“ถังถีเตี่ยน ท่านมิเก่งนรีเวชวิทยาใช่หรือไม่? มิน่าท่านถึงได้รับผิดชอบในการรักษาองค์จักรพรรดิ…”“ชีพจรของชายและหญิงนั้นแตกต่างกันมาก ถังถีเตี่ยนหากท่านจับแล้วมิรู้ก็ตำหนิอะไรท่านมิได้เช่นกัน!”เมื่อหมอจางได้ยินดังนั้นก็รีบขัดจังหวะถังถีเตี่ยนทันที“ฝ่าบาท ฮองเฮา กระหม่อมได้ศึกษาทางนรีเวชวิทยามาบ้างแล้ว ชีพจรของพระสนมฮุ่ยเลือดลมพร่องเป็นผลมาจากการแท้งบุตรพ่ะย่ะค่ะ!”“เนื่องจากการดูแลที่มิเหมาะสม ทั้งยังมีการอุดตันของน้ำคาวปลา ดังนั้นชีพจรจึงสะดุดดังที่ถังถีเตี่ยนว่าไว้พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเชื่อในการวินิจฉัยของตน แม้ว่าจะหาหมอผู้อื่นมาพวกเขาก็จะต้องเห็นด้วยกับการวินิจฉัยของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาเว่ยแค่อยากจะกดพระสนมฮุ่ยให้ตาย ขอเพียงหมอจางเออออไปกับตนเรื่องที่พระสนมฮุ่ยตั้งครรภ์ นางจะให้พระสนมฮุ่ยไปหาหมอหลวงคนอื่นให้มีปัญหาใหม่สอดแทรกมาด้วยเหตุใดเล่า“พระสนมฮุ่ย หลักฐานแน่นหนา เจ้ายังจะพูดตลบตะแลงอีกรึ? บอกมา ชายชู้ของเจ้าคือราชองครักษ์ผางใช่หรือไม่?”“เขากับองค์ชายเย่ช่วยเจ้าให้ทำแท้ง คิดจะหลอกลวงองค์จักรพรรดิใช่หรือไม่?”พระสนมฮุ่ยฟังคำที่ฮองเฮาเว่ยพูดยืนยันออกมาอย่างชัดถ้
“ฝ่าบาท! กระหม่อมจงรักภักดีต่อพระองค์ พระองค์จะอาศัยคำพูดที่ไม่มีเหตุผลมาบอกให้กระหม่อมยอมรับในเรื่องตนมิได้ทำหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ผางเซิงมิสนตรงคอที่มีเลือดไหลออกมาแล้วตะคอกด้วยความเศร้าและความโกรธ“กระหม่อมจะไม่มีวันยอมรับผิด… กระหม่อมจะไม่มีวันให้ครอบครัวของกระหม่อมต้องมารับความอัปยศอดสูเช่นนี้ไปกับกระหม่อม!”“คุกเข่าลง...”เฮ่อจู้เห็นว่าเลือดของผางเซิงไหลลงมาที่คอจนเปื้อนเสื้อผ้าของเขาเป็นสีแดงแล้ว แต่เขาก็ยังตั้งคอตรงตะโกนใส่องค์จักรพรรดิอยู่เขาทั้งตกใจทั้งกังวล เกรงว่าตนจะปรามผางเซิงมิอยู่แล้วทำให้เขาไปทำร้ายองค์จักรพรรดิได้“ใครก็ได้ ให้เขาคุกเข่าลง!”พวกองครักษ์กองทัพหลวงรีบพุ่งเข้ามา กดหัวและมือของเขาเอาไว้แล้วเตะที่ขาคิดจะกดผางเซิงลงทันใดนั้น ผางเซิงก็ยกแขนขึ้นพลิกให้หลายคนล้มลงไปกับพื้นจักรพรรดิอู่อันเห็นดวงตาของผางเซิงเป็นสีแดงเลือดและท่าทางดุร้ายเช่นนั้นก็ทำให้จักรพรรดิอู่อันตระหนกตกใจ นี่ผางเซิงคิดจะปลงพระชนม์จริง ๆ หรือ?“คุ้มกันเร็วเข้า!”ขันทีฉางที่ดูอยู่ด้านข้างรีบวิ่งไปตรงหน้าจักรพรรดิอู่อัน เหยียดแขนสองข้างออกทำท่าทางป้องกันพระสนมฮุ่ยมองภาพนี้อย่างมึนงง น
เมื่อราชองครักษ์ผางเห็นฮองเฮาเว่ยบิดเบือนคำพูดของตนครั้งแล้วครั้งเล่า คิดจะยุยงให้องค์จักรพรรดิโกรธตนยิ่งขึ้นเขาก็มิสามารถควบคุมความโกรธของตนได้อีกต่อไป จึงตะคอกใส่ฮองเฮาเว่ย“ฮองเฮา ผางเซิงมิได้จะทวงบุญคุณ ผางเซิงมั่นคงแน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะภักดีต่อองค์จักรพรรดิ!”“แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปทำเรื่องผิดพลาด ขุนนางที่สอบสวนคดีก็ยังให้โอกาสเขาได้พูด! กระหม่อมผางเซิงมิได้มีความดีความชอบต่อฉินตะวันตกแต่ก็ทำงานอย่างหนัก!”“หรือกระหม่อมจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโต้แย้งให้ตัวกระหม่อมเองเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ฮองเฮา ท่านมิทรงทราบว่าอะไรถูกอะไรผิดเช่นนี้ แต่ยืนกรานที่จะตำหนิผางเซิง ท่านมีเจตนาอันใดหรือ?”“อ๋อ หรือว่าผางเซิงเป็นหัวหน้าราชองครักษ์กองทัพหลวงแล้วไปทำให้ท่านเสียเรื่อง? หากกำจัดกระหม่อมไป ท่านก็สามารถเลื่อนตำแหน่งเฮ่อจู้ให้เป็นหัวหน้าราชองครักษ์ได้กระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”คำพูดของผางเซิงทำให้ฮองเฮาเว่ยโกรธและใจมิเป็นสุข เฮ่อจู้เองได้ยินดังนั้นก็เหงื่อตกเช่นกันนี่มิได้เป็นการบอกว่าตนกับฮองเฮาเว่ยสมรู้ร่วมคิดกันใส่ร้ายราชองครักษ์ผางหรอกหรือ?“ผางเซิง จะพูดอะไรก็พูดมา ท่านจะลากข้าไปเกี่ยวเพื่อ
ความจริงแล้วจักรพรรดิอู่อันเชื่อคำพูดส่วนใหญ่ของผางเซิงแล้วเพราะผางเซิงติดตามตนมาหลายปี เขารู้จักผางเซิงดีหากมิถึงที่สุดของชีวิตแล้วจริง ๆ ผางเซิงจะบอกความลับอันยิ่งใหญ่นี้ได้เยี่ยงไร!แต่เพื่อให้ตนได้วางใจ จักรพรรดิอู่อันยังคงตัดสินใจที่จะให้ผางเซิงยอมแพ้เขาไปเสีย“ถังถีเตี่ยนกับขันทีฉาง พาตัวราชองครักษ์ผางไปตรวจร่างกาย!”ถังถีเตี่ยนรู้สึกหวาดกลัวกับภาพนี้ เขาเชื่อผางเซิง ในใจจึงรู้สึกสงสารขึ้นมาต้องมายืนยันว่าผางเซิงไร้สมรรถภาพทางเพศต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อไปขุนนางในราชสำนักจะมองผางเซิงเยี่ยงไรเล่า!ทว่าก็เป็นการยากที่จะฝ่าฝืนพระราชโองการ ถังถีเตี่ยนจึงพาผางเซิงไปที่ห้องโถงด้านข้างผางเซิงเหลือบมองพระสนมฮุ่ยอย่างมิให้ใครสังเกตเห็นแต่พระสนมฮุ่ยก้มหัวลง มองมิชัดเจนว่าสีหน้าของนางเป็นเยี่ยงไรผางเซิงแอบเอ่ยในใจ ‘ฮุ่ยเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้ามิสามารถฟันฝ่าความทุกข์ยากกับเจ้าได้!’‘หากวันนี้เจ้าหนีหายนะนี้มิได้ เจ้าก็จากไปได้อย่างสบายใจ ข้าสัญญาว่าภายในหนึ่งปี คนที่ทำร้ายเจ้าจะถูกส่งตัวไปที่น้ำพุเหลือง(1)ตามเจ้าไป...’‘วันนี้พวกเขาทำให้เจ้าอับอายเยี
“ผางเซิง เหตุใดเจ้ามิโต้แย้งเล่า?”ฮองเฮาเว่ยอดมิได้ที่จะเอ่ยถามราชองครักษ์ผางยังคงมิพูดอะไรฮองเฮาเว่ยตะคอกด้วยความโกรธ “หรือว่าข้าพูดถูก เจ้าจึงมิสามารถโต้แย้งได้ก็เลยมิพูดอะไรกระนั้นรึ?”จักรพรรดิอู่อันคิดถึงเมื่อครู่ที่กล่าวหาผางเซิงอย่างมิยุติธรรม ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อย จึงเอ่ยเรียบ ๆ “ผางเซิง ข้าอนุญาตให้เจ้าโต้แย้งให้ตัวเอง เจ้ามีอะไรจะบอกก็บอกมา!”ราชองครักษ์ผางหรี่ตาลง พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ฝ่าบาทเคยได้ยินเรื่อง 'จือจือสงสัยเพื่อนบ้าน' หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? มีขวานของคนคนหนึ่งหล่นหายไป มิว่าเขาจะมองอย่างไรก็คิดว่าเพื่อนบ้านขโมยขวานของตนไป!”“ในใจของฮองเฮาได้ตัดสินไปแล้วว่าผางเซิงเป็นคนผิด เช่นนั้นมิว่าผางเซิงจะอธิบายเยี่ยงไร ฮองเฮาก็ยังคิดว่าผางเซิงเถียงข้าง ๆ คู ๆ อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผางเซิงจะมิพูดอะไร และขอโปรดฝ่าบาทจัดการลงโทษเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันกับฮองเฮาเว่ยต่างพูดมิออกกับคำพูดของผางเซิงจักรพรรดิอู่อันฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของราชองครักษ์ผางออกผางเซิงได้บอกความลับที่เขามิสามารถบอกคนอื่นได้ออกมาแล้ว แต่ตนกับฮองเฮาเว่ยก็ยังคงสงสัยในตัวเข
‘ฮุ่ยเอ๋อร์ เจ้าไปอย่างสบายใจเถิด เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้ ข้าจะทำให้ได้!’ผางเซิงกล่าวลาพระสนมฮุ่ยอย่างเงียบ ๆ ในใจ...“จับนางไว้...”ฮองเฮาเว่ยไหนเลยจะยอมให้พระสนมฮุ่ยตายไปเช่นนี้ นางต้องให้ผางเซิงตายไปพร้อมกันด้วย นางจึงตะโกนขึ้นมา“เสด็จแม่...”ในเวลาเดียวกัน เซียวหลินมู่ที่กองทัพหลวงกันไว้ก็เดินเข้ามาเขาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ตกใจจนสิ้นสติทันทีพลันพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง...เพียงแต่เซียวหลินมู่ช้าไปเล็กน้อย พระสนมฮุ่ยชนเสาไปแล้ว หัวของนางเลือดออกมาทันทีเลือดกระเซ็นไปบนใบหน้าของเซียวหลินมู่ แม้ว่าเขาจะคว้าอาภรณ์ของพระสนมฮุ่ยเอาไว้ แต่ก็ได้แต่มองพระสนมฮุ่ยทรุดลงกับพื้น“เสด็จแม่...”เซียวหลินมู่กรีดร้องออกมาอย่างใจสลาย กอดพระสนมฮุ่ยที่ทรุดลงมาได้ทันเวลา พร้อมกับน้ำตาไหลอาบหน้า...“เสด็จแม่… เสด็จแม่… ถังถีเตี่ยน รีบมาช่วยพระนางที…”เซียวหลินมู่มองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นถังถีเตี่ยนเขาก็ตะโกนออกมาอย่างไร้สติถังถีเตี่ยนมองไปทางจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันเองก็มิคาดคิดมาก่อนว่าพระสนมฮุ่ยที่อ่อนแอมาโดยตลอดจู่ ๆ จะแกร่งกร้าวเพียงนี้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“เสด็จพ่อ ไม่มีเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จแม่ป่วย มิได้ตั้งครรภ์แน่นอน!”เซียวหลินมู่ตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนใจ “เสด็จพ่อ มีคำกล่าวในหมู่ราษฎรว่า เป็นสามีภรรยาหนึ่งคืนเป็นบุญคุณกันไปร้อยวัน เสด็จแม่อยู่กับเสด็จพ่อมาหลายปีแล้ว เสด็จพ่อยังมิเชื่อในนิสัยของพระนางอีกหรือ?”“พระนางกำลังจะตาย… เสด็จพ่อจะใจร้ายดูพระนางตายเช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“บังอาจ!”ขันทีฉางมิเคยมีโอกาสได้แสดงออกเลย เมื่อเห็นเซียวหลินมู่กล่าวหาองค์จักรพรรดิเช่นนี้ จึงตะโกนเสียงแหลมขึ้นมา“องค์ชายเย่ ผู้ใดอนุญาตให้ท่านตะโกนใส่ฝ่าบาท ความกตัญญูของท่านอยู่ที่ใดกัน?”จักรพรรดิอู่อันมองเซียวหลินมู่อย่างเย็นชา เขามิชอบวิธีที่เซียวหลินมู่ตะโกนใส่ตนเช่นนี้เลยคำพูดเหล่านั้นเขากล่าวหาตนว่าโหดเหี้ยมไร้ความเมตตาหรือ?“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าพระสนมฮุ่ยกำลังจะตายจริง ๆ หากยังพูดมากความกันเช่นนี้ จะให้พระสนมฮุ่ยตายไปเช่นนี้หรือจะรักษานางต่อพ่ะย่ะค่ะ?”ถังถีเตี่ยนปฏิบัติตามคำสอนของท่านฮั๋ว คือมิเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างนางสนมในวังแต่มิรู้ว่าเมื่อครู่ตกใจกับการตรวจร่างกายของผางเซิงหรือไม่ หรือว่าเห็นว่าชีวิตหนึ่งกำลังจะห
ราชองครักษ์ผางลังเลไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพระสนมฮุ่ยกำลังจะตาย แต่ทรราชผู้นี้ยังจะบังคับเซียวหลินมู่เช่นนี้อีก ทรราชเช่นนี้ มิต้องรับใช้ก็ได้!เขากำหมัดแน่น หางตากวาดมององครักษ์กองทัพหลวงเหล่านั้นอย่างรวดเร็วองครักษ์เหล่านั้นไปขวางเซียวหลินมู่ไว้ ตรงหน้าของจักรพรรดิอู่อันมีเพียงขันทีฉางเพียงคนเดียวเท่านั้นขอเพียงตนจับจักรพรรดิอู่อันไว้เป็นตัวประกันได้ วันนี้เขากับเซียวหลินมู่ก็จะสามารถพาพระสนมฮุ่ยออกไปได้อย่างปลอดภัย และแม้กระทั่งพาครอบครัวของตนไปด้วยกระทั่งออกจากเมืองหลวง ไปอยู่ในที่ที่ท้องฟ้าสูงทะเลกว้างใหญ่ นับแต่นี้พวกเขาก็จะหนีไปไกลโดยไม่มีจุดหมายได้ ดีกว่าการติดตามทรราชเช่นจักรพรรดิอู่อันเป็นร้อยเท่า!“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อจะไร้หัวใจเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”เซียวหลินมู่หันหน้ากับตะโกนใส่จักรพรรดิอู่อันอย่างเคียดแค้นชิงชังจักรพรรดิอู่อันอยากจะดูว่า เมื่อเซียวหลินมู่ถูกบีบจนอับจนหนทางแล้วเขาจะต่อต้านหรือไม่ ดวงตาสีดำใต้คิ้วหนาของเขาจ้องมองเซียวหลินมู่ด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เป็นการบีบอย่างเย็นชาไร้ความปรานี“ลูกเนรคุณ นี่คือท่าทีของเจ้าที่คุยกับข้ารึ?”“หากวันนี้ข้ามิปล่อ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี