำหนักองค์ชายเย่ องค์ชายเย่ตอบเจ้าเยี่ยงไรหรือ?”ทันใดนั้นใบหน้าของเซียวหลินเทียนก็มืดมนลง เรื่องมิดีระหว่างพี่น้องของพวกเขา เขาไม่มีหน้าจะไปบอกเผยอวี้เลยจริง ๆ“เจ้ามิจำเป็นต้องปิดบังอะไรจากข้าหรอก เรื่องนี้ยังมีเรื่องราวที่แอบแฝงอยู่ภายในอีก เจ้าบอกข้าก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องอื่นกัน!”เผยอวี้เอ่ยเร่งเซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงเล่าเรื่องที่ตนไปที่ตำหนักองค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็ตัดสัมพันธ์กับองค์ชายเย่ไปให้เขาฟังเขากัดฟันอย่างดุร้ายพลางเอ่ย “ข้ามั่นใจว่าเขาต้องมีโสมโลหิตอยู่ในมือเป็นแน่! เขานิ่งดูดายมิยอมช่วยเหลือ ตอบแทนคุณด้วยความแค้นเช่นนี้ ข้าจะจดจำความเนรคุณนี้ไว้!”“จากนี้ไป นับว่าข้าไม่มีน้องชายผู้นี้อีก!”เผยอวี้เชื่อการตัดสินใจของเซียวหลินเทียน เขาบอกว่าโสมโลหิตอยู่ในมือขององค์ชายเย่ ก็ต้องเป็นเช่นนั้
หลิงอวี๋หลับสนิท นางฉวยโอกาสตอนที่เซียวหลินเทียนออกไป และเข้าไปดื่มน้ำในมิติเพื่อเร่งการสมานแผลกระทั่งนางตื่นขึ้นมากลางดึก อาการบาดเจ็บของนางก็มิเจ็บปวดถึงเพียงนั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมามากแล้วเมื่อลืมตาขึ้น นางก็เห็นเซียวหลินเทียนเอนกายหลับอยู่ข้างเตียงไฟในห้องยังคงสว่างอยู่แสงสลัวส่องลงบนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียน ร่องรอยใต้ดวงตาของเขาดำคล้ำเขามิได้นอนทั้งคืนแล้วเฝ้าตนอยู่เช่นนี้หรือ?หัวใจของหลิงอวี๋อบอุ่นขึ้นมา นางมิกล้าส่งเสียงเพราะกลัวจะรบกวนการนอนหลับของเขานางมองเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่เช่นนี้แล้วคำพูดที่เซียวหลินเทียนเอ่ยกับตนก็แวบขึ้นมาในหัว“เรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีหรือไม่?”เริ่มต้นใหม่แล้วลืมความแค้นที่ผ่านมาหรือ?ลืมการลงแส้ห้าสิบครั้งนั้นหรือ? แล้วความเกลียดชังที่เขามีต่อตนเล่า?หลิงอวี๋เดินทางข้ามเวลามา นางมิได้มีความเกลียดชังฝังใจกับการลงแส้เฆี่ยนตีห้าสิบครั้งนั้นมากนัก เพราะมันเกิดจากเรื่องโง่ ๆ มากมายที่หลิงอวี๋คนก่อนทำเอาไว้นางยอมรับว่าในตอนแรกนางก็เกลียดเซียวหลินเทียนเช่นกันเขาเป็นคนที่ถือชายเป็นใหญ่ ทั้งเผด็จการ ทั้งไร้ความเม
“จะมาเกรงใจอะไรข้าเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “ข้าบาดเจ็บ เจ้าก็ดูแลข้าเช่นกันมิใช่หรือ? ข้าแค่กลัวว่าข้าจะซุ่มซ่ามแล้วดูแลเจ้าได้มิดี!”“ดีมากแล้วเพคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วดึงเขาไว้ “ขึ้นมานอนเถิดเพคะ! ฟ้ายังมิสางเลย!”“มิต้องหรอก ข้านั่งตรงนี้ก็ได้!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าเขาจะเบียดนางหลิงอวี๋ค่อย ๆ ขยับเข้าไปข้างในแล้วตบเตียงตรงที่ว่าง“ขึ้นมาเถิดเพคะ… หม่อมฉันได้รับบาดเจ็บ มิสามารถดูแลท่านได้! หากท่านล้มป่วยไป หม่อมฉันอุ้มท่านมิไหวหรอกเพคะ!”เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงถอดรองเท้าแล้วนอนลงข้าง ๆ นางอย่างระมัดระวังทั้งยังยกมือข้างหนึ่งไปช่วยห่มผ้าห่มให้หลิงอวี๋อย่างอ่อนโยนด้วย“ทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว!”หลิงอวี๋นอนหลับมากแล้วจึงมิง่วง และกระซิบ “หม่อมฉันได้ยินหว่านเอ๋อร์บอกว่า เสด็จพ่อทรงนำโอสถบำรุงโลหิตอันล้ำค่ามาช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้! วันหลังหม่อมฉันจะเตรียมโอสถบำรุงโลหิตให้เสด็จพ่อสักหน่อย ท่านก็เก็บไว้บ้างบางส่วน เผื่อไว้ในยามจำเป็น!”“อืม! ข้าลืมไปว่าเสด็จพ่อยังมีโอสถบำรุงโลหิตอยู่ ครั้งนี้ที่พระองค์พระทัยกว้างถึงเพียงนี้ข้าเองก็คิดมิถึงเช่นกัน! วันหลังข้าต้อ
หลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เซียวหลินเทียนบอก นางลืมไปว่านี่เป็นสมัยโบราณเป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาและอนุหลายคน นี่มันก็เท่ากับนิสัยการนอกใจของบุรุษสมัยใหม่มิใช่หรอกหรือแต่นางก็ยังคงมิยอมทิ้งความคิดนี้ จึงยิ้มพลางเอ่ย “บางที่คนผู้นี้อาจจะเป็นคนที่เขามิสะดวกที่จะแต่งงานเข้าตำหนักก็ได้กระมัง?”ความคิดของหลิงอวี๋เปิดกว้างพลางเอ่ย “บางทีนางอาจเป็นภรรยาของผู้อื่น… เขาใช้เงินจำนวนมากช่วยภรรยาของคนอื่น หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันจะทำให้เขามีชื่อเสียงที่มิดี!”“เป็นไปมิได้!”เซียวหลินเทียนนึกมิออกเลยว่าน้องชายของตนจะไปกะลิ้มกะเหลี่ยภรรยาของคนอื่นได้ ใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย เหตุใดต้องทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ด้วย!หลิงอวี๋ยังรู้สึกว่า สิ่งที่ตนคิดนั้นเหลือเชื่อเกินไป แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว นางก็คิดมิออกจริง ๆ ว่าจะมีใครที่ทำให้องค์ชายเย่ปกปิดไว้ได้“มิพูดถึงเขาแล้ว ข้าให้เผยอวี้ไปตรวจสอบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้คือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อย่าได้กังวลเรื่องเขาเลย!”เซียวหลินเทียนวางมือใหญ่ไว้บนดวงตาของหลิงอวี๋อย่างเอาแต่ใจ“นอนเถิด! มิให้คิดฟุ้ง
เซียวหลินเทียนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทูลองค์จักรพรรดิอู่อัน จึงเข้ามาคุยกับหลิงอวี๋แล้ววางแผนเข้าวัง“เซียวหลินเทียน หลังจากที่ท่านคุยกับองค์จักรพรรดิแล้วก็ไปเยี่ยมไทเฮาเสียหน่อยเถิดเพคะ ดูว่าอาการของไทเฮาดีขึ้นแล้วหรือไม่!”หลิงอวี๋ยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่ จึงเอ่ยกำชับออกไป“ได้… เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเสียเถิด ข้าไปก่อน...”เซียวหลินเทียนเข้าวังไปด้วยหัวใจที่หนักหน่วงแต่สิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ เรื่องที่องค์ชายเย่มีโสมโลหิตแต่กลับนิ่งดูดายมิช่วยเหลือได้แพร่กระจายไปทั่วราชสำนักในชั่วข้ามคืนบางคนยังเล่าเรื่องที่ตอนแรกหลิงอวี๋ช่วยเหลือพระชายาเย่กับลูกชายอย่างเติมไข่ใส่สีด้วยความคิดเห็นของราษฎรทั้งหมดต่างมุ่งตรงไปที่องค์ชายเย่ ดุด่าหาว่าเขาไร้ความเมตตาและเนรคุณเรื่องนี้ไปถึงหูจักรพรรดิอู่อันก่อนที่เซียวหลินเทียนจะเข้าวังเสียอีกจักรพรรดิอู่อันโกรธจัดทันที ก็แค่โสมโลหิตมูลค่าหนึ่งแสนมิใช่หรือ?หากองค์ชายเย่มอบมันให้กับเซียวหลินเทียน ก็มิจำเป็นที่ตนต้องเอาโอสถบำรุงโลหิตที่มีมูลค่ามากกว่าโสมโลหิตออกมาช่วยหลิงอวี๋น่ะสิ?เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมาก ยังมิทันที่เซ
โสมโลหิตอยู่ในมือของเซียวหลินมู่หรือไม่นั้น จักรพรรดิอู่อันก็มิสามารถตรวจสอบได้แต่เมื่อคิดว่าต้นโสมโลหิตต้นเดียวที่มีมูลค่าหนึ่งแสนนั้น ดูจากการเงินของเซียวหลินมู่แล้วก็ใช่ว่าจะให้มิได้เซียวหลินมู่คงมิจำเป็นต้องทำให้ตนเองมาตกอยู่ในสถานะของการเป็นคนไร้ความเมตตาและเนรคุณเช่นนี้เพราะโสมโลหิตหรอกจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดของเซียวหลินมู่อยู่มากทีเดียวเมื่อนึกถึงท่าทีร้อนรนของเซียวหลินเทียนในตอนนั้น เขาเองก็มิสามารถโกรธเซียวหลินเทียนได้เช่นกัน จึงเอ่ย “ในเมื่อโสมโลหิตมิได้อยู่ในมือเจ้า เช่นนั้นวันหลังเจ้ากับพี่ของเจ้าก็คุยกันให้ชัดเจนเสีย!”“อย่าต้องให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้องเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้! ส่วนทางด้านพี่ของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าอธิบายกับเขาด้วย!”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”เซียวหลินมู่ถอนหายใจโล่งอก ขอเพียงเสด็จพ่อมิสงสัยในตัวเขาก็พอแล้วแต่เรื่องโสมโลหิตแพร่สะพัดออกไปแล้ว เขาต้องคิดหาทาง โยนเรื่องที่ตนครอบครองโสมโลหิตไปไว้ที่ตัวของคนอื่นให้หมดสิ้นมิเช่นนั้นหากให้ข่าวลือแพร่ต่อไป มิช้าก็เร็วเรื่องนี้จะต้องถูกเปิดเผย!เมื่อถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่ความผิดที่ตนหลอกลวงองค์จั
ฮองเฮาเว่ยมิสบายใจเพราะเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษนางมิคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะสามารถช่วยไทเฮาได้แล้วบอกเรื่องที่ไทเฮาถูกวางยาพิษ ทั้งยังทำให้จักรพรรดิอู่อันเกิดความสงสัยต่อตนอีกด้วยตอนนี้พระตำหนักเหยียนฝูได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และคนของนางมิสามารถสืบข่าวใด ๆ ได้เลยส่วนองค์ชายเว่ยก็ถูกพวกองค์ชายบดขยี้ในการแข่งขันสี่แคว้น ทำให้จักรพรรดิอู่อันยิ่งผิดหวังในตัวเขามากขึ้นไปอีกบารมีของเซียวหลินเทียนก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป องค์ชายเว่ยก็จะยิ่งห่างไกลจากตำแหน่งองค์รัชทายาทไปมากขึ้นเรื่อย ๆ!นางกำลังรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างยิ่งเซี่ยเฉียวนางกำนัลใหญ่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พลางกระซิบ “ฮองเฮาเพคะ บ่าวได้ข่าวมาว่าองค์ชายเย่ซื้อต้นโสมโลหิตในราคาสูงเพคะ!”“เมื่อวานท่านอ๋องอี้กับภรรยาถูกลอบสังหารมิใช่หรือเพคะ? ได้ยินว่าพระชายาอ๋องอี้กำลังจะตาย ท่านอ๋องอี้จึงไปขอโสมโลหิตนี้ที่ตำหนักองค์ชายเย่! ผลคือองค์ชายเย่ปฏิเสธบอกว่าไม่มีเพคะ!”“มันมีอะไรแปลกกัน ตอนนี้ท่านอ๋องอี้กับภรรยาได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิอย่างลึกซึ้ง ใครจะมิอยากให้พวกเขาซวยเล่า!”ฮองเฮาเว่ยยิ้มเยาะอย่
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร